สรุปผลการลงทุนของ ดร.นิเวศน์ 11 ปีย้อนหลัง
-
- Verified User
- โพสต์: 32
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปผลการลงทุนของ ดร.นิเวศน์ 11 ปีย้อนหลัง
โพสต์ที่ 1
หลายท่านคงรู้ถึงผลการลงทุนของ ดร นิเวศน์ ประจำปี 50 แล้ว ซึ่งท่านเขียนลงในหนังสือว่าเป็นการพ่ายแพ้ตลาดอย่าง "ยับเยิน" แต่อย่างไรก็ "ไม่ขาดทุน"
ปี50
ผลตอบแทนตลาด = 26% estimate
ดร นิเวศน์ = 7% estimate
เพราะหุ้นที่เติบโตส่วนใหญ่จะเป็นในหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ ดร ไม่นิยม หุ้นที่ ดร ถือ ต้องพึ่งอัตราการบริโภคภายในประเทศซึ่งประสบภาวะชะงักงันจากปัจจัยที่เราต่างก็รู้ดี
แต่ถึงอย่างไรเมื่อดูกัน 11 ปีย้อนหลัง ดร ชนะตลาดอย่าง "เทียบกันไม่ได้" ทรัพย์สินของท่าน
ถ้าเงินลงทุน 100 ล้านบาทนะวันนั้น วันนี้ท่านก็จะมีมูลค่าพอตถึง 2800 ล้านบาท
ผมคิดเองว่าเนื่องด้วยขนาดพอตของท่านใหญ่ขึ้นมากปริมาณหุ้นและน้ำหนักการลงทุนในวันนี้จึงเล่นไม่ง่ายนักในวันนี้
ผมไม่ทราบว่าเข้าใจถูกต้องไหมอยากจะถามพี่ๆชาว VI บ้างว่าผลการดำเนินการของแต่ละท่านเป็นอย่างไร อาจจะ 3-10 ปีย้อนหลังอยากให้เปิดเผย "ตุ๊กตา"ให้น้องนักลงทุนรุ่นใหม่ๆมีกำลังใจในการเริ่มต้นลงทุนแนว VI ใน "ประเทศไทย" ว่ามีความเป็นไปได้ในระยะยาว
สิ่งที่ผมสงสัยคือการลงทุนที่พึ่งแต่การ"บริโภคภายในประเทศ" ในหุ้นที่เรียกว่า "Value stock" เทียบกับการลงทุนที่เน้นไปที่หุ้น"วัฏจักร" ซึ่งนักลงทุนขยันในการ "หาข่าว" และดูปัจจัยพื้นฐานตามแนวทางของ VI ประกอบโดยมุ่งไปที่หุ้นที่มี "Growth" ในอนาคตสูง เพื่อเวลาตลาดมองเห็น "คุณค่า"ของมันราคาจะวิ่งอย่างมหาศาล เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าพอตของตัวเองให้ได้ในระดับหนึ่งก่อน (อาจจะ 10 - 20 ล้าน) แล้วจริงค่อยเพิ่มน้ำหนักให้กับการลงทุนในหุ้น Value ที่มั่นคงแต่อัตราการเติบโตไม่หวือหวาแต่กินนานกินยาวจะถูกต้องหรือไม่
ผมเห็นหลายท่านใช้กลยุทธ์นี้แล้วก็ประสบความสำเร็จในการลงทุนระยะเริ่มต้นพอพอตโตก็จะมัก "ให้ความเห็น" ว่าปีต่อไปจากนี้ 15 - 20 % ก็ดีใจแล้วทั้งที่ก่อนหน้านี้ทำกำไร>100%ก็มี อาจเป็นเพราะเหตุผลที่ผมวิเคราะห์ในเบื้องต้น ผมเลยคิดว่านี่น่าจะเป็นกลยุทธที่ผมจะ "ลอกเลียนแบบ" เช่นเดียวกัน เพราะคิดว่าถ้าลงทุนในหุ้นที่ตอนนี้เป็น "Value stock แล้ว" อัตราการเติบโตช้า จะทำให้พอตผมโตช้าเพราะใช้กลยุทธผิดช่วงเวลารึเปล่า
ลองแชร์ KPI ของแต่ละท่านให้ลองดูหน่อยได้ไหมครับไม่ได้เพื่อแข่งขันหรือเปรียบเทียบว่า "ใครเจ๋ง" แต่เพื่อดูว่ากลยุทธของใครน่านำมาปรับใช้ให้เหมาะกับลักษณะนิสัยของเราน่ะครับ ขอบคุณครับ
อาจจะยาวนะครับแต่อยากจะสื่อสารกับพี่ๆที่เยี่ยมยุทธทุกท่านไม่นานเกินโลกร้อนผมก็จะมารายงานผลการลงทุนและวิธีการให้ฟัง เช่นกัน
ปี50
ผลตอบแทนตลาด = 26% estimate
ดร นิเวศน์ = 7% estimate
เพราะหุ้นที่เติบโตส่วนใหญ่จะเป็นในหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ ดร ไม่นิยม หุ้นที่ ดร ถือ ต้องพึ่งอัตราการบริโภคภายในประเทศซึ่งประสบภาวะชะงักงันจากปัจจัยที่เราต่างก็รู้ดี
แต่ถึงอย่างไรเมื่อดูกัน 11 ปีย้อนหลัง ดร ชนะตลาดอย่าง "เทียบกันไม่ได้" ทรัพย์สินของท่าน
ถ้าเงินลงทุน 100 ล้านบาทนะวันนั้น วันนี้ท่านก็จะมีมูลค่าพอตถึง 2800 ล้านบาท
ผมคิดเองว่าเนื่องด้วยขนาดพอตของท่านใหญ่ขึ้นมากปริมาณหุ้นและน้ำหนักการลงทุนในวันนี้จึงเล่นไม่ง่ายนักในวันนี้
ผมไม่ทราบว่าเข้าใจถูกต้องไหมอยากจะถามพี่ๆชาว VI บ้างว่าผลการดำเนินการของแต่ละท่านเป็นอย่างไร อาจจะ 3-10 ปีย้อนหลังอยากให้เปิดเผย "ตุ๊กตา"ให้น้องนักลงทุนรุ่นใหม่ๆมีกำลังใจในการเริ่มต้นลงทุนแนว VI ใน "ประเทศไทย" ว่ามีความเป็นไปได้ในระยะยาว
สิ่งที่ผมสงสัยคือการลงทุนที่พึ่งแต่การ"บริโภคภายในประเทศ" ในหุ้นที่เรียกว่า "Value stock" เทียบกับการลงทุนที่เน้นไปที่หุ้น"วัฏจักร" ซึ่งนักลงทุนขยันในการ "หาข่าว" และดูปัจจัยพื้นฐานตามแนวทางของ VI ประกอบโดยมุ่งไปที่หุ้นที่มี "Growth" ในอนาคตสูง เพื่อเวลาตลาดมองเห็น "คุณค่า"ของมันราคาจะวิ่งอย่างมหาศาล เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าพอตของตัวเองให้ได้ในระดับหนึ่งก่อน (อาจจะ 10 - 20 ล้าน) แล้วจริงค่อยเพิ่มน้ำหนักให้กับการลงทุนในหุ้น Value ที่มั่นคงแต่อัตราการเติบโตไม่หวือหวาแต่กินนานกินยาวจะถูกต้องหรือไม่
ผมเห็นหลายท่านใช้กลยุทธ์นี้แล้วก็ประสบความสำเร็จในการลงทุนระยะเริ่มต้นพอพอตโตก็จะมัก "ให้ความเห็น" ว่าปีต่อไปจากนี้ 15 - 20 % ก็ดีใจแล้วทั้งที่ก่อนหน้านี้ทำกำไร>100%ก็มี อาจเป็นเพราะเหตุผลที่ผมวิเคราะห์ในเบื้องต้น ผมเลยคิดว่านี่น่าจะเป็นกลยุทธที่ผมจะ "ลอกเลียนแบบ" เช่นเดียวกัน เพราะคิดว่าถ้าลงทุนในหุ้นที่ตอนนี้เป็น "Value stock แล้ว" อัตราการเติบโตช้า จะทำให้พอตผมโตช้าเพราะใช้กลยุทธผิดช่วงเวลารึเปล่า
ลองแชร์ KPI ของแต่ละท่านให้ลองดูหน่อยได้ไหมครับไม่ได้เพื่อแข่งขันหรือเปรียบเทียบว่า "ใครเจ๋ง" แต่เพื่อดูว่ากลยุทธของใครน่านำมาปรับใช้ให้เหมาะกับลักษณะนิสัยของเราน่ะครับ ขอบคุณครับ
อาจจะยาวนะครับแต่อยากจะสื่อสารกับพี่ๆที่เยี่ยมยุทธทุกท่านไม่นานเกินโลกร้อนผมก็จะมารายงานผลการลงทุนและวิธีการให้ฟัง เช่นกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 1558
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปผลการลงทุนของ ดร.นิเวศน์ 11 ปีย้อนหลัง
โพสต์ที่ 2
VI มีหลายสไตล์นะครับ อย่าง ดร. นิเวศน์ ก็ปลอดภัยไว้ก่อนเลยคือ ไม่ขาดทุน การไม่ขาดทุนจะทำให้ฐานเงินต้นเรายังอยู่และเติบโตเรื่อยๆ แต่บางคนมีสไตล์การลงทุนในหุ้นโตเร็ว ซึ่งแน่นอนกว่าผลตอบแทนมันสูงกว่า และความเสี่ยงก็สูงกว่าเช่นกัน ทุกคนสามารถลงทุนแบบเน้นคุณค่าแล้วประสบความสำเร็จได้ด้วยสไตล์การลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเอง เรียนรู้จากประสบการณ์ความผิดพลาดครับ แล้วจะค้นพบตัวเอง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 405
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปผลการลงทุนของ ดร.นิเวศน์ 11 ปีย้อนหลัง
โพสต์ที่ 4
ผมมีโอกาศได้อ่านหนังสือการลงทุนของ John Neff ได้แง่คิดมาว่า
วินัยการลงทุนนั้นสำคัญที่สุดเพราะหากเราเสียวินัยที่ได้มีในตอนแรก
ผลของการลงทุนในระยะยาวแล้วจะไม่สามารถมีผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมได้เลย
ผมคิดว่าดร.นิเวศน์ ท่านผ่านจุดนั้นมาแล้วผมว่า การที่มีนักลงทุนบางท่าน สามารถสามารถเอาชนะตลาดได้มากๆ แ่ต่ตามความคิดของผมแล้วถ้ารอดูอีก 20ปี แล้วค่อยมาเทียบกันก็คงไม่สายหรอกครับ
วินัยการลงทุนนั้นสำคัญที่สุดเพราะหากเราเสียวินัยที่ได้มีในตอนแรก
ผลของการลงทุนในระยะยาวแล้วจะไม่สามารถมีผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมได้เลย
ผมคิดว่าดร.นิเวศน์ ท่านผ่านจุดนั้นมาแล้วผมว่า การที่มีนักลงทุนบางท่าน สามารถสามารถเอาชนะตลาดได้มากๆ แ่ต่ตามความคิดของผมแล้วถ้ารอดูอีก 20ปี แล้วค่อยมาเทียบกันก็คงไม่สายหรอกครับ