บ้านเขาเมืองเรา : การทำบัญชีแบบศรีธนญชัย
25 สิงหาคม 2548 22:35 น.
ดร.ไสว บุญมา
ตอนแรกผมคิดว่า ตาคงฝาดไปเมื่ออ่านเกี่ยวกับการคิดนอกกรอบของนายกฯ ทักษิณ เรื่อง การจัดตั้งรัฐวิสาหกิจเพื่อแก้ปัญหาหนี้สาธารณะ หากท่านคิดจริงดังที่สื่อรายงาน ความคิดของท่านเป็นการ "คิดนอกคอก" ไม่ใช่การคิดนอกกรอบ
สื่อรายงานว่านายกฯ ปรึกษากับรัฐมนตรีพาณิชย์ รัฐมนตรีคลัง และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และตกลงกันว่าจะตั้งบริษัทมหาชนซึ่งกระทรวงการคลังถือหุ้น 100% บริษัทนี้จะเป็นผู้ถือหุ้นของรัฐวิสาหกิจแทนกระทรวงการคลัง นายกฯ อ้างว่าการกระทำนั้นจะลดหนี้สาธารณะและจะทำให้บัญชีของประเทศสวยขึ้น เพราะหนี้จะถูกโยกย้ายไปไว้ในบัญชีของบริษัทใหม่
ผมไม่ทราบว่า ผู้ได้อ่านข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้รู้สึกอย่างไร สำหรับผมอ่านแล้วขนท้ายทอยลุกเพราะหากเป็นจริงตามข่าวมันเป็นอีกก้าวหนึ่งซึ่งอาจนำไปสู่ความหายนะ เพราะการโยกย้ายหนี้และตกแต่งบัญชีตามที่มีผู้ตั้งชื่อค่อนข้างไพเราะว่า "การทำบัญชีแบบสร้างสรรค์" (Creative Accounting) นั้น ที่แท้เป็น "การทำบัญชีแบบศรีธนญชัย" (Fraudulent Accounting) ตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศรัฐบาลนี้นำการทำบัญชีแบบศรีธนญชัยมาใช้บ่อยๆ เช่น การให้ธนาคารของรัฐจ่ายเงินในโครงการประชานิยม
จริงอยู่ ณ วันนี้ บัญชีของรัฐอาจดูสวยเพราะค่าใช้จ่ายนั้นไม่ปรากฏ แต่เมื่อธนาคารของรัฐขาดทุนและไม่สามารถเรียกเก็บเงินกู้ได้ ผู้จ่ายคือรัฐบาลซึ่งเก็บภาษีจากประชาชน
ผู้ติดตามความเป็นไปของโลกอยู่บ้างคงทราบแล้วว่า การทำบัญชีแบบศรีธนญชัยมีโทษมหันต์ขนาดไหน สำหรับบรรดาที่ปรึกษานายกฯ ซึ่งอาจไม่มีเวลาติดตามข่าวขอเล่าคร่าวๆ ว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วศาลอเมริกันตัดสินจำคุกหัวหน้าฝ่ายการเงินของบริษัทเวิลด์คอม 5 ปีโทษฐานร่วมมือกับผู้บริหารสูงสุด (ซีอีโอ) ทำบัญชีแบบศรีธนญชัย
เขาถูกจำคุกเพียง 5 ปี เพราะรับสารภาพและให้การเป็นประโยชน์ต่อคดีเกี่ยวกับซีอีโอ ซึ่งถูกศาลสั่งจำคุก 25 ปีไปก่อนแล้ว การทำบัญชีแบบศรีธนญชัยนั้นนำไปสู่การล้มละลายใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ เมื่อผู้ถือหุ้นสูญทรัพย์ถึง 180,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่ารายได้ประชาชาติของไทยในปี 2545 อันเป็นปีที่บริษัทล้มละลายถึง 40%
เรื่องนี้คงไม่มีใครทราบหากบริษัททำบัญชียักษ์ใหญ่อาร์เธอร์ แอนเดอร์เซ่น ไม่ถูกลากขึ้นศาลในฐานมีส่วนรู้เห็นและปกปิดความผิดอันเกิดจากการทำบัญชีแบบศรีธนญชัยของบริษัทเอนรอนซึ่งล้มละลายไปก่อนแล้ว หัวหน้าฝ่ายการเงินของเอนรอนถูกจำคุก 10 ปี และปรับเกือบ 24 ล้านดอลลาร์ ส่วนคดีของซีอีโอและประธานคณะกรรมการของบริษัทเอนรอนจะขึ้นศาลในเดือนมกราคมปีหน้า คาดกันว่าพวกเขาจะติดคุกไม่น้อยกว่าหัวหน้าฝ่ายการเงิน
ที่เล่ามานี้เป็นเพียงตัวอย่าง ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีคดีใหญ่ๆ อีกหลายคดีเกี่ยวกับการทำบัญชีแบบศรีธนญชัย ซึ่งจบลงด้วยความล้มละลายและผู้ทำถูกจำคุก
นั่นเป็นผลร้ายในระดับบริษัท ในระดับชาติล่ะเป็นอย่างไร ?
ผมกล่าวถึง เวเนซุเอลา หลายครั้งในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะเห็นว่าประเทศนั้นให้บทเรียนหลายอย่าง ขอเป็นแผ่นเสียงตกร่องอีกครั้ง เวเนซุเอลาเป็นยักษ์ใหญ่ในบรรดาประเทศผลิตน้ำมันซึ่งถูกหวยหลายครั้งหลังปี 2516 จากน้ำมันขึ้นราคาแบบก้าวกระโดด แต่แทนที่จะมีอันจะกินเพิ่มขึ้น ชาวเวเนซุเอลากลับยากจนลง เพราะรายได้ต่อคนลดลงเกือบครึ่งในช่วงปี 2516-2546
รัฐบาลเวเนซุเอลาเคยคิดว่า บัญชีของประเทศจะสวยงามและปัญหาหนี้สาธารณะจะไม่เกิดขึ้นเมื่อรัฐวิสาหกิจเป็นผู้กู้หนี้ยืมสิน และหากหนี้อยู่นอกบัญชีของรัฐ
การมีบัญชีสวยงามทำให้องค์กรของรัฐถลุงเงินกันอย่างสนุกมือและประชาชนบริโภคกันด้วยความร่าเริง แต่มันเป็นความร่าเริงแบบ "การเฉลิมฉลองของคนโง่" (The Celebration of Fools) ตามชื่อของหนังสือซึ่งนายกฯ ทักษิณ แนะนำเพราะนักลงทุนมองทะลุว่า รัฐบาลกำลังทำบัญชีแบบศรีธนญชัย พวกเขาจึงขนเงินออกไปไว้นอกประเทศแทนที่จะลงทุนในประเทศ การลงทุนน้อยทำให้เศรษฐกิจถดถอย รัฐไม่สามารถเก็บภาษีเพื่อชำระหนี้ต่างประเทศได้ต้องคลานไปหาไอเอ็มเอฟ มาตรการรัฐเข็มขัดอันโหดร้ายของไอเอ็มเอฟก่อให้เกิดการประท้วงอย่างกว้างขวางของประชาชน จนกลายเป็นจลาจลซึ่งมีคนตายกว่า 300 คน
พร้อมๆ กับการอ่านเรื่องการตั้งรัฐวิสาหกิจนั้น ผมอ่านเรื่องการวิเคราะห์เกี่ยวกับการใช้เงินกองสลากกินแบ่งของรัฐบาลและการชักชวนบริษัทเอกชนให้เข้าไปดำเนินการแก้ความยากจน
ผู้วิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่า การใช้เงินของกองสลากฯ ในสมัยนี้ไม่ต่างกับในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในสมัยก่อนเวลาจอมพลสฤษดิ์ไปไหนจะมีน้องชายต่างมารดา ซึ่งเป็นผู้อำนวยการกองสลากฯ ติดตามไปด้วย เขาเป็นผู้กำเงินของกองสลากฯ หากจอมพลสฤษดิ์คิดจะใช้เงินเพื่อสร้างบารมีแบบทันทีทันใดขึ้นมา น้องชายต่างมารดาจะตอบสนองอย่างทันใจ ในสมัยนี้เวลานายกฯ ไปไหนมักจะมีผู้อำนวยการกองสลากฯ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นติดตามไปด้วยเพื่อจุดมุ่งหมายคล้ายกัน เงินของกองสลากฯ เป็นเงินของรัฐ แต่อยู่นอกบัญชีจึงไม่มีการตรวจตราอย่างรัดกุม เป็น อีกมิติหนึ่งของการทำบัญชีแบบศรีธนญชัยของรัฐบาล หลังจากจอมพลสฤษดิ์หมดอำนาจความจริงปรากฏออกมาว่าเกิดความฉ้อฉลขนานใหญ่ในการใช้เงินกองสลากฯ ยุคนี้จะมีความฉ้อฉลเช่นเดียวกันหรือไม่คงต้องรอให้ผู้นำหมดอำนาจ
สำหรับเรื่องการชักชวนบริษัทเอกชนให้เข้าไปดำเนินการแก้ความยากจนในหมู่บ้านโดยตรงเป็นอีกมิติหนึ่งของการดำเนินนโยบายประชานิยม โดยปราศจากการใช้เงินทั้งที่ความจริงเงินที่ใช้ได้มาจากการเก็บภาษีทางอ้อม เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นในอาร์เจนตินาสมัย ประธานาธิบดีฮวน เปรอง หนึ่งในวิธีการหาเงินมาใช้ในโครงการประชานิยมที่นั่น ได้แก่ การชักชวนหรือเปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนบริจาคตามความสมัครใจ
แต่ในทางปฏิบัติการ "ชักชวน" คือการ "รีดไถ" ก่อให้เกิดความหวาดผวา เพราะเอกชนไม่รู้ว่าถ้าไม่ให้ความร่วมมือจะถูกกลไกของรัฐกลั่นแกล้งหรือไม่ การรีดไถมีผลกระทบต่อการลงทุน และบรรยากาศในสังคมอาร์เจนตินาล่มจมหลังจากนั้น
รัฐบาลนี้ชอบพูดย้ำเรื่องความโปร่งใส การทำบัญชีแบบศรีธนญชัยเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการพูดอย่างทำอย่าง การทำบัญชีแบบนี้ นอกจากจะลดความโปร่งใสแล้วยังหว่านเมล็ดของความหายนะไว้ให้สังคมอีกด้วย
กรุงเทพธุรกิจ 26 สิงหาคม 2548
บ้านเขาเมืองเรา : การทำบัญชีแบบศรีธนญชัย
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
บ้านเขาเมืองเรา : การทำบัญชีแบบศรีธนญชัย
โพสต์ที่ 2
ดร.ไสว บุญมา
โดนเด้งเข้ากรุ "ขาประจำ" แน่ๆ
:\/: :\/: :\/: :\/: :\/: :\/: :\/: :\/: :\/: :\/: :\/:
โดนเด้งเข้ากรุ "ขาประจำ" แน่ๆ
:\/: :\/: :\/: :\/: :\/: :\/: :\/: :\/: :\/: :\/: :\/: