ฮี้ ฮี้ กั๊บ กั๊บ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 0

ฮี้ ฮี้ กั๊บ กั๊บ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

"ผลกระทบจากนโยบายบัญชีการบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชีฉบับที่ 26/2549 เรื่องการปฏิบัติวิธีการบัญชีตามมาตรฐานฉบับที่ 44 เรื่องงบการเงินรวมและ การบัญชีสำหรับเงินลงทุนในบริษัทย่อย กำหนดให้บริษัทเปลี่ยนแปลงวิธีการบันทึกบัญชีเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัท ร่วมในงบการเงินเฉพาะของบริษัทจากวิธีส่วนได้เสียเป็นวิธีราคาทุน ซึ่งอาจมีผลทำให้กำไรและกำไรสะสมในงบการเงิน เฉพาะกิจการและงบการเงินรวมแตกต่างกัน ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีเท่านั้น มิได้ทำให้ปัจจัยพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจ (เช่น โครงสร้างองค์กร โครงสร้างการจัดการ แหล่งที่มาของรายได้ นโยบาย และกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ เป็นต้น) ของบริษัทเปลี่ยนแปลงไป"

   
ลองทายดูสนุก ๆครับ
จากข้อมูลที่ให้มา  
ท่านเห็นอะไรบ้าง ?
ถ้าให้ท่านเลือก ท่านจะเลือกลงทุนในกิจการใดจากทั้งสามบริษัท เพราะเหตุใดครับ?


...................................................................................

บริษัท A

                                                     (หน่วย : พันบาท)
                                            สิ้นสุดวันที่  30 กันยายน
งบการเงินรวม
                                    ไตรมาสที่ 3          งวด 9 เดือน
             ปี                    2550        2549        2550        2549

  กำไร (ขาดทุน) สุทธิ              390,136    148,020    648,263    579,154
  กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท)    0.37    0.14    0.61    0.54


 งบการเงินเฉพาะกิจการ
                                      ไตรมาสที่ 3         งวด 9 เดือน
             ปี                    2550        2549        2550        2549

  กำไร (ขาดทุน) สุทธิ              303,289    66,083    722,143    495,641
  กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท)    0.28    0.06    0.68    0.46


บริษัท B
                                                     (หน่วย : พันบาท)
                                            สิ้นสุดวันที่  30 กันยายน
งบการเงินรวม
                                    ไตรมาสที่ 3          งวด 9 เดือน
             ปี                    2550        2549        2550        2549

  กำไร (ขาดทุน) สุทธิ              56,756    49,808    166,480    123,219
  กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท)    0.19    0.18    0.55    0.49


 งบการเงินเฉพาะกิจการ
                                      ไตรมาสที่ 3         งวด 9 เดือน
             ปี                    2550        2549        2550        2549

  กำไร (ขาดทุน) สุทธิ              32,373    37,835    126,168    86,707
  กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท)    0.11    0.14    0.42    0.34


บริษัท C
                                                     (หน่วย : พันบาท)
                                            สิ้นสุดวันที่   30 กันยายน
งบการเงินรวม
                                    ไตรมาสที่ 3          งวด 9 เดือน
             ปี                    2550        2549        2550        2549

  กำไร (ขาดทุน) สุทธิ              371,398      240,296    1,052,070    881,188
  กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท)    0.1331       0.0877      0.3792      0.3264


 งบการเงินเฉพาะกิจการ
                                      ไตรมาสที่ 3         งวด 9 เดือน
             ปี                    2550        2549        2550        2549

  กำไร (ขาดทุน) สุทธิ              108,000    240,296    241,830    881,188
  กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท)    0.0381     0.0877     0.0852     0.3264

........................................................................................................
akekarat
Verified User
โพสต์: 1746
ผู้ติดตาม: 0

ฮี้ ฮี้ กั๊บ กั๊บ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ถ้าพูดจริง ๆ บอกไม่ได้เลยครับ ว่าตัวไหนดี เพราะยังขาดหลายปัจจัยครับ ขอตอบแบบงู ๆ ปลา ๆ ละกัน ผิดก็ขออภัยด้วย เพราะไม่ใช่นักบัญชี

- เปลี่ยนวิธีบันทึกจากส่วนได้เสีย เป็นราคาทุน (ถ้าบันทึกส่วนได้เสียสูงกว่าทุนล่ะ ถ้าส่วนได้เสียต่ำกว่าล่ะ?)

- การบันทึกด้อยมูลค่า (ตัดขาดทุน) ก็น่ามีผลเหมือนกัน

สรุป อันไหนดีไม่ดี ต้องของบการเงินรวมครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
yoyo
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4833
ผู้ติดตาม: 1

ฮี้ ฮี้ กั๊บ กั๊บ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

เอาบริษัท a ครับ .. กำไรโตดีทั้งงบเดี่ยวและงบรวม ... ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมาตราฐานการบัญชีเลยแฮะ  :oops:
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
miracle
Verified User
โพสต์: 18364
ผู้ติดตาม: 1

ฮี้ ฮี้ กั๊บ กั๊บ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

เดี๋ยวไปขุดก่อนตัวไหน

ตอบไม่ได้ต้องดูเรื่องความสม่ำเสมอในการจัดทำงบ
นี้เพิ่งจะสามไตรมาสเอง กรณีของเอ็นรอนนี้ความสม่ำเสมอยาวนานมากๆ
ต้องดูระดับ1ปีเป็นอย่างต่ำ
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Alastor
Verified User
โพสต์: 2590
ผู้ติดตาม: 0

ฮี้ ฮี้ กั๊บ กั๊บ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ต้องดูกระแสเงินสด และ สภาพคล่องทางการเงิน ด้วยครับ ที่ผมกลัวสุดๆคือการแต่งงบการเงิน เพิ่งเคยได้ยินว่า ถ้าอยู่ดีๆ Revenue โต พร้อมลูกหนี้การค้าเพิ่มในอัตราส่วนที่สูงกว่าปกติ และ มี Gross Margin สูงขึ้นด้วย แปลว่ามี spooky revenue ที่ไม่มี COGS มีคู่กัน

ช่วงนี้มีหุ้นที่เริ่มมีคนสนใจตัวนึง ออกมาแนวนี้ผมละกลัวแทนจริงๆ แต่ก็ไม่แน่ใจ 100% เลยอยู่เฉยๆดีก่า
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 1

ฮี้ ฮี้ กั๊บ กั๊บ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

บริษัทซี  ตัวเลขมันโดด

มีรายการพิเศษหรือเปล่าครับ
sattaya
Verified User
โพสต์: 1372
ผู้ติดตาม: 1

ฮี้ ฮี้ กั๊บ กั๊บ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

บริษัท ซี น่าจะมีกำไรซ่อนจากบริษัทย่อยอยู่นะครับ
ตัวบริษัทเองดูไม่น่าสนใจเนื่องจากกำไรลดลงมาก คาดว่าราคาน่าจะรูดตามแต่ตัวบริษัทย่อยมีกำไรเยอะมากหากมีการจ่ายปันผลบริษัทแม่คงได้หลายตัง....
สติมา ปัญญาเกิด
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 0

ฮี้ ฮี้ กั๊บ กั๊บ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

เมื่อวานไปเจอรุ่นพี่ เป็นผจก. บลจ. แห่งหนึ่ง แถวปิ่นเกล้า
          ท่านตอบว่า
   "อย่าถามช่างตัดผม ถ้าเอ็งต้องการตัดผม ว่าแต่ยังไม่รู้ราคาขายเลย จะซื้อได้ยังไง"
   
   :wink:
โพสต์โพสต์