พี่ครรชิตครับ มีข้อมูล TCP บ้างมั้ยครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับ มีข้อมูล TCP บ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 3
สรุปว่า ปูนซิเมนต์ ซื้อหุ้นเข้าไปเรียบร้อยแล้วนะครับ เรียกได้ว่าปูนซิเมนต์ไทยจะ dominate ตลาดกระดาษในประเทศไทยแล้วก็ว่าได้ ปีหน้า TCP จะได้เงินสนับสนุนจากปูนในการปรับปรุงและขยายการผลิตให้ดีขึ้น กำไรจะเป็นแบบก้าวกระโดด รอรับเมื่อเห็นราคาอ่อนตัวลงมานะครับ
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4637
- ผู้ติดตาม: 1
พี่ครรชิตครับ มีข้อมูล TCP บ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 4
ต้องทำใจครับ ช่วงนี้ ราคามันลงเกือบทั้งตลาด
วันนี้ TCP เก่ง ตอนนี้ยังยืน 22.6 อยู่ได้ เขาแดงกันเกือบหมด
วันนี้ TCP เก่ง ตอนนี้ยังยืน 22.6 อยู่ได้ เขาแดงกันเกือบหมด
แก้ไขล่าสุดโดย ครรชิต ไพศาล เมื่อ ศุกร์ พ.ย. 21, 2003 3:38 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับ มีข้อมูล TCP บ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 6
คุณ Nominee ครับ
ปูนเข้าถือหุ้นเต็มแล้วหรือยังถือแค่ 30% อยู่ครับ
ถ้ายังถือ 30% ก็น่าลุ้นนะครับว่าจะเข้าซื้อเพิ่มอีก
เพราะได้ยินมาว่าคุณภาพเครื่องจักรของ TCP นั้น
ดีกว่าของปูนพอสมควรทีเดียวครับ
น่าจะเกิด Synergy ได้มาก ถ้ารวมกันได้
ปูนเข้าถือหุ้นเต็มแล้วหรือยังถือแค่ 30% อยู่ครับ
ถ้ายังถือ 30% ก็น่าลุ้นนะครับว่าจะเข้าซื้อเพิ่มอีก
เพราะได้ยินมาว่าคุณภาพเครื่องจักรของ TCP นั้น
ดีกว่าของปูนพอสมควรทีเดียวครับ
น่าจะเกิด Synergy ได้มาก ถ้ารวมกันได้
-
- Verified User
- โพสต์: 222
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับ มีข้อมูล TCP บ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 7
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานการได้
มา หุ้นของไทยเคนเปเปอร์ (listed company) โดย บมจ.เยื่อกระดาษสยาม ซึ่งเป็นการได้มา
เมื่อวันที่ 28/03/2546 จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาคิดเป็น 40.00% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่
จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น 40.00% ของจำนวนหลัก
ทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
พี่CKคะ
SPPนี่เป็นบริษัทลูกของSCC หรือเปล่าคะ
ถ้าใช่ก้อแปลว่ารับไป40% แล้วค่ะ
มา หุ้นของไทยเคนเปเปอร์ (listed company) โดย บมจ.เยื่อกระดาษสยาม ซึ่งเป็นการได้มา
เมื่อวันที่ 28/03/2546 จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาคิดเป็น 40.00% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่
จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น 40.00% ของจำนวนหลัก
ทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
พี่CKคะ
SPPนี่เป็นบริษัทลูกของSCC หรือเปล่าคะ
ถ้าใช่ก้อแปลว่ารับไป40% แล้วค่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 222
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับ มีข้อมูล TCP บ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 8
แล้วก้อแจกวอร์....เมื่อเดือนเมย. ค่ะ
TCP รายงานผลการจัดสรรวอร์แรนต์ 9.9 ล้านหน่วย บสท.รับมากสุด 4.4 ล้านหน่วย
บมจ.ไทยเคนเปเปอร์ (TCP) รายงานผลการขายใบสำคัญแสดงสิทธิจำนวน
9,999,999 หน่วย ราคา 0 บาท สามารถขายได้ทั้งหมด โดยจัดสรรให้กับ
1. บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย(บสท.) 4,496,770 หน่วย
2. ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย 947,120 หน่วย
3. กองคลัง กรมบังคับคดี 176,281 หน่วย
4. บริษัทบริหารสินทรัพย์พลอย จำกัด 587,709 หน่วย
5. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 712,038 หน่วย
6. ธนาคารแสตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธน จำกัด (มหาชน) 62,887 หน่วย
7. บริษัทเงินทุน กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) 381,561 หน่วย
8. บริษัทเงินทุน ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) 380,607 หน่วย
9. บริษัทบริหารสินทรัพย์ เอ็น เอฟ เอส จำกัด 1,746,278 หน่วย
10. บริษัทบริหารสินทรัพย์ จตุจักร จำกัด 381,561 หน่วย
11. กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 127,187 หน่วย
TCP รายงานผลการจัดสรรวอร์แรนต์ 9.9 ล้านหน่วย บสท.รับมากสุด 4.4 ล้านหน่วย
บมจ.ไทยเคนเปเปอร์ (TCP) รายงานผลการขายใบสำคัญแสดงสิทธิจำนวน
9,999,999 หน่วย ราคา 0 บาท สามารถขายได้ทั้งหมด โดยจัดสรรให้กับ
1. บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย(บสท.) 4,496,770 หน่วย
2. ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย 947,120 หน่วย
3. กองคลัง กรมบังคับคดี 176,281 หน่วย
4. บริษัทบริหารสินทรัพย์พลอย จำกัด 587,709 หน่วย
5. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 712,038 หน่วย
6. ธนาคารแสตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธน จำกัด (มหาชน) 62,887 หน่วย
7. บริษัทเงินทุน กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) 381,561 หน่วย
8. บริษัทเงินทุน ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) 380,607 หน่วย
9. บริษัทบริหารสินทรัพย์ เอ็น เอฟ เอส จำกัด 1,746,278 หน่วย
10. บริษัทบริหารสินทรัพย์ จตุจักร จำกัด 381,561 หน่วย
11. กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 127,187 หน่วย
-
- Verified User
- โพสต์: 222
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับ มีข้อมูล TCP บ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 9
แจกแล้วใช้ซะเลย
บริษัท ไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) รายงานว่า เดือน มิ.ย. 2546 มีจำนวนผู้ใช้สิทธิ
วอร์แรนต์ 3 ราย จำนวน 1,349,877 หน่วย จำนวนหุ้นสามัญที่ได้ 1,349,877 หุ้น โดยยังคงมีใบ
สำคัญแสดงสิทธิที่ยังไม่ได้ใช้สิทธิคงเหลือจำนวน 8,650,122 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 86.50 ของ
จำนวนใบสำคัญแสดงสิทธิที่ออกทั้งหมดในคราวนี้
บริษัท ไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) รายงานว่า เดือน มิ.ย. 2546 มีจำนวนผู้ใช้สิทธิ
วอร์แรนต์ 3 ราย จำนวน 1,349,877 หน่วย จำนวนหุ้นสามัญที่ได้ 1,349,877 หุ้น โดยยังคงมีใบ
สำคัญแสดงสิทธิที่ยังไม่ได้ใช้สิทธิคงเหลือจำนวน 8,650,122 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 86.50 ของ
จำนวนใบสำคัญแสดงสิทธิที่ออกทั้งหมดในคราวนี้
-
- Verified User
- โพสต์: 222
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับ มีข้อมูล TCP บ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 10
บทวิเคราะห์นี้เก่าตั้งแต่ 17 มิย. นะคะ
ได้ความว่ากำไรที่เห็นเพิ่มมากๆ ในไตรมาส 2 เป็นกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้
TCP น่าลงทุน หลังปรับโครงสร้างหนี้กว่า 3 พันล้านเมื่อเดือนมิ.ย.
TCP น่าลงทุน แม้ยอดขาย Q2 ลดลง จากผลกระทบโรคซารส์
แต่หลังปรับโครงสร้างหนี้ กับ บสท.เมื่อสิ้นเดือน มิ.ย. ที่ผ่าน 3,054 ล้านบาท
ส่งผลรับรู้กำไรใน Q2 ทันที 500 ล้าน คาดกำไรสุทธิ 519.2 ล้านบาท ส่วนราคา
เป้าหมายล่าสุดอยู่ที่ 17.80 บาท สูงกว่าราคาปัจจุบัน 16.3%
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์จากบล.ไซรัส เปิดเผยว่า ยอดขายไตรมาส 2/46
ของ บมจ.ไทยเคนเปเปอร์ (TCP) คาดว่าจะชะลอตัวลงจากไตรมาสแรก เนื่องจากการ
ระบาดของโรค SARS โดยคาดว่าปริมาณการขายจะลดลง 22.0% q-q แม้ว่าราคาขาย
ในประเทศจะปรับตัวขึ้นไปสูงสุดในเดือน เม.ย. พ.ค. ก็ไม่สามารถชดเชยปริมาณ
การขายที่ลดลงได้
นอกจากนี้ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นประมาณ 1% ทั้ง q-q และ y-y ก็เป็นอีก
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ยอดขายชะลอตัว เนื่องจาก TCP มีสัดส่วนการส่งออกประมาณ
30% ในปัจจุบัน
ดังนั้นเราจึงคาดว่ายอดขายในไตรมาส 2/46 จะลดลง 17.7% q-q
และ 26.6% y-y และมีกำไรจากการดำเนินงาน 19.2 ล้านบาท ลดลง 21.1% q-q
และ 76.5% y-y
บันทึกกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ 500 ล้นบาท เมื่อสิ้นเดือน มิ.ย. ที่
ผ่านมา TCP ได้ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งหมด 3,054 ล้านบาทกับบสท.ซึ่งทำให้เกิด
กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งจะบันทึกเข้ามาในไตร
มาส 2/46 เป็นผลให้คาดว่าบริษัทจะประกาศกำไรสุทธิ 519.2 ล้านบาท
คาดจ่ายปันผล 0.15 บาท/หุ้น ณ สิ้นไตรมาส 1/46 TCP ยังมีผลขาดุน
สะสมอยู่ 341.5 ล้านบาท เราเชื่อว่าบริษัทจะเริ่มมีกำไรสะสมตั้งแต่ในไตรมาส 2/46
หลังจากบันทึกกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งทำให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผล
ได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทจะไม่มีโครงสร้างการลงทุนขนาดใหญ่ แต่เราคาดว่า
กระแสเงินสดในปีนี้อาจมีเหลือไม่มากนักภายหลังการชำระดอกเบี้ยและคืนเงินต้น
จึงคาดว่า TCP จะจ่ายปันผล 0.15 บาท ซึ่งคิดเป็นผลตอบแทน 1.0% จากราคา
ปัจจุบัน
บทวิเคราะห์ระบุว่า ปัจจุบัน TCP มี PE 22.2 เท่า (ประเมินจากกำไรที่ไม่รวม
กำไรจากการปรับโครงสร้างฯ) PBV 1.0 เท่า และ EV/EBITDA 10.5 เท่า สำหรับ PE
ที่ค่อนข้างสูงในปี 2546 เนื่องจากบริษัทเพิ่งผ่านการปรับโครงสร้างทางการเงิน แต่
คาดว่า PE ในปี 2547 จะลดลงเหลือ 14.6 เท่า ส่วน PBV ลดลงเหลือเพียง 0.8 เท่า
ซึ่งต่ำกว่ากลุ่มที่มี PBV เฉลี่ย 1.0 เท่า และในเวลาที่อุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษอยู่
ในช่วงขาขึ้น หลายบริษัทก็ซื้อขายที่ PBV 1.2 เท่าได้
สำหรับ TCP เราประเมินราคาเป้าหมายที่ 17.8 บาท (PBV 1.0 เท่า ไม่รวม
รายการพิเศษ) ซึ่งสูงกว่าราคาปัจจุบัน 16.3% จึงแนะนำ ซื้อ
ได้ความว่ากำไรที่เห็นเพิ่มมากๆ ในไตรมาส 2 เป็นกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้
TCP น่าลงทุน หลังปรับโครงสร้างหนี้กว่า 3 พันล้านเมื่อเดือนมิ.ย.
TCP น่าลงทุน แม้ยอดขาย Q2 ลดลง จากผลกระทบโรคซารส์
แต่หลังปรับโครงสร้างหนี้ กับ บสท.เมื่อสิ้นเดือน มิ.ย. ที่ผ่าน 3,054 ล้านบาท
ส่งผลรับรู้กำไรใน Q2 ทันที 500 ล้าน คาดกำไรสุทธิ 519.2 ล้านบาท ส่วนราคา
เป้าหมายล่าสุดอยู่ที่ 17.80 บาท สูงกว่าราคาปัจจุบัน 16.3%
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์จากบล.ไซรัส เปิดเผยว่า ยอดขายไตรมาส 2/46
ของ บมจ.ไทยเคนเปเปอร์ (TCP) คาดว่าจะชะลอตัวลงจากไตรมาสแรก เนื่องจากการ
ระบาดของโรค SARS โดยคาดว่าปริมาณการขายจะลดลง 22.0% q-q แม้ว่าราคาขาย
ในประเทศจะปรับตัวขึ้นไปสูงสุดในเดือน เม.ย. พ.ค. ก็ไม่สามารถชดเชยปริมาณ
การขายที่ลดลงได้
นอกจากนี้ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นประมาณ 1% ทั้ง q-q และ y-y ก็เป็นอีก
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ยอดขายชะลอตัว เนื่องจาก TCP มีสัดส่วนการส่งออกประมาณ
30% ในปัจจุบัน
ดังนั้นเราจึงคาดว่ายอดขายในไตรมาส 2/46 จะลดลง 17.7% q-q
และ 26.6% y-y และมีกำไรจากการดำเนินงาน 19.2 ล้านบาท ลดลง 21.1% q-q
และ 76.5% y-y
บันทึกกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ 500 ล้นบาท เมื่อสิ้นเดือน มิ.ย. ที่
ผ่านมา TCP ได้ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งหมด 3,054 ล้านบาทกับบสท.ซึ่งทำให้เกิด
กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งจะบันทึกเข้ามาในไตร
มาส 2/46 เป็นผลให้คาดว่าบริษัทจะประกาศกำไรสุทธิ 519.2 ล้านบาท
คาดจ่ายปันผล 0.15 บาท/หุ้น ณ สิ้นไตรมาส 1/46 TCP ยังมีผลขาดุน
สะสมอยู่ 341.5 ล้านบาท เราเชื่อว่าบริษัทจะเริ่มมีกำไรสะสมตั้งแต่ในไตรมาส 2/46
หลังจากบันทึกกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งทำให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผล
ได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทจะไม่มีโครงสร้างการลงทุนขนาดใหญ่ แต่เราคาดว่า
กระแสเงินสดในปีนี้อาจมีเหลือไม่มากนักภายหลังการชำระดอกเบี้ยและคืนเงินต้น
จึงคาดว่า TCP จะจ่ายปันผล 0.15 บาท ซึ่งคิดเป็นผลตอบแทน 1.0% จากราคา
ปัจจุบัน
บทวิเคราะห์ระบุว่า ปัจจุบัน TCP มี PE 22.2 เท่า (ประเมินจากกำไรที่ไม่รวม
กำไรจากการปรับโครงสร้างฯ) PBV 1.0 เท่า และ EV/EBITDA 10.5 เท่า สำหรับ PE
ที่ค่อนข้างสูงในปี 2546 เนื่องจากบริษัทเพิ่งผ่านการปรับโครงสร้างทางการเงิน แต่
คาดว่า PE ในปี 2547 จะลดลงเหลือ 14.6 เท่า ส่วน PBV ลดลงเหลือเพียง 0.8 เท่า
ซึ่งต่ำกว่ากลุ่มที่มี PBV เฉลี่ย 1.0 เท่า และในเวลาที่อุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษอยู่
ในช่วงขาขึ้น หลายบริษัทก็ซื้อขายที่ PBV 1.2 เท่าได้
สำหรับ TCP เราประเมินราคาเป้าหมายที่ 17.8 บาท (PBV 1.0 เท่า ไม่รวม
รายการพิเศษ) ซึ่งสูงกว่าราคาปัจจุบัน 16.3% จึงแนะนำ ซื้อ
-
- Verified User
- โพสต์: 222
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับ มีข้อมูล TCP บ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 11
การใช้สิทธิวอร์ครั้งที่สองค่ะ
นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการ บริษัท ไทยเคนเปเปอร์ จำกัด
(มหาชน) (TCP)เปิดเผยว่า การใช้สิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญครั้งที่ 2 ของ
ใบสำคัญแสดงสิทธิ วันที่ 30 กันยายน 2546 มีผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิแสดง
ความจำนงขอใช้สิทธิ4 ราย 1,313,475 หน่วย จำนวนหุ้นสามัญที่ได้
1,313,475 หุ้น
โดยยังคงมีใบสำคัญแสดงสิทธิที่ยังไม่ได้ใช้สิทธิคงเหลือจำนวน
7,336,647 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 73.37 ของจำนวนใบสำคัญแสดงสิทธิ
ที่ออกทั้งหมดในคราวนี้
นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการ บริษัท ไทยเคนเปเปอร์ จำกัด
(มหาชน) (TCP)เปิดเผยว่า การใช้สิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญครั้งที่ 2 ของ
ใบสำคัญแสดงสิทธิ วันที่ 30 กันยายน 2546 มีผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิแสดง
ความจำนงขอใช้สิทธิ4 ราย 1,313,475 หน่วย จำนวนหุ้นสามัญที่ได้
1,313,475 หุ้น
โดยยังคงมีใบสำคัญแสดงสิทธิที่ยังไม่ได้ใช้สิทธิคงเหลือจำนวน
7,336,647 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 73.37 ของจำนวนใบสำคัญแสดงสิทธิ
ที่ออกทั้งหมดในคราวนี้
-
- Verified User
- โพสต์: 222
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับ มีข้อมูล TCP บ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 12
อันนี้ไม่เก่ามาก เมื่อ 28 ตค. ค่ะ
บทวิเคราะห์ บล.แอสเซทพลัส จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า ปัจจุบัน TCP ทำการ
ซื้อขายอยู่บน ราคาปิด/มูลค่าทางบัญชี (P/BV) ที่ 1.4 เท่า ขณะที่ PPPC และ AA
ซื้อขายอยู่บน P/BV ที่ 2.5 เท่า และ 2.2 เท่า ตามลำดับ
ดังนั้น เราจึงเห็นว่า TCP ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกถึงร้อยละ 34 จากระดับ
ราคาปิดเมื่อวันพุธที่ผ่านมาที่ 23.90 บาท หรือ TCP ควรจะซื้อขายบนราคา
ที่เหมาะสมที่ 32 บาทต่อหุ้น บน P/BV ที่ 1.9 เท่า จึงแนะนำให้ซื้อลง
บทวิเคราะห์ บล.แอสเซทพลัส จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า ปัจจุบัน TCP ทำการ
ซื้อขายอยู่บน ราคาปิด/มูลค่าทางบัญชี (P/BV) ที่ 1.4 เท่า ขณะที่ PPPC และ AA
ซื้อขายอยู่บน P/BV ที่ 2.5 เท่า และ 2.2 เท่า ตามลำดับ
ดังนั้น เราจึงเห็นว่า TCP ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกถึงร้อยละ 34 จากระดับ
ราคาปิดเมื่อวันพุธที่ผ่านมาที่ 23.90 บาท หรือ TCP ควรจะซื้อขายบนราคา
ที่เหมาะสมที่ 32 บาทต่อหุ้น บน P/BV ที่ 1.9 เท่า จึงแนะนำให้ซื้อลง
-
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับ มีข้อมูล TCP บ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 14
ใครได้อ่านบทวิเคราะห์ของ Syrus หลังงบไตรมาสสามออกแล้วยัง ที่บอกให้ขายหนะ คิดว่าไงบ้าง
-
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับ มีข้อมูล TCP บ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 15
Khun CK
Actually, in last few months SCC hold 40% of TCP and got rumor last month that SCC will take over TCP by tender offer at 30-32 Baht. In practical, SCC can't hold TCP stock more than 50% because SCC will be illegal due to market domination (Monopoly) rule. <SCC is the owner of Siam Craft, Phoenix Pulp, and TCP now> I heard that SCC bought 8-9% (big lot) outside the market in last month at 22-25 Baht (please check the price from other sources). It disappointed the market and got a pressure to sell it until the price drop from 25 Baht to 22 Baht last month. It means that now SCC hold 49% of TCP and manage TCP directly. The machine of TCP obsolete and need some money from SCC to renovate in next year. After that, the efficiency will be increased and make a lot of profit (if management performs na). TCP will be one of stars in next year.
Actually, in last few months SCC hold 40% of TCP and got rumor last month that SCC will take over TCP by tender offer at 30-32 Baht. In practical, SCC can't hold TCP stock more than 50% because SCC will be illegal due to market domination (Monopoly) rule. <SCC is the owner of Siam Craft, Phoenix Pulp, and TCP now> I heard that SCC bought 8-9% (big lot) outside the market in last month at 22-25 Baht (please check the price from other sources). It disappointed the market and got a pressure to sell it until the price drop from 25 Baht to 22 Baht last month. It means that now SCC hold 49% of TCP and manage TCP directly. The machine of TCP obsolete and need some money from SCC to renovate in next year. After that, the efficiency will be increased and make a lot of profit (if management performs na). TCP will be one of stars in next year.
-
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับ มีข้อมูล TCP บ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 17
Someone is trying to manipulate TCP price. Follow buy???
-
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับ มีข้อมูล TCP บ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 19
อยากมา update ข่าวให้เพื่อนๆ ที่ถือ TCP ได้ฟัง ตอนนี้มีการปรับเปลี่ยนผู้บริหารโดยเอาชาวต่างชาติออกไปแล้วเอาคนของปูนซิเมนต์ไทยเข้าไปบริหารงานแทนแล้ว ตอนนี้เสมือนว่า TCP เป็นส่วนหนึ่งของปูนเต็มตัวแล้วครับ ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ ที่ผ่านมายอดการสั่งซื้อกระดาษในประเทศเพิ่มสูงมากแต่จะกระจุกอยู่ที่สยามคราฟท์ซะส่วนใหญ่ ส่งผลให้ยอดขายในประเทศของ TCP (ซึ่งทำกำไรได้มากกว่าการส่งออกมาก) ลดลง TCP ส่งหันไปส่งออกมากขึ้น แต่เมื่อผู้บริหารเป็นปูนซิเมนต์แล้วน่าจะทำให้ TCP เปรียบเหมือนกับ Siam Craft no. 2 แน่นอนว่าย่อมส่งผลดีต่อยอดขาย(กำไรด้วย)ที่เพิ่มขึ้นในปีหน้าแน่นอน. ผมเคย post ไว้ว่ามีเครื่องจักรตัวหนึ่งที่เก่าและจะมีการอัดฉีดเงินเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้น ถ้าทำได้จริงน่าจะส่งผลให้ผลประกอบการดีขึ้นอย่างมาก
เพื่อน ๆ มีมุมมองว่าอย่างไรเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
เพื่อน ๆ มีมุมมองว่าอย่างไรเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
-
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับ มีข้อมูล TCP บ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 20
แล้วผู้บริหารคนไทยรุ่นเก่าๆยังมีหลงเหลืออยู่บ้างหรือปล่าวครับ
ได้ยินว่ารุ่นนั้นรัปประทานกันเองจนเจ๊ง ซื้อผักซื้อหญ้าซื้อดินเป็นวัตถุดิบ
เครืองไม่พังได้ไง
ได้ยินว่ารุ่นนั้นรัปประทานกันเองจนเจ๊ง ซื้อผักซื้อหญ้าซื้อดินเป็นวัตถุดิบ
เครืองไม่พังได้ไง
-
- Verified User
- โพสต์: 222
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับ มีข้อมูล TCP บ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 21
บทวิเคราะห์ใหม่ค่ะ
แนะนำซื้อ...แต่อนิจจา ราคาร่วงเลย
5555555555555
คาดวัฎจักรราคากระดาษยังเป็นขาขึ้นต่อเนื่องดีกับ TCP โบรกฯคาดปี 47 ฟันกำไร 106 ลบ.
ฟาร์อีสท์ ประเมิน ความต้องการใช้กระดาษในอนาคตจะยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อ TCP คาดปี 2547 ถึง 2548 กำไรบริษัทเพิ่มต่อเนื่อง เป็น 106 ล้านบาท
และ 126 ล้านบาท ในขณะที่สามารถปรับโครงสร้างหนี้สำเร็จแล้ว ทำให้ลดภาระเงินกู้และ
ดอกเบี้ยจ่ายลง แนะนำให้ ซื้อ โดยมีมูลค่าเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2547 อยู่ที่
31.50-35.50 บาท
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บล.ฟาร์อีสท์ เปิดเผยว่า จากปัจจุบันที่มีผู้ผลิตกระดาษคราฟท์
ในประเทศทั้งหมด 16 ราย มีกำลังการผลิตรวม ณ สิ้นปี 2545 ประมาณ 2.2 ล้านตัน ขณะที่ TCP
มีกำลังการผลิตเป็นอันดับ 4 โดยมีกำลังการผลิต 275,000 ตันต่อปี หรือคิดเป็นสัดส่วน 12.5% ของ
กำลังการผลิตทั้งหมด สำหรับกลุ่มลูกค้าของ TCP มีทั้งในประเทศและต่างประเทศ คิดเป็นอัตราส่วน
65:35 โดยตลาดส่งออกประมาณ 90% จะส่งออกไปยังประเทศจีน อีก 10% ส่งออกไปยังเวียดนาม,
พม่า, กัมพูชา ฯลฯ
สำหรับแนวโน้มความต้องการใช้กระดาษในอนาคตน่าจะยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้เพราะความต้องการใช้กระดาษจะขยายตัวเพิ่มขึ้นตามอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของ
ประเทศโดยเฉพาะการขยายตัวของอุตสาหกรรมอุปโภคและบริโภค โดยในปี 2545 ที่ผ่านมา GDP
มีการขยายตัวประมาณ 5% จากปี 2544 ขณะที่ความต้องการใช้กระดาษคราฟท์ในปี 2545 เพิ่มขึ้น
เป็น 1.2 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น 10% จากปี 2544 ดังนั้น หากในปี 2547 มีอัตราการขยายตัวของ GDP
อยู่ที่ 7 8.5% จึงมีความเป็นไปได้ที่ความต้องการใช้กระดาษคราฟท์ในประเทศจะมีการขยายตัวไม่
ต่ำกว่าในปี 2545อัตราการใช้กระดาษของประชากรไทยยังอยู่ในอัตราส่วนที่ต่ำ โดย ณ สิ้นปี 2545
อัตราการใช้กระดาษต่อประชากร 1 คน อยู่ที่ 34.5 กิโลกรัมต่อปี ขณะที่สหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่
พัฒนาแล้วมีอัตราการใช้กระดาษต่อประชากร 1 คน สูงถึง 350 กิโลกรัมต่อปี
ปัจจุบัน TCP มีโรงงานผลิตกระดาษคราฟท์อยู่ 2 แห่ง กำลังการผลิตรวม 275,000 ตัน
ต่อปี แบ่งเป็น โรงงานที่จังหวัดกาญจนบุรี มีกำลังการผลิต 100,000 ตันต่อปี และโรงงานที่จังหวัด
ปราจีนบุรี มีกำลังการผลิต 175,000 ตันต่อปี ซึ่งปัจจุบัน TCP มีการใช้กำลังการผลิตของโรงงาน
ทั้งสองแห่งค่อนข้างเต็มที่แล้ว ดังนั้น TCP จึงมีแผนที่จะปรับปรุงขบวนการผลิตของโรงงานที่
จังหวัดกาญจนบุรีเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตกระดาษทำไส้กล่องลูกฟูกอีกประมาณ 30,000 ตันต่อปี ซึ่ง
คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท สำหรับผลิตภัณฑ์กระดาษคราฟท์ที่ TCP ผลิตได้
เพิ่มขึ้นนี้ จะเน้นผลิตเพื่อการส่งออก
ส่วนผลประกอบการในช่วง 3Q46 TCP มีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้นเป็น 956
ล้านบาท (+38%QoQ) เนื่องจาก TCP ขยายปริมาณการขายสินค้าทั้งในประเทศและส่งออกเพิ่มขึ้น
แต่เนื่องจากราคาขายสินค้าทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศลดลง จึงส่งผลให้ Gross Profit
Margin ใน 3Q46 ลงลงเหลือ 8% จาก 17% ใน 2Q46 และส่งผลให้ TCP มีผลขาดทุนจาก
การดำเนินงานตามปกติ 14 ล้านบาท ใน 3Q46 แต่หากรวมกำไรจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ 44
ล้านบาท ทำให้ TCP มีกำไรสุทธิ 29 ล้านบาท ใน 3Q46
ในขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วง 9M46 มีรายได้จากการขาย 2,582 ล้านบาท (+2%
YoY) แต่เนื่องจากราคาขายสินค้าที่ถูกลงจึงส่งผลให้ Gross Profit Margin ในช่วง 9M46
ลดลงเหลือ 15% จาก 21% ในช่วง 9M45 และส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานปกติลดลงเหลือ
60 ล้านบาท ใน 9M46 (-61%YoY)
ในการประมาณการผลการดำเนินงานของ TCP ในปี 2547 และ 2548 กำหนดสมมติฐาน
ให้ TCP มีปริมาณสินค้าที่ขายเพิ่มขึ้น 3% ทั้งสองปี และกำหนดให้ราคาขายสินค้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น
เล็กน้อยประมาณ 1% เนื่องจากปริมาณความต้องการใช้กระดาษที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ขณะที่กำหนด
ให้ต้นทุนกระดาษเพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่สูงกว่า เราประมาณการผลกำไรสุทธิในปี 2547 และ 2548
ได้ที่ 106 ล้านบาท และ 126 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับผลประกอบการในช่วง 3Q46 TCP มีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้นเป็น 956
ล้านบาท (+38%QoQ) เนื่องจาก TCP ขยายปริมาณการขายสินค้าทั้งในประเทศและส่งออกเพิ่มขึ้น
แต่เนื่องจากราคาขายสินค้าทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศลดลง จึงส่งผลให้ Gross Profit
Margin ใน 3Q46 ลงลงเหลือ 8% จาก 17% ใน 2Q46 และส่งผลให้ TCP มีผลขาดทุนจาก
การดำเนินงานตามปกติ 14 ล้านบาท ใน 3Q46 แต่หากรวมกำไรจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ 44
ล้านบาท ทำให้ TCP มีกำไรสุทธิ 29 ล้านบาท ใน 3Q46
ในขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วง 9M46 มีรายได้จากการขาย 2,582 ล้านบาท (+2%
YoY) แต่เนื่องจากราคาขายสินค้าที่ถูกลงจึงส่งผลให้ Gross Profit Margin ในช่วง 9M46
ลดลงเหลือ 15% จาก 21% ในช่วง 9M45 และส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานปกติลดลงเหลือ
60 ล้านบาท ใน 9M46 (-61%YoY)
ในการประมาณการผลการดำเนินงานของ TCP ในปี 2547 และ 2548 กำหนด
สมมติฐานให้ TCP มีปริมาณสินค้าที่ขายเพิ่มขึ้น 3% ทั้งสองปี และกำหนดให้ราคาขายสินค้าเฉลี่ย
เพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 1% เนื่องจากปริมาณความต้องการใช้กระดาษที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ขณะที่
กำหนดให้ต้นทุนกระดาษเพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่สูงกว่า เราประมาณการผลกำไรสุทธิในปี 2547 และ
2548 ได้ที่ 106 ล้านบาท และ 126 ล้านบาท ตามลำดับ
จากแนวโน้มความต้องการใช้กระดาษที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ประกอบกับ TCP สามารถ
ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้แล้วเสร็จ รวมถึงทำการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน 3 แห่ง ได้แก่ SCB,
BBL และ KBANK จำนวน 2,700 ล้านบาท เพื่อชำระคืนหนี้ที่ TCP ทำการปรับปรุงโครงสร้าง
หนี้กับบสท.ทั้งหมด ทำให้ TCP บันทึกกลับรายการดอกเบี้ยค้างจ่ายตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้าง
หนี้จำนวน 731 ล้านบาท กลับมาเป็นกำไรจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ใน 2Q46 และจากการ
ชำระคืนหนี้ให้แก่บสท. (ภาระหนี้เงินกู้เดิมที่เคยมีกับบสท.ตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ จำนวน
3,323 ล้านบาท มีอัตราดอกเบี้ย MLR-1% ในช่วง 3 ปีแรก หลังจาก 3 ปีแรกจนครบกำหนดมี
อัตราดอกเบี้ยที่ MLR)
ด้วยการกู้ยืมเงินใหม่กับสถาบันการเงินทั้ง 3 แห่ง ที่จำนวน 2,700 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย
3.375%-3.50% ในช่วง 2 3 ปีแรก ทำให้ TCP สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจ่ายได้เพิ่มขึ้น
รวมทั้งมีความเสี่ยงทางการเงินลดลง เนื่องจากภาระหนี้เงินกู้และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ดังนั้น จึง
แนะนำให้ ซื้อ โดยมีมูลค่าเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2547 อยู่ที่ 31.50-35.50 บาท
(Prospective P/BV ที่ 1.6x-1.8x และกำหนดให้เจ้าหนี้ใช้สิทธิแปลงสภาพ warrants ใน
ปี 2546 และ 2547 ปีละ 40% ของจำนวน warrants ทั้งหมดที่ 10 ล้านหน่วย ราคาแปลงสภาพ
ที่ 10 บาท/หุ้น)
แนะนำซื้อ...แต่อนิจจา ราคาร่วงเลย
5555555555555
คาดวัฎจักรราคากระดาษยังเป็นขาขึ้นต่อเนื่องดีกับ TCP โบรกฯคาดปี 47 ฟันกำไร 106 ลบ.
ฟาร์อีสท์ ประเมิน ความต้องการใช้กระดาษในอนาคตจะยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อ TCP คาดปี 2547 ถึง 2548 กำไรบริษัทเพิ่มต่อเนื่อง เป็น 106 ล้านบาท
และ 126 ล้านบาท ในขณะที่สามารถปรับโครงสร้างหนี้สำเร็จแล้ว ทำให้ลดภาระเงินกู้และ
ดอกเบี้ยจ่ายลง แนะนำให้ ซื้อ โดยมีมูลค่าเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2547 อยู่ที่
31.50-35.50 บาท
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บล.ฟาร์อีสท์ เปิดเผยว่า จากปัจจุบันที่มีผู้ผลิตกระดาษคราฟท์
ในประเทศทั้งหมด 16 ราย มีกำลังการผลิตรวม ณ สิ้นปี 2545 ประมาณ 2.2 ล้านตัน ขณะที่ TCP
มีกำลังการผลิตเป็นอันดับ 4 โดยมีกำลังการผลิต 275,000 ตันต่อปี หรือคิดเป็นสัดส่วน 12.5% ของ
กำลังการผลิตทั้งหมด สำหรับกลุ่มลูกค้าของ TCP มีทั้งในประเทศและต่างประเทศ คิดเป็นอัตราส่วน
65:35 โดยตลาดส่งออกประมาณ 90% จะส่งออกไปยังประเทศจีน อีก 10% ส่งออกไปยังเวียดนาม,
พม่า, กัมพูชา ฯลฯ
สำหรับแนวโน้มความต้องการใช้กระดาษในอนาคตน่าจะยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้เพราะความต้องการใช้กระดาษจะขยายตัวเพิ่มขึ้นตามอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของ
ประเทศโดยเฉพาะการขยายตัวของอุตสาหกรรมอุปโภคและบริโภค โดยในปี 2545 ที่ผ่านมา GDP
มีการขยายตัวประมาณ 5% จากปี 2544 ขณะที่ความต้องการใช้กระดาษคราฟท์ในปี 2545 เพิ่มขึ้น
เป็น 1.2 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น 10% จากปี 2544 ดังนั้น หากในปี 2547 มีอัตราการขยายตัวของ GDP
อยู่ที่ 7 8.5% จึงมีความเป็นไปได้ที่ความต้องการใช้กระดาษคราฟท์ในประเทศจะมีการขยายตัวไม่
ต่ำกว่าในปี 2545อัตราการใช้กระดาษของประชากรไทยยังอยู่ในอัตราส่วนที่ต่ำ โดย ณ สิ้นปี 2545
อัตราการใช้กระดาษต่อประชากร 1 คน อยู่ที่ 34.5 กิโลกรัมต่อปี ขณะที่สหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่
พัฒนาแล้วมีอัตราการใช้กระดาษต่อประชากร 1 คน สูงถึง 350 กิโลกรัมต่อปี
ปัจจุบัน TCP มีโรงงานผลิตกระดาษคราฟท์อยู่ 2 แห่ง กำลังการผลิตรวม 275,000 ตัน
ต่อปี แบ่งเป็น โรงงานที่จังหวัดกาญจนบุรี มีกำลังการผลิต 100,000 ตันต่อปี และโรงงานที่จังหวัด
ปราจีนบุรี มีกำลังการผลิต 175,000 ตันต่อปี ซึ่งปัจจุบัน TCP มีการใช้กำลังการผลิตของโรงงาน
ทั้งสองแห่งค่อนข้างเต็มที่แล้ว ดังนั้น TCP จึงมีแผนที่จะปรับปรุงขบวนการผลิตของโรงงานที่
จังหวัดกาญจนบุรีเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตกระดาษทำไส้กล่องลูกฟูกอีกประมาณ 30,000 ตันต่อปี ซึ่ง
คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท สำหรับผลิตภัณฑ์กระดาษคราฟท์ที่ TCP ผลิตได้
เพิ่มขึ้นนี้ จะเน้นผลิตเพื่อการส่งออก
ส่วนผลประกอบการในช่วง 3Q46 TCP มีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้นเป็น 956
ล้านบาท (+38%QoQ) เนื่องจาก TCP ขยายปริมาณการขายสินค้าทั้งในประเทศและส่งออกเพิ่มขึ้น
แต่เนื่องจากราคาขายสินค้าทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศลดลง จึงส่งผลให้ Gross Profit
Margin ใน 3Q46 ลงลงเหลือ 8% จาก 17% ใน 2Q46 และส่งผลให้ TCP มีผลขาดทุนจาก
การดำเนินงานตามปกติ 14 ล้านบาท ใน 3Q46 แต่หากรวมกำไรจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ 44
ล้านบาท ทำให้ TCP มีกำไรสุทธิ 29 ล้านบาท ใน 3Q46
ในขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วง 9M46 มีรายได้จากการขาย 2,582 ล้านบาท (+2%
YoY) แต่เนื่องจากราคาขายสินค้าที่ถูกลงจึงส่งผลให้ Gross Profit Margin ในช่วง 9M46
ลดลงเหลือ 15% จาก 21% ในช่วง 9M45 และส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานปกติลดลงเหลือ
60 ล้านบาท ใน 9M46 (-61%YoY)
ในการประมาณการผลการดำเนินงานของ TCP ในปี 2547 และ 2548 กำหนดสมมติฐาน
ให้ TCP มีปริมาณสินค้าที่ขายเพิ่มขึ้น 3% ทั้งสองปี และกำหนดให้ราคาขายสินค้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น
เล็กน้อยประมาณ 1% เนื่องจากปริมาณความต้องการใช้กระดาษที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ขณะที่กำหนด
ให้ต้นทุนกระดาษเพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่สูงกว่า เราประมาณการผลกำไรสุทธิในปี 2547 และ 2548
ได้ที่ 106 ล้านบาท และ 126 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับผลประกอบการในช่วง 3Q46 TCP มีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้นเป็น 956
ล้านบาท (+38%QoQ) เนื่องจาก TCP ขยายปริมาณการขายสินค้าทั้งในประเทศและส่งออกเพิ่มขึ้น
แต่เนื่องจากราคาขายสินค้าทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศลดลง จึงส่งผลให้ Gross Profit
Margin ใน 3Q46 ลงลงเหลือ 8% จาก 17% ใน 2Q46 และส่งผลให้ TCP มีผลขาดทุนจาก
การดำเนินงานตามปกติ 14 ล้านบาท ใน 3Q46 แต่หากรวมกำไรจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ 44
ล้านบาท ทำให้ TCP มีกำไรสุทธิ 29 ล้านบาท ใน 3Q46
ในขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วง 9M46 มีรายได้จากการขาย 2,582 ล้านบาท (+2%
YoY) แต่เนื่องจากราคาขายสินค้าที่ถูกลงจึงส่งผลให้ Gross Profit Margin ในช่วง 9M46
ลดลงเหลือ 15% จาก 21% ในช่วง 9M45 และส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานปกติลดลงเหลือ
60 ล้านบาท ใน 9M46 (-61%YoY)
ในการประมาณการผลการดำเนินงานของ TCP ในปี 2547 และ 2548 กำหนด
สมมติฐานให้ TCP มีปริมาณสินค้าที่ขายเพิ่มขึ้น 3% ทั้งสองปี และกำหนดให้ราคาขายสินค้าเฉลี่ย
เพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 1% เนื่องจากปริมาณความต้องการใช้กระดาษที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ขณะที่
กำหนดให้ต้นทุนกระดาษเพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่สูงกว่า เราประมาณการผลกำไรสุทธิในปี 2547 และ
2548 ได้ที่ 106 ล้านบาท และ 126 ล้านบาท ตามลำดับ
จากแนวโน้มความต้องการใช้กระดาษที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ประกอบกับ TCP สามารถ
ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้แล้วเสร็จ รวมถึงทำการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน 3 แห่ง ได้แก่ SCB,
BBL และ KBANK จำนวน 2,700 ล้านบาท เพื่อชำระคืนหนี้ที่ TCP ทำการปรับปรุงโครงสร้าง
หนี้กับบสท.ทั้งหมด ทำให้ TCP บันทึกกลับรายการดอกเบี้ยค้างจ่ายตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้าง
หนี้จำนวน 731 ล้านบาท กลับมาเป็นกำไรจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ใน 2Q46 และจากการ
ชำระคืนหนี้ให้แก่บสท. (ภาระหนี้เงินกู้เดิมที่เคยมีกับบสท.ตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ จำนวน
3,323 ล้านบาท มีอัตราดอกเบี้ย MLR-1% ในช่วง 3 ปีแรก หลังจาก 3 ปีแรกจนครบกำหนดมี
อัตราดอกเบี้ยที่ MLR)
ด้วยการกู้ยืมเงินใหม่กับสถาบันการเงินทั้ง 3 แห่ง ที่จำนวน 2,700 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย
3.375%-3.50% ในช่วง 2 3 ปีแรก ทำให้ TCP สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจ่ายได้เพิ่มขึ้น
รวมทั้งมีความเสี่ยงทางการเงินลดลง เนื่องจากภาระหนี้เงินกู้และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ดังนั้น จึง
แนะนำให้ ซื้อ โดยมีมูลค่าเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2547 อยู่ที่ 31.50-35.50 บาท
(Prospective P/BV ที่ 1.6x-1.8x และกำหนดให้เจ้าหนี้ใช้สิทธิแปลงสภาพ warrants ใน
ปี 2546 และ 2547 ปีละ 40% ของจำนวน warrants ทั้งหมดที่ 10 ล้านหน่วย ราคาแปลงสภาพ
ที่ 10 บาท/หุ้น)
-
- Verified User
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับ มีข้อมูล TCP บ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 22
ขอความเห็นหุ้น TCP ครับ
จากบทวิเคราะห์ Syrus
http://www.settrade.com/brokerpage/IPO/ ... cp3q03.pdf
และชี้แจงงบการเงิน
TiTle Of News: ชี้แจงงบการเงินปี 2546
Date: 01/03/2004 09:10
Description:
วันที่ 1 มีนาคม 2547
เรื่อง ชี้แจงงบการเงินสำหรับปี 2546
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตามที่ผู้ตรวจสอบบัญชีได้ตรวจสอบงบการเงินสำหรับปี 2546 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2546
นั้น ปรากฏว่าผลการดำเนินงานของบริษัท ไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) มีผลกำไรสุทธิ 792 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
จากกำไรสุทธิ 127 ล้านบาทของงวดเดียวกันของปีก่อน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 521.66 ทั้งนี้ สาเหตุใหญ่เกิดจากการ
ปรับโครงสร้างหนี้กับบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) และการ re-finance เงินกู้ระยะยาวกับธนาคารพาณิชย์ 3
แห่ง โดยบริษัทฯ มีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้สุทธิจำนวน 728 ล้านบาท กำไรสุทธิส่วนที่เหลือจำนวน 64
ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ขอนำส่งงบการเงินสำหรับปี 2546 สิ้นสุด ณ
วันที่ 31 ธันวาคม 2546 ซึ่งได้รับการสอบทานจากผู้สอบบัญชี จำนวน 1 ชุด เพื่อท่านได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน
ขอแสดงความนับถือ
(นายสมบูรณ์ ชัชวาลย์) (นายยรรยง พุทธาพิพัฒน์)
กรรมการ
ดังนั้นถ้าหักกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้สุทธิจำนวน 728 ล้านแล้ว จะทำให้ EPS เหลือประมาณ 0.5 ถ้าให้PE 10 ราคาอยู่เพียง 5 บาทเท่านั้น ไม่ทราบว่าคิดแบบนี้ถูกไหม ถึงแม้จะมีการปรับโครงสร้างหนี้ มี SCCมาถือหุ้น กำไรมีแนวโน้มดี แต่ในราคาปัจจุบันไม่น่าที่จะซื้อลงทุน รบกวนพี่ๆแสดงความคิดเห็นด้วยครับ กำลังสนใจจะลงทุนในหุ้นตัวนี้ครับ ราคาวันนี้ 16.10 ครับ
จากบทวิเคราะห์ Syrus
http://www.settrade.com/brokerpage/IPO/ ... cp3q03.pdf
และชี้แจงงบการเงิน
TiTle Of News: ชี้แจงงบการเงินปี 2546
Date: 01/03/2004 09:10
Description:
วันที่ 1 มีนาคม 2547
เรื่อง ชี้แจงงบการเงินสำหรับปี 2546
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตามที่ผู้ตรวจสอบบัญชีได้ตรวจสอบงบการเงินสำหรับปี 2546 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2546
นั้น ปรากฏว่าผลการดำเนินงานของบริษัท ไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) มีผลกำไรสุทธิ 792 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
จากกำไรสุทธิ 127 ล้านบาทของงวดเดียวกันของปีก่อน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 521.66 ทั้งนี้ สาเหตุใหญ่เกิดจากการ
ปรับโครงสร้างหนี้กับบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) และการ re-finance เงินกู้ระยะยาวกับธนาคารพาณิชย์ 3
แห่ง โดยบริษัทฯ มีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้สุทธิจำนวน 728 ล้านบาท กำไรสุทธิส่วนที่เหลือจำนวน 64
ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ขอนำส่งงบการเงินสำหรับปี 2546 สิ้นสุด ณ
วันที่ 31 ธันวาคม 2546 ซึ่งได้รับการสอบทานจากผู้สอบบัญชี จำนวน 1 ชุด เพื่อท่านได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน
ขอแสดงความนับถือ
(นายสมบูรณ์ ชัชวาลย์) (นายยรรยง พุทธาพิพัฒน์)
กรรมการ
ดังนั้นถ้าหักกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้สุทธิจำนวน 728 ล้านแล้ว จะทำให้ EPS เหลือประมาณ 0.5 ถ้าให้PE 10 ราคาอยู่เพียง 5 บาทเท่านั้น ไม่ทราบว่าคิดแบบนี้ถูกไหม ถึงแม้จะมีการปรับโครงสร้างหนี้ มี SCCมาถือหุ้น กำไรมีแนวโน้มดี แต่ในราคาปัจจุบันไม่น่าที่จะซื้อลงทุน รบกวนพี่ๆแสดงความคิดเห็นด้วยครับ กำลังสนใจจะลงทุนในหุ้นตัวนี้ครับ ราคาวันนี้ 16.10 ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 93
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับ มีข้อมูล TCP บ้างมั้ยครับ
โพสต์ที่ 23
ข่าววันนี้ครับ ... เอามาฝาก
ที่มา www.set.or.th
16 มีนาคม 2547
เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เรื่อง ขอชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับตำแหน่งรองประธานกรรมการ
ตามหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ของบริษัทไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 9 มีนาคม 2547 เรื่อง ขอแจ้งตำแหน่งคณะกรรมการและคณะกรรมตรวจสอบ นั้น บริษัทฯ ขอชี้แจงเพิ่มเติมว่าบริษัทได้ยกเลิกตำแหน่งรองประธานกรรมการบริษัท ตามมติที่ประชุม คณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันจันทร์ที่ 26 มกราคม 2547
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
บริษัทไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน)
(นายยรรยง พุทธาพิพัฒน์)
กรรมการผู้จัดการ
ที่มา www.set.or.th
16 มีนาคม 2547
เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เรื่อง ขอชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับตำแหน่งรองประธานกรรมการ
ตามหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ของบริษัทไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 9 มีนาคม 2547 เรื่อง ขอแจ้งตำแหน่งคณะกรรมการและคณะกรรมตรวจสอบ นั้น บริษัทฯ ขอชี้แจงเพิ่มเติมว่าบริษัทได้ยกเลิกตำแหน่งรองประธานกรรมการบริษัท ตามมติที่ประชุม คณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันจันทร์ที่ 26 มกราคม 2547
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
บริษัทไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน)
(นายยรรยง พุทธาพิพัฒน์)
กรรมการผู้จัดการ