การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
-
สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
สืบเนื่องจาก
หมู่เฮาชาว VI ของ ดร.นิเวศน์
Value Investor นับถือและยกย่อง วอเร็น บัฟเฟตต์ มากที่สุด แต่แนวทางการลงทุนนั้น ส่วนใหญ่จะเน้นการลงทุนในแนวของ เกรแฮม นั่นก็คือ นักลงทุนจะเน้นการซื้อหุ้นราคาถูกและขายหุ้นเมื่อราคาปรับตัวขึ้นหรือราคาแพงแล้วในสไตล์ของ เกรแฮม คุณภาพของกิจการที่เป็นจุดเน้นของ วอเร็น บัฟเฟตต์ นั้น นักลงทุนจะให้ความสนใจน้อยกว่าเรื่องของราคา ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเขายังอาจจะไม่เข้าใจในคุณสมบัติที่แท้จริงของธุรกิจดีพอ อีกส่วนหนึ่งอาจจะมองว่าการเทรดหุ้นบ้างน่าจะช่วยให้สามารถเพิ่มผลตอบแทนการลงทุนได้มากกว่าการถือหุ้นตัวใดตัวหนึ่งยาวเกินไป
ท่านใดมีข้อวิพากษ์วิจารณ์เพิ่มเติมบ้างครับ เพื่อที่เราจะได้พัฒนาแนวทางการลงทุนของพวกเราต่อไปในอนาคต
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 1
ผมเห็นด้วยกะ ดร. เลยครับ
เล่นแนว เกรแฮมเข้าใจง่าย และไม่ต้องการความรู้ในธรกิจ หรือ model มากๆ
น่าจะมีคนเล่นแนวนี้เยอะ
ส่วนพวกเซียนหุ้นมือโปรส่วนใหญ่น่าจะเล่นแบบ บัฟเฟตต์
่
การเทรดหุ้นบ้างน่าจะช่วยให้สามารถเพิ่มผลตอบแทนการลงทุนได้มากกว่าการถือหุ้นตัวใดตัวหนึ่งยาวเกินไป
อันนี้ไม่แน่ใจเนื่องจากไม่ทราบการถือหุ้นเฉลี่ยของคนในเว็บนี้ครับ
-
cryptonian_man
- Verified User
- โพสต์: 585
- ผู้ติดตาม: 0
ผมในฐานะมือใหม่คิดว่า แนวทางแบบบัฟเฟตต์ค่อนข้างจะทำได้ยากในตลาดหุ้นไทย แถมความอดทนของคนไทยเราก็น้อย ดังนั้น แนวทางแบบเกรแฮม จึงเป็นไปได้มากกว่าในความคิดของนักลงทุน VI
โดยเฉพาะตัวผมเอง เริ่มศึกษาจาก NEW BUFFETTOLOGY แต่รู้สึกว่า VALUE INVESTING MADES EASY อ่านแล้วใช้ได้ง่าย และเข้ากับตลาดไทยมากกว่าด้วย
เพราะการหากิจการดี ราคาเหมาะสมค่อนข้างยาก แต่ถ้าหากิจการดีหรือไม่ก็ได้ แต่ราคาถูกเนี่ย หาได้ไม่ยาก แถมที่สำคัญถ้าขึ้นก็ขายได้อีก
เขาว่า "หลังจากปากพองจากการดื่มนมร้อน เราจะเป่าโยเกิร์ตให้เย็นก่อนตักเข้าปาก"
แต่ทำไมตรูไม่เข็ด เคาะขวาไวตลอดเนี่ย
-
Doramon007
- Verified User
- โพสต์: 110
- ผู้ติดตาม: 0
ผมคิดว่าแนวเกรแฮมจะทำได้ง่ายกว่าครับ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นก้นบุหรี่ ที่พอราคาถูกมากก็ซื้อ พอขึ้นเกินไปก็ขายครับ แต่แนวทางแบบบัฟเฟตการลงทุนแนวนี้ต้องมองข้ามกาลเวลาและสิ่งนั้นต้องเปลี่ยนแปลงได้ยาก พูดง่าย ๆ ก็คือเราต้องสามารถเห็นภาพในอนาคตว่าธุรกิจใดในอนาคตจะดีและสิ่งที่จะเกิดขึ้นจะเปลี่ยนแปลงได้ยากครับ ถ้าหากเราทำสำเร็จโอกาสที่จะได้กำไรก็น่าจะมากกว่าแนวทางของเกรแฮมมากน่ะครับ (หากผิดพลาดประการใดโปรดแนะนำด้วยครับ)
เมื่อมีสติ ก็จะเกิดปัญญา
-
HI.ผมเอง
- Verified User
- โพสต์: 811
- ผู้ติดตาม: 0
คงหมายถึง
ถ้าแนว เกรแฮม ต้องซื้อ เซเว่นเมื่อสองเดือนก่อน
ถ้าแนวบัฟเฟตต์ ซื้อตอนนี้ ก็ยังไม่สาย
:nm:
-
chatchai
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
คุณภาพที่ดี หมายถึงว่า บริษัทต้องมีผลการดำเนินงานที่ดีสม่ำเสมอ จาก อดีต ปัจจุบัน ไปถึงอนาคต ใช่ไหมครับ
คงไม่ใช่ว่าเพิ่งมาดีปีนี้ เดือนนี้ เท่านั้น แต่น่าจะดีมานานแล้ว
ซึ่งเมื่อพิจารณาจากผลการดำเนินงานในอดีตของบริษัททั้งตลาดหลักทรัพย์ ผมว่าคงเหลือบริษัทลักษณะนี้น้อยเต็มทน
อีกทั้งบริษัทเหล่านี้ก็ไม่มี story ที่เร้าใจซะด้วย
แต่ถ้าจะคัดแบบ เพิ่งดีมาซักปีสองปีนี้ และมี story ที่สามารถชักชวนให้นักลงทุนทั่วไป (รวมทั้ง ผู้จัดการกองทุน นักวิเคราะห์) เชื่อว่าดี ก็คงพอมีเยอะหน่อย
ซึ่งการลงทุนในบริษัทลักษณะหลังนี้ ก็อาจจะให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะเวลาอันรวดเร็วได้ ซึ่งกว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะสะท้อนภาพที่แท้จริงของกิจการ ราคาหุ้นก็คงขึ้นไปสูงลิ่ว จนนักลงทุนที่ซื้อก่อนสามารถขายทำกำไรได้อย่างงดงามและรวดเร็ว
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
ดาวหางสีแดง
- Verified User
- โพสต์: 635
- ผู้ติดตาม: 0
ผมว่าขนาดของพอร์ตน่าจะมีส่วนสำคัญ ในแนวทางการลงทุน
ถ้าพอร์ตเล็ก ลงทุนในแนวทางของเกรแฮมก็น่าจะใช้ได้ดี
แต่ถ้าพอร์ตใหญ่มากๆ แนวทางของบัฟเฟตต์เป็นแนวทางที่น่าจะเหมาะกว่า
-
sunnyvi
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 186
- ผู้ติดตาม: 0
เกิดข้อสงสัยว่านับอย่างไรครับ
เช่น นับว่า 10 ล้านหรือ 20 ล้านขึ้นไป ซึ่งอาจต้องคิดต่อว่า ซื้อหุ้นไว้กี่ตัวถ้าซื้อหลายตัว
เดินให้ถึงจุดหมาย
อย่างมีความสุข
-
ดาวหางสีแดง
- Verified User
- โพสต์: 635
- ผู้ติดตาม: 0
[quote="suirya"]เกิดข้อสงสัยว่านับอย่างไรครับ
เช่น นับว่า 10 ล้านหรือ 20 ล้านขึ้นไป ซึ่งอาจต้องคิดต่อว่า
-
cryptonian_man
- Verified User
- โพสต์: 585
- ผู้ติดตาม: 0
[quote="HI.ผมเอง"]คงหมายถึง
ถ้าแนว เกรแฮม ต้องซื้อ เซเว่นเมื่อสองเดือนก่อน
ถ้าแนวบัฟเฟตต์ ซื้อตอนนี้ ก็ยังไม่สาย
เขาว่า "หลังจากปากพองจากการดื่มนมร้อน เราจะเป่าโยเกิร์ตให้เย็นก่อนตักเข้าปาก"
แต่ทำไมตรูไม่เข็ด เคาะขวาไวตลอดเนี่ย
-
naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 1
เพราะฉะนั้นเราควรมองหาหุ้น ในราคาเกรแฮม(เชิงปริมาณ) และเป็นหุ้นบัฟเฟตต์(เชิงคุณภาพ)ในอนาคตใช่ไหมครับ
แต่ผมว่าข้อจำกัดของหลายคนที่ต้องการหุ้นบัฟเฟตต์ มีความต้องการกำไร มากกว่า20-30%ต่อปีในระยะยาว ทำให้ต้องมีการกระโดดเปลี่ยนม้าระหว่างทำศึก ซึ่งเราจะต้องมีmargins of safety มากพอควร เพื่อไม่ให้เราพลาดตกม้าได้ และผมจะใช้วิธีทฤษฎีการเปลี่ยนถ่ายน้ำปลา มาใช้ในการลงทุนครับ :lol:
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
ดาวหางสีแดง
- Verified User
- โพสต์: 635
- ผู้ติดตาม: 0
naris เขียน:เพราะฉะนั้นเราควรมองหาหุ้น ในราคาเกรแฮม(เชิงปริมาณ) และเป็นหุ้นบัฟเฟตต์(เชิงคุณภาพ)ในอนาคตใช่ไหมครับ
แต่ผมว่าข้อจำกัดของหลายคนที่ต้องการหุ้นบัฟเฟตต์ มีความต้องการกำไร มากกว่า20-30%ต่อปีในระยะยาว ทำให้ต้องมีการกระโดดเปลี่ยนม้าระหว่างทำศึก ซึ่งเราจะต้องมีmargins of safety มากพอควร เพื่อไม่ให้เราพลาดตกม้าได้ และผมจะใช้วิธีทฤษฎีการเปลี่ยนถ่ายน้ำปลา มาใช้ในการลงทุนครับ :lol:
รบกวนคุณ naris อธิบายทฤษฎีการเปลี่ยนถ่ายน้ำ(ตู้)ปลา ด้วยครับ
ขอความรู้หน่อยครับ
-
naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 1
ดาวหางสีแดง เขียน:
รบกวนคุณ naris อธิบายทฤษฎีการเปลี่ยนถ่ายน้ำ(ตู้)ปลา ด้วยครับ
ขอความรู้หน่อยครับ
การเปลี่ยนน้ำตู้ปลามีหลักง่ายๆอยู่2อย่างคือ
1ต้องเป็นน้ำสะอาดที่ผ่านการคัดเลือกมาแล้วว่าบริสุทธิ์จริง และต้องดีกว่าน้ำเก่า
2ต้องทะยอยเปลี่ยนไม่เกินครึ่งของน้ำเก่า ถ้าน้ำเก่ายังดีอยู่ก็อาจเปลี่ยนทีละ25%
สรุปว่าถ้าพอร์ตเรา มีหุ้นที่ดีอยู่ แต่ราคาค่อนข้างจะมีupsideต่ำกว่าที่เราต้องการแล้ว แต่ยังรักชอบพอกันอยู่ เพราะยังเป็นบริษัทที่ดี ก็อาจจะขายไปครึ่ง แล้วไปซื้อตัวที่คิดว่าดี มีupsideมากกว่า แต่เราอาจจะยังไม่รู้ปัจจัยพื้นฐานดีเท่าบริษัทเดิม เราก็ทะยอยเปลี่ยนน้ำปลาตามความมั่นใจของเราเองครับ
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
ดาวหางสีแดง
- Verified User
- โพสต์: 635
- ผู้ติดตาม: 0
naris เขียน:
สรุปว่าถ้าพอร์ตเรา มีหุ้นที่ดีอยู่ แต่ราคาค่อนข้างจะมีupsideต่ำกว่าที่เราต้องการแล้ว แต่ยังรักชอบพอกันอยู่ เพราะยังเป็นบริษัทที่ดี ก็อาจจะขายไปครึ่ง แล้วไปซื้อตัวที่คิดว่าดี มีupsideมากกว่า แต่เราอาจจะยังไม่รู้ปัจจัยพื้นฐานดีเท่าบริษัทเดิม เราก็ทะยอยเปลี่ยนน้ำปลาตามความมั่นใจของเราเองครับ
สั้นๆ ได้ใจความ
มีประโยชน์สำหรับมือใหม่อย่างผมมาก
ขอบคุณ คุณ naris มากครับ