+'เมอร์ริล ลินช์'ขาดทุนเฉียดหมื่นล้านดอลลาร์+

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
beammy
Verified User
โพสต์: 3345
ผู้ติดตาม: 0

+'เมอร์ริล ลินช์'ขาดทุนเฉียดหมื่นล้านดอลลาร์+

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เมอร์ริล ลินช์ แอนด์ โค บริษัทหลักทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการขาดทุนสุทธิช่วงไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้ว 9,800 ล้านดอลลาร์ หรือ 12.01 ดอลลาร์ต่อหุ้น

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : การขาดทุนครั้งนี้ ถือเป็นครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์บริษัท และเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการขาดทุน 2,300 ล้านดอลลาร์เมื่อไตรมาสก่อนหน้านั้น ขณะที่บริษัทเคยมีกำไร 2,300 ล้านดอลลาร์ หรือ 2.41 ดอลลาร์ต่อหุ้นในช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนหน้านั้น

การขาดทุนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากบริษัทปรับลดมูลค่าทรัพย์สินในบัญชี 14,100 ล้านดอลลาร์ จากการลงทุนในสินเชื่อการเคหะสำหรับผู้มีความน่าเชื่อถือต่ำ (ซับไพร์ม) และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่บีบให้บริษัทต้องแบ่งขายกิจการให้กับนักลงทุนต่างชาติเพื่อระดมทุนเพิ่มเติม ขณะที่รายรับติดลบ 8,190 ล้านดอลลาร์ จากที่เคยมีรายรับ 8,390 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนหน้านั้น

นายจอห์น เธน ประธานและหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของเมอร์ริล ลินช์ กล่าวในแถลงการณ์ว่า ผลประกอบการของบริษัทในปีที่แล้วเป็นเรื่องที่รับไม่ได้อย่างยิ่ง แต่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา บัญชีงบดุลและสภาพคล่องของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นมาก และบริษัทเพิ่งแถลงเมื่อต้นสัปดาห์ว่าจะได้รับเงินทุนก้อนใหม่ 6,600 ล้านดอลลาร์ จากกลุ่มทุนต่างชาติ 3 ราย เพื่อช่วยสร้างความมั่นคงแก่บัญชีงบดุลบริษัท

มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ประกาศยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของเมอร์ริล ลินช์ โดยมูดี้ส์ระบุว่า อันดับความน่าเชื่อถือหุ้นบุริมสิทธิ์ไม่มีหลักประกันของเมอร์ริล ลินช์ ยังคงอยู่ที่ A1 ส่วนอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวติดลบ ขณะที่ประวัติสภาพคล่องของบริษัทยังแข็งแกร่ง

ด้านเอสแอนด์พีแถลงยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของเมอร์ริล ลินช์ ที่ A+/A-1 แนวโน้มแง่ลบ แต่เชื่อว่ามีโอกาสเสี่ยงเพียงเล็กน้อยที่บริษัทหลักทรัพย์ยักษ์ใหญ่รายนี้จะปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ในบัญชีครั้งใหญ่อีก เมื่อพิจารณาปริมาณการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อซับไพร์มที่เหลืออยู่ไม่มากนัก การลงทุนที่ผิดพลาดในธุรกิจเฉพาะกลุ่มไม่ก่อให้เกิดข้อสงสัยต่อความแข็งแกร่งโดยรวมของเมอร์ริล ลินช์ บริษัทจะยังคงได้ประโยชน์จากฐานะผู้นำในตลาด และรายรับที่หลากหลายจากธุรกิจวาณิชธนกิจ เทรดดิ้ง และการบริหารความมั่งคั่ง

เมอร์ริล ลินช์ ถือเป็นวาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่รายที่สามของวอลล์สตรีทที่รายงานการขาดทุนในช่วงไตรมาสสี่ หลังจากปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ในบัญชีครั้งใหญ่ สืบเนื่องจากหลักทรัพย์ที่มีสินเชื่อซับไพร์มหนุนหลังมีมูลค่าลดลง
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

+'เมอร์ริล ลินช์'ขาดทุนเฉียดหมื่นล้านดอลลาร์+

โพสต์ที่ 2

โพสต์

8) พิษซับไพรม์ล้วนๆหรือเปล่าครับบีมมี่
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
beammy
Verified User
โพสต์: 3345
ผู้ติดตาม: 0

+'เมอร์ริล ลินช์'ขาดทุนเฉียดหมื่นล้านดอลลาร์+

โพสต์ที่ 3

โพสต์

por_jai เขียน:8) พิษซับไพรม์ล้วนๆหรือเปล่าครับบีมมี่
ผมว่าอย่างนั้นครับพี่พอใจ

ธนาคารญี่ปุ่นก้อโดนเต็มๆ ไปด้วย 5 หมื่นล้านเยน

งานนี้ไม่จบง่ายๆ ครับ  8)  ...
lieu
Verified User
โพสต์: 52
ผู้ติดตาม: 0

+'เมอร์ริล ลินช์'ขาดทุนเฉียดหมื่นล้านดอลลาร์+

โพสต์ที่ 4

โพสต์

อยากรู้จัง ตอนนี้ บัฟเฟตต์ คิดอะไรอยู่ :roll:
Capo
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1067
ผู้ติดตาม: 0

+'เมอร์ริล ลินช์'ขาดทุนเฉียดหมื่นล้านดอลลาร์+

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ธนาคารไทยนี่มีโดนไปจ้าวเดียวใช่ไหมครับ

เหมือนวันก่อนจะได้ยินข่าวแวบ ๆ
... จุดเริ่มต้นของคนเราไม่สำคัญ

มันสำคัญที่ว่าเขาวิ่งได้เร็วแค่ไหนตะหาก ...
mprandy
Verified User
โพสต์: 1992
ผู้ติดตาม: 0

+'เมอร์ริล ลินช์'ขาดทุนเฉียดหมื่นล้านดอลลาร์+

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ที่โดนหนักก็ BT ที่เหลือก็มีเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น BBL, TMB, BAY ไม่กี่ล้าน

เรื่อง subprime ผมกลัวว่ามันจะไม่ใช่ vicious cycle แต่เป็น spiral effect ที่จะควงสว่านลงไปจนกว่าจะถึงจุดหนึ่ง คิดว่าอาจจะมี national recession แต่จะมากน้อยอันนี้แล้วแต่ aggressiveness ของ FED

ส่วน local recession อันนี้มีแล้วในบางที่ เช่นฟลอริดา
noooon010
Verified User
โพสต์: 2712
ผู้ติดตาม: 0

+'เมอร์ริล ลินช์'ขาดทุนเฉียดหมื่นล้านดอลลาร์+

โพสต์ที่ 7

โพสต์

lieu เขียน:อยากรู้จัง ตอนนี้ บัฟเฟตต์ คิดอะไรอยู่ :roll:
นั่นสิครับ อยากทราบเหมือนกัน สงสัยต้องถามคุณ WEB เขาจะทราบไหมเอ่ย
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ

มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม


นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
โพสต์โพสต์