เศรษฐกิจตอนนี้น่าลงทุนเปล่า
- mahayosanan
- Verified User
- โพสต์: 27
- ผู้ติดตาม: 0
เศรษฐกิจตอนนี้น่าลงทุนเปล่า
โพสต์ที่ 1
ตอนนี้ เศรษฐกิจไม่ค่อยดี รัฐจึงต้องมีนโยบายกระตุ้นเศรฐกิจ
คาดว่า GDP โต 3.8 % น่าลงทุนเปล่า
คาดว่า GDP โต 3.8 % น่าลงทุนเปล่า
สนใจหุ้นแบบเน้นคุณค่ามากที่สุด
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
เศรษฐกิจตอนนี้น่าลงทุนเปล่า
โพสต์ที่ 2
ไม่แน่ใจครับ
แต่ที่แน่ใจคือ ปีที่ GDP 6% กว่าและคาดการณ์กันว่าปีถัดไปจะเป็น 8% ปีนั้นเป็นปีที่ไม่น่าลงทุน เพราะจากนั้นดัชนีก็ร่วงจาก 800 มาเหลือแค่ 580 :roll:
แต่ที่แน่ใจคือ ปีที่ GDP 6% กว่าและคาดการณ์กันว่าปีถัดไปจะเป็น 8% ปีนั้นเป็นปีที่ไม่น่าลงทุน เพราะจากนั้นดัชนีก็ร่วงจาก 800 มาเหลือแค่ 580 :roll:
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- Blue planet
- Verified User
- โพสต์: 165
- ผู้ติดตาม: 0
เศรษฐกิจตอนนี้น่าลงทุนเปล่า
โพสต์ที่ 4
เคยมีคำกล่่าวของจีนว่า
ขายไอศครีมให้ขายในฤดูหนาว(อันนี้จำได้ )
ไอ้เราก็ คิดว่าถ้าจะบ้าขายฤดูหนาวก็เจ๊งนะสิ
แต่จริงๆแล้วเขากำลังจะบอกเราว่า การพยายามใดๆนั้นถ้าจะได้ผลดีต้องทำบนความยากลำบาก ขายไอศครีมในฤดูหนาว ถ้าจะขายให้ได้ดีกลยุทธ์จะต้องแตกต่างจากฤดูร้อน ความอดทนต้องมีมากกว่า
เศรษฐกิจไม่ดีก็ดีสิครับการวิเคราะห์บริษัทจะได้ละเอียดมากขึ้น ต้องมีความรอบคอบมากขึ้น
ต้องใช้และได้ความรู้เพิ่มขึ้น
.....
ลงทุนในธุรกิจก็โฟกัสที่ธุรกิจครับอย่ากังวลกับเศรษฐกิจเลย..
ขายไอศครีมให้ขายในฤดูหนาว(อันนี้จำได้ )
ไอ้เราก็ คิดว่าถ้าจะบ้าขายฤดูหนาวก็เจ๊งนะสิ
แต่จริงๆแล้วเขากำลังจะบอกเราว่า การพยายามใดๆนั้นถ้าจะได้ผลดีต้องทำบนความยากลำบาก ขายไอศครีมในฤดูหนาว ถ้าจะขายให้ได้ดีกลยุทธ์จะต้องแตกต่างจากฤดูร้อน ความอดทนต้องมีมากกว่า
เศรษฐกิจไม่ดีก็ดีสิครับการวิเคราะห์บริษัทจะได้ละเอียดมากขึ้น ต้องมีความรอบคอบมากขึ้น
ต้องใช้และได้ความรู้เพิ่มขึ้น
.....
ลงทุนในธุรกิจก็โฟกัสที่ธุรกิจครับอย่ากังวลกับเศรษฐกิจเลย..
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
เศรษฐกิจตอนนี้น่าลงทุนเปล่า
โพสต์ที่ 5
ตามความคิดของผมแล้ว
สภาพเศรษฐกิจตอนนี้ก็เป็นสภาพปรกตินะครับ
ตลอด 17 ปีที่ผมทั้งเล่นและลงทุนในหุ้น ก็แทบจะไม่มีปีไหนเลยที่ผู้คนไม่รู้สึกว่าเศรษฐกิจมีปัญหา
เวลาเศรษฐกิจขยายตัวน้อยก็มีปัญหาต่างๆ เช่น ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด เงินเฟ้อสูง สงคราม
เวลาเศรษฐกิจขยายตัวมากๆ ก็กังวัลเรื่องฟองสบู่จะแตก
ผมว่าเราต้องปรับตัว ปรับสภาพจิตใจให้เคยชินกับปัญหาต่างๆนะครับ
ถ้าเราปรับตัว ปรับใจ ได้แล้ว ปัญหาก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
สภาพเศรษฐกิจตอนนี้ก็เป็นสภาพปรกตินะครับ
ตลอด 17 ปีที่ผมทั้งเล่นและลงทุนในหุ้น ก็แทบจะไม่มีปีไหนเลยที่ผู้คนไม่รู้สึกว่าเศรษฐกิจมีปัญหา
เวลาเศรษฐกิจขยายตัวน้อยก็มีปัญหาต่างๆ เช่น ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด เงินเฟ้อสูง สงคราม
เวลาเศรษฐกิจขยายตัวมากๆ ก็กังวัลเรื่องฟองสบู่จะแตก
ผมว่าเราต้องปรับตัว ปรับสภาพจิตใจให้เคยชินกับปัญหาต่างๆนะครับ
ถ้าเราปรับตัว ปรับใจ ได้แล้ว ปัญหาก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
แล้วแต่บุคคล
โพสต์ที่ 6
ต่อคำถามนี้ ผมตอบว่า แล้วแต่ละบุคคล และไสตล์การลงทุนของแต่ละบุคคลครับ ซึ่งจะถนัดและเชี่ยวชาญแตกต่างกันไปในหลายรูปแบบ
แต่สำหรับผม
ผมจะลงทุนหนักๆในสถานการณ์2แบบคือ
1)หุ้นแข็งแกร่งที่ประสบปัญหาชั่วคราว กำไรตกต่ำ แล้วเกิดการเทขายอย่างหนักจนผมคิดว่าราคาหล่นจนมี safety margin กว่า30% ซึ่งหุ้นในโกดังของผมทั้ง30-40กว่าตัว ที่ผมเฝ้ามองมัน ประสบการณ์ที่ผ่านมาไม่ว่าตลาดจะดีหรือไม่ดี หรือเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร ก็มักจะมีปีละตัวสองตัวที่มันประสบปัญหาแล้วก็ลดราคาให้ผมตลอด เมื่อผมเจอมันผมก็จะค่อยๆซื้อสะสมเท่าที่จะมีเงินให้ผมซื้อ หากปีไหนไม่มีนางฟ้านางใดโน้มกิ่งมาให้ผมๆก็จะทำงานประจำ สะสมเงินสด และนั่งอ่านหนังสือไว้รอโอกาส หวังว่าสักวัน โอกาสซื้อจะมาถึง
2)ช่วงตลาดตกต่ำ เช่นตลาดหมี เป็นอีกช่วงครับที่ผมได้ซื้อหุ้นที่หมายตาไว้ และเป็นฤดู ช็อปของผมเลยที่เดียว ผมซื้อแหลก ซื้อแบบหมดเนื้อหมดตัว ซื้อแบบบ้าระห่ำ ซื้อแบบหิวกระหาย แหมๆก็ เพราะหุ้นที่ผมหมายปองไว้ในหัวใจ มันต่างพากันลดราคากระหน่ำซะขนาดนั้น ผมมักเปรียบเทียบกับการลงทุนในช่วงตลาดหมีเหมือนการเริ่มต้นฤดูเพาะปลูกครับ ผมจะทยอยเพาะปลูกไปเรื่อยจนคิดว่าหมดสิ้นภาวะตลาดหมี หรือไม่ก็เงินหมด พอตลาดกระทิงผมก็จะคอยดูแลบำรุงใส่ปุ๋ยต้นไม้ พรวนดิน และคัดเลือกต้นไม้ขี้โรคออกจากแปลง(หมายถึงเฝ้าดู และปรับพอร์ตกำจัดหุ้นที่ไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ หรืออาจเพิ่มน้ำหนักบ้างตัวที่คิดว่าไปได้ดี ดูแลสมดุลของพอร์ต) รอไปเรื่อย จนต้นไม้ที่ผมปลูกดูแลพากันผลิดอกออกผล และได้เวลาเก็บเกี่ยว ผมก็ทยอยเก็บเกี่ยว สะสมเงินสด และรอฤดูเพาะปลูกในคราถัดไป
นี่แหละเป็นกลยุทธ์และกรอบการลงทุนของผม เพราะฉะนั้นไม่ว่าเศรษฐกิจเป็นอย่างไรไม่ใช่ปัญหาสำหรับผม ปัญหาของผมมีอยู่ประเด็นเดียวคือขนาดเงินทุนของผมไม่ใหญ่พอ เงินทุนของผมต้องมาจากเงินเดือนและเงินปันผลที่แบ่งมาลงทุน ซึ่งต้องอาศัยเวลาในการเพิ่มขนาดของพอร์ตนานพอสมควรกว่าจะถึงจุดที่ผมมีอิสรภาพทางการเงิน
แต่สำหรับผม
ผมจะลงทุนหนักๆในสถานการณ์2แบบคือ
1)หุ้นแข็งแกร่งที่ประสบปัญหาชั่วคราว กำไรตกต่ำ แล้วเกิดการเทขายอย่างหนักจนผมคิดว่าราคาหล่นจนมี safety margin กว่า30% ซึ่งหุ้นในโกดังของผมทั้ง30-40กว่าตัว ที่ผมเฝ้ามองมัน ประสบการณ์ที่ผ่านมาไม่ว่าตลาดจะดีหรือไม่ดี หรือเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร ก็มักจะมีปีละตัวสองตัวที่มันประสบปัญหาแล้วก็ลดราคาให้ผมตลอด เมื่อผมเจอมันผมก็จะค่อยๆซื้อสะสมเท่าที่จะมีเงินให้ผมซื้อ หากปีไหนไม่มีนางฟ้านางใดโน้มกิ่งมาให้ผมๆก็จะทำงานประจำ สะสมเงินสด และนั่งอ่านหนังสือไว้รอโอกาส หวังว่าสักวัน โอกาสซื้อจะมาถึง
2)ช่วงตลาดตกต่ำ เช่นตลาดหมี เป็นอีกช่วงครับที่ผมได้ซื้อหุ้นที่หมายตาไว้ และเป็นฤดู ช็อปของผมเลยที่เดียว ผมซื้อแหลก ซื้อแบบหมดเนื้อหมดตัว ซื้อแบบบ้าระห่ำ ซื้อแบบหิวกระหาย แหมๆก็ เพราะหุ้นที่ผมหมายปองไว้ในหัวใจ มันต่างพากันลดราคากระหน่ำซะขนาดนั้น ผมมักเปรียบเทียบกับการลงทุนในช่วงตลาดหมีเหมือนการเริ่มต้นฤดูเพาะปลูกครับ ผมจะทยอยเพาะปลูกไปเรื่อยจนคิดว่าหมดสิ้นภาวะตลาดหมี หรือไม่ก็เงินหมด พอตลาดกระทิงผมก็จะคอยดูแลบำรุงใส่ปุ๋ยต้นไม้ พรวนดิน และคัดเลือกต้นไม้ขี้โรคออกจากแปลง(หมายถึงเฝ้าดู และปรับพอร์ตกำจัดหุ้นที่ไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ หรืออาจเพิ่มน้ำหนักบ้างตัวที่คิดว่าไปได้ดี ดูแลสมดุลของพอร์ต) รอไปเรื่อย จนต้นไม้ที่ผมปลูกดูแลพากันผลิดอกออกผล และได้เวลาเก็บเกี่ยว ผมก็ทยอยเก็บเกี่ยว สะสมเงินสด และรอฤดูเพาะปลูกในคราถัดไป
นี่แหละเป็นกลยุทธ์และกรอบการลงทุนของผม เพราะฉะนั้นไม่ว่าเศรษฐกิจเป็นอย่างไรไม่ใช่ปัญหาสำหรับผม ปัญหาของผมมีอยู่ประเด็นเดียวคือขนาดเงินทุนของผมไม่ใหญ่พอ เงินทุนของผมต้องมาจากเงินเดือนและเงินปันผลที่แบ่งมาลงทุน ซึ่งต้องอาศัยเวลาในการเพิ่มขนาดของพอร์ตนานพอสมควรกว่าจะถึงจุดที่ผมมีอิสรภาพทางการเงิน
-
- Verified User
- โพสต์: 511
- ผู้ติดตาม: 0
เศรษฐกิจตอนนี้น่าลงทุนเปล่า
โพสต์ที่ 7
ล้ำลึกมากครับ ยกหัวแม่มือให้เลยครับ คุณ chartchai madman ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดีๆ ที่นำมาแบ่งปันกันครับต่อคำถามนี้ ผมตอบว่า แล้วแต่ละบุคคล และไสตล์การลงทุนของแต่ละบุคคลครับ ซึ่งจะถนัดและเชี่ยวชาญแตกต่างกันไปในหลายรูปแบบ
แต่สำหรับผม
ผมจะลงทุนหนักๆในสถานการณ์2แบบคือ
1)หุ้นแข็งแกร่งที่ประสบปัญหาชั่วคราว กำไรตกต่ำ แล้วเกิดการเทขายอย่างหนักจนผมคิดว่าราคาหล่นจนมี safety margin กว่า30% ซึ่งหุ้นในโกดังของผมทั้ง30-40กว่าตัว ที่ผมเฝ้ามองมัน ประสบการณ์ที่ผ่านมาไม่ว่าตลาดจะดีหรือไม่ดี หรือเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร ก็มักจะมีปีละตัวสองตัวที่มันประสบปัญหาแล้วก็ลดราคาให้ผมตลอด เมื่อผมเจอมันผมก็จะค่อยๆซื้อสะสมเท่าที่จะมีเงินให้ผมซื้อ หากปีไหนไม่มีนางฟ้านางใดโน้มกิ่งมาให้ผมๆก็จะทำงานประจำ สะสมเงินสด และนั่งอ่านหนังสือไว้รอโอกาส หวังว่าสักวัน โอกาสซื้อจะมาถึง
2)ช่วงตลาดตกต่ำ เช่นตลาดหมี เป็นอีกช่วงครับที่ผมได้ซื้อหุ้นที่หมายตาไว้ และเป็นฤดู ช็อปของผมเลยที่เดียว ผมซื้อแหลก ซื้อแบบหมดเนื้อหมดตัว ซื้อแบบบ้าระห่ำ ซื้อแบบหิวกระหาย แหมๆก็ เพราะหุ้นที่ผมหมายปองไว้ในหัวใจ มันต่างพากันลดราคากระหน่ำซะขนาดนั้น ผมมักเปรียบเทียบกับการลงทุนในช่วงตลาดหมีเหมือนการเริ่มต้นฤดูเพาะปลูกครับ ผมจะทยอยเพาะปลูกไปเรื่อยจนคิดว่าหมดสิ้นภาวะตลาดหมี หรือไม่ก็เงินหมด พอตลาดกระทิงผมก็จะคอยดูแลบำรุงใส่ปุ๋ยต้นไม้ พรวนดิน และคัดเลือกต้นไม้ขี้โรคออกจากแปลง(หมายถึงเฝ้าดู และปรับพอร์ตกำจัดหุ้นที่ไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ หรืออาจเพิ่มน้ำหนักบ้างตัวที่คิดว่าไปได้ดี ดูแลสมดุลของพอร์ต) รอไปเรื่อย จนต้นไม้ที่ผมปลูกดูแลพากันผลิดอกออกผล และได้เวลาเก็บเกี่ยว ผมก็ทยอยเก็บเกี่ยว สะสมเงินสด และรอฤดูเพาะปลูกในคราถัดไป
นี่แหละเป็นกลยุทธ์และกรอบการลงทุนของผม เพราะฉะนั้นไม่ว่าเศรษฐกิจเป็นอย่างไรไม่ใช่ปัญหาสำหรับผม ปัญหาของผมมีอยู่ประเด็นเดียวคือขนาดเงินทุนของผมไม่ใหญ่พอ เงินทุนของผมต้องมาจากเงินเดือนและเงินปันผลที่แบ่งมาลงทุน ซึ่งต้องอาศัยเวลาในการเพิ่มขนาดของพอร์ตนานพอสมควรกว่าจะถึงจุดที่ผมมีอิสรภาพทางการเงิน
VI ฝึกหัด