หมีกำลังแย่!
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
หมีกำลังแย่!
โพสต์ที่ 1
Bear Stearns หนึ่งในห้าพี่เบิ้มของ investment banker ใน Wall Street กำลังแย่
JP Morgan Chase กับ Federal Reserve สาขา New York ต้องอัดฉีดเงินกู้ฉุกเฉินระยะเวลา 28 วันให้ Bear Stearns (คิดว่าถ้าไม่อัดฉีดอาจจะล้ม)
Market Cap ของ Bear Stearns หายวับ 50% ภายในเวลา 30 นาที :shock:
ไม่น่าเชื่อกับกิจการที่มีราคาหุ้น $140 เมื่อเมษาปีที่แล้ว ตอนนี้เหลือ $35 กว่า ๆ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา :8)
JP Morgan Chase กับ Federal Reserve สาขา New York ต้องอัดฉีดเงินกู้ฉุกเฉินระยะเวลา 28 วันให้ Bear Stearns (คิดว่าถ้าไม่อัดฉีดอาจจะล้ม)
Market Cap ของ Bear Stearns หายวับ 50% ภายในเวลา 30 นาที :shock:
ไม่น่าเชื่อกับกิจการที่มีราคาหุ้น $140 เมื่อเมษาปีที่แล้ว ตอนนี้เหลือ $35 กว่า ๆ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา :8)
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
------------------------
-
- Verified User
- โพสต์: 898
- ผู้ติดตาม: 0
หมีกำลังแย่!
โพสต์ที่ 2
เหลือ 31$ แล้วครับ
เริ่มมีคนโดน margin call เยอะแล้วด้วยครับ
อันนี้เป็น1ตัวอย่าง
help! I bought 3000 shares 4 days and now I am getting these margin alerts?
All 15 messages in discussion
From: jdobb2001 - view profile
Date: Fri, Mar 14 2008 10:53 am
Email: jdobb2001 <[email protected]>
Not yet ratedRating:
show options
Reply | Reply to Author | Forward | Print | Individual Message | Report Abuse | Find messages by this author
I am not to familiar with trading but I got a tip that this stock was
cheap and when things get better it will go to 160 again. I bought
3000 shares, somehow I was able to buy more shares than I thought and
this is my savings. I am getting these margin alerts what is that and
it says I will be closed out today? Help!! what is going on!
ถุกแล้ว มีถูกกว่า ถูกที่สุดยังเจอ"โคตรถูก" :roll:
เริ่มมีคนโดน margin call เยอะแล้วด้วยครับ
อันนี้เป็น1ตัวอย่าง
help! I bought 3000 shares 4 days and now I am getting these margin alerts?
All 15 messages in discussion
From: jdobb2001 - view profile
Date: Fri, Mar 14 2008 10:53 am
Email: jdobb2001 <[email protected]>
Not yet ratedRating:
show options
Reply | Reply to Author | Forward | Print | Individual Message | Report Abuse | Find messages by this author
I am not to familiar with trading but I got a tip that this stock was
cheap and when things get better it will go to 160 again. I bought
3000 shares, somehow I was able to buy more shares than I thought and
this is my savings. I am getting these margin alerts what is that and
it says I will be closed out today? Help!! what is going on!
ถุกแล้ว มีถูกกว่า ถูกที่สุดยังเจอ"โคตรถูก" :roll:
bid please!!
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
หมีกำลังแย่!
โพสต์ที่ 7
:lovl: ใคร ๆ เขาก็รู้กันทั้งโลกครับ (ยกเว้นบรรดานักเศรษฐศาสตร์ และนักการเมืองไทย) ว่าเมกาเขาพูดอย่าง ทำอย่าง :lovl:chode เขียน:อะไรกันนี่ประเทศที่บอกว่าให้แข่งขันเสรี รัฐอย่าเข้าไปอุ้มแบงก์
ตอนปี 41 มันก็มาพูดแบบนี้ในประเทศไทยอย่าไปอุ้ม
แต่พอประเทศตัวเองเกิดปัญหากลับไปอุ้ม
สมัย IMF มาสอนเราว่าอย่าอุ้มสถาบันการเงิน สมัยญี่ปุ่นแย่ ไปสอนเขาว่าต้องจัดการเศรษฐกิจอย่างไร (ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นลูกหนี้รายใหญ่ของเขาอยู่แท้ ๆ แต่ทะลึ่งไปสอนเจ้าหนี้)
ประเทศตัวเองปล่อยให้ Hedge Fund ออกไปถล่มคนอื่น แต่พอมีปัญหา Hedge Fund ที่ชื่อ LTCM ใครนะ ที่เข้าไปอุ้ม อ้างว่าเดี๋ยวจะกลายเป็นลูกโซ่ (เฉลย.. คนชื่อ Alan Greenspan อะสิ)
คราวนี้มาอีกแล้ว.. Bear Stearns ต้นกำเนิด subprime crisis ตัวจริง กำลังจะล้ม ต้องรีบเข้าไปรับทันที ด้วยข้ออ้างคล้าย ๆ เดิม .. เดี๋ยวจะกลายเป็นลูกโซ่ :?
ว่าแต่เขา.. อิเหนา (ฝรั่ง) เป็นเอง :lovl: เขาถึงว่ากัน.. อย่าคิดว่าฝรั่งมันวิเศษ มันไม่ต่างอะไรกับเราหรอก นอกจากรูปร่างหน้าตา ส่วนสมองนี่อาจจะแย่กว่าด้วยซ้ำ
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
------------------------
- bankniti
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 627
- ผู้ติดตาม: 0
หมีกำลังแย่!
โพสต์ที่ 8
:lovl: ใคร ๆ เขาก็รู้กันทั้งโลกครับ (ยกเว้นบรรดานักเศรษฐศาสตร์ และนักการเมืองไทย) ว่าเมกาเขาพูดอย่าง ทำอย่าง :lovl:mprandy เขียน:
สมัย IMF มาสอนเราว่าอย่าอุ้มสถาบันการเงิน สมัยญี่ปุ่นแย่ ไปสอนเขาว่าต้องจัดการเศรษฐกิจอย่างไร (ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นลูกหนี้รายใหญ่ของเขาอยู่แท้ ๆ แต่ทะลึ่งไปสอนเจ้าหนี้)
ประเทศตัวเองปล่อยให้ Hedge Fund ออกไปถล่มคนอื่น แต่พอมีปัญหา Hedge Fund ที่ชื่อ LTCM ใครนะ ที่เข้าไปอุ้ม อ้างว่าเดี๋ยวจะกลายเป็นลูกโซ่ (เฉลย.. คนชื่อ Alan Greenspan อะสิ)
คราวนี้มาอีกแล้ว.. Bear Stearns ต้นกำเนิด subprime crisis ตัวจริง กำลังจะล้ม ต้องรีบเข้าไปรับทันที ด้วยข้ออ้างคล้าย ๆ เดิม .. เดี๋ยวจะกลายเป็นลูกโซ่
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
หมีกำลังแย่!
โพสต์ที่ 9
ผมว่าอาจจะได้เห็นไส้ในยาว ๆ กับหมี (เคย) ยักษ์ตัวนี้
ตอนนี้เริ่มมีบทความตีแผ่ออกมาแล้วว่าทำไม หมีถึงออกอาการซวนเซ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เพิ่งออกมาคุยว่า บริษัทมีเงินสดถึง $ 8 พัน 2 ร้อยล้าน และ cash-equivalent อีก $ 1 หมื่น 7 พันล้าน
ดูเหมือนเยอะ แต่ขอโทษ ...
ตอนนี้คุณพี่หมี ต้อง renew short term loan ที่มีอยู่กว่า $ 1 แสนล้านเหรียญ แถมหนี้พวกนี้ สั้นมาก ๆ และด้วยชื่อเสียงที่ไม่ดีแล้วเลยไม่มีหน้าไหนยอมให้ยืมนาน ลงท้ายเลยต้องต่อสัญญายืมแทบจะวันต่อวัน
เรื่องที่เขากระโดดเข้ามาอุ้มเมื่อวาน ก็เป็นเพราะว่าเจ้าหนี้หลายเจ้า เริ่มไม่ยอมต่อสัญญาใหม่ ทำให้ หมีตัวนี้ หาเงินมาจ่ายคืนไม่ไหว เลยต้องหันหน้าไปหา Fed (ผ่าน JP Morgan Chase)
ตอนนี้ credit default swap (สัญญาประกัน ป้องกันลูกหนี้เบี้ยว) สำหรับ Bear Stearns สูงที่สุดในประวัติศาสตร์สำหรับ บริษัทยักษ์ใหญ่เครดิตดีแห่งนี้ คือเขา charge $ 7 แสน 3 หมื่น ต่อหนี้ $ 10 ล้าน (7.3%) .. โหดมาก ๆ :8)
ต้องดูกันต่อไป.. จะมีใครเซตามหมีหรือเปล่า :roll:
ตอนนี้เริ่มมีบทความตีแผ่ออกมาแล้วว่าทำไม หมีถึงออกอาการซวนเซ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เพิ่งออกมาคุยว่า บริษัทมีเงินสดถึง $ 8 พัน 2 ร้อยล้าน และ cash-equivalent อีก $ 1 หมื่น 7 พันล้าน
ดูเหมือนเยอะ แต่ขอโทษ ...
ตอนนี้คุณพี่หมี ต้อง renew short term loan ที่มีอยู่กว่า $ 1 แสนล้านเหรียญ แถมหนี้พวกนี้ สั้นมาก ๆ และด้วยชื่อเสียงที่ไม่ดีแล้วเลยไม่มีหน้าไหนยอมให้ยืมนาน ลงท้ายเลยต้องต่อสัญญายืมแทบจะวันต่อวัน
เรื่องที่เขากระโดดเข้ามาอุ้มเมื่อวาน ก็เป็นเพราะว่าเจ้าหนี้หลายเจ้า เริ่มไม่ยอมต่อสัญญาใหม่ ทำให้ หมีตัวนี้ หาเงินมาจ่ายคืนไม่ไหว เลยต้องหันหน้าไปหา Fed (ผ่าน JP Morgan Chase)
ตอนนี้ credit default swap (สัญญาประกัน ป้องกันลูกหนี้เบี้ยว) สำหรับ Bear Stearns สูงที่สุดในประวัติศาสตร์สำหรับ บริษัทยักษ์ใหญ่เครดิตดีแห่งนี้ คือเขา charge $ 7 แสน 3 หมื่น ต่อหนี้ $ 10 ล้าน (7.3%) .. โหดมาก ๆ :8)
ต้องดูกันต่อไป.. จะมีใครเซตามหมีหรือเปล่า :roll:
-
- Verified User
- โพสต์: 592
- ผู้ติดตาม: 0
หมีกำลังแย่!
โพสต์ที่ 11
นอกจากรัฐบาลอเมริกันจะมี 2 มาตรฐานแล้ว
S&P และ moody's ก็มีสองมาตรฐานเช่นกัน
bearstern เมื่อไหร่มันจะถูก downgrade ครับ
spread 7.3 % rating A ได้อย่างไร น่าจะเหลือ C ได้แล้ว
http://www.bearstearns.com/sitewide/inv ... atings.htm
ถ้าเปลี่ยนจาก bearstern เป็นbbl ป่านี้เหลือ C แล้ว
S&P และ moody's ก็มีสองมาตรฐานเช่นกัน
bearstern เมื่อไหร่มันจะถูก downgrade ครับ
spread 7.3 % rating A ได้อย่างไร น่าจะเหลือ C ได้แล้ว
http://www.bearstearns.com/sitewide/inv ... atings.htm
ถ้าเปลี่ยนจาก bearstern เป็นbbl ป่านี้เหลือ C แล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
หมีกำลังแย่!
โพสต์ที่ 13
เห็นด้วยอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ Moody's ซึ่งป๋า Buffett เป็นหุ้นใหญ่อยู่ น่าจะทำอะไรตรงไปตรงมาหน่อยchode เขียน:นอกจากรัฐบาลอเมริกันจะมี 2 มาตรฐานแล้ว
S&P และ moody's ก็มีสองมาตรฐานเช่นกัน
bearstern เมื่อไหร่มันจะถูก downgrade ครับ
spread 7.3 % rating A ได้อย่างไร น่าจะเหลือ C ได้แล้ว
http://www.bearstearns.com/sitewide/inv ... atings.htm
ถ้าเปลี่ยนจาก bearstern เป็นbbl ป่านี้เหลือ C แล้ว
ขนาด MBIA กะ AMBAC จะเน่าไม่เน่าแหล่.. ยังดันทุรังต่อ AAA ให้เฉยเลย :?
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
------------------------
-
- Verified User
- โพสต์: 898
- ผู้ติดตาม: 0
หมีกำลังแย่!
โพสต์ที่ 16
เล่น leverage กันหนักมาก จนติดหนี้เละเทะ
ถ้าไม่มี leverage งานนี้คงไม่เจ๊งจนหาทางกลับตัวไม่ได้ขนาดนี้ :twisted:
ถ้าไม่มี leverage งานนี้คงไม่เจ๊งจนหาทางกลับตัวไม่ได้ขนาดนี้ :twisted:
bid please!!
-
- Verified User
- โพสต์: 674
- ผู้ติดตาม: 0
หมีกำลังแย่!
โพสต์ที่ 17
กระทบกระเทือนหลายคนนะครับ วิจารณ์เป็นคน ๆ ดีกว่า อย่าเหมาเอาทั้งหมดเลยmprandy เขียน: :lovl: ใคร ๆ เขาก็รู้กันทั้งโลกครับ (ยกเว้นบรรดานักเศรษฐศาสตร์ และนักการเมืองไทย) ว่าเมกาเขาพูดอย่าง ทำอย่าง :lovl:
ตามที่ผมเข้าใจ (ไม่รู้ถูกรึเปล่า) เขาต้องการใม่ให้ยึดติดกับแนวทางว่าสถาบันการเงินห้ามล้มมากกว่า (หมายถึงนโยบายอุ้มทุกกรณี)mprandy เขียน: สมัย IMF มาสอนเราว่าอย่าอุ้มสถาบันการเงิน สมัยญี่ปุ่นแย่ ไปสอนเขาว่าต้องจัดการเศรษฐกิจอย่างไร (ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นลูกหนี้รายใหญ่ของเขาอยู่แท้ ๆ แต่ทะลึ่งไปสอนเจ้าหนี้)
แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าห้ามอุ้มทุกกรณี ต้องตัดสินใจเป็นกรณีไปว่าจะอุ้มหรือไม่อุ้ม
ตอนประเทศเราเขาเห็นว่าอุ้มไปก็ไม่รอด เขาก็แนะนำว่าอย่าอุ้ม
แต่กรณีนี้ เขาคงวิเคราะห์แล้วว่าอุ้มไปแล้วจะรอด เขาก็ตัดสินใจอุ้ม
ที่สำคัญคนสั่งอุ้มก็ไม่ใช่ IMF ด้วยไม่ใช่เหรอครับ
อันนี้เห็นด้วยครับmprandy เขียน: ว่าแต่เขา.. อิเหนา (ฝรั่ง) เป็นเอง เขาถึงว่ากัน.. อย่าคิดว่าฝรั่งมันวิเศษ มันไม่ต่างอะไรกับเราหรอก นอกจากรูปร่างหน้าตา
-
- Verified User
- โพสต์: 187
- ผู้ติดตาม: 0
หมีกำลังแย่!
โพสต์ที่ 18
ผมว่าอุ้มวันนี้แล้วใช่ว่าจะรอดนะ เพราะเดือนหน้าเค้าคาดกันว่าอาจจะมีการเบี้ยวหนี้เป็นจำนวนมาก เพราะจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเป็นลอยตัว ถ้ามีการเบียวหนี้กันมาก ตราสาร CDO คงด้อยค่าลงไปอีก จะต้องมีการตัดเงินลงทุนเพิ่มอีก สุดท้ายก็ต้องเพิ่มทุน/หาสภาพคล่องกันอีก
เห็นด้วยครับ เพราะถ้าไม่มีการออกพวก CDS CDO คงไม่เละขนาดนี้ เหตุเกิดจากความโลภจริงๆเล่น leverage กันหนักมาก จนติดหนี้เละเทะ
ถ้าไม่มี leverage งานนี้คงไม่เจ๊งจนหาทางกลับตัวไม่ได้ขนาดนี้
S&P และ moody's ก็มีสองมาตรฐานเช่นกัน
bearstern เมื่อไหร่มันจะถูก downgrade ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
หมีกำลังแย่!
โพสต์ที่ 19
งั้นขอเปลี่ยนเป็น "ยกเว้นบรรดานักเศรษฐศาสตร์ และนักการเมือง เกือบทั้งหมด ของเมืองไทย" :8)fantasia เขียน: กระทบกระเทือนหลายคนนะครับ วิจารณ์เป็นคน ๆ ดีกว่า อย่าเหมาเอาทั้งหมดเลย
จริง ๆ แล้ว วิกฤติต้มยำ กับแฮมเบอเกอร์ แม้อาหารจะต่างชนิดกัน แต่ความเน่าในแล้วไม่ต่างกันเท่าไหร่ครับ ยิ่งถ้าเทียบระบบเศรษฐกิจและขนาดแล้ว ของเขา "เน่า" ยิ่งกว่าfantasia เขียน: ตามที่ผมเข้าใจ (ไม่รู้ถูกรึเปล่า) เขาต้องการใม่ให้ยึดติดกับแนวทางว่าสถาบันการเงินห้ามล้มมากกว่า (หมายถึงนโยบายอุ้มทุกกรณี)
แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าห้ามอุ้มทุกกรณี ต้องตัดสินใจเป็นกรณีไปว่าจะอุ้มหรือไม่อุ้ม
ตอนประเทศเราเขาเห็นว่าอุ้มไปก็ไม่รอด เขาก็แนะนำว่าอย่าอุ้ม
แต่กรณีนี้ เขาคงวิเคราะห์แล้วว่าอุ้มไปแล้วจะรอด เขาก็ตัดสินใจอุ้ม
ที่สำคัญคนสั่งอุ้มก็ไม่ใช่ IMF ด้วยไม่ใช่เหรอครับ
สี่ห้าปีก่อนสมัยที่ผมยังอยู่ที่โน่น จากผลที่ดอกเบี้ยต่ำมากและนาน ทำให้คนนิยมซื้อบ้าน ราคาอสังหาขึ้นกันบ้าดีเดือด ปีละ 20-50% แล้วแต่พื้นที่และเมือง เมื่อเทียบกับ cycle ของเศรษฐกิจที่เพิ่งผ่าน recession มาหมาด ๆ (ถ้ายังจำกันได้คือ เหตุการณ์ 9/11) อัตราการเติบโตยังไม่เกิน 1-2% ด้วยซ้ำ
ผลของราคาอสังหาที่ขึ้นเอา ขึ้นเอา ก่อให้เกิดสิ่งที่ตามมา 3 อย่าง
1. คนที่ยังไม่มีบ้าน รีบซื้อบ้าน เพราะกลัวบ้านจะแพงไปกว่านี้ สถาบันการเงินทั้งหลายก็ปล่อยสินเชื่อกันสุด ๆ เพราะ demand สูง กำไรดี (คล้าย ๆ บ้านเราสมัยก่อนวิกฤตหรือเปล่า?)
2. คนที่มีบ้านอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ยินดีปรีดากับทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น (ทางบัญชี) แล้วจับจ่ายใช้สอยกันมือเติบ เป็นผลให้อัตราการออม "ติดลบ" (คือเบิกมากกว่าฝาก) เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี บางรายร้ายไปกว่านั้น คือเลือกทำ refinance หรือ 2nd mortgage แล้วเพิ่มวงเงินจำนองบ้านตัวเอง เพราะตอนนี้ราคามันสูงขึ้นแล้วนี่ แถมดอกก็ต่ำลง แล้วเอาเงินมาใช้
3. คนที่อยากรวยจากอสังหา เนื่องจากราคาบ้านมันสูงขึ้น demand มันเยอะขึ้น เลย "เก็งกำไร" ไล่ล่าซื้ออสังหาแล้วเอามาปล่อยต่อ หวังว่าราคามันจะสูงขึ้นเมื่อขาย มีไม่น้อยที่ลงทุน "จำนอง" บ้านของตัวเองที่อยู่ในตอนนั้น เอาเงินมาซื้อบ้านใหม่เพื่อรอขายต่อ :shock:
แล้วพวกบรรดา บ.การเงินทั้งหลายนี่แหละ ที่เอาพวก หนี้เงินกู้จากข้อ 1, 2 และ 3 มาเล่นแร่แปรธาตุ เปลี่ยน "หนี้" ในพอร์ทเป็น "หุ้นกู้" และเครื่องมือทางการเงินหรู ๆ ทั้งหลาย มาออกขายต่อในตลาด
พอมันเกิดวิกฤติ ข้อ 1 คือปล่อยสินเชื่อแบบไม่ดูคุณภาพ จนบางราย (คือพวก subprime) มันผ่อนไม่ไหว ก็กลายเป็นหนี้เสีย ส่วนของหุ้นกู้ และพวกตราสารหนี้ทั้งหลาย (อย่าง MBS, CDO) ที่มาจากข้อนี้ก็เน่า ใครถืออยู่ก็เน่าตามไป
เอาละสิ .. เรื่องมันก็ลาม ตลาดบ้านเริ่มซบเซา "มูลค่าทางบัญชี" ของบ้านที่เคยสูง ๆ ก็ลดต่ำลง ทีนี้ "หนี้" มันเกิน "มูลค่าทรัพย์จำนอง" ในข้อ 2 และ 3 จะทำไงล่ะ .. หลายรายปล่อยให้ขาดไปเพราะจ่ายหนี้ 100 ได้ของมูลค่าแค่ 60, บางรายขอลดมูลค่าหนี้ เพราะดันทุรังก็เจ๊งทั้งสองฝ่าย
เน่ากันเป็นวงจร กวาดออกไปกว้างขึ้น กว้างขึ้น ..
นี่แค่ปัญหาเรื่องอสังหา "จริง ๆ" เลยครับ ไม่รวมพวก LBO, หุ้นกู้ และ CDO แบบอื่น ๆ ในตลาดเงินที่ปวดเศียรเวียนเกล้า และเน่าไปพร้อม ๆ กัน
Scale ของปัญหาเขาใหญ่และซับซ้อนกว่าเราเยอะ แต่เขาตัดสินใจ "อุ้ม" โดย "หวัง" ว่ามันจะไม่ลุกลาม (ไม่รู้จะเป็นตามหวังหรือเปล่า)
สถานการณ์ของเราต่างกันไหม ดูแล้วไม่ต่างกันเท่าไหร่ แถมซับซ้อนน้อยกว่าเยอะ แต่ของอย่างนี้ มุมมองไม่เหมือนกันหรอก เขามองเรา ในฐานะบุคคลภายนอก ย่อมมีการตัดสินใจต่างจากกรณีที่ตัวเองโดนเองมาก (แน่ล่ะ ไฟไหม้บ้านตัวเองนี่ จะให้ชี้นิ้วหัวเราะเอิ๊ก ๆ มองไฟไหม้บ้านคนอื่น เหมือนต้มยำกุ้งได้ไง)
มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ วิแค่ะ อะไรหรอก..
ส่วน IMF นี่ก้อใบ้รับประทานครับ .. เพราะ IMF จุ้นไปได้ทุกประเทศ ยกเว้นเมกา เนื่องจาก IMF จะเข้ามาเอี่ยวได้ก็ต่อเมื่อจะไปยืมเงินเขามาเป็นทุนสำรองฉุกเฉิน (คือทุกประเทศต้องมีทุนสำรอง) จะยกเว้นก็ประเทศนี้แหละ ที่ "ไม่มีทุนสำรอง" .. เขาพิมพ์แบงค์ใช้เองเหมือนแบงค์กงเต็กมานานแล้ว :lovl:
ผมถึงบอก "ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง" :8)
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
------------------------
-
- Verified User
- โพสต์: 101
- ผู้ติดตาม: 0
หมีกำลังแย่!
โพสต์ที่ 22
mprandy เขียน: :lovl: ใคร ๆ เขาก็รู้กันทั้งโลกครับ (ยกเว้นบรรดานักเศรษฐศาสตร์ และนักการเมืองไทย) ว่าเมกาเขาพูดอย่าง ทำอย่าง :lovl:
กระทบกระเทือนหลายคนนะครับ วิจารณ์เป็นคน ๆ ดีกว่า อย่าเหมาเอาทั้งหมดเลย
งั้นขอเปลี่ยนเป็น "ยกเว้นบรรดานักเศรษฐศาสตร์ และนักการเมือง เกือบทั้งหมด ของเมืองไทย"
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
หมีกำลังแย่!
โพสต์ที่ 24
ขอเอาของที่เคยเขียนไว้แล้วมาตอบใหม่ ว่าทำไมไม่ใครยอมให้ค่าเงิน $ มันไร้ค่าแบบแบงค์กงเต็ก@DNA@ เขียน: สำหรับกรณีอเมริกาคุณ mprandy ก็บอกเองว่าเขาไม่ได้กู้ IMF บังคับเขาไม่ได้เหมือนตอนเราอุ้มกรุงเทพพาณิชยการ แต่วิธีแบบอเมริกาจะเลี้ยงปัญหาไปอีกหลายสิบปี ยกเว้นอเมริกาอุ้มไม่ไหวแล้วเราจะได้เห็นอเมริกาทำแบบที่เราทำเองแหละครับ แต่อย่างว่าแหละครับ เหมือนที่คุณ mprandy ว่าแหละครับ เขาพิมพ์แบงค์แบบแบงค์กงเต็ก คำถามถัดไปทำไมเราไม่ปล่อยให้มันเสื่อมค่าลงเท่ากับราคาแบงค์กงเต็ก (ถึงเวลานั้นอเมริกาเข้ารับความช่วยเหลือจาก IMF แน่และเป็นรายใหญ่ซะด้วย) คำตอบคือต้องเป็นถามผู้กำหนดนโยบายไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ ว่าทำไมไม่อยากให้เงินบาทแข็งขึ้น (ลองปล่อยให้แข็งขึ้นก็ถูกปลด)
เราเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยอเมริกาโดยไม่รู้ตัว นักลงทุนอย่างเราก็อยากให้การส่งออกทำได้ดี หุ้นจะได้มีราคา คอยกดดันว่าทำไมค่าเงินแข็งจัง บ่นบ่อยๆ นักการเมืองก็ต้องสนอง คนเตือนก็ว่าเขาว่าไม่รู้เรื่อง พอเกิดปัญหาก็บอกให้เขาเสนอทางแก้ พอแก้แล้วผลที่เหลือจากปัญหาก็ด่าเขาต่อทั้งๆที่ลืมไปว่าใครเป็นคนทำและใครเป็นคนเลือกทางแก้
เพราะจริง ๆ ตามสภาพของอเมริกาที่ผ่านมา ทั้ง twin deficit บักโกรก เงินไหลออกไปอยู่ในที่อื่น ๆ ทั่วโลก แถมด้วยวิกฤตแฮมเบอเกอร์
ค่าเงิน $ มันควรจะอ่อนกว่านี้ และเร็วกว่านี้เยอะ (พอ ๆ กับต้มยำกุ้งของเรา) แต่ที่มันค่อย ๆ ย่อลงทีละน้อย ไม่มากมายอะไรเพราะทุกประเทศคอยอุ้มสมอยู่
เกือบทุกประเทศในโลกนี้ ถือดอลลาร์อยู่ไม่รู้เท่าไหร่ แถมเมกาเป็นตลาดผู้ซื้อใหญ่ ถ้าตลาดวาย ไม่มีคนซื้อสินค้า แถมเงินมันกลายเป็นแบงค์กงเต็กในเวลาไม่นาน คงวงแตกแน่ ๆ ดังนั้นเหตุการณ์มันจึงต้องเป็นอย่างนี้ คือทุกประเทศที่ถือดอลลาร์ (รวมทั้งพี่ไทยด้วย) ค่อย ๆ คาย $ ออกมาแล้วหันไปถืออย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นเงินตราสกุลอื่น, ทองคำ หรือ commodities
ลองนึกดูถ้าจู่ ๆ ทุนสำรองที่มีเกินแสนล้าน $ แล้ว กลายเป็นกระดาษไร้ค่า (เหมือนข่าวเร็ว ๆ นี้ที่ทองคำสำรองในคลังหลวงประเทศเอธิโอเปีย กลายเป็นเหรียญสังกะสีชุบทอง) จะเกิดอะไรขึ้น :shock:
สรุปคือ ทุกประเทศทั่วโลก (ไม่เฉพาะพี่ไทย) "ตั้งใจ" ให้ $ มันมีค่าสูงกว่าที่ควรจะเป็น และคอยเลี้ยงให้ เมกาเป็นประเทศผู้บริโภคต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อ
1. ให้ทุนสำรองของทุกประเทศยังคงมั่งคั่ง
2. ผลิตสินค้าส่งออกไปขายให้ผู้ซื้อรายใหญ่ได้
นึกไม่ออกเหมือนกันว่า ถ้าวันหนึ่งประเทศเมกา หายไปเฉย ๆ จะเป็นอย่างไร :8)
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
------------------------
- Juninho
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1054
- ผู้ติดตาม: 1
หมีกำลังแย่!
โพสต์ที่ 26
แล้วการที่อเมริกา พิมพ์แบงค์เองอย่างนี้
ประเทศอื่น ทำอะไรไม่ได้เลยหรือครับ
แล้วถ้าประเทศในยุโรปพิมพ์แบงค์เองมั่ง เอเชียเห็นยุโรปทำ
เลยทำมั่งอย่างนี้
ระบบเศรษฐกิจคงมั่วไปหมดเลยนะครับเนี่ย
ประเทศอื่น ทำอะไรไม่ได้เลยหรือครับ
แล้วถ้าประเทศในยุโรปพิมพ์แบงค์เองมั่ง เอเชียเห็นยุโรปทำ
เลยทำมั่งอย่างนี้
ระบบเศรษฐกิจคงมั่วไปหมดเลยนะครับเนี่ย
You Can Get It If You Really Want
But you must try, try and try
But you must try, try and try
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
หมีกำลังแย่!
โพสต์ที่ 27
ประเทศอื่นทำไม่ได้หรอกครับ เพราะถ้าทำ เงินของประเทศนั้นก็คงได้กลายเป็นกงเต็กจริง ๆfrog2 เขียน:แล้วการที่อเมริกา พิมพ์แบงค์เองอย่างนี้
ประเทศอื่น ทำอะไรไม่ได้เลยหรือครับ
แล้วถ้าประเทศในยุโรปพิมพ์แบงค์เองมั่ง เอเชียเห็นยุโรปทำ
เลยทำมั่งอย่างนี้
ระบบเศรษฐกิจคงมั่วไปหมดเลยนะครับเนี่ย
ที่อเมริกาทำได้ เพราะว่ามันมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจเค้าอยู่
- Sumotin
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
หมีกำลังแย่!
โพสต์ที่ 28
อันนี้กระทบจริงครับ เพราะจริงๆมีนักเศรษฐศาสตร์ หลายคนไม่เห็นด้วย ผมมีตัวอย่างเป็นหนังสือที่รวมบทความจากหนังสือ พิมพ์ หนะครับ อยากรู้ว่าเล่นไหนหลังไมค์ครับ เดี๋ยวหาว่า โฆษณาmprandy เขียน:
:lovl: ใคร ๆ เขาก็รู้กันทั้งโลกครับ (ยกเว้นบรรดานักเศรษฐศาสตร์ และนักการเมืองไทย) ว่าเมกาเขาพูดอย่าง ทำอย่าง :lovl:
Timing is everything, no matter what you do.
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
-
- Verified User
- โพสต์: 3345
- ผู้ติดตาม: 0
หมีกำลังแย่!
โพสต์ที่ 29
US พิมพ์แบงก์ใช้เองได้ โดยที่ไม่ต้องมีทุนสำรองระหว่างประเทศ Backup อยู่ เพราะเขาใช้รัฐบาล และความมั่นคงของประเทศเป็นหลักประกัน
แย่อย่างเดียวตรงที่ว่า ทุนสำรองฯ เกือบทุกประเทศที่มีเพื่อเป็น Backup ในการผลิตเงินตราใช้เองในประเทศนั้นๆ ดันเป็น USD กันเกือบหมด
US สะอึกที ก้อโดนกันถ้วนหน้าครับ :vm: ...
แย่อย่างเดียวตรงที่ว่า ทุนสำรองฯ เกือบทุกประเทศที่มีเพื่อเป็น Backup ในการผลิตเงินตราใช้เองในประเทศนั้นๆ ดันเป็น USD กันเกือบหมด
US สะอึกที ก้อโดนกันถ้วนหน้าครับ :vm: ...
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
หมีกำลังแย่!
โพสต์ที่ 30
แม่เจ้า.. :shock:
ข่าวเช้า ดูไม่จืดเลย.. สงสัยสถาบันการเงินที่ชื่อไม่เป็นมงคลนี้ จะเหลือเพียงชื่อแล้วหล่ะ
JP Morgan Chase ประกาศซื้อ Bear Stearns ในราคาหุ้นละ $2 .. (พิมพ์ไม่ผิดครับ หุ้นละ $2 -> ราคาปิดเมื่อเย็นวันศุกร์คือ $30 :shock: )
ราคารวมทั้งบริษัทที่ประกาศรับซื้อคือ $236 ล้าน ราคานี้เป็น 1.2% ของ book value
แสดงว่ากิจการมันน่าจะ "เน่า" กว่าที่คิดเยอะ (เงินสด $8.2 พันล้าน, cash equivalent $1.7 หมื่นล้าน -> ไปไหน?)
จะมีรายต่อไปหรือเปล่า :8)
เปิดตลาด สงสัยแดงเถือกกันทั้งโลก
ข่าวเช้า ดูไม่จืดเลย.. สงสัยสถาบันการเงินที่ชื่อไม่เป็นมงคลนี้ จะเหลือเพียงชื่อแล้วหล่ะ
JP Morgan Chase ประกาศซื้อ Bear Stearns ในราคาหุ้นละ $2 .. (พิมพ์ไม่ผิดครับ หุ้นละ $2 -> ราคาปิดเมื่อเย็นวันศุกร์คือ $30 :shock: )
ราคารวมทั้งบริษัทที่ประกาศรับซื้อคือ $236 ล้าน ราคานี้เป็น 1.2% ของ book value
แสดงว่ากิจการมันน่าจะ "เน่า" กว่าที่คิดเยอะ (เงินสด $8.2 พันล้าน, cash equivalent $1.7 หมื่นล้าน -> ไปไหน?)
จะมีรายต่อไปหรือเปล่า :8)
เปิดตลาด สงสัยแดงเถือกกันทั้งโลก
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
------------------------