พี่ครรชิตครับ บริษัทไหนที่
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
พี่ครรชิตครับ บริษัทไหนที่
โพสต์ที่ 5
ขอส่ง WG เข้าประกวดครับ
แต่ขอหักผลกระทบของบริษัทร่วมออก
ปี 44 กำไร 35.56 ล้านบาท
ปี 45 กำไร 50.07 ล้านบาท โต 40.80%
ปี 46 กำไร 63.97 ล้านบาท โต 27.76%
ปี 47 กำไร 86.33 ล้านบาท โต 34.95%
ส่วนงวดล่าสุด 6 เดือน โตน้อยลงครับ
6 เดือนปี 47 กำไร 42.57 ล้านบาท
6 เดือนปี 48 กำไร 48.05 ล้านบาท โต 12.87%
ใครๆก็บอกเป็นบริษัทโตช้า เป็นหุ้นปันผลบ้างละ หุ้นเงินสดบ้างละ เลยให้ P/E ต่ำๆ
แต่ขอหักผลกระทบของบริษัทร่วมออก
ปี 44 กำไร 35.56 ล้านบาท
ปี 45 กำไร 50.07 ล้านบาท โต 40.80%
ปี 46 กำไร 63.97 ล้านบาท โต 27.76%
ปี 47 กำไร 86.33 ล้านบาท โต 34.95%
ส่วนงวดล่าสุด 6 เดือน โตน้อยลงครับ
6 เดือนปี 47 กำไร 42.57 ล้านบาท
6 เดือนปี 48 กำไร 48.05 ล้านบาท โต 12.87%
ใครๆก็บอกเป็นบริษัทโตช้า เป็นหุ้นปันผลบ้างละ หุ้นเงินสดบ้างละ เลยให้ P/E ต่ำๆ
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
พี่ครรชิตครับ บริษัทไหนที่
โพสต์ที่ 9
โอ้โห......โตขนาดนี้เลยหรือเนี่ย...ขอส่ง WG เข้าประกวดครับ
แต่ขอหักผลกระทบของบริษัทร่วมออก
ปี 44 กำไร 35.56 ล้านบาท
ปี 45 กำไร 50.07 ล้านบาท โต 40.80%
ปี 46 กำไร 63.97 ล้านบาท โต 27.76%
ปี 47 กำไร 86.33 ล้านบาท โต 34.95%
ส่วนงวดล่าสุด 6 เดือน โตน้อยลงครับ
6 เดือนปี 47 กำไร 42.57 ล้านบาท
6 เดือนปี 48 กำไร 48.05 ล้านบาท โต 12.87%
ใครๆก็บอกเป็นบริษัทโตช้า เป็นหุ้นปันผลบ้างละ หุ้นเงินสดบ้างละ เลยให้ P/E ต่ำๆ
อืม.......ผมมองข้ามมาตลอด เห็นอัตราการเติบโตแล้วสะดุ้งเหมือนกัน ก่อนนี้ผมมองไม่เห็นหุ้นตัวนี้ได้ยังไง
อย่างนี้ก็ไม่ใช่บริษัทโตช้าแล้วหละครับ ที่จริงเป็นหุ้นเงินสดก็ไม่เลวนะไม่ใช่ข้อเสียแถมยังเป็นข้อดีมากๆด้วย
อ้อ...ผมนึกออกแล้ว...สงสัยที่ราคาไม่อยขยับอาจจะเป็นเพราะเรื่อง ROE มั้งครับ
.
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 424
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับ บริษัทไหนที่
โพสต์ที่ 12
เรื่อง roe ผมคิดแปลกกว่าชาวบ้านนะ
ผมเอากำไรต่อหุ้นมาหารราคาที่ซื้อ
สำหรับผมผมดูตรงนั้น
เพราะคืออัตราผลตอบแทนจริง ๆ
ในราคาที่เราซื้อจริง ๆ
ก็เราซื้อราคานี้
กำไรเท่านี้
ก็ได้อัตราผลตอบแทนเท่านี้
เมื่อราคามันขึ้นไปสูง
roe มันก็ลดลงไป
แต่เราก็จะรู้ว่าจริง ๆ ตอนนี้
roe ที่เราซื้อมันเท่าไหร่
ถ้าเอาส่วนผู้ถือหุ้นมาหาร
ถ้าเราเข้าไปตอนแพง
roe มันก็ไม่ได้ตอบแทนเรา
ที่อัตรานั้นจริง ๆ
ดูมั่วไหม แต่สำหรับผม มันคือ roe
สำหรับเราจริง ๆ
ผมเอากำไรต่อหุ้นมาหารราคาที่ซื้อ
สำหรับผมผมดูตรงนั้น
เพราะคืออัตราผลตอบแทนจริง ๆ
ในราคาที่เราซื้อจริง ๆ
ก็เราซื้อราคานี้
กำไรเท่านี้
ก็ได้อัตราผลตอบแทนเท่านี้
เมื่อราคามันขึ้นไปสูง
roe มันก็ลดลงไป
แต่เราก็จะรู้ว่าจริง ๆ ตอนนี้
roe ที่เราซื้อมันเท่าไหร่
ถ้าเอาส่วนผู้ถือหุ้นมาหาร
ถ้าเราเข้าไปตอนแพง
roe มันก็ไม่ได้ตอบแทนเรา
ที่อัตรานั้นจริง ๆ
ดูมั่วไหม แต่สำหรับผม มันคือ roe
สำหรับเราจริง ๆ
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
พี่ครรชิตครับ บริษัทไหนที่
โพสต์ที่ 13
ผมคิดว่าอัตราส่วนทางการเงินแต่ละตัวก็จะเป็นตัวช่วยในแง่มุมที่แตกต่างกันเรื่อง roe ผมคิดแปลกกว่าชาวบ้านนะ
ผมเอากำไรต่อหุ้นมาหารราคาที่ซื้อ
สำหรับผมผมดูตรงนั้น
วิธีของคุณthaistock2005 ก็จะช่วยบอกความถูกแพงของหุ้นณ.เวลาที่เราซื้อ เช่นเดียวกับค่า p/e เพียงแต่ของคุณthaistock2005เป็นค่าส่วนกลับคือ e/p
ส่วนตัว roe จะช่วยในแง่บอกความสามารถของบริษัท ส่วนแง่มุมของความถูกแพงจะไม่ค่อยตรงนัก
บัฟเฟตต์ให้ความสำคัญกับ roe มากถึงขั้นจัดให้อยู่ในอันดับที่หนึ่งของการตรวจสอบหุ้นสิบประการเลยทีเดียวนะครับ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 1
พี่ครรชิตครับ บริษัทไหนที่
โพสต์ที่ 14
CENTEL
EPS2002=1.24
EPS2003=1.55
EPS2004=3.01
6เดือน2005=1.71(ครึ่งหลังผลจะมากกว่าครึ่งแรก)ปีนี้น่าจะราวๆ3.8
STANLY
EPS2002=6.47
EPS2003=9.97
EPS2004=11.32
3เดือน2005=3.47ปีนี้น่าจะราวๆ14
ILINK
กำไร2002=6.03ลบ.
กำไร2003=8.69ลบ.
กำไร2004=40.04ลบ.
ครึ่งปี2005=24ลบ.(ครึ่งหลังจะมากกว่าครึ่งแรก)ปีนี้น่าจะราวๆ55ลบ.
DM
กำไร2002=8.3ลบ.
กำไร2003=11.1ลบ.
กำไร2004=19.3ลบ.
กำไรครึ่งปี2005=14.8ลบ(ครึ่งหลังจะมากกว่าครึ่งแรก)ปีนี้น่าจะราวๆ32ลบ.ขอบอกไว้ก่อนว่าผมมีทั้ง4ตัวเดี๋ยวจะหาว่าเชียร์หุ้นตัวเอง :lovl:
EPS2002=1.24
EPS2003=1.55
EPS2004=3.01
6เดือน2005=1.71(ครึ่งหลังผลจะมากกว่าครึ่งแรก)ปีนี้น่าจะราวๆ3.8
STANLY
EPS2002=6.47
EPS2003=9.97
EPS2004=11.32
3เดือน2005=3.47ปีนี้น่าจะราวๆ14
ILINK
กำไร2002=6.03ลบ.
กำไร2003=8.69ลบ.
กำไร2004=40.04ลบ.
ครึ่งปี2005=24ลบ.(ครึ่งหลังจะมากกว่าครึ่งแรก)ปีนี้น่าจะราวๆ55ลบ.
DM
กำไร2002=8.3ลบ.
กำไร2003=11.1ลบ.
กำไร2004=19.3ลบ.
กำไรครึ่งปี2005=14.8ลบ(ครึ่งหลังจะมากกว่าครึ่งแรก)ปีนี้น่าจะราวๆ32ลบ.ขอบอกไว้ก่อนว่าผมมีทั้ง4ตัวเดี๋ยวจะหาว่าเชียร์หุ้นตัวเอง :lovl:
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- Verified User
- โพสต์: 424
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับ บริษัทไหนที่
โพสต์ที่ 17
[quote="chatchai"][quote="สามัญชน"]ส่วนตัว roe จะช่วยในแง่บอกความสามารถของบริษัท
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
พี่ครรชิตครับ บริษัทไหนที่
โพสต์ที่ 18
ฉัตรชัยพิมพ์ว่า
ถ้าบริษัทจ่ายปันผลออกมามากจนทำให้ equity ลดลงเหลือครึ่งหนึ่ง แล้วยังสามารถทำกำไรได้เท่าเดิม ผมก็ว่าเขาเก่งขึ้นกว่าเดิม
ในทางตรงกันข้ามบริษัทไม่ยอมจ่ายปันผลออกมาเลย เก็บเงินสดไว้อย่างเดียว จน equity เพิ่มขึ้นจากเดิมไปสองเท่า ผู้บริหารก็บริหารแบบสบายๆเพราะมีเงินสดเยอะ ไม่ต้องเสียดอกจากเงินกู้ แถมได้ดอกจากเงินฝากอีก(หมายถึงกรณีบริษัททั่วๆไปไม่เจาะจงว่าเป็น WG) แล้วบริษัทยังได้กำไรเท่าเดิม ผมก็ว่าเขาเก่งน้อยลงนะ
ผมคิดว่าผลการดำเนินงานที่เท่าเดิม ไม่ได้แปลว่าบริษัทเก่งเท่าเดิม อาจจะแปลว่าเก่งขึ้นก็ได้หรือเก่งน้อยลงก็ได้ROE ของบริษัทจะดีขึ้นอย่างทันตาเห็น ทั้งๆที่บริษัทอาจจะมีผลการดำเนินงานเท่าเดิม
ถ้าบริษัทจ่ายปันผลออกมามากจนทำให้ equity ลดลงเหลือครึ่งหนึ่ง แล้วยังสามารถทำกำไรได้เท่าเดิม ผมก็ว่าเขาเก่งขึ้นกว่าเดิม
ในทางตรงกันข้ามบริษัทไม่ยอมจ่ายปันผลออกมาเลย เก็บเงินสดไว้อย่างเดียว จน equity เพิ่มขึ้นจากเดิมไปสองเท่า ผู้บริหารก็บริหารแบบสบายๆเพราะมีเงินสดเยอะ ไม่ต้องเสียดอกจากเงินกู้ แถมได้ดอกจากเงินฝากอีก(หมายถึงกรณีบริษัททั่วๆไปไม่เจาะจงว่าเป็น WG) แล้วบริษัทยังได้กำไรเท่าเดิม ผมก็ว่าเขาเก่งน้อยลงนะ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
พี่ครรชิตครับ บริษัทไหนที่
โพสต์ที่ 19
ตัวอย่าง
บริษัทไวท์ลิสต์จำกัด
มีส่วนทุน 10 ลบ. สามารถทำกำไรได้ปีละ 1 ลบ. ค่า roe = 10 %
ต่อมาประกาศจ่ายปันผล 5 ลบ. ส่วนทุนลดเหลือ 5 ลบ. แต่ยังทำกำไรได้ 1ลบ. เหมือนเดิม ผมว่าเขาเก่งขึ้นนะ ค่า roe = 20 %
ส่วนบริษัทแบล็คลิสต์จำกัด
มีส่วนทุน 10 ลบ.เหมือนกัน กำไรปีละ 1 ลบ.เหมือนกัน ค่า roe = 10 %
ได้กำไรแล้วเก็บไว้ไม่ยอมปันผล สะสมไปเรื่อยๆจนส่วนทุนเพิ่มเป็น 20 ลบ. แต่ก็ยังทำกำไรได้ 1 ลบ.เหมือนเดิม ผมว่าบริษัทนี้เก่งน้อยลงนะ (เสมือนกับว่าเงิน 15 ลบ.ไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้อะไรเลยเมื่อเทียบกับบริษัทไวท์ลิสต์) พอมาดูค่า roe ก็เท่ากับ 5 %
ก็หมายความว่าค่า roe เป็นตัวช่วยบอกเราในเรื่องความสามารถของบริษัทจริงตามที่บัฟเฟตต์ว่า
บริษัทไวท์ลิสต์จำกัด
มีส่วนทุน 10 ลบ. สามารถทำกำไรได้ปีละ 1 ลบ. ค่า roe = 10 %
ต่อมาประกาศจ่ายปันผล 5 ลบ. ส่วนทุนลดเหลือ 5 ลบ. แต่ยังทำกำไรได้ 1ลบ. เหมือนเดิม ผมว่าเขาเก่งขึ้นนะ ค่า roe = 20 %
ส่วนบริษัทแบล็คลิสต์จำกัด
มีส่วนทุน 10 ลบ.เหมือนกัน กำไรปีละ 1 ลบ.เหมือนกัน ค่า roe = 10 %
ได้กำไรแล้วเก็บไว้ไม่ยอมปันผล สะสมไปเรื่อยๆจนส่วนทุนเพิ่มเป็น 20 ลบ. แต่ก็ยังทำกำไรได้ 1 ลบ.เหมือนเดิม ผมว่าบริษัทนี้เก่งน้อยลงนะ (เสมือนกับว่าเงิน 15 ลบ.ไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้อะไรเลยเมื่อเทียบกับบริษัทไวท์ลิสต์) พอมาดูค่า roe ก็เท่ากับ 5 %
ก็หมายความว่าค่า roe เป็นตัวช่วยบอกเราในเรื่องความสามารถของบริษัทจริงตามที่บัฟเฟตต์ว่า
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 424
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับ บริษัทไหนที่
โพสต์ที่ 20
ถ้าคิดในมุมนั้นมันก็ใช่ครับ
แต่ถ้าคิดในมุมที่เราเข้าไป
ถ้าเราเข้าไปที่ราคามันแพงแล้ว
ในตอนนั้น
อาจจะต้องคอยอีกเป็นปีเพื่อให้ราคามัน
ไม่แพงจากวันที่เข้าไป
ผมถึงบอกว่ามันเป็นเครื่องมือนึงในหลายเครื่องมือครับ
แต่ถ้าคิดในมุมที่เราเข้าไป
ถ้าเราเข้าไปที่ราคามันแพงแล้ว
ในตอนนั้น
อาจจะต้องคอยอีกเป็นปีเพื่อให้ราคามัน
ไม่แพงจากวันที่เข้าไป
ผมถึงบอกว่ามันเป็นเครื่องมือนึงในหลายเครื่องมือครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 424
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับ บริษัทไหนที่
โพสต์ที่ 21
อย่างในกรณี wg จ่ายปันผลมาทุกปี
ในอัตราน่าพอใจมากด้วย
ถ้า roe คือจุดเดียวที่ดูว่าไม่ใช่จุดขาย
คุณจะซื้อไหม
ถ้าอย่างอื่นมันดูดีหมด
หรืออย่าง tr
อะไรก็ดูดีหมด
แต่จ่ายปันผลน้อย
คุณจะซื้อไหม
ลุงขวดบอกไม่ขาย แต่ก็ไม่ซื้อแล้วไอ้ตัวนี้
เอาเงินมากองไว้ตรงนี้และตอนนี้
คงต้องเลือก wg
ในอัตราน่าพอใจมากด้วย
ถ้า roe คือจุดเดียวที่ดูว่าไม่ใช่จุดขาย
คุณจะซื้อไหม
ถ้าอย่างอื่นมันดูดีหมด
หรืออย่าง tr
อะไรก็ดูดีหมด
แต่จ่ายปันผลน้อย
คุณจะซื้อไหม
ลุงขวดบอกไม่ขาย แต่ก็ไม่ซื้อแล้วไอ้ตัวนี้
เอาเงินมากองไว้ตรงนี้และตอนนี้
คงต้องเลือก wg
-
- Verified User
- โพสต์: 435
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับ บริษัทไหนที่
โพสต์ที่ 22
ความเห็นของคุณสามัญชนเรื่อง ROE ถูกต้องตรงกับ Buffett เป๊ะเลย ! ผมขอเสริมด้วยข้อมูลจาก Chairman's Letter to shareholder ปี 1979 ซึ่งพูดถึงเรื่อง ROE ไว้น่าสนใจเลยทีเดียว หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมต้องตามไปที่ link ล่างนี้แล้วกันสามัญชน เขียน:.......
บริษัทไวท์ลิสต์จำกัด
มีส่วนทุน 10 ลบ. สามารถทำกำไรได้ปีละ 1 ลบ. ค่า roe = 10 %
ต่อมาประกาศจ่ายปันผล 5 ลบ. ส่วนทุนลดเหลือ 5 ลบ. แต่ยังทำกำไรได้ 1ลบ. เหมือนเดิม ผมว่าเขาเก่งขึ้นนะ ค่า roe = 20 %
ส่วนบริษัทแบล็คลิสต์จำกัด
มีส่วนทุน 10 ลบ.เหมือนกัน กำไรปีละ 1 ลบ.เหมือนกัน ค่า roe = 10 %
ได้กำไรแล้วเก็บไว้ไม่ยอมปันผล สะสมไปเรื่อยๆจนส่วนทุนเพิ่มเป็น 20 ลบ. แต่ก็ยังทำกำไรได้ 1 ลบ.เหมือนเดิม ผมว่าบริษัทนี้เก่งน้อยลงนะ (เสมือนกับว่าเงิน 15 ลบ.ไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้อะไรเลยเมื่อเทียบกับบริษัทไวท์ลิสต์) พอมาดูค่า roe ก็เท่ากับ 5 %
ก็หมายความว่าค่า roe เป็นตัวช่วยบอกเราในเรื่องความสามารถของบริษัทจริงตามที่บัฟเฟตต์ว่า
http://www.berkshirehathaway.com/letters/1979.html
ตามจดหมายนี้ Buffett ไม่ได้พูดแบบฟันธงว่าต้องใช้ค่า ROE เป็นสำคัญ แต่จะพูดทำนองให้ความเห็นตามความรู้สึกและประสบการณ์อันยาวนานของท่านในการประเมินวิเคราะห์หุ้นเพื่อช่วยสำหรับตัดสินใจในการลงทุน คำพูดจะเป็นทำนองว่า การคิดคำนวณอัตรา ROE โดยใช้ equity ทั้งหมดของหุ้น ณ ราคาต้นทุน เป็นตัวหาร เป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการวัดประเมินผลงานของบริษัทในปีใดปีหนึ่ง
ข้อสังเกตอีกประการที่ Buffett เขียนไว้ในจดหมายดังกล่าว คือ บททดสอบเบื้องต้นในการประเมินความสามารถการจัดการทางเศรษฐศาสตร์ของบริษัท ก็คือการมีอัตรา ROE ที่สูงโดยปราศจากซึ่งกลโกงหรือความฉ้อฉลทางบัญชี หรือ undue levrage ฯลฯ และก็หาใช่ผลสำเร็จของการมีอัตรา earning per share ที่สูงต่อเนื่องสม่ำเสมอไม่Warren Buffett เขียน:.....
We continue to feel that the ratio of operating earnings
(before securities gains or losses) to shareholders equity with
all securities valued at cost is the most appropriate way to
measure any single years operating performance.
.............
Warren Buffett เขียน:......
The primary test of managerial economic performance is the
achievement of a high earnings rate on equity capital employed
(without undue leverage, accounting gimmickry, etc.)and
not the achievement of consistent gains in earnings per share. In our view, many businesses would be better understood by their shareholder owners, as well as the general public, if managements
and financial analysts modified the primary emphasis they place
upon earnings per share, and upon yearly changes in that figure.
............
"The man who doesn't read has no advantage over the man who cannot read." Mark Twain