ชอความเห็นเกี่ยวกับ YAYU น่าลงทุนหรือป่าว

[nanosec]

จากข่าวข้างล่างคับ อ้างอิงจาก money channel

ผู้บริหาร VAYU1 แนะลงทุน VAYU1 ปันผลดี ราคาถูก มั่นใจปีนี้ ปันผลงามไม่ต่ำกว่า 7% อีก

Posted on Thursday, February 14, 2008


นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานจัดการลงทุน บลจ. กรุงไทย (KTAM) หนึ่งในคณะผู้จัดการกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 (VAYU1) กล่าวว่า นับตั้งแต่เริ่มมีการจัดตั้งกองทุนมาตั้งแต่ปี 2547 กองทุนสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยปีละ 6% แต่สำหรับผลดำเนินงานปีนี้ กองทุนน่าจะให้ผลตอบแทนสูงขึ้น เป็น 7% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดี

อย่างไรก็ตาม แม้ผลตอบแทนจากการลงทุนของ VAYU1 จะอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่ราคาหน่วยลงทุน กลับปรับตัวสวนทางกัน โดยยังคงปรับตัวต่ำกว่าราคาเสนอขายครั้งแรก หรือราคาไอพีโอ ที่หุ้นละ 10 บาท ซึ่งก็น่าจะเกิดจากผลกระทบของความผันผวนในตลาดหลักทรัพย์ ในช่วงที่ผันผ่าน เหมือนหุ้นทั่วไป ในตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน ซึ่งในที่สุด ราคาหน่วยลงทุนก็จะต้องปรับตัวขึ้นมายืนได้เหนือราคาไอพีโอ เมื่อใกล้ครบกำหนดอายุโครงการ

และอีกสาเหตุหนึ่ง เกิดจากนักลงทุนยังขาดความเข้าใจในเรื่องกองทุนมากเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีนักลงทุนกลุ่มหนึ่ง เข้าใจเพียงแค่ VAYU1 จะลงทุนเฉพาะในตลาดหุ้นเพียงอย่างเดียว ซึ่งในทางปฏิบัติ VAYU1 กระจายพอร์ตการลงทุนไปในสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ ด้วย เช่น ตราสารหนี้ พันธบัตรรัฐบาล เพราะหากไม่มีการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ก็จะทำให้กองทุนไม่สามารถคุ้มครองเงินต้นเต็มจำนวน และการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำ ในอัตรา 3% ได้อย่างที่เงื่อนไขในการเสนอขายหน่วยลงทุนกำหนดเอาไว้

ทั้งนี้ หากคิดมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน VAYU1 ถึงแค่วันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา จะมีมูลค่ารวม 144,213.03 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นมูลค่าหน่วยลงทุนของนักลงทุนทั่วไป (ประเภท ก.) ที่หน่วยละ 10.7658 บาท และมูลค่าหน่วยลงทุนของกระทรวงการคลัง (ประเภท ข.) อยู่ที่ หน่วยละ 22.9508 บาท ขณะที่สินทรัพย์ทั้งหมดประมาณ 70% จะลงทุนในหุ้นรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และพร้อมที่จะซื้อหุ้นคืนเมื่อครบกำหนดอายุโครงการ ส่วนสินทรัพย์ที่เหลืออีก 30,000 ล้านบาท กองทุนได้ลงทุนในหุ้นและพันธบัตรที่มีการค้ำประกัน และมีเครดิตที่ดีในระดับสูงเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงการลงทุนให้เหมาะสม

ซึ่งล่าสุด เงินส่วน 30,000 ล้านบาทข้างต้น ทางทีมผู้บริหารกองทุน ได้มีการปรับน้ำหนักการลงทุนใหม่อีกครั้ง ให้เหมาะสมกับภาวะการณ์ โดยลดสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรลงมา และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นแทน เพราะเชื่อมั่นว่า จะสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้ในอัตราที่สูงขึ้น ในอนาคต

สำหรับการเข้าไปลงทุนใน บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) นั้น ทาง KTAM ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุนรวม VAYU1 ยืนยันว่า จะยังไม่มีการขายหุ้นที่ถือเอาไว้ออกมา เพราะตั้งแต่ที่เข้าไปซื้อหุ้น IRPC เป็นต้นมา กองทุนสามารถได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในระดับที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่อง

สำหรับสถิติการจ่ายปันผลของ VAYU1 ที่ผ่าน ๆ มา ได้มีการจ่ายเงินปันผลสำหรับรอบบัญชีครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม ไปแล้วในอัตรา 0.40 บาท ต่อ 1 หน่วยลงทุน คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 4.00% กำหนดจ่ายวันที่ 19 กุมภาพันธ์นี้ โดยในงวดก่อนหน้า ได้มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตรา 3.00% หรือหน่วยลงทุนละ 0.30 บาท ทำให้ในช่วงปีที่ผ่านมา VAYU1 มีการจ่ายปันผลในอัตรา 7.00% หรือหน่วยลงทุนละ 0.70 บาท ทำสถิติจ่ายผลตอบแทนในรูปเงินปันผลสูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นมาใน ปี 2547 ซึ่งในครั้งนั้น จ่ายเงินปันผลในอัตรา 6.50% หรือ 0.65 บาท

และใน 2 ปีถัดมา VAYU1 มีการจ่ายปันผลในอัตรา 0.60 บาท หรือ 6% และ 0.65 บาท หรือ 6.5% ในปี 2548 และ 2549 ตามลำดับ จ่าย 0.65 บาทต่อหน่วย หรือในอัตรา 6.50%

แต่ที่น่าสนใจกว่านั้น นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุนร่วมใน VAYU1 เช่นเดียวกับ KTAM ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า แม้ภาวะตลาดหุ้นช่วงต้นปีนี้ จะปรับลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี จนส่งผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAVs) ของกองทุน แต่สำหรับผู้ถือหุ้นรายย่อยจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากกองทุนมีกำไรสะสมมากพอที่จะป้องกันความเสียหายของผู้ถือหน่วยรายย่อย และแนวทางในการบริหารกองทุน VAYU1 ที่ผ่านมา ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า จะถุกนำมาใช้เป็นต้นแบบในการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 2 (VAYU2) ในอนาคตด้วย โดยเฉพาะในประเด็นกองทุนคุ้มครองเงินต้นและผลตอบแทนขั้นต่ำที่ 3% เพราะสามารถทำได้จริง

มันนี่ ชาเนล - วรนนท์ อัศวพิริยานนท์
โทรศัพท์ - 02- 229 - 2000 ต่อ 2616
อีเมล - [email protected]

[Popmc]

ถืออยู่นิดนึงครับ ... ความเสี่ยงต่ำมาก ณ เวลาปัจจุบัน

ระบบของกองทุนคล้ายๆกับว่าถ้ามูลค่าหุ้นในกองทุนลดลง 1% ส่วนของผู้ถือหุ้นทั่วไป (พวกเรา) จะลดลงประมาณ 0.05% ส่วนที่เหลือ 0.95% หุ้นในส่วนของกระทรวงการคลังจะเป็นผู้รับไป ... ในทางกลับกัน ถ้ามูลค่าหุ้นในกองทุนเพิ่มขึ้น 1% ผู้ถือหุ้นทั่วไปก็จะได้รับผลประโยชน์เป็นสัดส่วนแค่ 0.05% เช่นกันครับ ... อันนี้ต้องไปอ่านหนังสือชี้ชวนของกองทุนอีกทีนะครับ

ผลตอบแทนมากกว่า 7% อีกครับในปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาในตลาดหุ้นต่ำกว่า 10 บาท ... ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ... ถ้าถือครบกำหนดเวลา ซึ่งผมเข้าใจว่าอีกประมาณ 6 ปี กองทุนจะจ่ายคืนเท่ากับมูลค่าของกองทุนในส่วนของผู้ถือหุ้นทั่วไป ซึ่งก็ประมาณ 10.7 บาท ... แต่ถ้าถือไม่ถึงก็ต้องขายในตลาดหุ้นครับ