สถานการณ์หวัดนก ยิ่งนับวันยิ่งเลวร้าย !!!!
- LOSO
- Verified User
- โพสต์: 2512
- ผู้ติดตาม: 0
สถานการณ์หวัดนก ยิ่งนับวันยิ่งเลวร้าย !!!!
โพสต์ที่ 1
สถานการณ์หวัดนก ยิ่งนับวันยิ่งเลวร้าย
สหรัฐอเมริกา กระโดดลงมาผลักดันแผนการรับมือกับการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกอย่างเต็มตัวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ สะท้อนให้เห็นสถานการณ์ที่ยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ ของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ย่อย เอชไฟว์เอ็นวัน หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ ไข้หวัดนก
ยูเอสเอ ทูเดย์ รายงานไว้ในฉบับประจำวันที่ 10 ตุลาคม 2548 ว่า ความเอาจริงเอาจังเรื่องนี้สืบเนื่องมาจากการที่ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ใช้เวลาระหว่างการพักผ่อนประจำปี (ช่วงที่ถูกด่าจมหูเพราะไม่ยอมขยับทำอะไรสืบเนื่องจากเรื่องเฮอร์ริเคนแคทรีนานั่นแหละ) นั่งอ่านรายงานหนา 546 หน้า ที่เป็นงานเขียนเชิงพรรณนาของ จอห์น เอ็ม. แบร์รี่ ชื่อ "เดอะ เกรต อินฟลูเอนซ่า" หนังสือเล่มนั้นบรรยายเรื่องราวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสตระกูลเดียวกันและสายพันธุ์ย่อยใกล้เคียงกันที่เกิดขึ้นเมื่อปี 1918 ตอนนั้นมันถูกขนานนามว่า "สเปนิช ฟลู" (ว่ากันว่าเป็นเพราะกษัตริย์สเปนล้มป่วยและเสียชีวิตลงด้วยไวรัสตัวนี้)
การระบาดของ สเปนิช ฟลู ที่ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช อ่านนั้น คือเหตุการณ์ของโรคระบาดครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลก เหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องข้ามปีมาถึงปี 1919 ทั่วโลกมีผู้คนล้มป่วยมากมายมหาศาล จำเพาะที่เสียชีวิตนั้นมีมากถึง 40-50 ล้านคน ในสหรัฐอเมริกาที่ถือว่าห่างไกลมากในยุคนั้นก็ยังไม่พ้นการระบาด สเปนิช ฟลู ทำให้คนอเมริกันตายไปในช่วงนั้น 150,000 คน
ยูเอสเอ ทูเดย์ บอกว่าเรื่องนี้น่าจะจำหลักอยู่ในห้วงคำนึงของบุช เพราะหลังจากว่างเว้นจากการรับมือกับแม่ แคทรีนา และ ริต้า เสร็จสรรพ ผู้นำสหรัฐอเมริกาไม่เพียงเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้ ส่งผลให้ นายไมเคิล เลวิตต์ รัฐมนตรีสาธารณสุข ต้องระเห็จมาทัวร์ "แหล่งไข้หวัดนก" ในเวลาต่อมาเท่านั้น หากแต่ผู้นำสหรัฐอเมริกายังเรียกผู้บริหารระดับสูงของบริษัทผู้ผลิตวัคซีนต่างๆ มาหารืออีกด้วย
ในเวลาไล่เลี่ยกับที่ผู้นำอเมริกันออกมาแถลงเกี่ยวกับแผนการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกนั้น รายงานผลการศึกษาของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐอเมริกาว่าด้วยผลกระทบหากเกิดการระบาดของไข้หวัดนกในระดับโลกจากคนสู่คนก็เผยแพร่ออกมา สรุปง่ายๆ ได้ใจความชัดเจนว่า ในกรณีที่มีการแพร่ระบาดขนาดใหญ่ หรือที่ในรายงานดังกล่าวใช้คำว่า "เมเจอร์ เอ๊าต์เบรก" นั้น อาจมีคนอเมริกันตายเพราะไข้หวัดนกนี้มากถึง 2 ล้านคน
ในห้วงเวลาที่มีการแถลงข่าวเรื่องนี้กันในสหรัฐอเมริกานั้น หายนะที่ใหญ่หลวงที่สุดที่ประทับอยู่ในใจของคนอเมริกันทั้งชาติก็คือ หายนภัยที่เกิดขึ้นกับนครนิวออร์ลีนส์ รัฐหลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา ไมเคิล เลวิตต์ เลยหยิบหายนะที่นิวออร์ลีนส์มาเปรียบเทียบให้เห็นถึงความน่ากลัวของไข้หวัดนกไว้อย่างน่าสนใจ
เขาบอกว่า ถ้าไข้หวัดนกระบาด หายนะแบบล้างเมืองอย่างที่เกิดขึ้นกับนิวออร์ลีนส์ จะไม่เกิดขึ้นและจำกัดอยู่แค่เมืองเมืองเดียวเท่านั้น แต่อาจหมายถึงเมืองใหญ่ๆ ทุกเมืองเท่าที่อเมริกันทั้งหลายจะนึกออกมาได้ในพริบตานั้น ไม่ว่าจะเป็น ซีแอตเติล ซานดิเดอโก เดนเวอร์ ชิคาโก หรือ นิวยอร์ก
แคทรีนา ทำลายล้างแค่นิวออร์ลีนส์ แต่หวัดนกจะทำลายทุกเมืองในสหรัฐอเมริกาให้หลงเหลือสภาพเหมือนนิวออร์ลีนส์ยังไงยังงั้น !
ในผลการศึกษาด้วยการสร้างแบบจำลองของการแพร่ระบาด ทีมศึกษาวิจัยของประธานาธิบดีบุช พบว่ามี 15 รัฐของสหรัฐอเมริกาที่จะมีคนตายเพราะไข้หวัดนกมากกว่า 1 หมื่นคนขึ้นไป ในจำนวนนี้มีอยู่ 4 รัฐที่ถือว่าจะมีการล้มตายสูงเกิน3 หมื่นคน โดยแคลิฟอร์เนียจะครองแชมป์ตายมากที่สุดที่ 60,875 คน โดยที่ที่รัฐนี้ทั้งรัฐจะมีคนล้มป่วยมากกว่า 8 ล้านคน
สหรัฐอเมริกาเตรียมแผนรับมือไว้แล้ว ส่วนหนึ่งของแผนที่ว่าเท่าที่เปิดเผยออกมาใน ซานฟรานซิสโก โครนิเคิล ฉบับประจำวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น มีการใช้เงินเพื่อการนี้ 3,900 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนมากของเงินก้อนดังกล่าวคือ 3,000 ล้านดอลลาร์นั้นจะถูกนำไปใช้เพื่อซื้อ "ทามิฟลู" ยาต้านไวรัสไข้หวัดนก อีกราว 900 ล้านดอลลาร์จะถูกโยกย้ายมาให้การสนับสนุนประเทศที่อาจเป็นต้นตอของการแพร่ระบาด ทั้งที่เป็นการให้การสนับสนุนในการต่อต้านการระบาดในสัตว์ปีก และการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับการระบาดตั้งแต่แรกเริ่ม
ท่านรัฐมนตรีเลวิตต์ เดินทางมาเยือนไทย หารือกับกระทรวงสาธารณสุขบ้านเราเกี่ยวกับแผนการรับมือที่เตรียมการไว้ เปรียบเทียบกับแผนรับมือของตนเอง แล้วก็ตรวจสอบร่วมกันว่าตรงไหนมีช่องโหว่ มีช่องว่างให้ช่วยเหลือเพื่อแก้ไขกันในขณะนี้หรือไม่
เชื่อว่าสหรัฐอเมริกาจะทำเช่นเดียวกันนี้กับ เวียดนาม อินโดนีเซีย และกัมพูชาด้วยเช่นเดียวกันแต่หลักๆ แล้วจะอยู่ที่ไทยกับอินโดนีเซีย
นอกเหนือจากประเด็นเรื่องการศึกษาวิจัยและการอ่านรายงานสแปนิช ฟลู ของผู้นำมะกันแล้ว ยังมีสัญญาณอันตรายที่แสดงให้เห็นความเลวร้ายลงเรื่อยๆ ของสถานการณ์โรคร้ายนี้และทำให้ฝรั่งมังค่าเริ่มตาหูเหลือกไปตามๆ กัน
ประการแรกก็คือ การแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดนกเข้าไปในหลายพื้นที่ในยุโรป เรียกว่าคืบเข้าใกล้หลังบ้านของประเทศพัฒนาแล้วเหล่านั้นมากขึ้นทุกขณะ รายงานล่าสุดนั้น ไม่เพียงพบไวรัสนี้ในสัตว์ปีกที่โรมาเนีย รัสเซีย และตุรกีเท่านั้น มันยังไปอวดโฉมให้เห็นในบัลแกเรียเข้าให้แล้วด้วย
ประการถัดมาก็คือการที่ทีมศึกษาวิจัยของศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ของสหรัฐอเมริกา สร้างไวรัสสแปนิช ฟลู ขึ้นมาใหม่เพื่อมาศึกษาเปรียบเทียบโครงสร้างทางพันธุกรรมกับไวรัสที่ระบาดอยู่ในปัจจุบัน พวกเขาไม่เพียงพบว่า โครงสร้างทางพันธุกรรมของไวรัสทั้ง 2 ยุคนั้นใกล้เคียงกัน คือเป็นอินฟลูเอนซ่า สายพันธุ์เอ เหมือนกันเท่านั้น
แต่พวกเขายังพบข้อมูลน่าตระหนกที่ว่า ไวรัสเมื่อปี 1918 นั้นกลายพันธุ์ได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยตัวพาหะผสม (คือตัวพาหะที่รับเชื้อไวรัสได้ทั้งชนิดที่ระบาดในสัตว์ และระบาดในคนได้พร้อมๆ กัน ทำให้ไวรัสทั้ง 2 สายพันธุ์แลกเปลี่ยนพันธุกรรมกันได้และกลายพันธุ์เป็นไวรัสร้ายแรงที่ระบาดจากคนสู่คน พาหะผสมที่กังวลกันก่อนหน้านี้ก็คือหมู)
นั่นตีความได้ว่า ไข้หวัดนกในปัจจุบันก็สามารถกลายพันธุ์ของมันให้ระบาดจากคนไปสู่คนได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยพาหะผสมได้เหมือนกัน
เมื่อไหร่มันทำได้อย่างนั้นแล้วละก็ เมื่อนั่นแหละหายนะมาเยือนจริงๆ แน่นอน
สหรัฐอเมริกา กระโดดลงมาผลักดันแผนการรับมือกับการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกอย่างเต็มตัวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ สะท้อนให้เห็นสถานการณ์ที่ยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ ของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ย่อย เอชไฟว์เอ็นวัน หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ ไข้หวัดนก
ยูเอสเอ ทูเดย์ รายงานไว้ในฉบับประจำวันที่ 10 ตุลาคม 2548 ว่า ความเอาจริงเอาจังเรื่องนี้สืบเนื่องมาจากการที่ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ใช้เวลาระหว่างการพักผ่อนประจำปี (ช่วงที่ถูกด่าจมหูเพราะไม่ยอมขยับทำอะไรสืบเนื่องจากเรื่องเฮอร์ริเคนแคทรีนานั่นแหละ) นั่งอ่านรายงานหนา 546 หน้า ที่เป็นงานเขียนเชิงพรรณนาของ จอห์น เอ็ม. แบร์รี่ ชื่อ "เดอะ เกรต อินฟลูเอนซ่า" หนังสือเล่มนั้นบรรยายเรื่องราวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสตระกูลเดียวกันและสายพันธุ์ย่อยใกล้เคียงกันที่เกิดขึ้นเมื่อปี 1918 ตอนนั้นมันถูกขนานนามว่า "สเปนิช ฟลู" (ว่ากันว่าเป็นเพราะกษัตริย์สเปนล้มป่วยและเสียชีวิตลงด้วยไวรัสตัวนี้)
การระบาดของ สเปนิช ฟลู ที่ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช อ่านนั้น คือเหตุการณ์ของโรคระบาดครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลก เหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องข้ามปีมาถึงปี 1919 ทั่วโลกมีผู้คนล้มป่วยมากมายมหาศาล จำเพาะที่เสียชีวิตนั้นมีมากถึง 40-50 ล้านคน ในสหรัฐอเมริกาที่ถือว่าห่างไกลมากในยุคนั้นก็ยังไม่พ้นการระบาด สเปนิช ฟลู ทำให้คนอเมริกันตายไปในช่วงนั้น 150,000 คน
ยูเอสเอ ทูเดย์ บอกว่าเรื่องนี้น่าจะจำหลักอยู่ในห้วงคำนึงของบุช เพราะหลังจากว่างเว้นจากการรับมือกับแม่ แคทรีนา และ ริต้า เสร็จสรรพ ผู้นำสหรัฐอเมริกาไม่เพียงเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้ ส่งผลให้ นายไมเคิล เลวิตต์ รัฐมนตรีสาธารณสุข ต้องระเห็จมาทัวร์ "แหล่งไข้หวัดนก" ในเวลาต่อมาเท่านั้น หากแต่ผู้นำสหรัฐอเมริกายังเรียกผู้บริหารระดับสูงของบริษัทผู้ผลิตวัคซีนต่างๆ มาหารืออีกด้วย
ในเวลาไล่เลี่ยกับที่ผู้นำอเมริกันออกมาแถลงเกี่ยวกับแผนการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกนั้น รายงานผลการศึกษาของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐอเมริกาว่าด้วยผลกระทบหากเกิดการระบาดของไข้หวัดนกในระดับโลกจากคนสู่คนก็เผยแพร่ออกมา สรุปง่ายๆ ได้ใจความชัดเจนว่า ในกรณีที่มีการแพร่ระบาดขนาดใหญ่ หรือที่ในรายงานดังกล่าวใช้คำว่า "เมเจอร์ เอ๊าต์เบรก" นั้น อาจมีคนอเมริกันตายเพราะไข้หวัดนกนี้มากถึง 2 ล้านคน
ในห้วงเวลาที่มีการแถลงข่าวเรื่องนี้กันในสหรัฐอเมริกานั้น หายนะที่ใหญ่หลวงที่สุดที่ประทับอยู่ในใจของคนอเมริกันทั้งชาติก็คือ หายนภัยที่เกิดขึ้นกับนครนิวออร์ลีนส์ รัฐหลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา ไมเคิล เลวิตต์ เลยหยิบหายนะที่นิวออร์ลีนส์มาเปรียบเทียบให้เห็นถึงความน่ากลัวของไข้หวัดนกไว้อย่างน่าสนใจ
เขาบอกว่า ถ้าไข้หวัดนกระบาด หายนะแบบล้างเมืองอย่างที่เกิดขึ้นกับนิวออร์ลีนส์ จะไม่เกิดขึ้นและจำกัดอยู่แค่เมืองเมืองเดียวเท่านั้น แต่อาจหมายถึงเมืองใหญ่ๆ ทุกเมืองเท่าที่อเมริกันทั้งหลายจะนึกออกมาได้ในพริบตานั้น ไม่ว่าจะเป็น ซีแอตเติล ซานดิเดอโก เดนเวอร์ ชิคาโก หรือ นิวยอร์ก
แคทรีนา ทำลายล้างแค่นิวออร์ลีนส์ แต่หวัดนกจะทำลายทุกเมืองในสหรัฐอเมริกาให้หลงเหลือสภาพเหมือนนิวออร์ลีนส์ยังไงยังงั้น !
ในผลการศึกษาด้วยการสร้างแบบจำลองของการแพร่ระบาด ทีมศึกษาวิจัยของประธานาธิบดีบุช พบว่ามี 15 รัฐของสหรัฐอเมริกาที่จะมีคนตายเพราะไข้หวัดนกมากกว่า 1 หมื่นคนขึ้นไป ในจำนวนนี้มีอยู่ 4 รัฐที่ถือว่าจะมีการล้มตายสูงเกิน3 หมื่นคน โดยแคลิฟอร์เนียจะครองแชมป์ตายมากที่สุดที่ 60,875 คน โดยที่ที่รัฐนี้ทั้งรัฐจะมีคนล้มป่วยมากกว่า 8 ล้านคน
สหรัฐอเมริกาเตรียมแผนรับมือไว้แล้ว ส่วนหนึ่งของแผนที่ว่าเท่าที่เปิดเผยออกมาใน ซานฟรานซิสโก โครนิเคิล ฉบับประจำวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น มีการใช้เงินเพื่อการนี้ 3,900 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนมากของเงินก้อนดังกล่าวคือ 3,000 ล้านดอลลาร์นั้นจะถูกนำไปใช้เพื่อซื้อ "ทามิฟลู" ยาต้านไวรัสไข้หวัดนก อีกราว 900 ล้านดอลลาร์จะถูกโยกย้ายมาให้การสนับสนุนประเทศที่อาจเป็นต้นตอของการแพร่ระบาด ทั้งที่เป็นการให้การสนับสนุนในการต่อต้านการระบาดในสัตว์ปีก และการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับการระบาดตั้งแต่แรกเริ่ม
ท่านรัฐมนตรีเลวิตต์ เดินทางมาเยือนไทย หารือกับกระทรวงสาธารณสุขบ้านเราเกี่ยวกับแผนการรับมือที่เตรียมการไว้ เปรียบเทียบกับแผนรับมือของตนเอง แล้วก็ตรวจสอบร่วมกันว่าตรงไหนมีช่องโหว่ มีช่องว่างให้ช่วยเหลือเพื่อแก้ไขกันในขณะนี้หรือไม่
เชื่อว่าสหรัฐอเมริกาจะทำเช่นเดียวกันนี้กับ เวียดนาม อินโดนีเซีย และกัมพูชาด้วยเช่นเดียวกันแต่หลักๆ แล้วจะอยู่ที่ไทยกับอินโดนีเซีย
นอกเหนือจากประเด็นเรื่องการศึกษาวิจัยและการอ่านรายงานสแปนิช ฟลู ของผู้นำมะกันแล้ว ยังมีสัญญาณอันตรายที่แสดงให้เห็นความเลวร้ายลงเรื่อยๆ ของสถานการณ์โรคร้ายนี้และทำให้ฝรั่งมังค่าเริ่มตาหูเหลือกไปตามๆ กัน
ประการแรกก็คือ การแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดนกเข้าไปในหลายพื้นที่ในยุโรป เรียกว่าคืบเข้าใกล้หลังบ้านของประเทศพัฒนาแล้วเหล่านั้นมากขึ้นทุกขณะ รายงานล่าสุดนั้น ไม่เพียงพบไวรัสนี้ในสัตว์ปีกที่โรมาเนีย รัสเซีย และตุรกีเท่านั้น มันยังไปอวดโฉมให้เห็นในบัลแกเรียเข้าให้แล้วด้วย
ประการถัดมาก็คือการที่ทีมศึกษาวิจัยของศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ของสหรัฐอเมริกา สร้างไวรัสสแปนิช ฟลู ขึ้นมาใหม่เพื่อมาศึกษาเปรียบเทียบโครงสร้างทางพันธุกรรมกับไวรัสที่ระบาดอยู่ในปัจจุบัน พวกเขาไม่เพียงพบว่า โครงสร้างทางพันธุกรรมของไวรัสทั้ง 2 ยุคนั้นใกล้เคียงกัน คือเป็นอินฟลูเอนซ่า สายพันธุ์เอ เหมือนกันเท่านั้น
แต่พวกเขายังพบข้อมูลน่าตระหนกที่ว่า ไวรัสเมื่อปี 1918 นั้นกลายพันธุ์ได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยตัวพาหะผสม (คือตัวพาหะที่รับเชื้อไวรัสได้ทั้งชนิดที่ระบาดในสัตว์ และระบาดในคนได้พร้อมๆ กัน ทำให้ไวรัสทั้ง 2 สายพันธุ์แลกเปลี่ยนพันธุกรรมกันได้และกลายพันธุ์เป็นไวรัสร้ายแรงที่ระบาดจากคนสู่คน พาหะผสมที่กังวลกันก่อนหน้านี้ก็คือหมู)
นั่นตีความได้ว่า ไข้หวัดนกในปัจจุบันก็สามารถกลายพันธุ์ของมันให้ระบาดจากคนไปสู่คนได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยพาหะผสมได้เหมือนกัน
เมื่อไหร่มันทำได้อย่างนั้นแล้วละก็ เมื่อนั่นแหละหายนะมาเยือนจริงๆ แน่นอน
- Muffin
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 874
- ผู้ติดตาม: 0
สถานการณ์หวัดนก ยิ่งนับวันยิ่งเลวร้าย !!!!
โพสต์ที่ 4
เป็นเรื่องน่าห่วงจริงๆครับ
แล้วผมก็มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้น้อยเหลือเกิน
ไม่ทราบว่าความเป็นไปได้ในการที่จะกลายพันธุ์ จนสามารถลามเป็นโรคระบาดใน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน
แล้วถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องยาว หุ้นตัวไหน กระทบในแง่บวกแง่ลบบ้างครับเนี่ย
(และแล้วก็วกเข้าเรื่องเดิม)
แล้วผมก็มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้น้อยเหลือเกิน
ไม่ทราบว่าความเป็นไปได้ในการที่จะกลายพันธุ์ จนสามารถลามเป็นโรคระบาดใน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน
แล้วถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องยาว หุ้นตัวไหน กระทบในแง่บวกแง่ลบบ้างครับเนี่ย
(และแล้วก็วกเข้าเรื่องเดิม)
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
สถานการณ์หวัดนก ยิ่งนับวันยิ่งเลวร้าย !!!!
โพสต์ที่ 8
น่าจะข่าวดีนะ เพราะหมอบ้านเราเก่งจริงๆในระดับโลก
แต่เราไม่ค่อยกล้าทำอะไรให้โดดเด่นเท่านั้นเอง
ฝรั่งเขาก็ธรรมดา แต่โม้เก่ง โฆษณาเก่ง กำหนดกลยุธ เก่ง ( startegic Business Modeling ของเขาชัดเจน )
แต่เราไม่ค่อยกล้าทำอะไรให้โดดเด่นเท่านั้นเอง
ฝรั่งเขาก็ธรรมดา แต่โม้เก่ง โฆษณาเก่ง กำหนดกลยุธ เก่ง ( startegic Business Modeling ของเขาชัดเจน )
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
สถานการณ์หวัดนก ยิ่งนับวันยิ่งเลวร้าย !!!!
โพสต์ที่ 9
ผมว่าฝรั่งเดี่ยวนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน ตอนล่าอนานิคมฝรั่งเขาก็ธรรมดา แต่โม้เก่ง โฆษณาเก่ง กำหนดกลยุธ เก่ง
แล้ว
เพราะประเทศไหนไหน ก็เสมอภาค ต่างกัน
แค่ใครเผยไต๋มากกว่ากันเท่านั้นแหละ
ฮิ
ผมว่าไทยดีที่สุด
เชื่อผมไหมคับ
โรคระบาด แผ่นดิน ไหว พายุโหม
อากาศ หนาว
ไทยเราเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่จะไม่เป็นไร
อย่างผมเคยจิตนาการว่า
ระวังดินแดนทางตะวันตกให้ดีเถอะ
ฮิ
กว่าจะรู้ ก็ขนเงินมาไทยมาตั้งถิ่นฐานกันไม่ทัน
ฮฺ[/img]
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
สถานการณ์หวัดนก ยิ่งนับวันยิ่งเลวร้าย !!!!
โพสต์ที่ 11
อืมม์ ไม่ร้ายแรงขนาดนั้นหรอกครับ
ผมเพิ่งกลับจากเมกา ที่โน่น เป็นข่าวทุกวันเลยครับ หวัดนก
นักข่าวเขาเปรียบเทียบว่า หวัดนกร้ายแรงพอๆ กับ
เฮอริเคนที่เข้าลุยเซียน่าที่เข้าพร้อมๆ กันทุกรัฐเท่านั้นเอง
ที่เมกา เขาขาย Flu Shots กันตามซุปเป้อมาเก็ตเลยนะ
:lovl: เมืองไทยรพ.ต่างจังหวัดยังหาแทบไม่ได้เลย
ข่าวดีคือ ฝรั่งเศสสามารถผลิตวัคซีนได้แล้ว
ข่าวร้ายคือ ไม่ทราบว่าจะได้ผลมากหรือน้อย
และจะสามารถผลิตแบบ mass ได้ทันหรือไม่...
ผมเพิ่งกลับจากเมกา ที่โน่น เป็นข่าวทุกวันเลยครับ หวัดนก
นักข่าวเขาเปรียบเทียบว่า หวัดนกร้ายแรงพอๆ กับ
เฮอริเคนที่เข้าลุยเซียน่าที่เข้าพร้อมๆ กันทุกรัฐเท่านั้นเอง
ที่เมกา เขาขาย Flu Shots กันตามซุปเป้อมาเก็ตเลยนะ
:lovl: เมืองไทยรพ.ต่างจังหวัดยังหาแทบไม่ได้เลย
ข่าวดีคือ ฝรั่งเศสสามารถผลิตวัคซีนได้แล้ว
ข่าวร้ายคือ ไม่ทราบว่าจะได้ผลมากหรือน้อย
และจะสามารถผลิตแบบ mass ได้ทันหรือไม่...
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
สถานการณ์หวัดนก ยิ่งนับวันยิ่งเลวร้าย !!!!
โพสต์ที่ 14
มีโอกาสอยู่ครับจะเหมือนเรื่อง Y2K หรือเปล่านะ
ตอนนี้โรงพยาบาลในต่างจังหวัดมี TAMIFLU (โดยเฉพาะโรงพยาบาลประจำจังหวัด)พร้อมหมดแล้วครับ และก็ได้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่(สายพันธุ์เดียวกันกับไข้หวัดนก)ซึ่งจะมีส่วนช่วยสำหรับผู้ที่จะติดเชื้อไข้หวัดนกได้ระดับหนึ่งให้กับจนท.ที่เกี่ยวข้องกับไข้หวัดนกไปส่วนหนึ่งแล้ว
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2273
- ผู้ติดตาม: 0
สถานการณ์หวัดนก ยิ่งนับวันยิ่งเลวร้าย !!!!
โพสต์ที่ 17
เมืองไทยมีบริษัทไหนส่งออก flu shots หรือเปล่าครับ 8)CK เขียน: ที่เมกา เขาขาย Flu Shots กันตามซุปเป้อมาเก็ตเลยนะ
:lovl: เมืองไทยรพ.ต่างจังหวัดยังหาแทบไม่ได้เลย
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
สถานการณ์หวัดนก ยิ่งนับวันยิ่งเลวร้าย !!!!
โพสต์ที่ 18
ขอตอบนะครับ
ที่ว่าเหมือน y2k ก็คือว่ามีการเตรียมการยกใหญ่ทั่วโลก หมดเงินไปกับการเตรียมการไม่ใช่น้อยๆเลย ผู้รับผลประโยชน์เนื้อๆก็คือพวกนั้นนั่นเอง(จริงๆแล้วไม่รู้เหมือนกันว่าพวกนั้นคือพวกไหน )
ไทยแลนด์เราก็ทันสมัยกับเขาเหมือนกัน งบประมาณช่วงนั้นน่าจะเกินพันล้านทีเดียวครับ แล้วพอถึงเวลาจริงๆก็ไม่เห็นมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น
ส่วนเรื่องหวัดนก การที่มีข่าวครึกโครมก็ย่อมจะทำให้ demand ในการซื้อ TAMIFLU พุ่งกระฉูด กะคร่าวๆน่าจะตีเป็นเงินได้เยอะมาก(ไม่รู้อีกนั้นแหละว่าเท่าไหร่ )
แต่ก็แค่มีโอกาสที่จะเป็นอย่างนั้นเฉยๆ ไม่ใช่มีโอกาสสูงที่จะเป็นอย่างนั้นครับ
ที่ว่าเหมือน y2k ก็คือว่ามีการเตรียมการยกใหญ่ทั่วโลก หมดเงินไปกับการเตรียมการไม่ใช่น้อยๆเลย ผู้รับผลประโยชน์เนื้อๆก็คือพวกนั้นนั่นเอง(จริงๆแล้วไม่รู้เหมือนกันว่าพวกนั้นคือพวกไหน )
ไทยแลนด์เราก็ทันสมัยกับเขาเหมือนกัน งบประมาณช่วงนั้นน่าจะเกินพันล้านทีเดียวครับ แล้วพอถึงเวลาจริงๆก็ไม่เห็นมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น
ส่วนเรื่องหวัดนก การที่มีข่าวครึกโครมก็ย่อมจะทำให้ demand ในการซื้อ TAMIFLU พุ่งกระฉูด กะคร่าวๆน่าจะตีเป็นเงินได้เยอะมาก(ไม่รู้อีกนั้นแหละว่าเท่าไหร่ )
แต่ก็แค่มีโอกาสที่จะเป็นอย่างนั้นเฉยๆ ไม่ใช่มีโอกาสสูงที่จะเป็นอย่างนั้นครับ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2273
- ผู้ติดตาม: 0
สถานการณ์หวัดนก ยิ่งนับวันยิ่งเลวร้าย !!!!
โพสต์ที่ 20
[quote="สามัญชน"][quote]เมืองไทยมีบริษัทไหนส่งออก flu shots หรือเปล่าครับ
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
สถานการณ์หวัดนก ยิ่งนับวันยิ่งเลวร้าย !!!!
โพสต์ที่ 22
โอกาสที่จากกลายพันธุ์ สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้นั้น มีมากน้อยแค่ไหน แล้วในโลกใบนี้มีติดต่อจากคนสู่คนแล้วหรือไม่
อะไรคือสิ่งที่ทำให้เรากลัวว่าจะเป็นปัญหาใหญ่ หรือว่าเป็นเพราะฝรั่งออกมาพูดเลยต้องเชื่อ (เหมือนตอน Y2K หรือเปล่าครับ)
ไม่ได้บอกว่าให้ประมาท เพียงแต่ไม่อยากให้ตื่นตูม
อะไรคือสิ่งที่ทำให้เรากลัวว่าจะเป็นปัญหาใหญ่ หรือว่าเป็นเพราะฝรั่งออกมาพูดเลยต้องเชื่อ (เหมือนตอน Y2K หรือเปล่าครับ)
ไม่ได้บอกว่าให้ประมาท เพียงแต่ไม่อยากให้ตื่นตูม
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
สถานการณ์หวัดนก ยิ่งนับวันยิ่งเลวร้าย !!!!
โพสต์ที่ 23
เชื้อโรค การที่จะพัฒนาสายพันธ์ ใหม่
ต้องมีองค์ประกอบที่เหมาะสม มาก และเวลา
เป็น10ปี
การเอาผลทดลอง จากการพัฒนาสายพันธ์
มาเปรียบเทียบใน ภาวะความเป็นจริง
ผมว่า เป็นเรื่อง ทำให้ตื่นเต้นหวังผลเสียมากกว่านะ
ฮิ
ต้องมีองค์ประกอบที่เหมาะสม มาก และเวลา
เป็น10ปี
การเอาผลทดลอง จากการพัฒนาสายพันธ์
มาเปรียบเทียบใน ภาวะความเป็นจริง
ผมว่า เป็นเรื่อง ทำให้ตื่นเต้นหวังผลเสียมากกว่านะ
ฮิ
- Suysak
- Verified User
- โพสต์: 691
- ผู้ติดตาม: 0
สถานการณ์หวัดนก ยิ่งนับวันยิ่งเลวร้าย !!!!
โพสต์ที่ 24
เรื่องหวัดนกนี่ ผมชักงงๆ ไหงมาประโคมข่าวกันใหญ่โตเอาช่วงนี้ละครับ เห็นตอนแรกยังอยู่กันได้เรื่อยๆ อยู่ดีๆ บุช ก็มาออกข่าวว่าจะเป็น มหันตภัยครั้งยิ่งใหญ่ เหมือนอยู่ดีๆก็กลัวกันขึ้นมา
แต่ที่แน่ๆวันนี้ gfpt ของผม เละ ครับ เละ เฮ้อ
แต่ที่แน่ๆวันนี้ gfpt ของผม เละ ครับ เละ เฮ้อ
-
- Verified User
- โพสต์: 424
- ผู้ติดตาม: 0
สถานการณ์หวัดนก ยิ่งนับวันยิ่งเลวร้าย !!!!
โพสต์ที่ 25
เดี๋ยวนี้โรคใหม่ ๆ มากันเรื่อย นะครับ
ยังไงเพื่อน ๆ รักษาสุขภาพด้วยครับ
ยังไงเพื่อน ๆ รักษาสุขภาพด้วยครับ
- เพื่อน
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1832
- ผู้ติดตาม: 0
สถานการณ์หวัดนก ยิ่งนับวันยิ่งเลวร้าย !!!!
โพสต์ที่ 26
หวัดนกมันน่ากลัวมานานแล้วครับ ผมมีโอกาสจะเขียนบอกอยู่เสมอๆว่ามันน่ากลัวกว่าที่คิด แต่พวกเราส่วนใหญ่ชะล่าใจกันเป็นเรื่องคุ้นเคย
ถ้ามันไม่กลายพันธ์ มันก็จะกลายเป็นเรื่องที่มีคนตื่นตูมไปเองอยู่บางกลุ่มเท่านั้น แต่ถ้ามันกลายพันธ์เมื่อไหร่ เมืองไทยนี่แหละครับตัวดีเลย ปิดข่าวกันเป็นประจำด้วยกลัวว่าจะกระทบกับการส่งออกอาหารของไทย
จำคราวก่อนได้มั้ยครับที่ ศูนย์วิจัยกสิกรต้องถูกบังคับให้ออกมาขอโทษรัฐบาล(นำโดยคุณเนวิน)ที่ให้ข่าวการระบาดของใข้หวัดนก.....แล้วในที่สุดรัฐก็ต้องยอมรับความจริงแต่สายไปเสียแล้ว เสียหายไปมากกว่าที่คิดอีก แทนที่จะป้องกันและจำกัดความเสียหายได้แต่เนิ่นๆ
การจำกัดโรคติดเชื้อในคนจะยากกว่าในนกอีกนะครับ ใครเคยดู Mini series เรื่อง 24hr. season3 แล้วบ้างครับ การจำกัดคนติดเชื้อนี่มันเป็นเรื่องใหญ่และยากจริงๆครับ
ถ้ามันไม่เกิดก็ถือว่าโชคดีครับ แต่ถ้าเกิด....โรงพยาบาลเราพร้อมแค่ไหน? หรืออาจจะต้องขอยืมโรงแรมมาใช้เป็นสถานกักกันจริงๆ
ถ้ามันไม่กลายพันธ์ มันก็จะกลายเป็นเรื่องที่มีคนตื่นตูมไปเองอยู่บางกลุ่มเท่านั้น แต่ถ้ามันกลายพันธ์เมื่อไหร่ เมืองไทยนี่แหละครับตัวดีเลย ปิดข่าวกันเป็นประจำด้วยกลัวว่าจะกระทบกับการส่งออกอาหารของไทย
จำคราวก่อนได้มั้ยครับที่ ศูนย์วิจัยกสิกรต้องถูกบังคับให้ออกมาขอโทษรัฐบาล(นำโดยคุณเนวิน)ที่ให้ข่าวการระบาดของใข้หวัดนก.....แล้วในที่สุดรัฐก็ต้องยอมรับความจริงแต่สายไปเสียแล้ว เสียหายไปมากกว่าที่คิดอีก แทนที่จะป้องกันและจำกัดความเสียหายได้แต่เนิ่นๆ
การจำกัดโรคติดเชื้อในคนจะยากกว่าในนกอีกนะครับ ใครเคยดู Mini series เรื่อง 24hr. season3 แล้วบ้างครับ การจำกัดคนติดเชื้อนี่มันเป็นเรื่องใหญ่และยากจริงๆครับ
ถ้ามันไม่เกิดก็ถือว่าโชคดีครับ แต่ถ้าเกิด....โรงพยาบาลเราพร้อมแค่ไหน? หรืออาจจะต้องขอยืมโรงแรมมาใช้เป็นสถานกักกันจริงๆ
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
สถานการณ์หวัดนก ยิ่งนับวันยิ่งเลวร้าย !!!!
โพสต์ที่ 27
โอกาสในการกลายพันธุ์(mutation)ของเชื้อหวัดนกก็จะคล้ายๆและพอๆกับโอกาสในการกลายพันธุ์ของเชื้อโรคอื่นๆโดยทั่วไปโอกาสที่จากกลายพันธุ์ สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้นั้น มีมากน้อยแค่ไหน แล้วในโลกใบนี้มีติดต่อจากคนสู่คนแล้วหรือไม่
จำได้ว่าตอนเรียนปีหนึ่ง วิชาmicrobiology บอกไว้ว่าทุกๆการแบ่งเซลหนึ่งล้านครั้ง จะมีความผิดพลาดในการลอกแบบ DNA (หรือกลายพันธุ์)หนึ่งครั้ง ถ้าเป็นไวรัสก็เป็น RNA (ถ้าตัวเลขผิดพลาดก็ขออภัย แต่ก็เชื่อว่าถ้าผิดก็ผิดไม่เยอะ) ซึ่งเป็นความผิดพลาดตามธรรมชาติ ดังนั้นเซล1เซลจะเปลี่ยนไปแต่อีก999,999เซลยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง
เท่านี้ยังไม่พอนะครับ เขาพบว่าเซลที่เปลี่ยนคุณ(โทษ)สมบัตินี้จะอยู่ไม่รอด เนื่องจากความอ่อนแอและพิกลพิการและจะสูญพันธ์ได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่ทั้งหมด
เขาพบว่าเซลพิการนี้ทั้งหนึ่งแสนตัว จะมีอยู่ตัวหนึ่งที่อาจจะเก่งขึ้นและอยู่รอดสามารถขยายเผ่าพันธุ์ได้ต่อไป
สรุป...โอกาสที่เชื้อหวัดนกธรรมดาจะกลายพันธุ์ไปเป็นตัวที่ติดต่อทางอากาศมีอยู่1/100,000,000,000 หนึ่งในแสนล้าน
ดูแล้วก็เหมือนน้อย แต่ว่าในคนที่ป่วยที่เป็นโรคนี้มีเชื้อตัวนี้อยู่เป็นล้านๆตัว ทำให้โอกาสในการกลายพันธุ์มีอยู่สูง
แต่สิ่งที่จะลดโอกาสการกลายพันธุ์ลงก็มีครับ คือเรื่องความรุนแรงของโรค เชื้อหวัดนกเป็นเชื้อที่รุนแรงทำให้ไก่และคนตายได้ในเวลาที่รวดเร็ว ดังนั้นเมื่อ host ตายเชื้อก็จะตายไปด้วย ถ้าไม่ระบาดไปสู่ host อื่นก่อน
โรคที่น่ากลัวกว่าก็มีครับ ลองนึกภาพโรคเอดส์ติดต่อทางลมหายใจหรือการสัมผัสดูสิครับ ไม่จำเป็นต้องรับเลือดก็ติดโรคเอดส์ได้ ไม่จำเป็นต้องมีเพศสัมพันธุ์ก็ติดต่อได้ คิดแล้วสยองจริงๆครับ
และที่สำคัญโอกาสที่เชื้อเอดส์จะกลายพันธุ์ก็มีอยู่สูงกว่า เพราะว่า host ไม่ตายง่ายๆ บางคนอยู่ได้เป็นสิบๆปี เชื้อที่กลายพันธุ์สามารถอาศัยอยู่ได้อย่างยาวนานเลยทีเดียว ออกลูกออกหลานได้มหาศาลจริงๆ เป็นห้องทดลองการกลายพันธุ์เดินได้ของโรคเอดส์เลยครับ......บรือส์ ส์ ส์
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
สถานการณ์หวัดนก ยิ่งนับวันยิ่งเลวร้าย !!!!
โพสต์ที่ 28
แต่ในวิกฤติก็ย่อมมีโอกาส มนุษย์เราทนทุกข์เพราะเชื้อไวรัสมานานแล้ว เราไม่มียาฆ่าไวรัสที่อาศัยอยู่ในตัวคนนะครับ ที่เรารอดมาได้ทุกวันนี้เป็นเพราะคนเราสามารถสร้างภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัส และเอาชนะ(ฆ่า)มันได้ ไม่เหมือนเชื้อแบคทีเรียที่เรามียาฆ่าอย่างได้ผล
วงการแพทย์ก็พัฒนามาเรื่อยๆ ปัจจุบันเรามียาฆ่าเชื้อไวรัสตระกูล herpes แล้วส่วนยาที่ฆ่าเชื้อไข้หวัดนกเรายังไม่มี ที่ใช้ TAMIFLU กันก็เพราะมันใช้รักษาไข้หวัดใหญ่ได้ และเจ้าหวัดนกมันอยู่ตระกูลเดียวกับไข้หวัดใหญ่ ก็เลยลองใช้แทนกัน
เชื่อว่าช่วงที่หวัดนกกำลังดังๆก็จะทำให้การคิดค้นหายาที่ฆ่าไวรัสตัวนี้มีโอกาสสำเร็จได้มากขึ้น จากปัจจัยหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป้นเรื่องเงินทุน เรื่องกำลังคน และถ้าทำได้ก็อาจจะรุกคืบไปทำกับเชื้อไวรัสตัวอื่นๆอีก
อ้อ......อีกสักสองสามปี โรคไข้เลือดออกที่ทำให้คนตายมากกว่าไข้หวัดนกไม่รู้กี่พันเท่า ก็อาจจะถึงแก่กาลอวสานเหมือนโรคโปลิโอ คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก นะครับ เพราะว่าขณะนี้หมอไทยกำลังคิดค้นวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกกันอยู่ ไข้เลือดออกมีอยู่สี่ชนิด เจอวัคซีนแล้วสามชนิดเหลืออีกตัวเดียวก็จะครบและได้ใช้กันแล้ว อันนี้ผลงานระดับโลกนะครับ ประเทศอื่นยังทำไม่ได้ อิอิ
วงการแพทย์ก็พัฒนามาเรื่อยๆ ปัจจุบันเรามียาฆ่าเชื้อไวรัสตระกูล herpes แล้วส่วนยาที่ฆ่าเชื้อไข้หวัดนกเรายังไม่มี ที่ใช้ TAMIFLU กันก็เพราะมันใช้รักษาไข้หวัดใหญ่ได้ และเจ้าหวัดนกมันอยู่ตระกูลเดียวกับไข้หวัดใหญ่ ก็เลยลองใช้แทนกัน
เชื่อว่าช่วงที่หวัดนกกำลังดังๆก็จะทำให้การคิดค้นหายาที่ฆ่าไวรัสตัวนี้มีโอกาสสำเร็จได้มากขึ้น จากปัจจัยหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป้นเรื่องเงินทุน เรื่องกำลังคน และถ้าทำได้ก็อาจจะรุกคืบไปทำกับเชื้อไวรัสตัวอื่นๆอีก
อ้อ......อีกสักสองสามปี โรคไข้เลือดออกที่ทำให้คนตายมากกว่าไข้หวัดนกไม่รู้กี่พันเท่า ก็อาจจะถึงแก่กาลอวสานเหมือนโรคโปลิโอ คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก นะครับ เพราะว่าขณะนี้หมอไทยกำลังคิดค้นวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกกันอยู่ ไข้เลือดออกมีอยู่สี่ชนิด เจอวัคซีนแล้วสามชนิดเหลืออีกตัวเดียวก็จะครบและได้ใช้กันแล้ว อันนี้ผลงานระดับโลกนะครับ ประเทศอื่นยังทำไม่ได้ อิอิ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
สถานการณ์หวัดนก ยิ่งนับวันยิ่งเลวร้าย !!!!
โพสต์ที่ 29
ลืมตอบคำถามข้อสุดท้ายของท่านฉัตรชัย
เช่น สมมติว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับไก่แม้แต่นิดเดียวจริงๆให้ดิ้นตาย ก็ยังมีคำถามต่อว่า แล้วนกหละ แล้วอย่างอื่นหละ ซึ่งแค่ออกจากบ้านก็มีโอกาสได้รับเชื้อจากนกจากละอองไอน้ำหรืออย่างอื่นแล้วหละ แม้โอกาสจะน้อยมากก็ตาม
ที่เวียดนามที่สงสัยว่าติดจากคน จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครกล้ายืนยัน เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่ามีโอกาสถูก 80 % แล้วจะสรุปได้เลย ในแง่วิชาการมันต้องร้อยเปอร์เซนต์ไม่อย่างนั้น วิชาการก็เละเทะหมด
การสรุปที่แน่นอนว่ามีหรือไม่มียังไม่ทราบครับ เพราะหลังจากวินิจฉัยว่าเป็น h5n1 แล้วจะต้องสืบสวนต่อว่าผู้ป่วยไม่เคยสัมผัสไก่จริงหรือไม่ รวมทั้งโอกาสที่เป้นไปได้ทั้งหมดที่จะติดมาจากไก่หรือนก ในทางทฤษฎีดูง่าย แต่ทางปฎิบัติในแง่วิชาการไม่ง่ายเลยที่จะสรุปอย่างนั้นแล้วในโลกใบนี้มีติดต่อจากคนสู่คนแล้วหรือไม่
เช่น สมมติว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับไก่แม้แต่นิดเดียวจริงๆให้ดิ้นตาย ก็ยังมีคำถามต่อว่า แล้วนกหละ แล้วอย่างอื่นหละ ซึ่งแค่ออกจากบ้านก็มีโอกาสได้รับเชื้อจากนกจากละอองไอน้ำหรืออย่างอื่นแล้วหละ แม้โอกาสจะน้อยมากก็ตาม
ที่เวียดนามที่สงสัยว่าติดจากคน จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครกล้ายืนยัน เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่ามีโอกาสถูก 80 % แล้วจะสรุปได้เลย ในแง่วิชาการมันต้องร้อยเปอร์เซนต์ไม่อย่างนั้น วิชาการก็เละเทะหมด
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด