อะไรๆก็โทษเก็งกำไร
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
อะไรๆก็โทษเก็งกำไร
โพสต์ที่ 1
ไม่รู้มีใครเคยคิดแบบผมบ้างรึเปล่า
ไม่ว่าจะเรื่องราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ
ไม่ว่าจะค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นมาเรื่อยๆ
หรือแม้แต่ราคาหุ้นที่เดินหน้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หรือลดลงเรื่อยๆ
ทุกครั้งเวลาฟังข่าวหรืออ่านข่าวอะไรก็มักจะมีคนพูดว่าการที่น้ำมันเพิ่มขึ้นมามากส่วนใหญ่มาจากการเก็งกำไรน้ำมัน
การที่ค่าเงินบาทแข็งขึ้นมาเกิดจากการเก็งกำไรค่าเงิน
การที่หุ้นขึ้นมานั้นมันเกิดจากการเก็งกำไร
ผมเองก็หาคำตอบไม่ได้เหมือนกันว่าสาเหตุของเหตุการณ์เหล่านี้หลายอย่างเกิดจากอะไร
แต่มีความเป็นไปได้ไหมครับว่า
- การที่น้ำมันเพิ่มขึ้นนั้น หลักๆมันจากการ demand เพิ่มขึ้น supply ตามไม่ทัน
- การที่ค่าเงินบาทแข็งขึ้นมากนั้น เนื่องจาก demand dollar มันลด demand บาทมันเพิ่มจริงๆ
- หุ้นที่เพิ่มขึ้นหรือหุ้นที่ลด มันกำลังเดินหน้าเข้าสู่มูลค่าของมัน
ผมเข้าใจว่าการเก็งกำไรมันทำให้เกิดสภาพคล่องเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาและมูลค่านั้นไม่เท่ากัน แต่อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวแล้วราคามันมักจะไปในทิศทางเดียวกับมูลค่าอยู่ประจำ ซึ่งระยะเวลานั้นขึ้นอยู่กับว่าตลาดนั้นมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน
- ตลาดทุน หลายๆทฤษฎีบอกว่าประมีสิทธิภาพ แสดงว่าการที่หุ้นขึ้นหรือลง เก็งกำไรมีผลน้อย (แต่อันนี้ส่วนตัวผมไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่)
- ตลาดเงิน หรือค่าเงินนั้น มีผู้เล่นในตลาดจำนวนมหาศาล ทำให้เป็นตลาดที่จัดได้ว่ามีประสิทธิภาพสูงที่สุดในบรรดาตลาดทั้งหมด แล้วการที่ค่าเงินแข็งมาที่ 35 บาทนี่ ถ้ามันคือมูลค่าที่แท้จริงอยู่แล้ว จะมีประโยชน์อะไรในการแทรกแซงค่าเงินบาท ถ้าสมมติว่าตลาดมีประสิทธิภาพสมบูรณ์ 100% การแทรกแซงเงินบาทก็ไม่ต่างอะไรกับการเก็งกำไร เพื่อให้ราคานั้นแตกต่างจากมูลค่าเท่านั้นเอง
ลองคิดดูเล่นๆ อย่างจริงจังอะไรมากนะครับ แค่สงสัยว่าเวลามีอะไรก็ชอบโทษเก็งกำไรจัง มีความเป็นไปได้มั๊ยครับว่าทุกวันนี้มูลค่า dollar จริงๆคือ 32 บาท แล้วการที่ค่าเงินบาทแข็งขึ้นเรื่อยๆ มันคือการที่ราคากำลังเดินหน้าเข้าหามูลค่าที่แท้จริงของมัน ธปท ไปยุ่งอะไรด้วย :lol:
ไม่ว่าจะเรื่องราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ
ไม่ว่าจะค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นมาเรื่อยๆ
หรือแม้แต่ราคาหุ้นที่เดินหน้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หรือลดลงเรื่อยๆ
ทุกครั้งเวลาฟังข่าวหรืออ่านข่าวอะไรก็มักจะมีคนพูดว่าการที่น้ำมันเพิ่มขึ้นมามากส่วนใหญ่มาจากการเก็งกำไรน้ำมัน
การที่ค่าเงินบาทแข็งขึ้นมาเกิดจากการเก็งกำไรค่าเงิน
การที่หุ้นขึ้นมานั้นมันเกิดจากการเก็งกำไร
ผมเองก็หาคำตอบไม่ได้เหมือนกันว่าสาเหตุของเหตุการณ์เหล่านี้หลายอย่างเกิดจากอะไร
แต่มีความเป็นไปได้ไหมครับว่า
- การที่น้ำมันเพิ่มขึ้นนั้น หลักๆมันจากการ demand เพิ่มขึ้น supply ตามไม่ทัน
- การที่ค่าเงินบาทแข็งขึ้นมากนั้น เนื่องจาก demand dollar มันลด demand บาทมันเพิ่มจริงๆ
- หุ้นที่เพิ่มขึ้นหรือหุ้นที่ลด มันกำลังเดินหน้าเข้าสู่มูลค่าของมัน
ผมเข้าใจว่าการเก็งกำไรมันทำให้เกิดสภาพคล่องเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาและมูลค่านั้นไม่เท่ากัน แต่อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวแล้วราคามันมักจะไปในทิศทางเดียวกับมูลค่าอยู่ประจำ ซึ่งระยะเวลานั้นขึ้นอยู่กับว่าตลาดนั้นมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน
- ตลาดทุน หลายๆทฤษฎีบอกว่าประมีสิทธิภาพ แสดงว่าการที่หุ้นขึ้นหรือลง เก็งกำไรมีผลน้อย (แต่อันนี้ส่วนตัวผมไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่)
- ตลาดเงิน หรือค่าเงินนั้น มีผู้เล่นในตลาดจำนวนมหาศาล ทำให้เป็นตลาดที่จัดได้ว่ามีประสิทธิภาพสูงที่สุดในบรรดาตลาดทั้งหมด แล้วการที่ค่าเงินแข็งมาที่ 35 บาทนี่ ถ้ามันคือมูลค่าที่แท้จริงอยู่แล้ว จะมีประโยชน์อะไรในการแทรกแซงค่าเงินบาท ถ้าสมมติว่าตลาดมีประสิทธิภาพสมบูรณ์ 100% การแทรกแซงเงินบาทก็ไม่ต่างอะไรกับการเก็งกำไร เพื่อให้ราคานั้นแตกต่างจากมูลค่าเท่านั้นเอง
ลองคิดดูเล่นๆ อย่างจริงจังอะไรมากนะครับ แค่สงสัยว่าเวลามีอะไรก็ชอบโทษเก็งกำไรจัง มีความเป็นไปได้มั๊ยครับว่าทุกวันนี้มูลค่า dollar จริงๆคือ 32 บาท แล้วการที่ค่าเงินบาทแข็งขึ้นเรื่อยๆ มันคือการที่ราคากำลังเดินหน้าเข้าหามูลค่าที่แท้จริงของมัน ธปท ไปยุ่งอะไรด้วย :lol:
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- Verified User
- โพสต์: 562
- ผู้ติดตาม: 0
อะไรๆก็โทษเก็งกำไร
โพสต์ที่ 2
อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนนะครับผมว่ามีความเป็นไปได้มั๊ยครับว่าทุกวันนี้มูลค่า dollar จริงๆคือ 32 บาท แล้วการที่ค่าเงินบาทแข็งขึ้นเรื่อยๆ มันคือการที่ราคากำลังเดินหน้าเข้าหามูลค่าที่แท้จริงของมัน ธปท ไปยุ่งอะไรด้วย
มันสามารถมองก็ได้หลายมุม
แต่ไช่ ว่าผมจะไม่ได้เห้นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับ ธปท นะครับ
ผมเข้าใจว่าที่ออกมาตรการนี้ขึ้นมาเพราะอาจตั้งใจจะช่วยผู่ส่งออก
ไม่ให้เดือดร้อนจากการที่เงิบบาทแข็งค่าขึ้นมาก
แต่ว่ามาตรการนี้มันไปส่งผลกระทบให้หลายส่วนเสียหายเช่นกัน
ก่อน ธปทจะออกมาตรการอะไรก็ควรทำให้รอบคอบก่อนทีจะี้ทำให้
หลายฝ่ายต้องเสียหาย
แถมส่งผลถึงภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของประเทศ
แล้วต่อไปใครที่ไหนจะกล้ามาลงทุกกับพี่ไทยละครับ เมื่อเช้าพูดอย่างเย็นพูดอย่างแบบนี้
-
- ผู้ติดตาม: 0
อะไรๆก็โทษเก็งกำไร
โพสต์ที่ 4
แจ่มครับมอง เเบ๊งค์ชาด เหมือนคนดูแลหุ้นเลย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1841
- ผู้ติดตาม: 0
อะไรๆก็โทษเก็งกำไร
โพสต์ที่ 5
ระวัง! การทุบค่าเงินบาทรอบใหม่
โดย หมายเหตุผู้จัดการ 17 ธันวาคม 2549 17:25 น.
เมื่อไม่นานมานี้เราได้ออกคำเตือนมาครั้งหนึ่งแล้วให้ผู้คนทั้งปวง โดยเฉพาะในภาคการส่งออก ภาคผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าหรือส่งออกสินค้าหรือผลิตภัณฑ์กับต่างประเทศ รวมทั้งผู้ที่มีธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ตลอดจนประชาชนชาวไทยทั้งปวงให้ระมัดระวังว่าจะมีการทุบค่าเงินบาทรอบใหม่
มันจะก่อหายนะครั้งใหม่ให้กับประเทศไทยและคนไทย ทำนองเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2540
มาบัดนี้เหตุการณ์ได้เผยตัวชัดเจนขึ้นเป็นลำดับแล้วว่าคำเตือนของเรานั้นกำลังเข้าไปใกล้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นจริงเต็มทีแล้ว
เราจึงต้องบอกกล่าวเตือนเพื่อนร่วมชาติของเราอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ใช้ความระมัดระวัง จะได้รอดพ้นจากหายนะแบบที่เคยเกิดขึ้นในปี 2540 ชะดีชะร้ายก็อาจใช้วิธีลากหนามข้างปลาย ประพฤติตนเป็นหมูกินเซียนก็ได้
เพราะธรรมดาการสงครามนั้นไม่ได้มีผลร้ายแต่ถ่ายเดียว หากแต่มีผลดีแฝงฝังอยู่ด้วย ทำนองเดียวกับฝนตกฟ้าร้องหาได้มีผลร้ายกับทั่วทุกคน แต่ยังมีผลดีเกิดขึ้นกับบางคนบางพวกเหมือนกัน
ในสงครามก็มีคนร่ำรวยเกิดขึ้นได้ ยามฝนตกน้ำท่วมก็อาจกุมโอกาสทำรายได้ได้เหมือนกัน นี่เป็นสัจธรรม
ดังนั้นสถานการณ์ที่ประเทศไทยอาจถูกทุบค่าเงินบาทครั้งใหม่จึงมีความเป็นไปได้ดำรงอยู่ ที่หากเกาะกุมโอกาสถูกต้องเหมาะสมดีแล้วก็อาจจะทำประโยชน์ให้กับกิจการหรือการงานของตน ๆ ได้ตามสมควร
แต่ทว่าเหตุการณ์ยังมาไม่ถึง ยังมีความผันแปรเกิดขึ้นได้ แต่อย่างไรเสียคำเตือนที่ไม่ให้ตั้งอยู่ในความประมาทและให้ตระเตรียมตัวให้พร้อมย่อมบังเกิดประโยชน์ยิ่งกว่าการที่จะปล่อยปละละเลยไม่บอกกล่าวเล่าเตือนเพื่อนร่วมชาติของเรา
ในรอบปี 2549 ค่าเงินบาทได้แข็งค่าขึ้นอย่างฮวบฮาบ จากอัตราแลกเปลี่ยน 40 กว่าบาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐเมื่อต้นปี กำลังกลายเป็น 35 บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐอยู่ในขณะนี้
มันยังไม่หยุดอยู่เท่านี้หรอก เราคาดคะเนว่าในไม่ช้าอัตราแลกเปลี่ยนจะไปอยู่ที่ระดับ 34-32 บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
มันเป็นเรื่องไม่ปกติและไม่ใช่เหตุการณ์ปกติธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับระบบอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศไทย แต่มันเป็นมหันตภัยที่กำลังคุกคามใกล้เข้ามาทุกทีและในที่สุดวันดีเดย์หรือวันวิปโยคทางการเงินก็จะเกิดขึ้น และเมื่อนั้นค่าเงินบาทก็จะทรุดตัวอ่อนลงอย่างรวดเร็ว
คราวนี้มันจะไปที่ระดับ 51 หรือ 57 บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐก็ไม่มีใครบอกได้ แต่สำหรับผู้ที่กะเก็งสถานการณ์และผู้ที่ไม่ตั้งอยู่ในความประมาท หากคาดการณ์ไว้ฉะนี้แล้วก็จะไม่มีทางประสบพิบัติและจะสามารถนำพากิจการให้รอดปลอดภัยได้
อย่าไปเชื่อใครหน้าไหนว่าสามารถกำหนดมาตรการในการรักษาค่าเงินบาทให้เป็นปกติได้
และอย่าไปเชื่อใครหน้าไหนว่ามีกำลังเงินสำรองมากเพียงพอหรือมีวิธีการที่ยอดเยี่ยมที่จะต่อสู้ปกป้องค่าเงินบาทให้กลับไปอยู่ที่ระดับ 38 บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐได้
คำอวดอ้างเหล่านั้นล้วนเป็นการผายลมทั้งเพ! ไม่เห็นหรือว่าที่ตั้งหน้าบากบั่นสัญญิงสัญญากันไว้ว่าจะดำรงรักษาอัตราแลกเปลี่ยนไว้ที่ระดับ 38 บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเหตุผลว่าเป็นอัตราที่เหมาะสมที่สุดนั้นก็ล้มเหลวไม่เป็นท่ามาแล้ว
เป็นการล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ก็ไม่อยากจะพูดให้ร้ายป้ายสีใคร แต่เรามีความสงสัยว่าคนบางคนที่หยั่งรากลึกลงในธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว อาจมีส่วนเกี่ยวข้องได้เสียในความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและได้รับผลประโยชน์ในขาขึ้นเป็นจำนวนมหาศาลแล้ว
ที่เรากล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่าเคยมีคนพูดถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่าจะปกป้องค่าเงินบาทไว้ที่ระดับ 38 บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นอัตราที่เหมาะสมที่สุด และหลังจากนั้นก็มีข่าวว่าธนาคารแห่งประเทศไทยได้เข้าแทรกแซงค่าเงินบาทเพื่อดำรงอัตราแลกเปลี่ยนให้เป็นไปตามที่มีคนพูดไว้นั้น
ตรงนี้จึงเป็นช่องโหว่สำคัญและเป็นช่องว่างใหญ่ให้แก่นักเก็งกำไรค่าเงินบาท เพราะเมื่อรู้ชัดแจ้งว่าค่าเงินบาทจะได้รับการปกป้องไว้ที่อัตรา 38 บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐแล้ว และมีข่าวการแทรกแซงค่าเงินบาทสอดคล้องกับที่มีคนพูดไว้นั้น ใครที่เก็งกำไรในช่วงนี้ก็ย่อมมีแต่กำไรสถานเดียว
ที่ยังมืดงำอยู่ก็คือผลของการแทรกแซงเพื่อปกป้องค่าเงินบาทดังกล่าวนั้นได้ใช้เงินไปเท่าใด ได้เข้าแทรกแซงกี่ครั้ง สิริรวมแล้วเป็นเงินทั้งหมดเท่าใด มีความเสียหายเกิดขึ้นหรือไม่เท่าใด
ความมืดดำและเงียบกริบมักจะเป็นเรื่องร้าย ซึ่งหมายความว่าน่าจะมีผลขาดทุนเกิดขึ้น และถ้าเป็นเช่นนั้นกรณีก็จะซ้ำรอยกับการเริ่มต้นการแทรกแซงและปกป้องค่าเงินบาทเช่นเดียวกับ พ.ศ. 2540
และการที่ค่าเงินบาทแข็งตัวขึ้นมาจนถึงอัตรา 35 บาทเศษต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐนั้น ย่อมหมายความว่าใครที่ทำการเก็งกำไรในช่วงนั้นก็จะมีผลกำไรไปแล้วดอลลาร์ละ 3 บาทเป็นอย่างน้อย
การแข็งค่าขึ้นอย่างผิดปกติของค่าเงินบาทได้ทำลายการส่งออกของชาติอย่างยับเยิน จนผู้ส่งออกร้องเสียงขรมกันอยู่ในขณะนี้ แต่ก็หามีใครได้ยินไม่
เพราะคนที่จะได้ยินเสียงเช่นนี้ในรัฐบาลล้วนเป็นนายธนาคารที่มีประโยชน์ได้เสียกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอาจมีส่วนได้เสียในการเก็งกำไรค่าเงินบาทด้วย
นี่ขนาดเสียงของผู้ส่งออกซึ่งดังกว่าเสียงของชาวไร่ชาวนา หรือปวงประชาอย่างเราท่าน เขาก็ยังไม่ได้ยิน จึงยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่ปกติและเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังให้สูงขึ้น
เราค่อนข้างจะมั่นใจว่าอัตราค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นต่อไป และคงจะได้เห็นอัตราแลกเปลี่ยน 34 บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐในไม่ช้านี้ และถ้าเมื่อใดรุดหน้าไปถึง 32 บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐแล้ว ก็หมายความว่าความพินาศฉิบหายกำลังมาเยือนประเทศไทยครั้งใหม่อีกครั้งหนึ่ง
เพราะนอกจากภาคส่งออกและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกจะพินาศยับเยินแล้ว จากนั้นไปก็จะมีการทุบค่าเงินบาทให้อ่อนตัวลง เช่นเดียวกับ พ.ศ. 2540
คราวนี้แหละมันจะรี่ไหลไปที่ระดับ 51-57 บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่ก็คงไม่ช้าเกินอดใจรอ
เราจึงขอบอกกล่าวเล่าขานให้เพื่อนผองพี่น้องไทยได้ระมัดระวังตัวโดยถ้วนหน้ากัน
ระมัดระวังตัวกันไว้เถิดว่าโจรปล้นแผ่นดินรอบใหม่ที่จะทำให้เราสิ้นชาติ มันกำลังมาแล้ว! แต่มันจะเป็นเจ้าเก่าหรือไม่ไม่รู้ ส่วนที่รู้ก็คือมันเป็นพวกเดียวกับเจ้าเก่านั่นแหละ!
โดย หมายเหตุผู้จัดการ 17 ธันวาคม 2549 17:25 น.
เมื่อไม่นานมานี้เราได้ออกคำเตือนมาครั้งหนึ่งแล้วให้ผู้คนทั้งปวง โดยเฉพาะในภาคการส่งออก ภาคผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าหรือส่งออกสินค้าหรือผลิตภัณฑ์กับต่างประเทศ รวมทั้งผู้ที่มีธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ตลอดจนประชาชนชาวไทยทั้งปวงให้ระมัดระวังว่าจะมีการทุบค่าเงินบาทรอบใหม่
มันจะก่อหายนะครั้งใหม่ให้กับประเทศไทยและคนไทย ทำนองเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2540
มาบัดนี้เหตุการณ์ได้เผยตัวชัดเจนขึ้นเป็นลำดับแล้วว่าคำเตือนของเรานั้นกำลังเข้าไปใกล้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นจริงเต็มทีแล้ว
เราจึงต้องบอกกล่าวเตือนเพื่อนร่วมชาติของเราอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ใช้ความระมัดระวัง จะได้รอดพ้นจากหายนะแบบที่เคยเกิดขึ้นในปี 2540 ชะดีชะร้ายก็อาจใช้วิธีลากหนามข้างปลาย ประพฤติตนเป็นหมูกินเซียนก็ได้
เพราะธรรมดาการสงครามนั้นไม่ได้มีผลร้ายแต่ถ่ายเดียว หากแต่มีผลดีแฝงฝังอยู่ด้วย ทำนองเดียวกับฝนตกฟ้าร้องหาได้มีผลร้ายกับทั่วทุกคน แต่ยังมีผลดีเกิดขึ้นกับบางคนบางพวกเหมือนกัน
ในสงครามก็มีคนร่ำรวยเกิดขึ้นได้ ยามฝนตกน้ำท่วมก็อาจกุมโอกาสทำรายได้ได้เหมือนกัน นี่เป็นสัจธรรม
ดังนั้นสถานการณ์ที่ประเทศไทยอาจถูกทุบค่าเงินบาทครั้งใหม่จึงมีความเป็นไปได้ดำรงอยู่ ที่หากเกาะกุมโอกาสถูกต้องเหมาะสมดีแล้วก็อาจจะทำประโยชน์ให้กับกิจการหรือการงานของตน ๆ ได้ตามสมควร
แต่ทว่าเหตุการณ์ยังมาไม่ถึง ยังมีความผันแปรเกิดขึ้นได้ แต่อย่างไรเสียคำเตือนที่ไม่ให้ตั้งอยู่ในความประมาทและให้ตระเตรียมตัวให้พร้อมย่อมบังเกิดประโยชน์ยิ่งกว่าการที่จะปล่อยปละละเลยไม่บอกกล่าวเล่าเตือนเพื่อนร่วมชาติของเรา
ในรอบปี 2549 ค่าเงินบาทได้แข็งค่าขึ้นอย่างฮวบฮาบ จากอัตราแลกเปลี่ยน 40 กว่าบาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐเมื่อต้นปี กำลังกลายเป็น 35 บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐอยู่ในขณะนี้
มันยังไม่หยุดอยู่เท่านี้หรอก เราคาดคะเนว่าในไม่ช้าอัตราแลกเปลี่ยนจะไปอยู่ที่ระดับ 34-32 บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
มันเป็นเรื่องไม่ปกติและไม่ใช่เหตุการณ์ปกติธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับระบบอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศไทย แต่มันเป็นมหันตภัยที่กำลังคุกคามใกล้เข้ามาทุกทีและในที่สุดวันดีเดย์หรือวันวิปโยคทางการเงินก็จะเกิดขึ้น และเมื่อนั้นค่าเงินบาทก็จะทรุดตัวอ่อนลงอย่างรวดเร็ว
คราวนี้มันจะไปที่ระดับ 51 หรือ 57 บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐก็ไม่มีใครบอกได้ แต่สำหรับผู้ที่กะเก็งสถานการณ์และผู้ที่ไม่ตั้งอยู่ในความประมาท หากคาดการณ์ไว้ฉะนี้แล้วก็จะไม่มีทางประสบพิบัติและจะสามารถนำพากิจการให้รอดปลอดภัยได้
อย่าไปเชื่อใครหน้าไหนว่าสามารถกำหนดมาตรการในการรักษาค่าเงินบาทให้เป็นปกติได้
และอย่าไปเชื่อใครหน้าไหนว่ามีกำลังเงินสำรองมากเพียงพอหรือมีวิธีการที่ยอดเยี่ยมที่จะต่อสู้ปกป้องค่าเงินบาทให้กลับไปอยู่ที่ระดับ 38 บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐได้
คำอวดอ้างเหล่านั้นล้วนเป็นการผายลมทั้งเพ! ไม่เห็นหรือว่าที่ตั้งหน้าบากบั่นสัญญิงสัญญากันไว้ว่าจะดำรงรักษาอัตราแลกเปลี่ยนไว้ที่ระดับ 38 บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเหตุผลว่าเป็นอัตราที่เหมาะสมที่สุดนั้นก็ล้มเหลวไม่เป็นท่ามาแล้ว
เป็นการล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ก็ไม่อยากจะพูดให้ร้ายป้ายสีใคร แต่เรามีความสงสัยว่าคนบางคนที่หยั่งรากลึกลงในธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว อาจมีส่วนเกี่ยวข้องได้เสียในความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและได้รับผลประโยชน์ในขาขึ้นเป็นจำนวนมหาศาลแล้ว
ที่เรากล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่าเคยมีคนพูดถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่าจะปกป้องค่าเงินบาทไว้ที่ระดับ 38 บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นอัตราที่เหมาะสมที่สุด และหลังจากนั้นก็มีข่าวว่าธนาคารแห่งประเทศไทยได้เข้าแทรกแซงค่าเงินบาทเพื่อดำรงอัตราแลกเปลี่ยนให้เป็นไปตามที่มีคนพูดไว้นั้น
ตรงนี้จึงเป็นช่องโหว่สำคัญและเป็นช่องว่างใหญ่ให้แก่นักเก็งกำไรค่าเงินบาท เพราะเมื่อรู้ชัดแจ้งว่าค่าเงินบาทจะได้รับการปกป้องไว้ที่อัตรา 38 บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐแล้ว และมีข่าวการแทรกแซงค่าเงินบาทสอดคล้องกับที่มีคนพูดไว้นั้น ใครที่เก็งกำไรในช่วงนี้ก็ย่อมมีแต่กำไรสถานเดียว
ที่ยังมืดงำอยู่ก็คือผลของการแทรกแซงเพื่อปกป้องค่าเงินบาทดังกล่าวนั้นได้ใช้เงินไปเท่าใด ได้เข้าแทรกแซงกี่ครั้ง สิริรวมแล้วเป็นเงินทั้งหมดเท่าใด มีความเสียหายเกิดขึ้นหรือไม่เท่าใด
ความมืดดำและเงียบกริบมักจะเป็นเรื่องร้าย ซึ่งหมายความว่าน่าจะมีผลขาดทุนเกิดขึ้น และถ้าเป็นเช่นนั้นกรณีก็จะซ้ำรอยกับการเริ่มต้นการแทรกแซงและปกป้องค่าเงินบาทเช่นเดียวกับ พ.ศ. 2540
และการที่ค่าเงินบาทแข็งตัวขึ้นมาจนถึงอัตรา 35 บาทเศษต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐนั้น ย่อมหมายความว่าใครที่ทำการเก็งกำไรในช่วงนั้นก็จะมีผลกำไรไปแล้วดอลลาร์ละ 3 บาทเป็นอย่างน้อย
การแข็งค่าขึ้นอย่างผิดปกติของค่าเงินบาทได้ทำลายการส่งออกของชาติอย่างยับเยิน จนผู้ส่งออกร้องเสียงขรมกันอยู่ในขณะนี้ แต่ก็หามีใครได้ยินไม่
เพราะคนที่จะได้ยินเสียงเช่นนี้ในรัฐบาลล้วนเป็นนายธนาคารที่มีประโยชน์ได้เสียกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอาจมีส่วนได้เสียในการเก็งกำไรค่าเงินบาทด้วย
นี่ขนาดเสียงของผู้ส่งออกซึ่งดังกว่าเสียงของชาวไร่ชาวนา หรือปวงประชาอย่างเราท่าน เขาก็ยังไม่ได้ยิน จึงยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่ปกติและเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังให้สูงขึ้น
เราค่อนข้างจะมั่นใจว่าอัตราค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นต่อไป และคงจะได้เห็นอัตราแลกเปลี่ยน 34 บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐในไม่ช้านี้ และถ้าเมื่อใดรุดหน้าไปถึง 32 บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐแล้ว ก็หมายความว่าความพินาศฉิบหายกำลังมาเยือนประเทศไทยครั้งใหม่อีกครั้งหนึ่ง
เพราะนอกจากภาคส่งออกและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกจะพินาศยับเยินแล้ว จากนั้นไปก็จะมีการทุบค่าเงินบาทให้อ่อนตัวลง เช่นเดียวกับ พ.ศ. 2540
คราวนี้แหละมันจะรี่ไหลไปที่ระดับ 51-57 บาทต่อเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่ก็คงไม่ช้าเกินอดใจรอ
เราจึงขอบอกกล่าวเล่าขานให้เพื่อนผองพี่น้องไทยได้ระมัดระวังตัวโดยถ้วนหน้ากัน
ระมัดระวังตัวกันไว้เถิดว่าโจรปล้นแผ่นดินรอบใหม่ที่จะทำให้เราสิ้นชาติ มันกำลังมาแล้ว! แต่มันจะเป็นเจ้าเก่าหรือไม่ไม่รู้ ส่วนที่รู้ก็คือมันเป็นพวกเดียวกับเจ้าเก่านั่นแหละ!
Rabbit VS. Turtle
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
อะไรๆก็โทษเก็งกำไร
โพสต์ที่ 6
ผมถามจริงๆ คนเล่นหุ้นเนี่ย มีกี่คนไม่รู้ว่า บู่สหรัฐกำลังแตกมั่ง ????
มีใครไม่รู้ว่า ดอลต้องอ่อนค่าอีกนาน มั่ง ?????
มีใครไม่รู้ว่า บาทต้องอ่อนเป็นปกติมั่ง ????
มีใครไม่รู้ว่า บาทอ่อนกว่าค่าเงินเพื่อนบ้านมั่ง ????
มีใครไม่รู้ว่า ถ้าบาทอ่อนกว่าเพื่อนบ้าน ส่งออกจะเหลือหลักเดียวบ้าง ???
แล้วถ้าส่งออกโตเหลือหลักเดียวใครจะกระทบบ้าง ????
แต่เวลาทุกคนพูด จะพูดแต่มุมของตัวเองกันหมด เวลาใครกระทบก็พูดแค่ที่ตัวเองกระทบ
ที่แบงก์ชาติออกมาดัน ก็แค่ให้เงินบาทกลับไปอ่อนค่าเท่ากับเพื่อนบ้านที่ส่งออกเพื่อให้การส่งออกได้ แต่ก็ยังไม่บทความแบบข้างบน ที่คุณ Mr. Boo เอามาโพส ว่าจะมีใครยันค่าเงินบาทได้ออกมา ไม่น่าเชื่อว่าจะมีนักวิชาการที่ไม่เข้าใจอะไรแบบนี้อยู่อีกเยอะ
รอบนี้ต้องยอมรับว่า แบงก์ชาติทำรุนแรงจริงๆ แต่ก็ต้องดูว่า ความจำเป็นในการช่วย ผู้ส่งออก จำเป็นแค่ไหน และ ถ้าไม่ช่วยจะกระทบถึงคนกลุ่มใหญ่ในชาติแค่ไหน ต้องมองในหลายๆมุมครับ
มีใครไม่รู้ว่า ดอลต้องอ่อนค่าอีกนาน มั่ง ?????
มีใครไม่รู้ว่า บาทต้องอ่อนเป็นปกติมั่ง ????
มีใครไม่รู้ว่า บาทอ่อนกว่าค่าเงินเพื่อนบ้านมั่ง ????
มีใครไม่รู้ว่า ถ้าบาทอ่อนกว่าเพื่อนบ้าน ส่งออกจะเหลือหลักเดียวบ้าง ???
แล้วถ้าส่งออกโตเหลือหลักเดียวใครจะกระทบบ้าง ????
แต่เวลาทุกคนพูด จะพูดแต่มุมของตัวเองกันหมด เวลาใครกระทบก็พูดแค่ที่ตัวเองกระทบ
ที่แบงก์ชาติออกมาดัน ก็แค่ให้เงินบาทกลับไปอ่อนค่าเท่ากับเพื่อนบ้านที่ส่งออกเพื่อให้การส่งออกได้ แต่ก็ยังไม่บทความแบบข้างบน ที่คุณ Mr. Boo เอามาโพส ว่าจะมีใครยันค่าเงินบาทได้ออกมา ไม่น่าเชื่อว่าจะมีนักวิชาการที่ไม่เข้าใจอะไรแบบนี้อยู่อีกเยอะ
รอบนี้ต้องยอมรับว่า แบงก์ชาติทำรุนแรงจริงๆ แต่ก็ต้องดูว่า ความจำเป็นในการช่วย ผู้ส่งออก จำเป็นแค่ไหน และ ถ้าไม่ช่วยจะกระทบถึงคนกลุ่มใหญ่ในชาติแค่ไหน ต้องมองในหลายๆมุมครับ
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
อะไรๆก็โทษเก็งกำไร
โพสต์ที่ 7
เอามาฝาก อีกหนึ่งมุมมอง จาก http://www.drpunya.com/news.htm
16 ธค.49 .... ฟังไม่ได้ศัพท์อย่าเพิ่งจับเอาไปกระเดียด
ช่วงนี้มีคนพูดกันมากว่าฝรั่งกำลังจะโจมตีค่าเงินบาท นักลงทุนไทยก็เลยตกอกตกใจเทขายหุ้นออกมา ส่วนคนที่ถือเงินสดอยู่แล้วก็ไม่กล้าเข้าซื้อ แถมยังคิดเลยเถิดไปว่า ถ้าเงินไทยตกเหมือนครั้งก่อนก็จะเสียหาย จึงถามหาหนทางหลบเงินไปไว้ที่อื่น...ฯลฯ
ครับ, ท่านควรฟังให้ดีเสียก่อน และทำความเข้าใจด้วยตนเองให้ดีๆ เรื่องมันไม่เหมือนกัน
ครั้งก่อนโน้นฝรั่งไม่ได้เอาเงินเข้ามาไว้ในประเทศไทย เขาซื้อเงินบาทเอาไว้ที่ต่างประเทศ แล้วก็บอกว่าเงินบาทไม่มีค่า เขาบอกขายในราคาถูกๆ แล้วแบงก์ชาติไทยก็เอาเงินดอลล่าร์ไปซื้อ(เพื่อพยุงราคาของบาท) ซื้อแล้วก็ไปทำสัญญา ซื้อดอลล่าร์คืนเอาไว้ล่วงหน้า การกระทำอย่างนี้เขาเรียกว่า สวอปเงิน ซึ่งมีผลทำให้เงินบาทก็กลับไปสู่ตลาดโลก การซื้อคืนนี้ถึงแม้ว่าเราจะไปทำสัญญากับคนอื่น แต่เจ้าโซรอสมันสืบได้ มันก็เอาเงินดอลล่าร์ที่ได้รับจากเราไปซื้อเงินบาทกลับเข้าบัญชีของมันอย่างเดิม มันยอมขาดทุนจากผลต่างของราคาที่มันขายบาท กับที่มันต้องซื้อจากคนอื่น ... เมื่อได้บาทกลับเข้าบัญชีแล้วมันก็บอกขายถูกๆอีก ซึ่งเราก็หลงกลเอาเงินดอลล่าร์ของเราไปซื้อมันอีก แล้วก็ทำสัญญาสวอปอีก
ครับ, วนอยู่อย่างนี้ไม่กี่รอบ เราก็ยอมแพ้ ค่าเงินบาทก็ตกฮวบไปจริงๆ จาก 26 บาทต่อ 1 ดอลล่าร์ ก็กลายเป็น 50 บาทต่อ 1 ดอลล่าร์ ซึ่งทำให้ไทยต้องขาดทุนในสัญญาสวอปต่างๆที่ทำไว้
แต่คราวนี้มันเป็นคนละเรื่องกัน
คือฝรั่งเอาดอลล่าร์เข้ามาเมืองไทย แต่ไม่เอามาซื้อหุ้น มันกลับซื้อพันธบัตร์และตราสารอื่นๆเอาไว้ ถ้ามันคิดจะโจมตีค่าบาทโดยบอกขายบาทในราคาถูกๆ มันก็ฉิบหายเองซิครับ มันไม่ทำอย่างนั้นแน่ และถ้ามันทำจริง มันจะหาเงินบาทมาถล่มอีกได้อย่างไร เพราะธปท.เขาไม่คิดจะทำสัญญาสวอปอีกแล้ว เขารู้แล้วว่าการทำสัญญาสวอปคือช่องโหว่ในระบบ
ครับ, ถ้าฝรั่งจะโจมตีเงินบาทในครั้งนี้ มันต้องปั่นให้ค่าเงินบาทแข็งยิ่งขึ้น หรือคือ ต้องบอกซื้อเงินบาทในราคาแพงๆ ถ้ามันทำสำเร็จ พันธบัตร์และเงินบาทในมือมันก็จะมีกำไร
แต่....พันธบัตร์และเงินบาทในมือมันมีแค่ 5-6 หมื่นล้านบาท กำไรอย่างมากก็แค่ 5-6 พันล้านบาท เงินแค่นี้มันไม่พอกับการสูญเสียในการปั่นราคาหรอกครับ
โดยสรุป ท่านอย่าเชื่อพวกนักวิเคราะห์ที่ออกมาบอกให้ท่านขายหุ้น ตอนนี้พวกเขาแบ่งเป็น 2 ค่าย ค่ายหนึ่งบอกว่าหุ้นจะลงไปถึง 600-700 อีกค่ายหนึ่งบอกว่าหุ้นจะขึ้นถึง 800-880 ค่ายแรกนั้นสนับสนุนข่าวการโจมตีค่าบาท เพราะอยากเห็นความพินาศฉิบหายของตลาดหุ้นไทย พวกนี้สมคบกับฝรั่งที่เอาเงินเข้ามาพักไว้ในตลาดพันธบัตร์ เมื่อหุ้นตกถึงที่เขาพอใจก็จะขายพันธบัตร์ แล้วเข้ามาซื้อหุ้น
ครับ, จำไว้ง่ายๆ การปั่นราคาค่าเงินสกุลใดสกุลหนึ่งนั้น มันต้องมีเป้าทำกำไรเป็นแสนล้านบาท เพราะถ้าพลาดก็จะเสียหายเป็นแสนล้านเช่นกัน เขาไม่ทำกันในวงเงินแค่ 5-6 หมื่นล้านบาทหรอกครับ
ฟังให้ได้ศัพท์แล้วค่อยจับเอามากระเดียดนะครับ
..............
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1841
- ผู้ติดตาม: 0
อะไรๆก็โทษเก็งกำไร
โพสต์ที่ 8
ผมไม่ค่อย sync กับบทความเท่าไหร่ ยาวเหมือนนิยาย
แต่มาติดที่ ๑.เรามี reserve dollar เยอะ ๒. หุ้น อะไรขึ้นเร็วก็อาจจะลงเร็ว เงินบาท คือ หุ้น ของ Thailand Inc.
เราไม่ค่อยทันฝรั่งมันหรอก
เลยเอะใจ ว่า BOT มีข้อมูลอะไรอยู่ทำให้ตัดสินใจออก มาตรการ อย่างนั้นและเสียวตอนเงินบาท ขาลง
แต่มาติดที่ ๑.เรามี reserve dollar เยอะ ๒. หุ้น อะไรขึ้นเร็วก็อาจจะลงเร็ว เงินบาท คือ หุ้น ของ Thailand Inc.
เราไม่ค่อยทันฝรั่งมันหรอก
เลยเอะใจ ว่า BOT มีข้อมูลอะไรอยู่ทำให้ตัดสินใจออก มาตรการ อย่างนั้นและเสียวตอนเงินบาท ขาลง
Rabbit VS. Turtle
- nott
- Verified User
- โพสต์: 87
- ผู้ติดตาม: 0
อะไรๆก็โทษเก็งกำไร
โพสต์ที่ 10
ข้อกล่าวหาที่ว่าค่าเงินบาทแข็งมาจากการเก็งกำไร สำหรับผมรู้สึกว่าเป็นข้ออ้างเพื่อการลดค่าเงินมากกว่าข้อเท็จจริงโดยเอานักเก็งกำไรเป็นแพะ จุดมุ่งหมายก็เพื่อพยุงผู้ส่งออกซึ่งน่าจะหามาตราการที่ยั่งยืนกว่านี้ในการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ :(
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1067
- ผู้ติดตาม: 0
อะไรๆก็โทษเก็งกำไร
โพสต์ที่ 11
BOT ออกมาตรการ ราวกับจะหักดิบความต้องการพื้นฐานของมนุษย์
แต่ว่าสิ่งที่แฝง ๆ อยู่นี่ผมเดาว่าต้องการเอาใจมากกว่าครับ
แต่เอาใจใครบ้าง ขอเดาว่าเป็นผู้ส่งออก และผู้ผลิตสินค้าป้อนผู้ส่งออก
ก่อนออกมาตรการมีข่าวมาว่า ภาคส่งออกกำลังจะผลักแรงกดดันส่วนหนึ่ง
ไปสู่ผู้ผลิต ซึ่งก็คือเกษตรกร เป็นส่วนใหญ่
BOT คงรู้ตรงนี้อยู่แล้วครับว่ามันต้องเกิดขึ้น แต่การเกิดขึ้น
ไม่สำคัญเท่ากับ การที่ผู้คน "รับรู้" ว่ามันเกิดขึ้น
จึงมีมาตรเข็นมาตรการนี้ออกมา เพื่อเอาใจ อย่างเร่งด่วน
สังเกตจากคำแถลงของหม่อมวันนี้แล้ว
ส่วนตัวผมไม่ค่อยรู้สึก แต่คิดครับว่า
คนที่เล่นหุ้นคงรู้สึกว่าถูกย่ำยีด้วยคำพูด
หักหาญน้ำใจกันไม่น้อย
อาจจะเป็น Jigsaw อีกฉาก
ฉากนี้สยองหน่อย เพราะมีการบทขยี้โชว์กลางสี่แยก
เพื่อแสดงสารเร้นว่าตัดสินใจเพื่อคนหมู่มาก ยอมเสียสละคนหมู่น้อย
ปล. โปรดอย่าเชื่อผม เพราะสมมติฐานหลายจุดเหลือเกินครับ :lol:
แต่ว่าสิ่งที่แฝง ๆ อยู่นี่ผมเดาว่าต้องการเอาใจมากกว่าครับ
แต่เอาใจใครบ้าง ขอเดาว่าเป็นผู้ส่งออก และผู้ผลิตสินค้าป้อนผู้ส่งออก
ก่อนออกมาตรการมีข่าวมาว่า ภาคส่งออกกำลังจะผลักแรงกดดันส่วนหนึ่ง
ไปสู่ผู้ผลิต ซึ่งก็คือเกษตรกร เป็นส่วนใหญ่
BOT คงรู้ตรงนี้อยู่แล้วครับว่ามันต้องเกิดขึ้น แต่การเกิดขึ้น
ไม่สำคัญเท่ากับ การที่ผู้คน "รับรู้" ว่ามันเกิดขึ้น
จึงมีมาตรเข็นมาตรการนี้ออกมา เพื่อเอาใจ อย่างเร่งด่วน
สังเกตจากคำแถลงของหม่อมวันนี้แล้ว
ส่วนตัวผมไม่ค่อยรู้สึก แต่คิดครับว่า
คนที่เล่นหุ้นคงรู้สึกว่าถูกย่ำยีด้วยคำพูด
หักหาญน้ำใจกันไม่น้อย
อาจจะเป็น Jigsaw อีกฉาก
ฉากนี้สยองหน่อย เพราะมีการบทขยี้โชว์กลางสี่แยก
เพื่อแสดงสารเร้นว่าตัดสินใจเพื่อคนหมู่มาก ยอมเสียสละคนหมู่น้อย
ปล. โปรดอย่าเชื่อผม เพราะสมมติฐานหลายจุดเหลือเกินครับ :lol:
... จุดเริ่มต้นของคนเราไม่สำคัญ
มันสำคัญที่ว่าเขาวิ่งได้เร็วแค่ไหนตะหาก ...
มันสำคัญที่ว่าเขาวิ่งได้เร็วแค่ไหนตะหาก ...