คือว่าผมอ่านหนังสือเรื่องกลยุทธ์หุ้นห่านทองคำ ของคุณ เทพ รุ่งธนาภิรมย์ (พิมพ์ครั้งที่3) แล้วเกิดมีจุดที่ยังไม่เข้าใจเล็กน้อยครับ
มีคำถามดังนี้ครับ
1. (หน้า 45 ในหนังสือ) ที่ว่าทุกครั้งก่อนลงมือซื้อหุ้นจงระลึกไว้ว่าราคาทีเหมาะสมต่อการลงทุนซึ่งสะท้อนความพึงพอใจในขนาดของไข่ทองคำ หรือผลตอบแทนจากการลงทุนมาจาก เงินปันผล หารด้วยขนาดของไข่(yield) ที่ต้องการ
ราคาที่ควรซื้อ <= (เงินปันผล/ขนาดของไข่(yield))
คือผมไม่ทราบว่าเงินปันผลนี่คือตัวเลขอะไรอ่ะครับผม เป็นปันผลต่อหุ้นหรืออะไรอ่ะครับ
2. (หน้า 66 ในหนังสือ ย่อหน้าที่ 3) ถ้าเราอยากทราบความสามารถในการทำกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีต่อทรัพย์สินเป็นอย่างไรนั้น ดูได้จากการนำเอา EBIT หารด้วย ทรัพย์สินรวม
คือตัวเลขที่ได้ออกมาหมายความว่าอย่างไรครับ มากดีหรือน้อยดี หรืออย่างไร พอดีในหนังสือไม่ได้เขียนอธิบายไว้อ่ะครับ
3. (หน้า 67 ในหนังสือ ย่อหน้าที่ 6) บางบริษัท นักลงทุนนิยม วัดอัตราส่วนของเงินสดต่อหุ้น ด้วยการนำเอาผลบวกของ เงินสด เงินฝากธนาคาร และเงินลงทุนระยะสั้น ลบด้วย หนี้สิน จากนั้นหารด้วย จำนวนหุ้นทั้งหมด
((เงินสด+เงินฝากธนาคาร+เงินลงทุนระยะสั้น)-หนี้สิน)/จำนวนหุ้นทั้งหมด =xxx บาทต่อหุ้น
ตัวอย่างเค้าว่าไว้ว่า"ผมได้ลงทุนในหุ้นตัวหนึ่ง เมื่อคำนวนหาอัตราส่วนเงินสดต่อหุ้นแล้วได้เท่ากับ 34 บาท ในขณะทีราคาหุ้นในกระดานเท่ากับ 62 บาทต่อหุ้น" อย่างนี้เท่ากับว่าผมซื้อหุ้นนั้นในราคา 28 บาทเท่านั้นเองครับ
อืมคือผมยังไม่เข้าใจกระจ่างอ่ะครับว่าข้อความในตัวอย่างได้หุ้นมาในราคา(เทียบเท่า) 28 บาท แต่ว่าคิดว่า 62 ต้องลบ 34 แน่ ๆ แต่ก็ยังไม่เข้าใจความหมายครับ
ครับขอรบกวนถามผู้รู้ช่วยอธิบายหน่อยครับผม ผมไม่เก่งเลขเลย หัวก็ไม่ดี แค่นี้ก็ยังไม่เข้าใจ ตอบซักข้อก็ยังดีครับ ขอบพระคุณล่วงหน้าด้วยครับ
รบกวนถามท่านผู้รู้หน่อยครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามท่านผู้รู้หน่อยครับ
โพสต์ที่ 2
1. ราคาที่ควรซื้อ <= (เงินปันผล/ขนาดของไข่(yield))
เงินปันผลต่อหุ้นครับ ..สูตรนี้จะใช้ได้ต้องพอคาดการณ์ได้ว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลในระดับนี้สม่ำเสมอ และเราต้องการ Yield ในระดับที่สม่ำเสมอด้วย
ปีก่อนๆ ดอกเบี้ยเงินฝาก 1% หุ้นที่ได้ Yield 5% ถือว่าดีแล้ว แต่วันนี้ดอกเบี้ยเงินฝาก 5.125% (BBL) ถ้ามองหาหุ้นที่ได้ Yield 5% โดยไม่มีอะไรนอกจากนั้นคงไม่ดีแน่
ปกติเค้าดูอัตราส่วนนี้คร่าวๆ พอได้ไอเดีย ไม่ได้ใช้ตัดสินใจในการซื้อหุ้นครับ
2. อัตราส่วน (EBIT / Asset) มากๆดีครับ
3. เค้ามองว่าถ้าคุณซื้อหุ้นทั้งหมด 100% แล้วเข้าไปครอบครองบริษัท คุณจะได้เงินสดสุทธิในบัญชีของบริษัทกลับมาทันทีเท่าไหร่ครับ แล้วจากนั้นก็มาหารจำนวนหุ้น ..วิธีมองแบบนี้เหมาะกับหุ้นที่มีเงินท่วมจริงๆ และเงินนั้นไม่มีแผนเอาไปใช้อะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนี้สินนอกงบดุล (พวกการค้ำประกัน สัญญาเช่าซื้อ สัญญาจะซื้อจะขาย(อสังหา) ฯลฯ)
อีกอย่าง ..ถ้าหุ้นราคา 62 มีเงินสด 34 ถือว่าพอจะมองวิธีนี้ได้ แต่ถ้าหุ้นราคา 200 บาทมีเงินสด 34 บาท ไม่ควรคิดเป็นส่วนลด เพราะไม่มากอย่างมีนัยยะครับ
ห่านทองคำ เป็นหนังสือที่ดีครับ แต่มีข้อควรพิจารณาต่อเนื่องอีกมาก ถ้าลุยซื้อหุ้นตามนั้นเป๊ะๆ ...บางทีก็พานักลงทุนติดกับดักไปเยอะเหมือนกันครับ
เงินปันผลต่อหุ้นครับ ..สูตรนี้จะใช้ได้ต้องพอคาดการณ์ได้ว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลในระดับนี้สม่ำเสมอ และเราต้องการ Yield ในระดับที่สม่ำเสมอด้วย
ปีก่อนๆ ดอกเบี้ยเงินฝาก 1% หุ้นที่ได้ Yield 5% ถือว่าดีแล้ว แต่วันนี้ดอกเบี้ยเงินฝาก 5.125% (BBL) ถ้ามองหาหุ้นที่ได้ Yield 5% โดยไม่มีอะไรนอกจากนั้นคงไม่ดีแน่
ปกติเค้าดูอัตราส่วนนี้คร่าวๆ พอได้ไอเดีย ไม่ได้ใช้ตัดสินใจในการซื้อหุ้นครับ
2. อัตราส่วน (EBIT / Asset) มากๆดีครับ
3. เค้ามองว่าถ้าคุณซื้อหุ้นทั้งหมด 100% แล้วเข้าไปครอบครองบริษัท คุณจะได้เงินสดสุทธิในบัญชีของบริษัทกลับมาทันทีเท่าไหร่ครับ แล้วจากนั้นก็มาหารจำนวนหุ้น ..วิธีมองแบบนี้เหมาะกับหุ้นที่มีเงินท่วมจริงๆ และเงินนั้นไม่มีแผนเอาไปใช้อะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนี้สินนอกงบดุล (พวกการค้ำประกัน สัญญาเช่าซื้อ สัญญาจะซื้อจะขาย(อสังหา) ฯลฯ)
อีกอย่าง ..ถ้าหุ้นราคา 62 มีเงินสด 34 ถือว่าพอจะมองวิธีนี้ได้ แต่ถ้าหุ้นราคา 200 บาทมีเงินสด 34 บาท ไม่ควรคิดเป็นส่วนลด เพราะไม่มากอย่างมีนัยยะครับ
ห่านทองคำ เป็นหนังสือที่ดีครับ แต่มีข้อควรพิจารณาต่อเนื่องอีกมาก ถ้าลุยซื้อหุ้นตามนั้นเป๊ะๆ ...บางทีก็พานักลงทุนติดกับดักไปเยอะเหมือนกันครับ