GRAMMY
-
- ผู้ติดตาม: 0
GRAMMY
โพสต์ที่ 2
โดนทุบมาหละสิ เหมือนกันเลย
โดดใส่ตอนเช้า นึกว่ามันอ่อนลงมากแล้ว ที่ไหนได้......
แต่ก็ยังมั่นใจว่าเป็นหุ้นดีครับ ตั้งใจจะเก็บใว้นานๆแสนนาน
แล้วจะสะสมเพิ่มเรื่อยๆ
โดดใส่ตอนเช้า นึกว่ามันอ่อนลงมากแล้ว ที่ไหนได้......
แต่ก็ยังมั่นใจว่าเป็นหุ้นดีครับ ตั้งใจจะเก็บใว้นานๆแสนนาน
แล้วจะสะสมเพิ่มเรื่อยๆ
- moo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1150
- ผู้ติดตาม: 0
GRAMMY
โพสต์ที่ 3
ไม่ได้โดนทุบมาครับพี่ ผมถืออยู่ที่ราคาต่ำกว่าราคาปิด แต่แปลกใจที่ราคาทำไมถึงลงมามาก จะว่าไปแล้ว การปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.55 บาท ก็ไม่น่าจะลงมามากขนาดนี้นะครับ
Q2 กำไรสุทธิ 2546 2545 204.01 172.17 0.42 0.35
6 เดือน กำไรสุทธิ 2546 2454 327.94 285.24 0.67 0.57
การเติบโตก็ดีครับ ปัญหาเรื่องขาดทุนที่ไต้หวันก็ได้รับการแก้ไขแล้ว และแนวโน้มปลายปีก็น่าจะดีขึ้น
ทั้งหมดนี้รอซื้อเพิ่มนะครับ แต่ไม่ทราบว่ามีข่าวอะไรมากว่านี้ครับ
รบกวนพี่ๆช่วยแนะนำด้วยครับ
ทราบว่าพี่ครรชิตถือตัวนี้มานาน โปรดชี้แนะด้วยครับ ขอบพระคุณครับ
Q2 กำไรสุทธิ 2546 2545 204.01 172.17 0.42 0.35
6 เดือน กำไรสุทธิ 2546 2454 327.94 285.24 0.67 0.57
การเติบโตก็ดีครับ ปัญหาเรื่องขาดทุนที่ไต้หวันก็ได้รับการแก้ไขแล้ว และแนวโน้มปลายปีก็น่าจะดีขึ้น
ทั้งหมดนี้รอซื้อเพิ่มนะครับ แต่ไม่ทราบว่ามีข่าวอะไรมากว่านี้ครับ
รบกวนพี่ๆช่วยแนะนำด้วยครับ
ทราบว่าพี่ครรชิตถือตัวนี้มานาน โปรดชี้แนะด้วยครับ ขอบพระคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 76
- ผู้ติดตาม: 0
GRAMMY
โพสต์ที่ 4
คิดว่าต่างชาติ+กองทุนแล่นตัวนี้ด้วยเหมือนกัน
ตอนนี้มันลงเพราะเทคนิค มันเพิ่งทำ Double Top ไป
รายใหญ่ก็ทุบ ย่อยก็ Cut Loss ตามระเบียบ
ชาว VI จะถือต่อไปก็ไม่เป็นไร Tisco ยังให้เป็าหมายที่ 27 บาท
ส่วนลูกครึ่งอย่างผมก็ ขายไปครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็รอเก็บ
ที่แนวรับ ก็เตรียมช้อนกันให้เต็มที่นะครับ
ตอนนี้มันลงเพราะเทคนิค มันเพิ่งทำ Double Top ไป
รายใหญ่ก็ทุบ ย่อยก็ Cut Loss ตามระเบียบ
ชาว VI จะถือต่อไปก็ไม่เป็นไร Tisco ยังให้เป็าหมายที่ 27 บาท
ส่วนลูกครึ่งอย่างผมก็ ขายไปครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็รอเก็บ
ที่แนวรับ ก็เตรียมช้อนกันให้เต็มที่นะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 96
- ผู้ติดตาม: 0
GRAMMY
โพสต์ที่ 5
ข่าวไม่เป็นทางการของ แกรมมี่น่ะครับ
- Right CD ระบาดในกลุ่มนักศึกษา ซึ่งถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ และคาด
ว่าจะมีผลกระทบกับรายได้โดยรวมของบริษัท เนื่องจากรายได้หลักของ
GRAMMY ขึ้นอยู่กับธุรกิจเพลงครับ
- ศิลปินเริ่มขยับตัวย้ายสังกัดกันเป็นแถว อันเป็นผลจาก แกรมมี่ มุ่งเน้น
การปราบปราม ซีดี เถื่อน ขยายไลน์ธุรกิจ จนลืมศิลปินไปเลย จะเห็นว่า
หลังๆ นี้ ศิลปินของแกรมมี่ ออกมาน้อยมาก สอง-สามเดือน ถึงจะมีออก
มาสักคนสองคนน่ะครับ
- Right CD ระบาดในกลุ่มนักศึกษา ซึ่งถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ และคาด
ว่าจะมีผลกระทบกับรายได้โดยรวมของบริษัท เนื่องจากรายได้หลักของ
GRAMMY ขึ้นอยู่กับธุรกิจเพลงครับ
- ศิลปินเริ่มขยับตัวย้ายสังกัดกันเป็นแถว อันเป็นผลจาก แกรมมี่ มุ่งเน้น
การปราบปราม ซีดี เถื่อน ขยายไลน์ธุรกิจ จนลืมศิลปินไปเลย จะเห็นว่า
หลังๆ นี้ ศิลปินของแกรมมี่ ออกมาน้อยมาก สอง-สามเดือน ถึงจะมีออก
มาสักคนสองคนน่ะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1474
- ผู้ติดตาม: 0
GRAMMY
โพสต์ที่ 6
หากสิ่งที่คุณbenedictพูดเป็นเรื่องจริงผมว่าค่อนข้างอันตราย หากท่านใดได้ไปสัมมนาคงได้ยินที่ผมลองยกตัวอย่างเรื่องvalue generator ซึ่งของgrammyก็คือศิลปินในสังกัดซึ่งผิดกับRSที่โปรโมเตอร์เป็นVG หากข่าวนี้จริงย่อมส่งผลกระทบต่อVGของgrammyโดยตรง อันตรายครับอันตราย
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
GRAMMY
โพสต์ที่ 9
ผมไม่ค่อยรู้เรื่องวงการบันเทิงนะครับ เพลงไทยค่ายไหนผมก็ว่าเหมือนๆกันหมด ยกเว้น Bakery Music เชียร์อยู่ค่ายเดียว
ผมเห็นด้วยกับคุณ Zero นะครับ ผมไม่คิดว่า เรื่อง VG หรือเรื่องตัวศิลปินจะเป็นปัจจัยในระยะสั้นที่ทำให้ราคาลงมาแบบนี้ น่าจะเป็นเรื่องของการทำกำไรในตลาดมากกว่า เวลาราคาลงมา ก็หาข่าวร้ายมายืนยันกันเต็มไปหมด ปีที่แล้วก็เล่นข่าวร้ายคุณอภิรักษ์ลาออก และคุณบุษา ดาวเรือง ขึ้นเป็น CEO แทน อัดกันลงไป 16.8 บาท แล้วก็ลากขึ้นมา 20กว่าบาทได้ ok ถ้าหุ้นลงต่อเนื่องเป็นปีๆ ตามกำไรที่ลดลง ก็น่าจะหยิบเรื่อง VG มาพิจารณาครับ
ผมเห็นด้วยกับคุณ Zero นะครับ ผมไม่คิดว่า เรื่อง VG หรือเรื่องตัวศิลปินจะเป็นปัจจัยในระยะสั้นที่ทำให้ราคาลงมาแบบนี้ น่าจะเป็นเรื่องของการทำกำไรในตลาดมากกว่า เวลาราคาลงมา ก็หาข่าวร้ายมายืนยันกันเต็มไปหมด ปีที่แล้วก็เล่นข่าวร้ายคุณอภิรักษ์ลาออก และคุณบุษา ดาวเรือง ขึ้นเป็น CEO แทน อัดกันลงไป 16.8 บาท แล้วก็ลากขึ้นมา 20กว่าบาทได้ ok ถ้าหุ้นลงต่อเนื่องเป็นปีๆ ตามกำไรที่ลดลง ก็น่าจะหยิบเรื่อง VG มาพิจารณาครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 96
- ผู้ติดตาม: 0
GRAMMY
โพสต์ที่ 10
ครั้งแรกที่ผมเข้าตลาดฯ เมื่อปีที่แล้วมี่ grammy อยู่ในพอร์ตไว้สำหรับกระจาย
ความเสี่ยง ได้รับปันผลมาอย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้ แต่เรื่องราคาหุ้นสิครับ ตอนนี้
กลับไปราคาเดียวกับเมื่อปีที่แล้ว เหมือนกับบริษัทฯ ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ถึงแม้จะมีการขยายไลน์ธุรกิจ การตัดขาดทุนโดยการขายกิจการที่ไต้หวันไป ทั้งนี้ผมมองว่า รายได้หลักของ grammy คือธุรกิจเพลงน่ะครับ ซึ่งจะเห็นว่ารายได้ในส่วนนี้ของแกรมมี่ยังทรงตัวอยู่ ประกอบกับมีรายได้ในส่วนอื่น จากการปราบปราม ซีดีเถื่อน และจากบริษัทย่อยที่ grammy เป็นผู้ถือหุ้นอยู่
ข่าวเรื่อง ศิลปินในสังกัดกำลังชักแถวเปลี่ยนสังกัด แม้นจะไม่เป็นทางการแต่ผมมองว่ากระเทือน grammy อยู่พอสมควร เพราะทุกวันนี้ grammy ไม่มีศิลปิน
ใหม่ๆ ออกมา รายได้ส่วนหนึ่งที่ได้เป็นกอบเป็นกำคงจะเป็นคอนเสริตจากศิลปินเดิมๆ ส่วนศิลปินที่เคยมีผลงาน เงียบหายและเปลี่ยนสังกัดไปตั้งบริษัทฯ ตนเองกันเป็นแถว ไม่ก้อเปลี่ยนไปอยู่สังกัดอื่น
ยิ่งในปีนี้ grammy หันมาผลิตภาพยนต์หลังจากที่ประสพความสำเร็จในปีที่แล้วในเรื่อง ขึ้นสิบห้าค่ำ เดือนสิบเอ็ด แต่ดูเหมือนทุกเรื่องของ grammy จะขาดทุน
ผมเลยตัดสินใจทิ้งตัวนี้ไปเมื่อเร็วๆ นี้น่ะครับ ถึงแม้นพื้นฐานจะดี แต่ผมว่า grammy เริ่มจะห่างสิ่งที่ตนเองทำได้ดีที่สุดแล้วครับ
อีกประการหนึ่ง เรื่องการทำกำไรกับหุ้น grammy นั้น ผมไม่คิดว่า grammy เป็นหุ้นทุนสำหรับการเก็งกำไรได้ เนื่องจากการขยับตัวของราคาไม่เป็นไปตามทิศทางของตลาดที่ควรจะเป็น ค่อนข้างแปลกใจเหมือนกันครับ ว่าหุ้นในสังกัดของ grammy อย่าง gmmm ที่ผมถืออยู่ ก้อมีลักษณะเดียวกัน การขยับขึ้นลงของราคาจะเป็นช่วงๆ โดยเฉพาะช่วงที่ต้องการประกาศผลประกอบการทุกไตรมาส ราคาจะมีการขยับตอบรับข่าวสาร และหลังจากนั้นจะถอยกลับมาที่ราคาเดิม
บิ๊กลอต ที่มีการซื้อขายนั้น ผมคาดว่าคงจะเป็นบิ๊กล็อตที่ลงทุนไว้เพื่อรับเงินปันผลในงวดที่จะประกาศครั้งต่อไปน่ะครับ และคาดว่าคงลงทุนเพื่อการกระจายความเสื่ยง อันเป็นผลสืบเนื่องจาก ราคาที่ไม่ผันผวนมากไปกับทิศทางของตลาดโดยรวมน่ะครับ
ความเสี่ยง ได้รับปันผลมาอย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้ แต่เรื่องราคาหุ้นสิครับ ตอนนี้
กลับไปราคาเดียวกับเมื่อปีที่แล้ว เหมือนกับบริษัทฯ ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ถึงแม้จะมีการขยายไลน์ธุรกิจ การตัดขาดทุนโดยการขายกิจการที่ไต้หวันไป ทั้งนี้ผมมองว่า รายได้หลักของ grammy คือธุรกิจเพลงน่ะครับ ซึ่งจะเห็นว่ารายได้ในส่วนนี้ของแกรมมี่ยังทรงตัวอยู่ ประกอบกับมีรายได้ในส่วนอื่น จากการปราบปราม ซีดีเถื่อน และจากบริษัทย่อยที่ grammy เป็นผู้ถือหุ้นอยู่
ข่าวเรื่อง ศิลปินในสังกัดกำลังชักแถวเปลี่ยนสังกัด แม้นจะไม่เป็นทางการแต่ผมมองว่ากระเทือน grammy อยู่พอสมควร เพราะทุกวันนี้ grammy ไม่มีศิลปิน
ใหม่ๆ ออกมา รายได้ส่วนหนึ่งที่ได้เป็นกอบเป็นกำคงจะเป็นคอนเสริตจากศิลปินเดิมๆ ส่วนศิลปินที่เคยมีผลงาน เงียบหายและเปลี่ยนสังกัดไปตั้งบริษัทฯ ตนเองกันเป็นแถว ไม่ก้อเปลี่ยนไปอยู่สังกัดอื่น
ยิ่งในปีนี้ grammy หันมาผลิตภาพยนต์หลังจากที่ประสพความสำเร็จในปีที่แล้วในเรื่อง ขึ้นสิบห้าค่ำ เดือนสิบเอ็ด แต่ดูเหมือนทุกเรื่องของ grammy จะขาดทุน
ผมเลยตัดสินใจทิ้งตัวนี้ไปเมื่อเร็วๆ นี้น่ะครับ ถึงแม้นพื้นฐานจะดี แต่ผมว่า grammy เริ่มจะห่างสิ่งที่ตนเองทำได้ดีที่สุดแล้วครับ
อีกประการหนึ่ง เรื่องการทำกำไรกับหุ้น grammy นั้น ผมไม่คิดว่า grammy เป็นหุ้นทุนสำหรับการเก็งกำไรได้ เนื่องจากการขยับตัวของราคาไม่เป็นไปตามทิศทางของตลาดที่ควรจะเป็น ค่อนข้างแปลกใจเหมือนกันครับ ว่าหุ้นในสังกัดของ grammy อย่าง gmmm ที่ผมถืออยู่ ก้อมีลักษณะเดียวกัน การขยับขึ้นลงของราคาจะเป็นช่วงๆ โดยเฉพาะช่วงที่ต้องการประกาศผลประกอบการทุกไตรมาส ราคาจะมีการขยับตอบรับข่าวสาร และหลังจากนั้นจะถอยกลับมาที่ราคาเดิม
บิ๊กลอต ที่มีการซื้อขายนั้น ผมคาดว่าคงจะเป็นบิ๊กล็อตที่ลงทุนไว้เพื่อรับเงินปันผลในงวดที่จะประกาศครั้งต่อไปน่ะครับ และคาดว่าคงลงทุนเพื่อการกระจายความเสื่ยง อันเป็นผลสืบเนื่องจาก ราคาที่ไม่ผันผวนมากไปกับทิศทางของตลาดโดยรวมน่ะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1474
- ผู้ติดตาม: 0
GRAMMY
โพสต์ที่ 11
พี่นักดูดาวครับ ที่ผมพูดเรื่องVGไม่ใช่สิ่งที่กระทบราคาระยะสั้นครับ แต่มันกระทบถาวรเลยต่างหากครับ เพราะจริงๆแล้วเรื่องCEOที่เคยลาออก ผมว่ามันไม่ใช่VGหรอกครับ แต่ศิลปินต่างหากที่เป็นVGของgrammy ง่ายๆครับพี่ว่าถ้าเบิร์ด หรือ โลโซ เปลี่ยนผู้จัดการจะทำให้เรทติ้งลดลงมากน้อยแค่ไหนครับ ผมว่าผลกระทบไม่มาก แต่ถ้าbirdออกพี่ว่ากระทบgrammyแค่ไหนครับ ผมเองไม่อยากคิด ซึ่งมันต่างกันมากครับกับrsที่ star turnover สูงกว่าหลายเท่า
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
GRAMMY
โพสต์ที่ 12
ไม่เคยลองคิดนะครับว่าถ้า เบิร์ดไม่อยู่ซักคน grammy จะเป็นอย่างไร
ถ้างบการเงิน RS GRAMMY มีรายละเอียดในหมายเหตุก็ดีนะ ว่าใครสร้างยอดขายให้เท่าไหร่ เราอาจจะพอทำ sensitivity analysis ของ ศิลปินแต่ละคนต่อยอดขายหรือกำไรได้นะครับ ผมว่าน่าคิดนะ คุณ genie .. ต่อไปจะมีบริษัทบันเทิงเข้ามาอีกไม่ใช่เหรอ
ผมไม่แน่ใจว่าค่ายเพลงต่างประเทศมี VG เหมือนกันหรือเปล่า เพลงที่ผมมีส่วนใหญ่ จะมี Herbert von Karajan เป็น VG .. แต่ท่าน Karayan นี่เฮี้ยนจริงๆ ตายไปตั้งนานแล้ว แผ่นเสียงยังขายดีอยู่เลย ฮ่าๆ ไม่รู้ว่าพี่เบิร์ดจะเฮี้ยนขนาดนี้หรือเปล่าหนอ
ถ้างบการเงิน RS GRAMMY มีรายละเอียดในหมายเหตุก็ดีนะ ว่าใครสร้างยอดขายให้เท่าไหร่ เราอาจจะพอทำ sensitivity analysis ของ ศิลปินแต่ละคนต่อยอดขายหรือกำไรได้นะครับ ผมว่าน่าคิดนะ คุณ genie .. ต่อไปจะมีบริษัทบันเทิงเข้ามาอีกไม่ใช่เหรอ
ผมไม่แน่ใจว่าค่ายเพลงต่างประเทศมี VG เหมือนกันหรือเปล่า เพลงที่ผมมีส่วนใหญ่ จะมี Herbert von Karajan เป็น VG .. แต่ท่าน Karayan นี่เฮี้ยนจริงๆ ตายไปตั้งนานแล้ว แผ่นเสียงยังขายดีอยู่เลย ฮ่าๆ ไม่รู้ว่าพี่เบิร์ดจะเฮี้ยนขนาดนี้หรือเปล่าหนอ
-
- ผู้ติดตาม: 0
GRAMMY
โพสต์ที่ 15
ขอเสนอให้กับคุณ Zero หน่อยนะครับ GRAMMY มีรายได้อื่นๆ หลายทางครับ โดยเฉพาะส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทลูกที่เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นไว้
ซึ่ง บริษัทเหล่านั้น มีความสามารถในการทำกำไรได้ดีทีเดียว แต่ที่กล่าว
ไว้ข้างต้นนั้น เป็นเพียงบริษัท GRAMMY อย่างเดียว จะเห็นว่า รายได้
จากการดำเนินงานที่เป็น core ของบริษัทฯ มีการขยับตัวเล็กน้อยไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่จะทำให้เห็นว่า ลำพัง GRAMMY นั้นมีการดำเนินธุรกิจหลักขององค์กรอยู่อย่างเป็นกิจลักษณะ ทั้งนี้สืบเนื่องจากมุ่งเน้นรายได้ที่เกิดจากการป้องกัน เทปผีและซีดีเถือนในตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังมุ่งการแตกไลน์ธุรกิจพร้อมๆ กันหลายด้าน ซึ่งบางด้านเริ่มที่จะสะท้อนให้เห็นว่า ไม่ใช่ core activity ขององค์กร ในทางตรงกันข้ามกับเป็นกิจกรรมที่ทำให้องค์กรประสพปัญหาการขาดทุน อาทิเช่น การมุ่งเน้นผลิตภาพยนต์ เป็นต้นครับ
โดยรวมแล้ว ผมยังเห็นว่า Grammy เป็นหุ้นที่เหมาะกับการลงทุนระยะยาว โดยมีเงินปันผลเป็นกำไรจากการดำเนินงานให้กับผู้ถือหุ้น แต่ทั้งนี้
มูลค่าหุ้นในปัจจุบันเมื่อเปรียบเทียบกับภาพรวมขององค์กรที่เริ่มจะมีการขยายไลน์ธุรกิจ และทำให้ธุรกรรมหลักขององค์กรเปลียนไป ราคาหุ้นที่ขยับอยู่ ณ ขณะนี้ สะท้อนให้เห็นมูลค่าขององค์กรแล้วครับ
ซึ่ง บริษัทเหล่านั้น มีความสามารถในการทำกำไรได้ดีทีเดียว แต่ที่กล่าว
ไว้ข้างต้นนั้น เป็นเพียงบริษัท GRAMMY อย่างเดียว จะเห็นว่า รายได้
จากการดำเนินงานที่เป็น core ของบริษัทฯ มีการขยับตัวเล็กน้อยไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่จะทำให้เห็นว่า ลำพัง GRAMMY นั้นมีการดำเนินธุรกิจหลักขององค์กรอยู่อย่างเป็นกิจลักษณะ ทั้งนี้สืบเนื่องจากมุ่งเน้นรายได้ที่เกิดจากการป้องกัน เทปผีและซีดีเถือนในตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังมุ่งการแตกไลน์ธุรกิจพร้อมๆ กันหลายด้าน ซึ่งบางด้านเริ่มที่จะสะท้อนให้เห็นว่า ไม่ใช่ core activity ขององค์กร ในทางตรงกันข้ามกับเป็นกิจกรรมที่ทำให้องค์กรประสพปัญหาการขาดทุน อาทิเช่น การมุ่งเน้นผลิตภาพยนต์ เป็นต้นครับ
โดยรวมแล้ว ผมยังเห็นว่า Grammy เป็นหุ้นที่เหมาะกับการลงทุนระยะยาว โดยมีเงินปันผลเป็นกำไรจากการดำเนินงานให้กับผู้ถือหุ้น แต่ทั้งนี้
มูลค่าหุ้นในปัจจุบันเมื่อเปรียบเทียบกับภาพรวมขององค์กรที่เริ่มจะมีการขยายไลน์ธุรกิจ และทำให้ธุรกรรมหลักขององค์กรเปลียนไป ราคาหุ้นที่ขยับอยู่ ณ ขณะนี้ สะท้อนให้เห็นมูลค่าขององค์กรแล้วครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
GRAMMY
โพสต์ที่ 17
ส่วนธุรกิจภาพยนตร์ แกรมมี่เพิ่งเริ่มจริงจัง หนังเรื่องแรกๆของ GMM picture อย่าง 15 ค่ำฯ ทำขึ้นมาเพราะต้องการเอากล่องและก็สร้างเครดิตก่อนมากกว่า ได้กำไรไปไม่ถึง 10 ล้าน จนล่าสุดหนังเรื่อง แฟนฉัน หนังที่ร่วมทุนโดย 3 บริษัท (Grammy 70%) ลงทุนด้าน production 15 ล้าน รวมด้านโปรโมชั่นแล้วงบน่าจะอยู่ที่ 20-30 ล้าน ....ตอนนี้ยอดคนดูไปแล้วที่เกือบ 100 ล้าน (ประมาณการกันว่าจะวิ่งถึง 120 ล้านแน่ๆ เมื่อหนังออกจากโปรแกรม) ..... ถือว่าเป็นหนังที่ทำรายได้สูงที่สุดเรื่องนึงในรอบหลายปี ...
-
- ผู้ติดตาม: 0
GRAMMY
โพสต์ที่ 18
Grammy มีลิขสิทธิ์เพลงประมาณ20ปี(ประมาณนะครับ) ไม่ทราบว่ามีน้ำหนักในการพิจารณาการลงทุน หรือไม่ครับ ขอความเห็นครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
GRAMMY
โพสต์ที่ 19
เพื่อนๆว่าการที่อากู๋ ลงทุนในกิจการบะหมี่ 4 ME และเครื่องสำอางขายตรง U Star ด้วยเงินส่วนตัว
แต่มีการนำเอาศิลปินของ GRAMMY ไปเป็น Presentor
คุณว่าเป็นการเหมาะสมหรือไม่ เป็นการตักตวงผลประโยชน์ของบริษัทเข้ากระเป๋าส่วนตัวหรือไม่
เหมือนกรณีที่ผู้บริหารให้คนขับรถที่กินเงินเดือนบริษัทนำรถบริษัทพาภรรยาไปห้างสรรพสินค้าซื้อของและไปรับลูกจากโรงเรียน
แต่มีการนำเอาศิลปินของ GRAMMY ไปเป็น Presentor
คุณว่าเป็นการเหมาะสมหรือไม่ เป็นการตักตวงผลประโยชน์ของบริษัทเข้ากระเป๋าส่วนตัวหรือไม่
เหมือนกรณีที่ผู้บริหารให้คนขับรถที่กินเงินเดือนบริษัทนำรถบริษัทพาภรรยาไปห้างสรรพสินค้าซื้อของและไปรับลูกจากโรงเรียน
-
- Verified User
- โพสต์: 96
- ผู้ติดตาม: 0
GRAMMY
โพสต์ที่ 20
ในทางธุรกิจ เรียกว่า seynergy ครับ การใช้ประโยชน์จากแหล่งทรัพยกรขององค์กรร่วมกันให้เกิดประโยชนสูงสุด มีหลายบริษัทฯ ใช้วิธีการนี้ไม่ทางตรงก้อทางอ้อมน่ะครับ ผมว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาของการทำธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่มีลักษณะที่เรียกว่า Conglomerate อย่างแกรมมี่ ทั้งนี้การนำศิลปินในสังกัดของแกรมมี่ มาเป็น Presentor ให้กับ ธุรกิจส่วนตัวที่ตนเองเป็นผู้ถือหุ้นอยู่แต่ในขณะเดียวกัน เท่าที่ทราบ ศิลปินเหล่านั้นก้อเป็นผู้ถือหุ้นใน ธุรกิจส่วนตัวดังกล่าวด้วย ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ได้ประโยชน์ทั้งสามฝ่าย ทั้ง แกรมมี่เองในเชิงภาพพจน์ของศิลปินในสังกัด ทั้งตัวศิลปิน และ ธุรกิจส่วนตัวน่ะครับ
ขอแถมอีกนิดเถอะครับ เรื่องภาพยนต์ กำไรที่เกิดขึ้นจากเรื่อง เพื่อนฉัน หรืออะไรเนี่ยน่ะครับ ความเห็นส่วนตัว คงพอที่จะล้างขาดทุนจากภาพยนต์ก่อนหน้านี้และสำรองไว้สำหรับเรื่องที่จะตามมา Timeing ของภาพยนต์เรื่อง เพื่อนฉัน ที่ลงโรงช่วงนี้ ค่อนข้างเหมาะเจาะและลงตัวครับ เพราะตลาดกำลังเฝือเต็มทีกับภาพยนต์ประเภท แอ็คชั่น ทั้งไทยและเทศ อีกทั้งเป็นภาพยนต์แนวใสๆ ดูแล้วให้ความรู้สึกที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเปรียบเทียบกับภาพยนต์ที่ลงโรงอยู่ในขณะนี้ จะเรียกว่า ฟลุ๊คก้อได้ครับ คงไม่ว่านะ
ขอแถมอีกนิดเถอะครับ เรื่องภาพยนต์ กำไรที่เกิดขึ้นจากเรื่อง เพื่อนฉัน หรืออะไรเนี่ยน่ะครับ ความเห็นส่วนตัว คงพอที่จะล้างขาดทุนจากภาพยนต์ก่อนหน้านี้และสำรองไว้สำหรับเรื่องที่จะตามมา Timeing ของภาพยนต์เรื่อง เพื่อนฉัน ที่ลงโรงช่วงนี้ ค่อนข้างเหมาะเจาะและลงตัวครับ เพราะตลาดกำลังเฝือเต็มทีกับภาพยนต์ประเภท แอ็คชั่น ทั้งไทยและเทศ อีกทั้งเป็นภาพยนต์แนวใสๆ ดูแล้วให้ความรู้สึกที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเปรียบเทียบกับภาพยนต์ที่ลงโรงอยู่ในขณะนี้ จะเรียกว่า ฟลุ๊คก้อได้ครับ คงไม่ว่านะ
-
- ผู้ติดตาม: 0
GRAMMY
โพสต์ที่ 21
แสดงความคิดเห็นครับ
ถ้าไม่จ่ายค่าตัวของ Presenter ผมว่าไม่ควรทำนะครับ เพราะรายได้ก็คงมาจากศิลปินเวลาออกเทปใหม่ๆ concert รวมทั้ง Presenter ให้สินค้าต่างๆ ถ้าไม่จ่ายคงแย่ แต่ถ้าจ่ายก็คง ok ครับ
ขอบคุณครับ
ถ้าไม่จ่ายค่าตัวของ Presenter ผมว่าไม่ควรทำนะครับ เพราะรายได้ก็คงมาจากศิลปินเวลาออกเทปใหม่ๆ concert รวมทั้ง Presenter ให้สินค้าต่างๆ ถ้าไม่จ่ายคงแย่ แต่ถ้าจ่ายก็คง ok ครับ
ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2
- ผู้ติดตาม: 0
GRAMMY
โพสต์ที่ 22
คุณ chung ครับ.. ตัวเลขเงินลงทุนของบริษัทแม่ ในหนังเรื่อง "แฟนฉัน" น่าจะคลาดเคลื่อนนะครับ.. เท่าที่ทราบไม่ถึงเจ็ดสิบเปอร์เซนต์นะครับ.. หับโห้หิ้นฟิล์ม แกรมมี่ถือหุ้นอยู่ก็จริง.. แต่ไม่ได้ถือร้อยเปอร์เซนต์นะครับ ดังนั้นการหักส่วนของ ไทฯ ออก แล้วถือว่าที่เหลือเป็นของบริษัทแม่ จึงไม่น่าจะถูก ลองเช็คดูอีกทีนะครับ..
คุณ benedict ครับ.. กำไรจากหนังเรื่อง "แฟนฉัน" ไม่สามารถล้างขาดทุนสะสมในธุรกิจภาพยนตร์ได้หรอกครับ แค่ทำให้ผลประกอบการปีนี้ไม่ขาดทุนยังทำไม่ได้เลย เพราะหนังไทยขาดทุนสองเรื่อง หนังฝรั่งอีกหนึ่งเรื่อง และที่สำคัญหนังที่ลงทุนสูงที่สุด ซึ่งมีแนวโน้มจะขาดทุนมาก ยังไม่ได้ลงโรงฉาย.. และต้องไม่ลืมว่ารายได้จากธุรกิจภาพยนตร์นั้น รายได้ค่าตั๋วทั้งหมดต้องแบ่งครึ่งกับโรงก่อน แล้วเหลือเท่าไหร่จึงจะเอามาหักค่าใช้จ่าย (โปรดักชั่น-โปรโมท) แล้วหลังจากนั้นถึงมาแบ่งสรรตามสัดส่วนการลงทุนของแต่ละหุ้น..
คุณ benedict ครับ.. กำไรจากหนังเรื่อง "แฟนฉัน" ไม่สามารถล้างขาดทุนสะสมในธุรกิจภาพยนตร์ได้หรอกครับ แค่ทำให้ผลประกอบการปีนี้ไม่ขาดทุนยังทำไม่ได้เลย เพราะหนังไทยขาดทุนสองเรื่อง หนังฝรั่งอีกหนึ่งเรื่อง และที่สำคัญหนังที่ลงทุนสูงที่สุด ซึ่งมีแนวโน้มจะขาดทุนมาก ยังไม่ได้ลงโรงฉาย.. และต้องไม่ลืมว่ารายได้จากธุรกิจภาพยนตร์นั้น รายได้ค่าตั๋วทั้งหมดต้องแบ่งครึ่งกับโรงก่อน แล้วเหลือเท่าไหร่จึงจะเอามาหักค่าใช้จ่าย (โปรดักชั่น-โปรโมท) แล้วหลังจากนั้นถึงมาแบ่งสรรตามสัดส่วนการลงทุนของแต่ละหุ้น..
-
- Verified User
- โพสต์: 2
- ผู้ติดตาม: 0
GRAMMY
โพสต์ที่ 23
ขอโทษพี่ VJ ครับ..... พอดีผมอ่านหนังสือ (Bioscope) คร่าวๆ เลยประมาณการเรื่องของการร่วมทุนสร้างของหนังแฟนฉัน แบบกะเอา แต่ผู้ถือหุ้นใหญ่คือ Grammy ในงบโปรดักชั่น 15 ล้านบาท(ตรงนี้สัดส่วน %ผมไม่แน่ใจ) ......แต่ในช่วงหนังตัดต่อเสร็จ ผู้บริหารของ Grammy ดูตัวหนังแล้ว รวมไปถึงการไปฉายโชว์ ทำ workshop ตามมหาวิทยาลัย มีการตอบรับค่อนข้างดี .....ทาง Grammy เลยยอมควักงบเพิ่มในการโปรโมทเอง .......... ซึ่งผลก็ได้กลับมาคุ้มเหมือนกัน (ผมดูหนังเรื่องนี้แล้วชอบจริงๆ น่ารักมาก) ......แต่เรื่องที่ไปหักล้างกับหนังที่ขาดทุนสองเรื่องไม่ได้คงจะจริง ...... "กุมภาพันธ์" ขาดทุนนิดหน่อย ส่วน "one night husband" เจ๊งไม่เป็นท่า เห็นเขาว่าเรื่องหลังนี่ได้เงินจากการฉาย 2-3 ล้านเอง ลงทุนไปเป็นสิบล้าน ถ้านับจากการหักหัวคิวของโรงหนังคงจะไม่เหลืออะไรเท่าไหร่ ......... ส่วน Beutiful Boxer ปลายปีต้องดูว่าจะแรงไหม (ผมว่าไม่แรงเท่าไหร่ อย่างมากก็เสมอตัว เพราะพีคกับ แฟนฉัน มาหมาดๆ)
-
- ผู้ติดตาม: 0
GRAMMY
โพสต์ที่ 24
ผมชอบกระทู้จังครับ อ่านได้แนวความคิดของนักลงทุนหลากหลายดีครับอีกทั้งเป็นการวิเคราะห์เจาะลึกในมุมมองที่แตกต่างกันดี หุ้น grammy เป็นหุ้นตัวแรกที่ผมเข้าลงทุน แต่ตอนเนี้ย ตัดจากพอร์ตไปแล้วครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
GRAMMY
โพสต์ที่ 25
Major Shareholders ของบริษัท GMM MEDIA PUBLC COMPANY LIMITED (GMMM) 28/08/03
--------
บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) 158,999,400 79.50 %
SOMERS (U.K.) LIMITED 4,733,600 2.37%
กองทุนเปิด กรุงไทยธนวรรธน์ 1,422,400 0.71 %
บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 1,328,800 0.66 %
กองทุนเปิด ไทยสร้างโอกาส 1,273,800 0.64 %
TFB FOR MFC-THAI FUND INVESTMENT PLAN 1,026,0000 .51%
---------
รายได้ของGrammy ส่วนหนึ่งก็จะมาจาก Gmmm ผมเข้าใจถูกต้องใช่หรือไม่ครับ
ขอบคุณครับ
--------
บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) 158,999,400 79.50 %
SOMERS (U.K.) LIMITED 4,733,600 2.37%
กองทุนเปิด กรุงไทยธนวรรธน์ 1,422,400 0.71 %
บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 1,328,800 0.66 %
กองทุนเปิด ไทยสร้างโอกาส 1,273,800 0.64 %
TFB FOR MFC-THAI FUND INVESTMENT PLAN 1,026,0000 .51%
---------
รายได้ของGrammy ส่วนหนึ่งก็จะมาจาก Gmmm ผมเข้าใจถูกต้องใช่หรือไม่ครับ
ขอบคุณครับ
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4637
- ผู้ติดตาม: 1
GRAMMY
โพสต์ที่ 28
ไปเห็นข่าว เลยเอามาใส่ไว้ให้อ่าน
GRAMMYฉลองชัย หนัง'แฟนฉัน'120ล. หนุนกำไรสิ้นปีเพิ่ม
โดย กระแสหุ้น
่GRAMMY เตรียมฉลองชัย คาดหนัง "แฟนฉัน"ทำรายได้กระฉูด 120 ล้าน หนุนธุรกิจภาพยนตร์โงหัว หนุนกำไรสิ้นปีนี้เพิ่มขึ้น ส่วนไตรมาส3 คาดกำไรลด
แหล่งข่าวจากบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) GRAMMY เปิดเผยว่า ขณะนี้รายได้จากภาพยนตร์ "แฟนฉัน" ณ วันที่ 22 ต.ค. 46 อยู่ที่ 108 ล้านบาท และโดยคาดว่าในช่วงวันหยุด 23 ต.ค และ 24 - 25 ต.ค. นี้รายได้จากการขายบัตรชมภาพยนตร์ น่าจะถึง 110 ล้านบาท เนื่องจากขณะนี้ทุกโรงภาพยนตร์ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดยังไม่ถอดภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวออก หรือลดรอบเวลาฉายภาพยนตร์ลงแต่อย่างใด
ทั้งนี้ GRAMMY มีกำหนดที่จะจัดงานฉลองหาก "แฟนฉัน" สามารถสร้างรายได้ถึง 120 ล้านบาทในวันที่ 4 พ.ย. 46 นี้ นอกจากนี้ โดยต่อจาก "แฟนฉัน" ภาพยนตร์ในเครือ GRAMMY ที่มีกำหนดเข้าฉายต่อเนื่องคือ "Beautiful Boxer" ที่คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับ "แกรมมี่ฟิล์ม" ได้ระดับหนึ่งเช่นกัน
นักวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ เปิดเผยว่า คาดว่า GRAMMY จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 46เท่ากับ 166 ล้านบาท ลดลง 19% อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธุรกิจเพลงถึงจุดอิ่มตัวแล้ว แต่ธุรกิจอย่างโทรศัพท์และวิทยุยังคงเติบโตดีอยู่
นอกจากนี้หนังเรื่อง "แฟนฉัน" ที่ประสบความสำเร็จ น่าจะสามารถทำให้แกรมมี่ มีกำไรเพิ่มสูงขึ้นได้ แกรมมี่น่าจะสามารถเก็บเกี่ยวผลกำไรจากธุรกิจที่เพิ่มลงทุน ในขณะที่รายได้จากค่าลิขสิทธิ์และ Mobile content จะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ "
GRAMMYฉลองชัย หนัง'แฟนฉัน'120ล. หนุนกำไรสิ้นปีเพิ่ม
โดย กระแสหุ้น
่GRAMMY เตรียมฉลองชัย คาดหนัง "แฟนฉัน"ทำรายได้กระฉูด 120 ล้าน หนุนธุรกิจภาพยนตร์โงหัว หนุนกำไรสิ้นปีนี้เพิ่มขึ้น ส่วนไตรมาส3 คาดกำไรลด
แหล่งข่าวจากบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) GRAMMY เปิดเผยว่า ขณะนี้รายได้จากภาพยนตร์ "แฟนฉัน" ณ วันที่ 22 ต.ค. 46 อยู่ที่ 108 ล้านบาท และโดยคาดว่าในช่วงวันหยุด 23 ต.ค และ 24 - 25 ต.ค. นี้รายได้จากการขายบัตรชมภาพยนตร์ น่าจะถึง 110 ล้านบาท เนื่องจากขณะนี้ทุกโรงภาพยนตร์ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดยังไม่ถอดภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวออก หรือลดรอบเวลาฉายภาพยนตร์ลงแต่อย่างใด
ทั้งนี้ GRAMMY มีกำหนดที่จะจัดงานฉลองหาก "แฟนฉัน" สามารถสร้างรายได้ถึง 120 ล้านบาทในวันที่ 4 พ.ย. 46 นี้ นอกจากนี้ โดยต่อจาก "แฟนฉัน" ภาพยนตร์ในเครือ GRAMMY ที่มีกำหนดเข้าฉายต่อเนื่องคือ "Beautiful Boxer" ที่คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับ "แกรมมี่ฟิล์ม" ได้ระดับหนึ่งเช่นกัน
นักวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ เปิดเผยว่า คาดว่า GRAMMY จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 46เท่ากับ 166 ล้านบาท ลดลง 19% อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธุรกิจเพลงถึงจุดอิ่มตัวแล้ว แต่ธุรกิจอย่างโทรศัพท์และวิทยุยังคงเติบโตดีอยู่
นอกจากนี้หนังเรื่อง "แฟนฉัน" ที่ประสบความสำเร็จ น่าจะสามารถทำให้แกรมมี่ มีกำไรเพิ่มสูงขึ้นได้ แกรมมี่น่าจะสามารถเก็บเกี่ยวผลกำไรจากธุรกิจที่เพิ่มลงทุน ในขณะที่รายได้จากค่าลิขสิทธิ์และ Mobile content จะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ "
-
- ผู้ติดตาม: 0
ผมว่าแกรมมี่มีอนาคตนะ
โพสต์ที่ 29
ผมเพิ่งเล่นหุ้นและแทบจะไม่รู้หลักการอะไรเกี่ยวกับ Value Investing เลย แต่ด้วยความที่ยังเป็นเด็กเลยฟังเพลงบ่อย เลยอยากจะร่วมออกความเห็นด้วยนะครับ
ผมถือแกรมมีอยู่ประมาณครึ่งพอร์ทครับ ที่ชอบก็เพราะนโยบายครับ คือนโยบายการแตกค่ายเพลงเป็นค่ายย่อยๆครับ
คือผมคิดว่าที่ผ่านมาเมืองไทยไม่เคยมี"ค่ายเพลง"จริงๆอยู่เลย มีแต่ค่ายโปรโมทคนน่าตาดีๆขึ้นมาเป็นนักร้อง จริงอยู่ครับแกรมมี่ก็เป็นค่ายลักษณะนี้ที่สำคัญ แต่นโยบายการแตกเป็นค่ายย่อยๆทำให้เกิดความหลากหลายของศิลปินและแนวเพลงมากขึ้น ทำให้ยังสามารถขายเพลงตามแนวทางเดิมได้ และสามารถบุกบิกเพลงแนวใหม่ๆได้
และด้วยค่ายเพลงย่อยๆนี่เองที่จะมำให้แกรมมีกลายเป็น "ค่ายเพลง" อย่างแท้จริง คือมีหน้าที่ช่วยดูแลศิลปินที่ทีฝีมือ และทำสำคัญช่วยโปรโมท
อุตสาหกรรมเพลงของโลกปัจจุบัน ศิลปินที่ได้รับการยอมรับถึงฝีมือ ว่าเป็นของจริง อย่าง Santana Linkin Park FatboySlim ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ก็ล้วนอยู่กับค่ายใหญ่ๆทั้งนั้น ถึงจะมีชื่อเสียงระดับโลกได้
ค่ายเพลงจึงมีน่าที่สนับสนุนศิลปิน เช่นมีห้องอัดที่ดีทีสุด และโปรโมท ไม่ใช่เข้าไปกำหนดดนตรีถึง100%
แกรมมีกำลังเดินไปในแนวทางนี้ จากข้อมูลที่ทราบค่ายย่อยๆเหล่านี้ เช่น MoreMusic Genie Madcatz และศิลปินหลายๆคน เช่น โลโซ อัสนี-วสันต์ ได้รับอิสระในการทำเพลงแทบจะเต็มที่ (ไม่ต้องเสนองาน พอทำเสร็จแล้วเอาไปให้ผู้บริหารอนุมัติ ส่วนวงใหม่ๆต้องทำdemo มีreference ฯลฯ)
ทำให้แนวเพลงและคุณภาพของแกรมมีตอนนี้ความหลากหลายและพัฒนามากขึ้น นโยบายแบบนี้ทำให้แกรมมี่สามารถหาศิลปินได้มากมาย โดยเฉพาะจากวงการเพลงindy (ส่วนคนน่าตาดีๆนั้นใครๆก็หาได้จากModelingอยู่แล้ว) ซึ่งhappyที่ตัวเองได้ทำเพลงอย่างที่ตัวเองอยากทำ(ประนีประนอมนิดหน่อย) แต่ได้ตังค์มากขึ้น ศิลปินจากindyพวกนี้ทำเพลงของเขาให้ง่ายขึ้น popขึ้น สำหรับผู้ฟังวงกว้าง เช่น Koh mr.SAX man แนว Jazz , SkaLaxzy แนว Ska , ก้านคอคลับ แนวแรป-ฮิปฮอบ
ศิลปินใหม่ๆเหล่านี้นอกจากจะขยายตลาดของบริษัทแล้ว ยังช่วยพัฒนาคุณภาพงานโดยรวมของแกรมมีด้วย อย่าลืมนะครับว่าเพลง "แฟนจ๋า"ที่ดังสนั่นของป๋าเบิร์ดนั้น แต่งโดยJoeyBoy (นักร้องเพลงแร็ปอันดับ1ของเมืองไทย-ตามการตัดสินของผมเอง) ซึ่งมาอยู่กับแกรมมีเนื่องจากนโยบายแบบนี้ และได้บริหารค่ายของตัวเองด้วย
ลองนึกถึงค่ายเพลงใหญ่ๆของโลกอย่าง Warner EMI BMG SONY ฯลฯ ผมว่าแกรมมี่กำลังเดินไปในแนวทางนั้น แต่เปรียบเทียบกับ RS แล้วเทียบกันไม่ได้เลย
สุดท้ายเรื่องผู้บริหาร ผมก็เคยไม่มั่นใจในตัวอากู๋ ในกรณีไต้หวันเหมือนกัน แต่ปัจจุบันนี้ผมประทับใจอากู๋มาก โดยเฉพาะกรณีGMM Picture ซึ่งก็ใช้นโยบายเดียวกับเพลง หลังจากที่ล้มเหลวและเปลี่ยนทีมงานยกชุดไปแล้ว แกรมมีใช้วิธีเปิดรับความคิดดีๆจากภายนอก อากู๋ไปเจรจากับรุ่นน้องนิเทศ-จุฬา อย่างบริษัทหับ-โห้-หิ้น ซึ่งเป็นโปรดัคชั่นเฮาวส์เล็กๆ แต่ผลิดงานชั้นดี แกรมมีทำหนังกับ บ.หับฯ 2เรื่อง คือ 15ค่ำฯ ซึ่งไม่เจ๊งและได้กล่องมหาศาล และ"แฟนฉัน" ซึ่งได้เงิน(มาก) และกำลังจะได้กล่องด้วย ซึ่งพิสูจน์ว่าหนังดีก็ทำเงินได้ (ในอนาคต เมื่อรสนิยมในการฟังเพลงของตลาดสูงขึ้นเพลงดีก็จะทำเงินได้เช่นกัน) ในขณะเดียวกันก็ยังผลิดหนังทั่วๆไปได้ด้วย ในขณะที่RSยังไม่ได้มีวิสัยทัศน์อะไรที่น่าประทับใจเลย หนัง-ยังทำหนังผีกับหนังวัยรุ่นแบบเดิมๆ ส่วนเพลง-ก็ไม่ต้องพูดถึง แต่เริ่มมีการรับศิลปินจากindy เข้ามาบ้าง เช่น Acappella7 , ลำดวน แต่ด้วยนโยบายที่ไม่ชัดเจนทำให้มีการพัฒนาอะไร
สุดท้ายปัญหาสำคัญ คือ เรื่องลิขสิทธิ mp3 แผ่นCDที่writeกันง่ายเหลือเกิน และล่าสุดปัญหาPeer-to-peer คิดว่าเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นไม่ไปไหน แต่อย่างไรก็ดีปัญหานี้เป็นปัญหาระดับโลกนะครับ มันคงไม่สามารถแก้ได้ง่ายๆ แต่ผมว่ายังไงคนก็ฟังเพลง และยังคิดว่าModelทางธุรกิจแบบนี้ยังเป็นสิ่งที่ยังworkไปอีกนานครับ
สรุปแล้วจะเห็นได้ว่าผมมีอคติกับ RS มาก (ก็แน่หละครับ ก็เล่นถือแกรมมีอยู่ครึ่งพอร์ทหนิ) แต่อย่างจะช่วยแชร์จากมุมมองของคนฟังเพลงบ้างครับ พี่ๆท่านใดจะช่วยวิจารณ์เชิญได้เต็มที่เลยนะครับ
ผมถือแกรมมีอยู่ประมาณครึ่งพอร์ทครับ ที่ชอบก็เพราะนโยบายครับ คือนโยบายการแตกค่ายเพลงเป็นค่ายย่อยๆครับ
คือผมคิดว่าที่ผ่านมาเมืองไทยไม่เคยมี"ค่ายเพลง"จริงๆอยู่เลย มีแต่ค่ายโปรโมทคนน่าตาดีๆขึ้นมาเป็นนักร้อง จริงอยู่ครับแกรมมี่ก็เป็นค่ายลักษณะนี้ที่สำคัญ แต่นโยบายการแตกเป็นค่ายย่อยๆทำให้เกิดความหลากหลายของศิลปินและแนวเพลงมากขึ้น ทำให้ยังสามารถขายเพลงตามแนวทางเดิมได้ และสามารถบุกบิกเพลงแนวใหม่ๆได้
และด้วยค่ายเพลงย่อยๆนี่เองที่จะมำให้แกรมมีกลายเป็น "ค่ายเพลง" อย่างแท้จริง คือมีหน้าที่ช่วยดูแลศิลปินที่ทีฝีมือ และทำสำคัญช่วยโปรโมท
อุตสาหกรรมเพลงของโลกปัจจุบัน ศิลปินที่ได้รับการยอมรับถึงฝีมือ ว่าเป็นของจริง อย่าง Santana Linkin Park FatboySlim ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ก็ล้วนอยู่กับค่ายใหญ่ๆทั้งนั้น ถึงจะมีชื่อเสียงระดับโลกได้
ค่ายเพลงจึงมีน่าที่สนับสนุนศิลปิน เช่นมีห้องอัดที่ดีทีสุด และโปรโมท ไม่ใช่เข้าไปกำหนดดนตรีถึง100%
แกรมมีกำลังเดินไปในแนวทางนี้ จากข้อมูลที่ทราบค่ายย่อยๆเหล่านี้ เช่น MoreMusic Genie Madcatz และศิลปินหลายๆคน เช่น โลโซ อัสนี-วสันต์ ได้รับอิสระในการทำเพลงแทบจะเต็มที่ (ไม่ต้องเสนองาน พอทำเสร็จแล้วเอาไปให้ผู้บริหารอนุมัติ ส่วนวงใหม่ๆต้องทำdemo มีreference ฯลฯ)
ทำให้แนวเพลงและคุณภาพของแกรมมีตอนนี้ความหลากหลายและพัฒนามากขึ้น นโยบายแบบนี้ทำให้แกรมมี่สามารถหาศิลปินได้มากมาย โดยเฉพาะจากวงการเพลงindy (ส่วนคนน่าตาดีๆนั้นใครๆก็หาได้จากModelingอยู่แล้ว) ซึ่งhappyที่ตัวเองได้ทำเพลงอย่างที่ตัวเองอยากทำ(ประนีประนอมนิดหน่อย) แต่ได้ตังค์มากขึ้น ศิลปินจากindyพวกนี้ทำเพลงของเขาให้ง่ายขึ้น popขึ้น สำหรับผู้ฟังวงกว้าง เช่น Koh mr.SAX man แนว Jazz , SkaLaxzy แนว Ska , ก้านคอคลับ แนวแรป-ฮิปฮอบ
ศิลปินใหม่ๆเหล่านี้นอกจากจะขยายตลาดของบริษัทแล้ว ยังช่วยพัฒนาคุณภาพงานโดยรวมของแกรมมีด้วย อย่าลืมนะครับว่าเพลง "แฟนจ๋า"ที่ดังสนั่นของป๋าเบิร์ดนั้น แต่งโดยJoeyBoy (นักร้องเพลงแร็ปอันดับ1ของเมืองไทย-ตามการตัดสินของผมเอง) ซึ่งมาอยู่กับแกรมมีเนื่องจากนโยบายแบบนี้ และได้บริหารค่ายของตัวเองด้วย
ลองนึกถึงค่ายเพลงใหญ่ๆของโลกอย่าง Warner EMI BMG SONY ฯลฯ ผมว่าแกรมมี่กำลังเดินไปในแนวทางนั้น แต่เปรียบเทียบกับ RS แล้วเทียบกันไม่ได้เลย
สุดท้ายเรื่องผู้บริหาร ผมก็เคยไม่มั่นใจในตัวอากู๋ ในกรณีไต้หวันเหมือนกัน แต่ปัจจุบันนี้ผมประทับใจอากู๋มาก โดยเฉพาะกรณีGMM Picture ซึ่งก็ใช้นโยบายเดียวกับเพลง หลังจากที่ล้มเหลวและเปลี่ยนทีมงานยกชุดไปแล้ว แกรมมีใช้วิธีเปิดรับความคิดดีๆจากภายนอก อากู๋ไปเจรจากับรุ่นน้องนิเทศ-จุฬา อย่างบริษัทหับ-โห้-หิ้น ซึ่งเป็นโปรดัคชั่นเฮาวส์เล็กๆ แต่ผลิดงานชั้นดี แกรมมีทำหนังกับ บ.หับฯ 2เรื่อง คือ 15ค่ำฯ ซึ่งไม่เจ๊งและได้กล่องมหาศาล และ"แฟนฉัน" ซึ่งได้เงิน(มาก) และกำลังจะได้กล่องด้วย ซึ่งพิสูจน์ว่าหนังดีก็ทำเงินได้ (ในอนาคต เมื่อรสนิยมในการฟังเพลงของตลาดสูงขึ้นเพลงดีก็จะทำเงินได้เช่นกัน) ในขณะเดียวกันก็ยังผลิดหนังทั่วๆไปได้ด้วย ในขณะที่RSยังไม่ได้มีวิสัยทัศน์อะไรที่น่าประทับใจเลย หนัง-ยังทำหนังผีกับหนังวัยรุ่นแบบเดิมๆ ส่วนเพลง-ก็ไม่ต้องพูดถึง แต่เริ่มมีการรับศิลปินจากindy เข้ามาบ้าง เช่น Acappella7 , ลำดวน แต่ด้วยนโยบายที่ไม่ชัดเจนทำให้มีการพัฒนาอะไร
สุดท้ายปัญหาสำคัญ คือ เรื่องลิขสิทธิ mp3 แผ่นCDที่writeกันง่ายเหลือเกิน และล่าสุดปัญหาPeer-to-peer คิดว่าเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นไม่ไปไหน แต่อย่างไรก็ดีปัญหานี้เป็นปัญหาระดับโลกนะครับ มันคงไม่สามารถแก้ได้ง่ายๆ แต่ผมว่ายังไงคนก็ฟังเพลง และยังคิดว่าModelทางธุรกิจแบบนี้ยังเป็นสิ่งที่ยังworkไปอีกนานครับ
สรุปแล้วจะเห็นได้ว่าผมมีอคติกับ RS มาก (ก็แน่หละครับ ก็เล่นถือแกรมมีอยู่ครึ่งพอร์ทหนิ) แต่อย่างจะช่วยแชร์จากมุมมองของคนฟังเพลงบ้างครับ พี่ๆท่านใดจะช่วยวิจารณ์เชิญได้เต็มที่เลยนะครับ