จะหา margin of safety ได้จากอะไรครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 67
- ผู้ติดตาม: 0
จะหา margin of safety ได้จากอะไรครับ
โพสต์ที่ 1
จะหา margin of safety ได้จากอะไรครับ
เห็นพูดกันค่อนข้างเยอะ ว่าสำคัญ ผมลอง search หาดูใน board ผมก็ไม่เจอกระทู้ที่สอนเรื่อง margin of safety เลยซักอัน
ช่วยสอนหน่อยครับ อย่าเพิ่งบอกนะครับว่าไปหาหนังสืออ่าน
เห็นพูดกันค่อนข้างเยอะ ว่าสำคัญ ผมลอง search หาดูใน board ผมก็ไม่เจอกระทู้ที่สอนเรื่อง margin of safety เลยซักอัน
ช่วยสอนหน่อยครับ อย่าเพิ่งบอกนะครับว่าไปหาหนังสืออ่าน
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1067
- ผู้ติดตาม: 0
จะหา margin of safety ได้จากอะไรครับ
โพสต์ที่ 2
ผมขอตอบด้วยความรู้น้อยนะครับผม
Margin of Safety
คือ Margin ครับ :lol:
Margin คือส่วนต่างครับ
ส่วนต่างก็ต้องมีสองขั้วที่ต่างครับ
ขั้วหนึ่งก็คือมูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
ส่วนอีกขั้วก็คือราคาที่เราซื้อมาครับ
มูลค่าที่แท้จริง เป็นสิ่งที่ต้องหาให้ได้เป็นอันดับแรกครับ
จึงจะมาหา Margin of safety ครับ ส่วนตัวผมไม่ทราบหลักการครับ
ว่าการจะตั้ง Margin of safety นั้นจะต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยใดบ้าง
แต่พอจะเดาได้ว่า ขึ้นอยู่กับค่านิยมของนักลงทุนซะมากครับ
รองลงมาก็ขึ้นอยู่กับนายตลาดครับว่าจะให้โอกาสเราแค่ไหน
Margin of Safety
คือ Margin ครับ :lol:
Margin คือส่วนต่างครับ
ส่วนต่างก็ต้องมีสองขั้วที่ต่างครับ
ขั้วหนึ่งก็คือมูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
ส่วนอีกขั้วก็คือราคาที่เราซื้อมาครับ
มูลค่าที่แท้จริง เป็นสิ่งที่ต้องหาให้ได้เป็นอันดับแรกครับ
จึงจะมาหา Margin of safety ครับ ส่วนตัวผมไม่ทราบหลักการครับ
ว่าการจะตั้ง Margin of safety นั้นจะต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยใดบ้าง
แต่พอจะเดาได้ว่า ขึ้นอยู่กับค่านิยมของนักลงทุนซะมากครับ
รองลงมาก็ขึ้นอยู่กับนายตลาดครับว่าจะให้โอกาสเราแค่ไหน
... จุดเริ่มต้นของคนเราไม่สำคัญ
มันสำคัญที่ว่าเขาวิ่งได้เร็วแค่ไหนตะหาก ...
มันสำคัญที่ว่าเขาวิ่งได้เร็วแค่ไหนตะหาก ...
- OutOfMyMind
- Verified User
- โพสต์: 1242
- ผู้ติดตาม: 0
จะหา margin of safety ได้จากอะไรครับ
โพสต์ที่ 4
หลักง่าย ๆ ของผมคือ มองหาส่วนต่างระหว่างราคาที่ควรจะเป็นของธุรกิจ กับราคาที่คุณสามารถซื้อได้ในตอนนี้ ให้มันมีส่วนต่างมากเท่าไร มันก็ปลอดภัยจากการขาดทุนมากเท่านั้น
ผมว่าสิ่งนี้ต้องประเมินเองครับ
ในทางทฤษฏีเขาก็ว่า ให้ประเมินจากกระแสเงินสดคิดลด ที่บริษัทสามารถสร้างให้ผู้ถือหุ้นได้ในอนาคตคิดหามูลค่าปัจจุบันและเทียบกับราคาหุ้น แต่ผมว่าอันนี้มันออกจะยากไปซักหน่อย
วิธีของผมคือ ประเมิณสิ่งที่วัดได้ และประเมิณสิ่งที่วัดไม่ได้ควบคู่กัน
สิ่งที่วัดได้ ก็เช่น BV เท่าไร ขอให้ราคาหุ้นที่เราจะซื้อมันต่ำกว่าไว้ก่อน เผื่อบริษัทเจ๊งมาวันพรุ่งนี้ ขายบริษัทคืนเงินเจ้าของเราจะได้ได้กำไร แต่ทีนี้ก็ต้องพิจาณาอีกว่า BV ที่คำนวนได้นั้นมัน make sense หรือเปล่าประเมินถูกหรือเปล่า
อีกอย่างก็คือ PE ต่ำไว้ก่อน PE คือจำนวนปีที่คุณจะได้ earning มาคุ้มทุน ผมไม่ไว้ใน PE เกิน 10 ปีเพราะรอนานเกินไป
กำไรขั้นต้น ก็ขอให้ได้สูงกว่าคู่แข่งไว้ก่อน เพราะเมื่อประสบปัญหาต้องลดราคา เราอาจยังมีกำไร แต่คู่แข่งเจ๊งซะแล้ว
อัตราส่วนของหนี้สินให้น้อยเข้าไว้ โดยเฉพาะหนี้ระยะสั้น ควรต้องน้อยกว่าสินทรัพย์ระยะสั้น เพราะจะได้มั่นใจว่าจะไม่ short
เป็นผู้นำตลาด ผลิตสินค้าที่มีตลาดรองรับอยุ่เสมอไม่ใช่สินค้าแฟชั่น ไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มเติมอีก สร้างกระแสเงินสดเข้ามาได้อย่างเนื่อง
ยังมีอีกหลายประเด็นครับ แต่แค่นี่ ค่อย ๆ หาหุ้นลักษณะดังกล่าวให้เจอ ผมก็ว่า โอกาสทำกำไรจากหุ้นก็ไม่ไกลเกินเอื้อมครับ
ผมว่าสิ่งนี้ต้องประเมินเองครับ
ในทางทฤษฏีเขาก็ว่า ให้ประเมินจากกระแสเงินสดคิดลด ที่บริษัทสามารถสร้างให้ผู้ถือหุ้นได้ในอนาคตคิดหามูลค่าปัจจุบันและเทียบกับราคาหุ้น แต่ผมว่าอันนี้มันออกจะยากไปซักหน่อย
วิธีของผมคือ ประเมิณสิ่งที่วัดได้ และประเมิณสิ่งที่วัดไม่ได้ควบคู่กัน
สิ่งที่วัดได้ ก็เช่น BV เท่าไร ขอให้ราคาหุ้นที่เราจะซื้อมันต่ำกว่าไว้ก่อน เผื่อบริษัทเจ๊งมาวันพรุ่งนี้ ขายบริษัทคืนเงินเจ้าของเราจะได้ได้กำไร แต่ทีนี้ก็ต้องพิจาณาอีกว่า BV ที่คำนวนได้นั้นมัน make sense หรือเปล่าประเมินถูกหรือเปล่า
อีกอย่างก็คือ PE ต่ำไว้ก่อน PE คือจำนวนปีที่คุณจะได้ earning มาคุ้มทุน ผมไม่ไว้ใน PE เกิน 10 ปีเพราะรอนานเกินไป
กำไรขั้นต้น ก็ขอให้ได้สูงกว่าคู่แข่งไว้ก่อน เพราะเมื่อประสบปัญหาต้องลดราคา เราอาจยังมีกำไร แต่คู่แข่งเจ๊งซะแล้ว
อัตราส่วนของหนี้สินให้น้อยเข้าไว้ โดยเฉพาะหนี้ระยะสั้น ควรต้องน้อยกว่าสินทรัพย์ระยะสั้น เพราะจะได้มั่นใจว่าจะไม่ short
เป็นผู้นำตลาด ผลิตสินค้าที่มีตลาดรองรับอยุ่เสมอไม่ใช่สินค้าแฟชั่น ไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มเติมอีก สร้างกระแสเงินสดเข้ามาได้อย่างเนื่อง
ยังมีอีกหลายประเด็นครับ แต่แค่นี่ ค่อย ๆ หาหุ้นลักษณะดังกล่าวให้เจอ ผมก็ว่า โอกาสทำกำไรจากหุ้นก็ไม่ไกลเกินเอื้อมครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2273
- ผู้ติดตาม: 0
จะหา margin of safety ได้จากอะไรครับ
โพสต์ที่ 5
เอาหลักง่ายของผมละกันครับ
ผมคิดว่าราคาของหุ้นที่สนใจจะเป็นเท่าไหร่ก่อน
แล้วมาคิดว่าจะซื้อด้วยส่วนลดเท่าไหร่
เช่น ผมประมาณราคาหุ้นตัวหนึ่งที่ราคา 5บาท
safe margin คือส่วนลด
ถ้าผมต้องการส่วนลด 20% ผมก็ซื้อในราคา 4 บาท
ถ้าผมต้องการส่วนลด 30% ผมก็ซื้อในราคา 3.5 บาท
คำถามคือแล้วจะคิดราคาหุ้นอย่างไร
ผมค่อยๆคิด เอาว่าปีหน้าบริษัทน่าจะได้กำไรเท่าไหร่
โดยคิดจาก
ประมาณยอดขาย
ประมาณต้นทุน
คิดเป็นกำไร
แล้วเอา pe คูณ
ตัวอย่างครับ
ตอนนี้ TRC น่าจะมียอดขาย 1000 ล้านบาท ในปี 50
เพราะเป็นการประมูล โดยไม่คิดยอดขายที่จะได้เพิ่มอื่น
ต้นทุนคงที่
ได้เน็ทมาร์จินที่ 8%
ได้กำไร 80 ล้านบาท
บริษัทมีหุ้นทั้งหมด 150 ล้านหุ้น
ก็กำไรปีนี้ได้ =80/150=0 .53 บาท เอา pe คูณ
ถ้าผมใช้ pe =8 ก็จะได้ว่า ราคา TRC ปี 50 ควรอยู่ที่ 4.26 บาท
ดังนั้น ถ้าผมต้องการซื้อด้วยส่วนลด 30% ก็ต้องซื้อที่ราคา 2.99 บาทครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้น เราจะประมาณทุกอย่างได้ง่ายขึ้น
ถ้าเราอยู่กับหุ้นตัวนั้นนานๆ ศึกษาเยอะๆครับ
เราจะรู้ว่าหุ้นเป็นอย่างไรการทำกำไรเป็นอย่างไรครับผม
ผมคิดว่าราคาของหุ้นที่สนใจจะเป็นเท่าไหร่ก่อน
แล้วมาคิดว่าจะซื้อด้วยส่วนลดเท่าไหร่
เช่น ผมประมาณราคาหุ้นตัวหนึ่งที่ราคา 5บาท
safe margin คือส่วนลด
ถ้าผมต้องการส่วนลด 20% ผมก็ซื้อในราคา 4 บาท
ถ้าผมต้องการส่วนลด 30% ผมก็ซื้อในราคา 3.5 บาท
คำถามคือแล้วจะคิดราคาหุ้นอย่างไร
ผมค่อยๆคิด เอาว่าปีหน้าบริษัทน่าจะได้กำไรเท่าไหร่
โดยคิดจาก
ประมาณยอดขาย
ประมาณต้นทุน
คิดเป็นกำไร
แล้วเอา pe คูณ
ตัวอย่างครับ
ตอนนี้ TRC น่าจะมียอดขาย 1000 ล้านบาท ในปี 50
เพราะเป็นการประมูล โดยไม่คิดยอดขายที่จะได้เพิ่มอื่น
ต้นทุนคงที่
ได้เน็ทมาร์จินที่ 8%
ได้กำไร 80 ล้านบาท
บริษัทมีหุ้นทั้งหมด 150 ล้านหุ้น
ก็กำไรปีนี้ได้ =80/150=0 .53 บาท เอา pe คูณ
ถ้าผมใช้ pe =8 ก็จะได้ว่า ราคา TRC ปี 50 ควรอยู่ที่ 4.26 บาท
ดังนั้น ถ้าผมต้องการซื้อด้วยส่วนลด 30% ก็ต้องซื้อที่ราคา 2.99 บาทครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้น เราจะประมาณทุกอย่างได้ง่ายขึ้น
ถ้าเราอยู่กับหุ้นตัวนั้นนานๆ ศึกษาเยอะๆครับ
เราจะรู้ว่าหุ้นเป็นอย่างไรการทำกำไรเป็นอย่างไรครับผม
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่