ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 1

โพสต์

*SE-EDตั้งเป้าปี 49 รายได้โต 12-18%เป็น4 พันลบ./อัตรากำไรสุทธิ 5.5-6.5%
Source - IQ Biz
Wednesday, 15 March 2006 18:40

นายทนง โชติสรยุทธ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ซีเอ็ด ยูเคชั่น (SE-ED) เปิดเผยว่า ในปี 49 บริษัทตั้งเป้ารายได้ของบริษัทจะเติบโต 12-18% เป็น 3.8 - 4 พันล้านบาท  จากปีก่อนที่มีรายได้ 3.3 พันล้านบาท  โดยในเดือนมกราคมปี 49 บริษัทมียอดขายมากจากหนังสือ แดจังกึม, แฮร์รี่พอตเตอร์ และหนังสือธรรมะ แต่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ยอดขายลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนมกราคม
         และปีนี้ บริษํท ตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิ (Net Margin) ที่ 5.5-6.5% ภายใต้ปัจจัยการเมืองที่กดดัน และจะพยายามเพิ่ม Net Margin ให้อยู่ที่ 7% จากปีก่อนที่มี Net Margin 5%  โดยการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นรวมทั้งการขยายสาขาที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้า
         นายทนง กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทจะหันมาให้ความสำคัญในการเปิดสาขาในต่างจังหวัดมากขึ้น โดยบริษัทตั้งเป้าจะขยายสาขา 20-30 สาขา โดยในจำนวนดังกล่าวจะเป็นการเปิดในต่างจังหวัด 6 แห่ง ได้แก่ สมุทรสาคร อุทัยธานี ยโสธร ปราจีนบุรี สตูล และประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งในเบื้องต้นอาจะเป็นการเช่าพื้นที่ในศูนย์การค้า
         ณ สิ้นปี 2548 SE-ED มีสาขาในตัวเมืองต่างจังหวัด 23 จังหวัด
         นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนปรับปรุงศูนย์กระจายสินค้าเฟส 4 ซึ่งจะใช้งบลงทุน 20-25 ล้านบาท และคาดว่าจะเริ่มในสิ้นเดือนมีนาคมและเสร็จสิ้นในไตรมาส 3 ปี 49 ซึ่งการปรับปรุงดังกล่าวจะทำให้มีพื้นที่มากขึ้นเป็น 9 พันตารางเมตร จากปัจจุบัน 7 พันตารางเมตร อีกทั้งยังเป็นการรองรับการเติบโตของบริษัทในปี 2550-2551
         ขณะที่ การนำเข้าหนังสือต่างประเทศมาขาย ยอมรับว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจ แต่ขายยาก เนื่องจากมีค่าขนส่งสูง และหากขายไม่ได้ก็จะขาดทุน เพราะมีต้นทุนสูง
         นายทนง กล่าวว่า การซื้อหุ้นคืนจำนวน 19 ล้านหุ้น หรือ 122 ล้านบาท ขณะนี้บอร์ดบริษัทยังไม่มีมติเรื่องดังกล่าว แต่หากบริษัทไม่สามารถดำเนินการได้ในเดือนกันยายนปี 50 ก็จะต้องมีการลดทุนจดทะเบียน ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
         นอกจากนี้ ในครึ่งปีหลังบริษัทจะพยายามให้บริการที่หลากหลายมากขึ้น เช่น การเปิดรับจองตั๋วต่างๆในร้านSE-ED  เช่น ตั๋วเครื่องบิน ตั๋วคอนเสิร์ต ฯลฯ หลังจากที่บริษัทได้ปรับปรุงร้านให้เป็นระบบออนไลน์เพื่อเสริมธุรกิจแล้ว จากปัจจุบันที่ร้าน SE-ED บางแห่งได้มีการเปิดให้บริการรับชำระค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ และชั่วโมงอินเตอร์เน็ตแล้ว
         นายทนง กล่าวว่า ส่วนการที่แกรมมี่เข้ามาถือหุ้นใน SE-ED ที่ผ่านมาไม่กังวลเนื่องจากคุณไพบูลย์ ดำรงค์ชัยธรรม แสดงเจตนาที่จะไม่ถือหุ้นเกิน 50%  แต่ที่เข้ามาถือหุ้นเพราะเห็นว่าบริษัทมีอัตราการเติบโตที่ดีในอนาคต  ส่วนในอนาคตจะมีการเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างกันหรือไม่นั้น คงจะเป็นแผนในระยะยาวมากกว่า
SE-EDลุยขยายสาขา ตจว.เพิ่ม คาดยอดขายพุ่ง-กำไรโต 6.5%
Source - กระแสหุ้น
Thursday, 16 March 2006 04:07

"ซีเอ็ดยูเคชั่น" วางเป้ายอดขายโต 4 พันล้าน หวังดันอัตรากำไรสุทธิโต 6.5% โอดปัญหาการเมืองกระทบยอดขายเดือน ก.พ. แต่มั่นใจตลาดหนังสือยังโต 10-15% จากยอดร้านหนังสือเครือข่ายยังโตและกิจการกระตุ้นการอ่าน ล่าสุดเตรียมเดินหน้าเปิดสาขาเพิ่ม 30 สาขา เน้นตลาดต่างจังหวัด
         นายทนง  โชติสรยุทธ์  กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SE-ED เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายของบริษัทปีนี้อยู่ที่ประมาณ 3,800 - 4,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตขึ้นประมาณ 12-18% จากปี 2548 ที่ผ่านมาบริษัทมียอดขาย 3,391.13 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 187.91 ล้านบาท
         นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าจะรักษาอัตราการกำไรสุทธิของปี 49 ให้อยู่ที่ประมาณ 6.5% ในขณะที่ตั้งเป้า อัตราการกำไรสุทธิ ปี 50 อยู่ที่ประมาณ 6.5-7%  เนื่องจากบริษัทจะเน้นการพัฒนาระบบสารสนเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อลดค่าใช้ในการบริหารให้น้อยลง "ยอดขายเดือน ม.ค.มีอัตราการเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยอมรับว่าเหตุการณ์ชุมนุมที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อยอดขายในเดือน ก.พ. และกระทบธุรกิจร้านค้าย่อยเกือบทั้งหมด เพราะธุรกิจนี้ส่วนหนึ่งต้องขึ้นอยู่กับความมั่นใจของผู้บริโภค" นายทนงกล่าว
         อย่างไรก็ดียังคงประเมินแนวโน้มตลาดหนังสือโดยรวมในปีนี้จะยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องอยู่ในระดับ 10-15% เนื่องจากอัตราการเติบโตของร้านหนังสือเครือข่ายยังมียอดขยายสาขาเพิ่มขึ้น รวมทั้งหนังสือใหม่ที่เป็นกระแสยังสามารถกระตุ้นความสนใจของผู้บริโภคแต่ละพื้นที่ได้ อาทิ หนังสือธรรมะหรือหนังสือเด็ก รวมทั้งยังไม่มีการสนับสนุนการส่งเสริมการอ่านอย่างต่อเนื่องจากทั้งหน่วยงานภาครัฐบาลและเอกชน สำหรับแผนการขยายสาขาของบริษัทในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะขยายสาขาเพิ่มอีกประมาณ 20- 30 สาขา จากปี 2548 ที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดสาขาใหม่ประมาณ 26 สาขา และมีสาขาทั้งหมด 190 สาขา และจุดขายทั้งหมด 399 จุดขาย  แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 94 สาขา และต่างจังหวัด 96 สาขา โดยในปีนี้บริษัทจะเน้นเปิดสาขาในพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น เนื่องจากพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯค่อนข้างจำกัดในขณะที่สาขาพื้นที่ต่างจังหวัดปัจจุบันนี้ยังน้อย
         นอกจากนี้บริษัทเตรียมงบประมาณ 20-25 ล้านบาท ในการลงทุนปรับปรุงระบบการทำงานของศูนย์กระจายสินค้า ระยะที่ 4 ซึ่งจะเริ่มต้นหลังเดือน มี.ค.นี้ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณช่วงไตรมาส 3/49 และจะสามารถรองรับการให้บริการได้ถึง 600 สาขา รวมทั้งการให้บริการในรูปแบบต่างๆ ได้ดีขึ้นในอนาคต รวมทั้งบริษัทจะพัฒนาระบบสารสนเทศ ระยะที่ 2 เพื่อระบบรองรับการเชื่อมโยงศูนย์กระจายสินค้าและระบบหน้าร้านค้า


เพื่อนๆที่ถือซีเอ็ด คาดว่าปีนี้กำไรจะทำได้เท่าไหร่ครับ จากคำให้สัมภาษณ์คุณทนง

คิดเป็นพีอีได้กี่เท่า โดยที่ซีเอ็ดมีหุ้นประมาณ 328 ล้าน รวมวอร์หักหุ้นซื้อคืน
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ประมาณการกำไรสนุกๆนะครับ จากข้อมูลที่ให้สัมภาษณ์

ยอดขาย(ล้าน)---3,800-----------4,000

กำไรขั้นต้น
5.5%-------------209----------------220
6%-----------------228---------------240
6.5%--------------247---------------260
7%-----------------266---------------280

กำไรต่อหุ้นและ P/E

มุมมองในแง่ร้าย 209/328 = .64 บ/หุ้น P/E 11.5 เท่า

มุมมองในแง่ดี--280/328 = .85 บ/หุ้น P/E 8.6 เท่า

มุมมองที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด -- 228/328 = .7 บ/หุ้น P/E 10.5 เท่า


เป็นการคาดการณ์นะครับ อาจจะเป็นไปได้หรือไม่ได้ครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
momo29
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 249
ผู้ติดตาม: 0

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ผมว่าสำหรับ SE-ED น่าจะรักษาอัตราการเติบโตอย่างน้อย 15-20% ได้อีกหลายปีนะครับ เนื่องจากมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง และมี Same Store growth ทุกปี

- ยอดขายปี 49 น่าจะประมาณ  3,900-4,069 ลบ.
- ให้ Net Profit Margin เท่าเดิม ประมาณ 5.5%
- กำไรสุทธิประมาณ 214.5-223.79 ลบ., EPS = 0.65-0.68 บ/หุ้น
- P/E (ณ.ราคา 7.4) = 10.88-11.38 เท่า

P/E ระดับนี้เทียบกับอัตราการเติบโต ผมว่ายังถือว่าถูกนะครับ และ กระแสเงินสดของ SE-ED ก้อดีมากด้วยครับ จ่ายปันผลสูงมาก (EPS 0.63 จ่ายปันผลถึง 0.59) ใช้เงินลงทุนขยายสาขาไม่มากนัก  :D
Investing is most intelligent when it is most businesslike.

เว็บของผมครับ GRANDE ซื้อขายเพชร พลอย
hot
Verified User
โพสต์: 6853
ผู้ติดตาม: 0

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 4

โพสต์

เห็นเหตุการเมืองทำพิษกับยอดขายหนังสือ
จริงไหมคับเรื่องนี้
Tiger
Verified User
โพสต์: 593
ผู้ติดตาม: 0

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 5

โพสต์

[quote="ลูกอิสาน"]
มุมมองในแง่ร้าย 209/328 = .64 บ/หุ้น P/E 11.5 เท่า
/quote]

เคยได้ยินว่าผู้ถือหุ้นได้ปันผลประมาณ 8 % ต่อปีก็น่าจะพอใจ

ถ้าปันซัก .6 ทั้งปี หวังว่าราคาก็น่าจะอยู่แถว ๆ นี้ได้ตอนสิ้นปีนะครับ
ต้องเรียนรู้ให้ได้
Li .. Zhi .. Ren
setmaker
Verified User
โพสต์: 215
ผู้ติดตาม: 0

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 6

โพสต์

hot เขียน:เห็นเหตุการเมืองทำพิษกับยอดขายหนังสือ
จริงไหมคับเรื่องนี้
นึกว่าทำให้คนอยากอ่านหนังสือมากขึ้นเสียอีกแฮะ
:cry:
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ผมเคยคิดว่าสถานการณ์การเมืองเป็นอย่างไร
จะทำให้คนอ่านหนังสือมากขึ้น อย่างน้อยหนังสือพิมพ์
แต่ที่คุณทนงให้สัมภาษณ์ ดูเหมือนว่าบ้านเมืองเป็นอย่างนี้
ทำให้คนหมดอารมณ์เดินห้าง หนังสือก็ขายได้น้อยลงครับ (สาเหตุนี้ ผมเดาด้วยว่าอัตราการเกิดของประชากร อีก 8-9 เดือนจะลดลงด้วย :lol: )


ผลตอบแทนเงินปันผลที่น้องเสือคำนวณ น่าจะยังไม่รวมเครดิตภาษี หากรวมไปด้วยจะมากกว่า 10% สำหรับคนที่เครดิตได้เต็มครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 8

โพสต์

SE-ED น่าจะเป็นหุ้นที่ดีตัวนึงนะครับ
มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ

1.หุ้นเติบโตปานกลางถึงเร็วอย่างแท้จริง ทั้งยอดขายและกำไร แม้บางปีกำไรจะสะดุดไปบ้าง ซึ่งผมไม่ทราบสาเหตุ แต่ยอดขายโตตลอด เพราะซีเอ็ดมีการขยายสาขาเพิ่ม 10-15% ทุกปี ทั้งสาขาเดิมยอดขายก็เพิ่มขึ้น เรียกได้ว่าของใหม่ก็มีมาเรื่อยๆ และของเดิมก็ยังอยู่

2.การเติบโตใช้เงินทุนน้อยมาก หุ้นโตเร็วแทบทุกตัว มีปัญหานึงที่สำคัญคือเงินทุนที่จะใช้ในการเติบโต เรามักจะพบว่าหุ้นเหล่านี้ต้องเพิ่มทุน กู้เงิน หรือขายสินทรัพย์แปลงเป็นทุน ตลอดเวลา แต่ยกเว้นซีเอ็ด ซึ่งใช้แค่ค่าเสื่อมก็เพียงพอในการขยายสาขา ดังนั้นกำไรที่ทำได้ ก็สามารถนำมาจ่ายปันผลได้สูงๆ เก็บไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียนนิดหน่อย

3.ใช้เงินทุนหมุนเวียนน้อย เพราะอาศัยเงินของเจ้าหนี้ ในขณะที่รายรับส่วนใหญ่เป็นเงินสด

4.มีข้อจำกัดในการขยายตัวต่ำ ทั้งเรื่องกฏหมาย ทำเล สารารถเปิดร้านหนังสือในระดับอำเภอเล็กๆได้ แต่หุ้นค้าปลีกอื่นๆทำไม่ได้ หรือได้ในระดับที่น้อยกว่า
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ความเสี่ยงก็มีนะครับ แต่ในระดับที่น้อยกว่าหุ้นค้าปลีกอื่นๆ มาก
คือหากมีสาขาไหนที่ไม่ประสบความสำเร็จ ก็ปิดร้านง่ายๆ มีความเสียหายน้อยกว่า

ความเสี่ยง..

1.ส่วนใหญ่ร้านหนังสือตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า หากมีความไม่สงบ โรคระบาด ก็จะได้รับผลกระทบค่อนข้างมากครับ

2.ทำเลใหม่ๆ ไม่ดีเหมือนทำเลเดิมๆ เช่นในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน หรือในต่างจังหวัดเล็กๆ อาจจะมีมาร์จินที่น้อยกว่าในเมือง

3.การกีดกันพื้นที่ของกลุ่มเซนทรัล ให้กับร้านหนังสือในเครือคือ B2S อาจจะมีผลบ้างในระยะยาว ดังนั้นจะเห็นได้ว่าซีเอ็ดจะผูกติดไปกับ โลตัส หรือคาร์ฟูค่อนข้างมาก
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 10

โพสต์

แต่ที่ยังไม่มั่นใจคือซีเอ็ดมี brand royalty  หรือเปล่า

เพือนๆหากคิดถึงร้านหนังสือ คิดถึงซีเอ็ดหรือเปล่าครับ :?:
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
hot
Verified User
โพสต์: 6853
ผู้ติดตาม: 0

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ก็ไม่เชิงนะคับ  
เพียงแต่สาขามีให้เห็นและสะดวกมากขึ้น

ถ้าดูด้วยตา  ผมว่าเป็นร้านเดียวที่ผมเห็นสาขาเขา
บ่อยที่สุดนะคับฮิ
Tiger
Verified User
โพสต์: 593
ผู้ติดตาม: 0

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ลูกอิสาน เขียน:SE-ED น่าจะเป็นหุ้นที่ดีตัวนึงนะครับ
มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ

1.หุ้นเติบโตปานกลางถึงเร็วอย่างแท้จริง ทั้งยอดขายและกำไร แม้บางปีกำไรจะสะดุดไปบ้าง ซึ่งผมไม่ทราบสาเหตุ
สาเหตุที่กำไรสะดุดที่ผมทราบมา เรื่องก็มีอยู่ว่า

1. บางสาขาที่ลงทุนแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ต้องปิดทิ้ง
2. บางโมเดล ที่ลงทุนไม่ประสบความสำเร็จ
จึงต้องทำการปรับร้านที่มีอยู่ในโมเดลนั้นทั้งหมด

สุดท้ายก็คงไว้กับสาขาที่มีศักยภาพอย่างที่เห็นครับ
ต้องเรียนรู้ให้ได้
Li .. Zhi .. Ren
Kao
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 1257
ผู้ติดตาม: 0

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 13

โพสต์

สงสัยเพื่อนๆในเว็บช่วยกันเชียร์ช่วยกันซื้อแน่เลย ราคาถึงขึ้นไม่หยุด
:lol:
"Price is what you pay. Value is what you get."
tech
Verified User
โพสต์: 331
ผู้ติดตาม: 0

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 14

โพสต์

[quote="ลูกอิสาน"]แต่ที่ยังไม่มั่นใจคือซีเอ็ดมี brand royalty
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 15

โพสต์

Tiger เขียน: สาเหตุที่กำไรสะดุดที่ผมทราบมา เรื่องก็มีอยู่ว่า

1. บางสาขาที่ลงทุนแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ต้องปิดทิ้ง
2. บางโมเดล ที่ลงทุนไม่ประสบความสำเร็จ
จึงต้องทำการปรับร้านที่มีอยู่ในโมเดลนั้นทั้งหมด

สุดท้ายก็คงไว้กับสาขาที่มีศักยภาพอย่างที่เห็นครับ
ขอบคุณครับน้องเสือ
เพิ่งทราบเหตุผลเหมือนกันครับ
หวังว่าคงไม่สะดุดบ่อยๆนะครับ

คุณทนงให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า ได้ทำการปรับปรุงระบบภายใน จนทำให้มีมาร์จินสูงขึ้น เป้าหมายในระยะยาวต้องการทำให้ใด้ที่ 10% ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้หรือเปล่าธุรกิจขายหนังสือ กับมาร์จินสุทธิที่ 10%  :roll:
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
worapong
Verified User
โพสต์: 929
ผู้ติดตาม: 0

ผมว่านะ...

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ลูกอิสาน เขียน:ผมเคยคิดว่าสถานการณ์การเมืองเป็นอย่างไร
จะทำให้คนอ่านหนังสือมากขึ้น อย่างน้อยหนังสือพิมพ์
แต่ที่คุณทนงให้สัมภาษณ์ ดูเหมือนว่าบ้านเมืองเป็นอย่างนี้
ทำให้คนหมดอารมณ์เดินห้าง หนังสือก็ขายได้น้อยลงครับ (สาเหตุนี้ ผมเดาด้วยว่าอัตราการเกิดของประชากร อีก 8-9 เดือนจะลดลงด้วย :lol: )

ผลตอบแทนเงินปันผลที่น้องเสือคำนวณ น่าจะยังไม่รวมเครดิตภาษี หากรวมไปด้วยจะมากกว่า 10% สำหรับคนที่เครดิตได้เต็มครับ
เรื่องอื่นไม่รู้นะครับ แต่ถ้าคนไม่ออกนอกบ้าน น่าจะทำให้อัตราการเกิดของประชากรสูงขึ้นนะครับ เพราะน่าจะอยู่บ้านมากขึ้น และใช้เวลาสร้างประชากรกันมากขึ้นครับ :twisted:  :twisted:  :twisted:
margin of safety
circle of competence
waiting for the perfect pitch
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 17

โพสต์

หุ้นดีต้องเอามาเชียร์ครับ :D
เพื่อนๆจะได้รู้จักหุ้นตัวนั้น
ส่วนผลกำไรก็แบ่งๆกัน ได้กันทุกคน


ไม่อยากคิดครับว่า SE-ED จะเป็น 7-11 ไม่งั้นคงไม่อยู่ที่ราคานี้ :roll:
แต่ที่จริงก็คล้ายๆกัน ต่างกันที่สินค้าที่ขาย ความจำเป็น และความถี่ในการซื้อ


ถ้าวิเคราะห์ความสามารถในการแข่งขัน พลังทั้ง 5 ของ Michael E. Potter

1.ภัยคุกคามจากผู้เล่นใหม่ๆ  ประเด็นนี้ให้คะแนนปานกลาง มีคู่แข่งที่เป็นเจ้าของพื้นที่เช่น B2S ของเซนทรัล บุคสไมล์ของ 7-11 หรือนายอินทร์ที่อัมรินทร์มีสำนักพิมพ์เอง  ส่วนรายอื่นๆ จะมาสู้ได้ยากมาก ยกเว้น discount store จะลงมาเล่นเอง

2.ภาวะการแข่งขันด้านราคา ให้คะแนนสูง  เพราะคงไม่มีใครลดราคาได้ตลอด คนซื้อก็ดูที่ความสะดวกมากกว่า

3.สินค้าทดแทน ให้คะแนนสูงมาก  on line book คงจะทดแทนหนังสือจริงๆไม่ได้

4.อำนาจต่อรองของลูกค้า ให้คะแนนสูง ลูกค้ารายย่อย ไม่มีอำนาจต่อรอง

5.อำนาจต่อรองของผู้ป้อนวัตถุดิบ ให้คะแนนสูง เพราะซีเอ็ด มีปกหนังสือของตัวเอง ส่วนที่ซื้อมาขาย ก็มีอำนาจต่อรองมากเพราะมียอดขายสูงสุด ขายไม่หมดก็ส่งคืน
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 18

โพสต์

ดิฉันว่า ยังไปได้ เติบโต ในแบบไม่หวือหวา (ขึ้นอยู่กะการขยายสาขา มากน้อย ช้า เร็ว ด้วย)

แต่เชื่อว่า ทิศทาง ยังคงไป ในลักษณะ เติบโต

เหตุผลง่ายๆ ที่เชื่อเช่นนั้น
1  เพราะเขาเป็น หนึ่งในผู้นำ ที่จะก้าวมาแทน วิถีของ การซื้อหนังสือ จากร้านหนังสือ รายย่อย(แบบเดิมๆ) ,ร้านย่อยๆ กำลังสูญพันธุ์ ,แต่ไม่ใช่เพราะคนเลิกอ่านหนังสือ แต่เพราะ วิถีชีวิต การจับจ่าย ที่เปลี่ยนไป

2  ไทยเรา ยังคงจัดอยู่ใน ระดับ ประเทศ กำลังพัฒนา ที่เพิ่งจะ พยายาม กระเสือกกระสน สลัด ให้พ้น จากคำว่า ด้อยพัฒนา ,และ การอ่าน การใฝ่รู้ ย่อมเป็นสิ่งที่เติบโตไป ควบคู่ กับ พฤติกรรมการดิ้นรน นั้น ..ไม่มากก็น้อย

:D
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 19

โพสต์

คิดๆดูแล้วความสามารถในการแข่งขันก็ดีมานานแล้ว
แต่ไหงตอน 4.8 บาท ไม่กล้าซื้อ ตอนนั้นคิดอะไรไม่ค่อยออก
พอราคาขึ้นมา ค่อยคิดได้   :lovl:  :lovl:


ดู P/E ของหุ้นโตเร็วครับ

bh-22
cawow -20
major-26
mint-24
hmpro-16
it-15
robins-12
ticon-14
se-ed-13

ถ้าเปรียบเทียบกับ growth ผมคิดว่าตลาดให้ราคาซีเอ็ดน้อยไปมากครับ
อย่าลืมว่าซีเอ็ดไม่รบกวนเงินของผู้ถือหุ้น และยังมีปันผลค่อนข้างสูง หรือเป็นเพราะมูลค่าตลาดเล็กไปครับ :idea:
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 20

โพสต์

จริงๆ ตัวนี้ ดิฉันวางแพลนไว้ ให้เป็นหนึ่งในกองกลาง ของทีม(พอร์ท)
แต่ตอนเก็บ เห็นว่า มันยังเนิบนาบอยู่ เลยเต๊าะมาได้ จึ๋งเดียว  :oops:
แล้วมัวแต่ห่วงไปฟัด กะกองหน้า (เจ้าตัวฝีเท้าเร็ว)กลัวเก็บ กองหน้าไม่ทัน

หันมาอีกที เจ้ากองกลาง จ้ำพรวดๆๆๆ  :'O

หุ้นนี่ บทมันจะขึ้น ก็ไม่สนอ่ะ ไดเวอเจ๊ง ก็ไม่ลง การเมืองไร ไม่มีผล ตลาดแย่ๆนี่ ทำไรมันไม่ได้จริงๆ

:la: เคียดนะนี่ เพิ่งค้นพบว่า หุ้นขึ้น นี่ก็ทำให้เคียดหลายเด้อได้ เหมือนกัน

:la:  :la:  :la:
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 21

โพสต์

[quote="007-s"]หุ้นนี่ บทมันจะขึ้น ก็ไม่สนอ่ะ ไดเวอเจ๊ง ก็ไม่ลง การเมืองไร ไม่มีผล ตลาดแย่ๆนี่ ทำไรมันไม่ได้จริงๆ

:la: เคียดนะนี่ เพิ่งค้นพบว่า หุ้นขึ้น นี่ก็ทำให้เคียดหลายเด้อได้ เหมือนกัน

:la:
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 22

โพสต์

:bow:
ขอบคุณค่ะ ท่านพี่ลูกอิสาน และข้อคิดของ ท่านพี่ครรชิต

แต่ยังไม่หายเคียดค่ะ  :la: เพราะหลังจากเราทำใจ ปล่อยผ่านแล้ว
ขั้นตอนต่อไปคือ ต้องไขว่คว้า หาตัวใหม่ (ถ้าตัวเก่าไม่ลงจริงๆ :lol: )
มันเลย ต้องเคียดต่อ :la:  :la: ใช้หมองๆๆๆ

ต้องเคาะหมองอีกรอบ  :wall:  :wall:
ประจวบ
Verified User
โพสต์: 304
ผู้ติดตาม: 0

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 23

โพสต์

อย่าเครียดเลยครับ
นับจากปี45
se-ed ขึ้นๆลงๆอย่างนี้
มา2-3รอบแล้วครับ
หนักแน่นในแนวทางviพันธ์แท้
pk8
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 481
ผู้ติดตาม: 0

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 24

โพสต์

พูดถึงแนวโน้มของร้านหนังสือเก็บมาฝากครับ
จาก Bangkokbizweek ฉบับ 19 สิงหาคม 2548
www.bangkokbizweek.com

'ขาลง' ร้านหนังสืออิสระ ปรับตัวรับมือเชนสโตร์

จีราวัฒน์ คงแก้ว / [email protected]
เชน 'ร้านหนังสือ' กำลังรุกสร้างเครือข่ายพื้นที่ในต่างจังหวัด ศึกใหญ่ที่ร้านหนังสือภูธรอิสระต้องรับมือ ก่อนธุรกิจดั้งเดิมจะ 'ตาย'

ทุกธุรกิจ เมื่อยักษ์ใหญ่ขยับ ธุรกิจเล็กเตรียมดับ หากไม่ปรับตัว

เช่นกันธุรกิจร้านหนังสือเล็กกำลังถูกเชนร้านหนังสือขนาดใหญ่เบียดพื้นที่ส่วนแบ่งการตลาด โดยเฉพาะพื้นที่ต่างจังหวัดกำลังเป็น 'เป้าหมาย' ใหม่ของเชนสโตร์ในการขยายธุรกิจ หลังจากพื้นที่ในเมืองหลวงใกล้ถึงจุด 'อิ่มตัว'

ขณะที่ไลฟ์สไตล์คนต่างจังหวัดไล่ตามหลังคนกรุง พฤติกรรมการซื้อหนังสือตามแฟชั่นเพิ่มปริมาณมากขึ้น

จากการรวบรวมข้อมูลร้านหนังสือของ ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด ระบุว่าร้านหนังสือสิ้นปี 2547 อยู่ที่ 759 ร้าน ขณะที่ร้านเครือข่ายเต็มรูปแบบมี 338 ร้าน คิดเป็น 45% ของทั้งหมด และถ้านำหนังสือเครือข่ายไม่เต็มรูปแบบมารวมด้วยประมาณ 60%

อย่างไรก็ตาม ในรอบปีที่ผ่านมามีร้านอิสระเปิด 32 ร้าน ปิด 32 ร้าน แสดงให้เห็นว่าร้านอิสระไม่เพิ่มขึ้น

ขณะที่ร้านเครือข่าย เปิด 129 ร้าน ปิด 19 ร้าน

ทนง โชติสรยุทธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น เชื่อว่า ร้านเครือข่ายจะชูธงเปิดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ ร้านหนังสือเครือข่ายเต็มรูปแบบ 5 ราย ได้แก่ ซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์ บีทูเอส นายอินทร์ บุ๊คสไมล์ และศูนย์หนังสือจุฬา คาดว่าปี 2548 ร้านเครือข่ายจะเปิดอีก 140-180 สาขา

และในอีก 2-3 ปีข้างหน้าเชนร้านหนังสือจะมีสัดส่วนมากถึง 64-69% และครองส่วนแบ่งการขาย 60%

'เขต เส็งพานิช' กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัมรินทร์บุ๊คเซ็นเตอร์ จำกัด เจ้าของ 'ร้านนายอินทร์' ร้านหนังสือยอดฮิตที่การันตีด้วยแฟนคลับล้นหน้าร้านในงานสัปดาห์หนังสือทุกๆ ครั้ง กล่าวสนับสนุนการขยายตัวของร้านหนังสือเจ้าใหญ่ไปยังต่างจังหวัดเช่นกัน

เขาบอกเราว่า ทุกวันนี้ถ้าเทียบสัดส่วนจำนวนคนอ่าน กับยอดขายหนังสือถือว่ายังต่ำมาก ตลาดมีโอกาสเติบโตได้อีกมากมายโดยเฉพาะกับลูกค้าในต่างจังหวัด ทำให้หลายๆ ค่าย เลือกที่จะต่อยอดสาขาไปยังจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ๆ กระนั้นก็ยังพบว่า ยังมีช่องว่างอีกมากมายที่ไม่ถูกเติมเต็ม จึงเป็นหน้าที่ที่ทุกๆ ค่ายจะค้นหาโอกาสนั้นให้เจอแล้วเข้าไปทำตลาด

'การขยายสาขาเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรถือว่ายังทำได้อีกมาก โดยเฉพาะกับบางจังหวัดที่ยังไม่ถูกมองเห็น ทั้งที่มีโอกาส นั่นเพราะเชนใหญ่ๆ มักคิดว่าไม่น่าจะมีการตอบรับที่ดี ยกตัวอย่างพะเยา ซึ่งเป็นตลาดที่น่าสนใจมาก เพราะมีความต้องการแต่ขาดการตอบสนอง เราเองก็ลงไปขยายแฟรนไชส์ในจังหวัดนี้

อีกหนึ่งปัจจัยที่มองว่าเป็นโอกาสก็คือ ร้านหนังสือท้องถิ่นที่มีอยู่ไม่ได้ปรับตัวเองเท่าไร หรือปรับตัวแล้วแต่ก็ยังไปสนองความต้องการของนักอ่านไม่ได้มากนัก นั่นจึงเป็นโอกาสที่เราจะเข้าไปทำตลาด'

การขาดการพัฒนาของร้านหนังสือเล็กๆ กลายเป็น 'จุดอ่อน' ที่ถูกเชนร้านหนังสือโจมตีโดยง่าย

'Mr.QC' คอลัมนิสต์ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ บรรณาธิการของสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์บุ๊ค ใช้ประสบการณ์ที่ได้เดินทางไปสำรวจร้านหนังสือต่างจังหวัด บอกเราว่า ทุกวันนี้ร้านหนังสือใหญ่ๆ จากกรุงเทพฯเข้าไปทำตลาดในต่างจังหวัดเยอะมาก ตามความเจริญของชุมชนเมือง โดยเฉพาะเข้าไปทางห้างสรรพสินค้า รองรับความสะดวกสบายของชีวิตที่ทันสมัยขึ้น ร้านหนังสือท้องถิ่นที่ไม่ปรับตัวจึงอยู่อย่างลำบาก

ขนาดที่เขาใช้คำว่า 'รอดยาก' เพราะยุคนี้เป็น 'ขาลง' ของร้านหนังสือภูธร ร้านที่ยังอยู่นับวันก็จะมีอายุสั้นลงเรื่อยๆ

'ร้านหนังสือต่างจังหวัดจะอยู่ลำบากขึ้นมาก เพราะคู่แข่งไม่ใช่ร้านแบบเดียวกันเท่านั้น ยังรวมถึงเจ้าใหญ่ๆ ที่ลงไปอย่าง ซีเอ็ด B2S ร้านนายอินทร์ รวมถึงที่หลายคนอาจมองข้าม อย่าง เซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งจะเป็นคู่แข่งสำคัญสำหรับหนังสือ พวก Best Seller เรียกว่าหนังสือเพียงปกเดียวก็อาจเป็นตัวแปรให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของร้านหนังสือได้ ร้านท้องถิ่นจึงต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด'

เขาบอกเราว่า ทุกวันนี้ ร้านหนังสือที่จะอยู่รอดได้ ต้องพัฒนาระบบการจัดการของร้านใหม่ โดยอาจดึงระบบจากส่วนกลางลงไปใช้ เพื่อทำให้ระบบบริหารจัดการ ระบบบัญชี มีศักยภาพ และทันสมัยมากขึ้น

นั่นหมายถึงอาจจะต้องใช้เงินลงทุนจำนวนหนึ่ง เพื่อซื้อแฟรนไชส์ หรือการซื้อระบบการจัดการ และประสบการณ์ที่เหนือกว่าไปปรับ

นี่คือ แนวทางสำหรับร้านที่ต้องการ 'ร่นเวลา' และต้องการ 'อยู่รอด'

แต่ใช่ว่าร้านหนังสือท้องถิ่นจะเสียเปรียบทุกประตู

ความเล็ก ยืดหยุ่น เข้าถึงรากหญ้าได้มากกว่า เป็น 'จุดแข็ง' ของร้านหนังสือเล็กๆ ที่น่าจะดึงออกมาปรับเพื่อสร้างความได้เปรียบเช่นกัน

Mr.QC บอกว่า หลายร้านได้ปรับรูปแบบบริการของตัวเองให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น เช่น การทำตลาดในต่างอำเภอ โดยเข้าไปตามโรงเรียนและหน่วยงานต่างๆ เพื่อขายหนังสือให้โดยตรง รวมถึงการใช้ระบบเช่าหนังสือ

นอกจากนี้ก็คือการดึงหนังสือที่ขายได้ดีอย่างพวกการ์ตูนเข้ามาขายมากขึ้น

'การปรับตัวของร้านท้องถิ่น คือต้องเอาหนังสือแบบเรียนเพิ่มเข้าไป รวมถึงอาศัยพวกหนังสือการ์ตูนสำหรับดึงตลาดเด็กและเยาวชน เรียกว่าทำให้อยู่รอดได้ แต่ไม่โตนัก ตอนนี้แต่ละร้านก็เหมือนดูอาการไปก่อน ส่วนอนาคตอีกสักปี ร้านที่อยู่ได้ก็คงต้องขายหนังสือพิมพ์อย่างเดียว แล้วก็รีดหนังสือเล่มออกไปเพราะไม่สามารถให้ส่วนลดได้เหมือนเจ้าใหญ่'

แม้จะอยู่ในการแข่งขันที่ลำบาก แต่ก็ยังมีหลายร้านที่ปรับตัวได้ และกลายเป็นตัวอย่างสำคัญของร้านหนังสือเจ้าถิ่น เขายกตัวอย่าง ความสำเร็จของร้านหนังสือ 2 ร้าน ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าสนใจ

'ร้านนายเอี่ยว ที่นครศรีธรรมราช เป็นตัวอย่างที่ดีของร้านที่ปรับตัวเร็วมาก เริ่มจากการดึงเอาพวกการ์ตูนลงมาขายในร้าน แล้วใช้ระบบขายตรงไปตามอำเภอต่างๆ เรียกว่าเอาจุดแข็งของร้านท้องถิ่นมาใช้จริงๆ พวกเขาจึงอยู่รอดมาได้

อีกร้านก็ สุริวงศ์ บุ๊คเซ็นเตอร์ เชียงใหม่ ที่ได้เปรียบตรงมีทั้งทุนแล้วก็กึ๋น โดยดึงเอาระบบการจัดการจากต่างประเทศเข้ามาใช้ ถ้าไปดูที่ร้านจะเห็นเลยว่า มีความทันสมัยเหมือนร้านในเมืองนอก นำหน้าพวกร้านใหญ่ๆ ในกรุงเทพฯ ด้วยซ้ำไป ทั้ง 2 ร้านจึงยังอยู่ได้อย่างดี และเป็นตัวอย่างที่ร้านท้องถิ่นรายอื่นๆ จะเอาไปปรับใช้เพื่อให้อยู่รอดต่อไปได้'

เมื่อการแข่งขันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การปรับตัวจึงเป็นทางออกเดียวที่เจ้าถิ่น 'ร้านหนังสือภูธร' จะรักษาพื้นที่ของตัวเองไว้ได้ต่อไป

โค้ด

ยุคนี้เป็น 'ขาลง' ของร้านหนังสือภูธร ร้านที่ยังอยู่นับวันก็จะมีอายุสั้นลงเรื่อยๆ

:D
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

ประมาณกำไรปีนี้ของ SE-ED

โพสต์ที่ 25

โพสต์

จาก bkk วันนี้ครับ

http://www.bangkokbiznews.com/2006/03/1 ... d=20191781
นางกาญจนา เจริญวงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานขายและจัดจำหน่าย บริษัท ซีเอ็ด ยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับงานสัปดาห์หนังสือในปีนี้นั้น บริษัทเตรียมจัดกลยุทธ์กระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคมากกว่าปีที่ผ่านมาอย่างชัดเจน โดยเตรียมทุ่มงบ 1-2 แสนบาท จัดโปรโมชั่นสมนาคุณหนังสือคุณภาพดีและสินค้าพรีเมียมแก่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าตั้งแต่ 300 บาทขึ้นไป รวมถึงลดราคาหนังสือกว่า 50-80%

นอกจากนี้ยังเตรียมนำหนังสือในเครือ มาเปิดตัวในงานไม่ต่ำกว่า 10 ปก เชื่อว่าจะสามารถช่วยกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมงานได้ในระดับหนึ่ง แม้แนวโน้มผู้เข้าร่วมงานปีนี้จะน้อยกว่าปีก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าการโปรโมชั่นดังกล่าวจะกระตุ้นลูกค้าที่เข้าร่วมงานให้มียอดซื้อต่อคนต่อบิลเฉลี่ย 1,000 บาทเทียบเท่ากับปีที่ผ่านมา

ซีเอ็ดเผยการเมืองกระทบยอด 3 เดือนหด5%

นางกาญจนา กล่าวว่า ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เกิดภาวะปัญหาทางด้านการเมืองต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนให้ความสนใจแต่การติดตามข่าวคราวเรื่องการเมือง จนทำให้อัตราการเดินเข้าร้านหนังสือของผู้บริโภคลดลงอย่างเห็นได้ชัดทั้งช่องทางจำหน่ายในห้างและไฮเปอร์มาร์เก็ตที่เคยมีคนเข้าร้านจำนวนมาก

โดยหนังสือกลุ่มพอคเก็ตบุ๊คได้รับความสนใจน้อยลงจากตลาดอย่างชัดเจน แม้ว่าจะมีการเปิดตัวหนังสือใหม่อย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมาก็ตาม ทำให้ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมายอดจำหน่ายหนังสือโดยรวมลดลงไม่ต่ำกว่า 5%

"หนังสือพิมพ์ เป็นสิ่งพิมพ์เดียวที่มียอดขายสูงสุด และขายได้หมดเร็วกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดพฤติกรรมลูกค้าจะไม่เดินในร้าน แต่จะสำรวจแผงหน้าร้านเพื่อซื้อหนังสือพิมพ์ ทำให้ในร้านเงียบทุกสาขาก็ว่าได้" นางกาญจนา กล่าว
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
โพสต์โพสต์