CVD กำลัง Turnaround หรือเปล่า
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
CVD กำลัง Turnaround หรือเปล่า
โพสต์ที่ 2
ผมมองตั้งแต่มีข่าวช่อง 3เข้าซื้อ ราคา 18-19 แต่รอความชัดเจนของผลกำไร
แต่ราคากลับขึ้นมาเรื่อยๆ เหมือนมีคนต้องการเก็บหุ้นตลอด
จนราคานี้ก็ยังงงว่าใครเก็บหุ้น และเก็บทำไม มีข้อมูลอะไรที่นักลงทุนทั่วไปไม่รู้
แต่ราคากลับขึ้นมาเรื่อยๆ เหมือนมีคนต้องการเก็บหุ้นตลอด
จนราคานี้ก็ยังงงว่าใครเก็บหุ้น และเก็บทำไม มีข้อมูลอะไรที่นักลงทุนทั่วไปไม่รู้
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
CVD กำลัง Turnaround หรือเปล่า
โพสต์ที่ 3
Turnaround หรือไม่
ทำไมถึงคิดว่า CVD จะ Turnaround
เราสนใจ CVD เพราะราคาหุ้นวิ่งใช่หรือไม่ ถ้าราคาอยู่กับที่เราจะสนใจไหม
ถ้าดูจากราคาหุ้นที่พุ่งขึ้น ก็คงคิดว่ามีอะไรดีๆอยู่ภายในที่เราไม่รู้
ยิ่งออกข่าวแผนการลงทุนต่างๆมากมาย แต่ใครจะรู้ว่าอนาคตเป็นอย่างไร
เราจะพิจารณาได้ดีขึ้น ถ้าเราตัดปัจจัยเรื่องราคาหุ้นออกไป
ทำไมถึงคิดว่า CVD จะ Turnaround
เราสนใจ CVD เพราะราคาหุ้นวิ่งใช่หรือไม่ ถ้าราคาอยู่กับที่เราจะสนใจไหม
ถ้าดูจากราคาหุ้นที่พุ่งขึ้น ก็คงคิดว่ามีอะไรดีๆอยู่ภายในที่เราไม่รู้
ยิ่งออกข่าวแผนการลงทุนต่างๆมากมาย แต่ใครจะรู้ว่าอนาคตเป็นอย่างไร
เราจะพิจารณาได้ดีขึ้น ถ้าเราตัดปัจจัยเรื่องราคาหุ้นออกไป
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4562
- ผู้ติดตาม: 0
Re: CVD กำลัง Turnaround หรือเปล่า
โพสต์ที่ 4
YONGYEE เขียน:
ทันหุ้น-CVD เปิดแผนธุรกิจครบเครื่อง ระยะสั้นยังเน้นธุรกิจสื่อบันเทิงเป็นหลัก
หวังต่อยอดแนวโน้มการดำเนิน
�ประชา มาลีนนท์�
ผู้บริหารเผยแผนธุรกิจระยะยาวอีก 5 ปีข้างหน้า คาดหันจับธุรกิจทีวีดาวเทียม
มองโอกาสเติบโตได้อีกมาก ด้าน �แคทลีน มาลีนนท์� มั่นใจปีนี้พลิกภาพกขาดทุนกว่า 200 ล้าน เป็นกำไรได้แน่นอน
เผยไตรมาส 3/2551 มีข่าวดีร่วมทุนธุรกิจไลฟ์สไตล์
พี่หมายถึง Live ป่าวคับ...
นายประชา มาลีนนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CVD กล่าวว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจระยะสั้นของ CVD ในอีก 2 ปีต่อจากนี้จะยังคงเน้นการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสื่อบันเทิงเป็นหลัก
เนื่องจากเป็น
ธุรกิจที่บริษัทมีความถนัด และเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ รวมถึงการมีทีมผู้บริหารที่มีความชำนาญในธุรกิจดังกล่าว
แล้วทำไมที่ผ่านมา มัน ต๊อ แต๊ ล่ะครับ
สำหรับแผนธุรกิจในระยะยาว 5 ปี จะขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นจากเดิมที่เป็นธุรกิจเกี่ยวกับสื่อบันเทิงเพียงอย่างเดียว แต่บริษัทจะหันไปจับธุรกิจแซทเทิลไลท์ทีวี เนื่องจาก มองว่า แนวโน้มธุรกิจดังกล่าวยังมีโอกาสเติบโตได้ค่อนข้างสูง ซึ่งอย่างไรก็ดี คาดว่า ภายในปี 2555 น่าจะได้เห็นธุรกิจดังกล่าว
วาดอนาคตไว้ไกลดีนะครับ
�แนวโน้มการดำเนินงานระยะสั้น CVD ยังเน้นการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสื่อบันเทิงเป็นหลัก เนื่องจาก ขณะนี้บริษัทมีสื่อบันเทิงอยู่ในมือแล้ว ทั้งในส่วนของหนังสือพิมพ์ และส่วนของแมกกาซีน นอกจากนี้ มองว่า อนาคตอีก 5 ปีข้างหน้า บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปจับธุรกิจแซทเทิลไลท์ทีวี เพราะมองว่า ธุรกิจดังกล่าวยังมีโอกาสเติบโตได้ค่อนข้างสูง รวมถึงการที่มีสื่อบันเทิงอยู่ในมือแล้ว จึงเชื่อว่า ในอนาคตน่าจะได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับธุรกิจดังกล่าว� นายประชา กล่าว
นางสาวแคทลีน มาลีนนท์ กรรมการ บริษัท ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) CVD กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 3/2551 น่าจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการร่วมทุนในธุรกิจไลฟ์สไตล์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในธุรกิจดังกล่าว รวมถึงอยู่ระหว่างการหาข้อสรุปเรื่องวิธีการในการร่วมทุน โดยประมาณไตรมาส 3/2551 น่าจะทราบข้อชัดเจนดังกล่าว
ส่วนในปี 2551
บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอย่างแน่นอน เนื่องจากปีที่ผ่านมาการเติบโตของรายได้บริษัทค่อนข้างต่ำ รวมถึงช่วงดังกล่าวบริษัทยังไม่มีธุรกิจใหม่เข้ามาช่วยเสริมแนวโน้มผลการดำเนินงานในส่วนของรายได้ แต่เชื่อว่าในปีนี้หลังบริษัทมีแผนขยายธุรกิจเพิ่มขึ้น โดยเน้นไปที่ธุรกิจสิ่งพิมพ์ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเข้ามาช่วยเสริมในแนวโน้มในส่วนของรายได้ในปีนี้เติบโตเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน
สำหรับผลประกอบการในปี 2550 บริษัทมีรายได้รวม 199.3 ล้านบาท และขาดทุนสิทธิรวม 200.2 ล้านบาท
แต่เชื่อว่าในปีนี้จะพลิกกลับมามีกำไรได้อย่างแน่นอน เพราะบริษัทได้เปลี่ยนแปลงแนวทางในการดำเนินงาน โดยเริ่มหันมาดำเนินธุรกิจการให้บริการ การจัดกิจกรรมทางการตลาด และธุรกิจจัดหาและผลิตรายการโทรทัศน์ โดยในไตรมาส 4/2550 ได้หยุดการดำเนินงานในส่วนการจัดจำหน่ายภาพยนตร์ วีดีโอซีดี และดีวีดี พร้อมลิขสิทธิ์ และส่วนงานอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจดังกล่าว ซึ่งทำให้บริษัทประสบผลขาดทุนดังกล่าว
แปลว่า งานเดิม เลิกทำ แล้วจะไปเอางานใหม่ ที่กำไร เกิน 200 ล้านบาท มาได้จริงเหรอครับ
แซวเล่นๆครับ โอ้ อะไรก็ง่ายดีครับ หุ้นไทย
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 512
- ผู้ติดตาม: 0
CVD กำลัง Turnaround หรือเปล่า
โพสต์ที่ 5
ผมว่าคนที่มาเก็นในช่วง 18-19 ก็เป็นกลุ่มเดียวกับช่อง 3 นั่นแหละ เพราะ search จาก google แล้ว ผู้ถือหุ้นที่แปลกๆ มีอะไรเกี่ยวข้องกับกลุ่ม BEC ทั้งนั้น ส่วนตัวพื้นฐานคงเปลี่ยนแน่ๆ แต่รายได้ยังไม่ชัดเจน ยังเป็นวุ้นอยู่ คงต้องตามเรื่อยๆ แต่ดูจากผู้บริหาร (คุณประชา มาลีนนท์) เค้ามาดูแลเต็มตัวอย่างนี้ น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในการที่ดีและเร็วลูกอิสาน เขียน:ผมมองตั้งแต่มีข่าวช่อง 3เข้าซื้อ ราคา 18-19 แต่รอความชัดเจนของผลกำไร
แต่ราคากลับขึ้นมาเรื่อยๆ เหมือนมีคนต้องการเก็บหุ้นตลอด
จนราคานี้ก็ยังงงว่าใครเก็บหุ้น และเก็บทำไม มีข้อมูลอะไรที่นักลงทุนทั่วไปไม่รู้
ส่วนหุ้นที่ขึ้นเร็วไม่รู้เกี่ยวข้องอะไรกับผู้ถือหุ้นอันดับ 4 หรือเปล่า เพราะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน TRAF ก่อนขึ้นแรง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 512
- ผู้ติดตาม: 0
CVD กำลัง Turnaround หรือเปล่า
โพสต์ที่ 6
CVD : บริษัท ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)
ผู้ถือหุ้นรายย่อย ณ วันที่ 10/04/2550
จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free float) 692
% การถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (% Free float) 41.86
หมายเหตุ: ข้อมูลผู้ถือหุ้นปรับตามรอบของการปิดสมุดทะเบียน
ภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 11/04/2551 ประเภทการปิดสมุดทะเบียน : XM
จำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมด 673
% การถือหุ้นแบบไร้ใบหุ้น 80.00
ลำดับ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จำนวนหุ้น (หุ้น) % หุ้น
1. บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) 6,325,000 19.52
2. น.ส.แคทลีน มาลีนนท์ 3,584,279 11.06
3. น.ส.เทรซีแอนน์ มาลีนนท์ 3,559,279 10.99
4. นายวิรัตน์ อุดมสินวัฒนา 1,600,900 4.94
5. น.ส.ลักขนา จิระกาล 1,400,000 4.32
6. นายกมลพรรธน์ เมฆวรวุฒิ 1,261,100 3.89
7. นายมนตรี วีรยางกูร 1,191,700 3.68
8. น.ส.ณัฐวรรณ ปิยะมหาโชติ 1,137,300 3.51
9. นายวีระศักดิ์ บุญวรเมธี 1,003,600 3.10
10. นายวุฒิชัย ปรุงพัฒนสกุล 795,000 2.45
11. นายพรเสก กาญจนจารี 721,500 2.23
12. น.ส.อุมารินทร์ บุนนาค 600,000 1.85
13. นายสมเกียรติ ชินธรรมมิตร์ 509,000 1.57
14. น.ส.อักษร วิจิตโท 403,400 1.25
15. น.ส.เสาวนีย์ ชีวกิตติกุล 395,300 1.22
16. นายปริญญา ผู้สุขุม 362,000 1.12
17. นายกฤษณัช ชุมศรี 285,000 0.88
18. นางสุวิมล หลีสุวรรณ 284,200 0.88
19. นายกัญญ์ณณัฏฐ์ บุญสุนานนท์ 228,600 0.71
20. นายสิทธิชัย ลิมป์โสวรรณ 215,200 0.66
21. น.ส.อานา นิธิรักษา 202,100 0.62
22. น.ส.สุภัทรา ไพบูลย์ภาณุพงศ์ 200,000 0.62
23. น.ส.สุภมาศ พรเศรษฐคุณ 200,000 0.62
24. น.ส.อานา นิธิรักษา 195,400 0.60
25. น.ส.อนุสรา โศภนะศุกร์ 192,000 0.59
TRAF
1. บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) 146,920,114 40.81
2. นายวิรัตน์ อุดมสินวัฒนา 40,555,555 11.27
3. นายสุชิน สถิตย์พัฒนพันธ์ 32,780,900 9.11
4. น.ส.สุภัทรา ไพบูลย์ภาณุพงศ์ 18,100,000 5.03
5. นายจำเริญ ศรีสมบัติไพบูลย์ 8,203,100 2.28
6. นางลาวัณย์ หวั่งหลี 5,860,000 1.63
7. นายเจริญรัฐ วิไลลักษณ์ 4,984,187 1.38
8. น.ส.กรกนก ไวว่อง 4,129,700 1.15
9. นายชัยรัตน์ แซ่ตั้ง 4,014,000 1.12
10. นายสมศักดิ์ อุดมสินวัฒนา 3,999,555 1.11
11. นายวิเศษ อุดมสินวัฒนา 3,955,555 1.10
12. นายสุชาย เลิศไพรวัลย์ 3,900,000 1.08
13. นายทวีศักดิ์ ชกากรกนก 3,485,207 0.97
14. น.ส.จุรีญาพร แซ่โค้ว 3,147,700 0.87
15. น.ส.สมลักษณ์ ลาภพันธุ์พรหม 2,916,500 0.81
16. นายสมเกียรติ เอื้อพงศ์กิติกุล 2,913,300 0.81
17. น.ส.รินนภา คุณะวัฒน์สถิตย์ 2,804,100 0.78
18. นายเจนวิทย์ รุ่งกิจวรเสถียร 2,220,000 0.62
19. น.ส.ภิญญลักษณ์ กีรติพัฒนนันท์ 2,140,100 0.59
20. นายไพโรจน์ วิจิตรภากร 2,100,003 0.58
21. นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ 2,076,987 0.58
22. นายมนต์ชัย สูติวราพันธ์ 2,050,000 0.57
ผู้ถือหุ้นรายย่อย ณ วันที่ 10/04/2550
จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free float) 692
% การถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (% Free float) 41.86
หมายเหตุ: ข้อมูลผู้ถือหุ้นปรับตามรอบของการปิดสมุดทะเบียน
ภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 11/04/2551 ประเภทการปิดสมุดทะเบียน : XM
จำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมด 673
% การถือหุ้นแบบไร้ใบหุ้น 80.00
ลำดับ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จำนวนหุ้น (หุ้น) % หุ้น
1. บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) 6,325,000 19.52
2. น.ส.แคทลีน มาลีนนท์ 3,584,279 11.06
3. น.ส.เทรซีแอนน์ มาลีนนท์ 3,559,279 10.99
4. นายวิรัตน์ อุดมสินวัฒนา 1,600,900 4.94
5. น.ส.ลักขนา จิระกาล 1,400,000 4.32
6. นายกมลพรรธน์ เมฆวรวุฒิ 1,261,100 3.89
7. นายมนตรี วีรยางกูร 1,191,700 3.68
8. น.ส.ณัฐวรรณ ปิยะมหาโชติ 1,137,300 3.51
9. นายวีระศักดิ์ บุญวรเมธี 1,003,600 3.10
10. นายวุฒิชัย ปรุงพัฒนสกุล 795,000 2.45
11. นายพรเสก กาญจนจารี 721,500 2.23
12. น.ส.อุมารินทร์ บุนนาค 600,000 1.85
13. นายสมเกียรติ ชินธรรมมิตร์ 509,000 1.57
14. น.ส.อักษร วิจิตโท 403,400 1.25
15. น.ส.เสาวนีย์ ชีวกิตติกุล 395,300 1.22
16. นายปริญญา ผู้สุขุม 362,000 1.12
17. นายกฤษณัช ชุมศรี 285,000 0.88
18. นางสุวิมล หลีสุวรรณ 284,200 0.88
19. นายกัญญ์ณณัฏฐ์ บุญสุนานนท์ 228,600 0.71
20. นายสิทธิชัย ลิมป์โสวรรณ 215,200 0.66
21. น.ส.อานา นิธิรักษา 202,100 0.62
22. น.ส.สุภัทรา ไพบูลย์ภาณุพงศ์ 200,000 0.62
23. น.ส.สุภมาศ พรเศรษฐคุณ 200,000 0.62
24. น.ส.อานา นิธิรักษา 195,400 0.60
25. น.ส.อนุสรา โศภนะศุกร์ 192,000 0.59
TRAF
1. บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) 146,920,114 40.81
2. นายวิรัตน์ อุดมสินวัฒนา 40,555,555 11.27
3. นายสุชิน สถิตย์พัฒนพันธ์ 32,780,900 9.11
4. น.ส.สุภัทรา ไพบูลย์ภาณุพงศ์ 18,100,000 5.03
5. นายจำเริญ ศรีสมบัติไพบูลย์ 8,203,100 2.28
6. นางลาวัณย์ หวั่งหลี 5,860,000 1.63
7. นายเจริญรัฐ วิไลลักษณ์ 4,984,187 1.38
8. น.ส.กรกนก ไวว่อง 4,129,700 1.15
9. นายชัยรัตน์ แซ่ตั้ง 4,014,000 1.12
10. นายสมศักดิ์ อุดมสินวัฒนา 3,999,555 1.11
11. นายวิเศษ อุดมสินวัฒนา 3,955,555 1.10
12. นายสุชาย เลิศไพรวัลย์ 3,900,000 1.08
13. นายทวีศักดิ์ ชกากรกนก 3,485,207 0.97
14. น.ส.จุรีญาพร แซ่โค้ว 3,147,700 0.87
15. น.ส.สมลักษณ์ ลาภพันธุ์พรหม 2,916,500 0.81
16. นายสมเกียรติ เอื้อพงศ์กิติกุล 2,913,300 0.81
17. น.ส.รินนภา คุณะวัฒน์สถิตย์ 2,804,100 0.78
18. นายเจนวิทย์ รุ่งกิจวรเสถียร 2,220,000 0.62
19. น.ส.ภิญญลักษณ์ กีรติพัฒนนันท์ 2,140,100 0.59
20. นายไพโรจน์ วิจิตรภากร 2,100,003 0.58
21. นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ 2,076,987 0.58
22. นายมนต์ชัย สูติวราพันธ์ 2,050,000 0.57
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 512
- ผู้ติดตาม: 0
CVD กำลัง Turnaround หรือเปล่า
โพสต์ที่ 7
วางพล็อต (อนาคต) 'ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์' ขยับรุ่นชก 'จูเนียร์ฟลายเวท' สู่ 'ซูเปอร์เฟเธอร์เวท'
ดีกรีเป็นถึงอดีตนักการเมืองใหญ่ "หัวหน้ามุ้ง" อดีตรมต. 3 กระทรวง ในแวววงตลาดหุ้นไม่ใช่มือใหม่! เคยเปิดบัญชีทรัพย์สิน (ภรรยา) เล่นหุ้นยาวเป็นหางว่าว วันนี้บัญชาการ "ปั้นหุ้น" ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ด้วยตัวเอง วางเป้าจะขยับรุ่นชกจาก "จูเนียร์ฟลายเวท" ขึ้นรุ่น "ซูเปอร์เฟเธอร์เวท" ภายในปี 2552
ควบคนเดียว 3 ตำแหน่ง ประธานกรรมการ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ประชา มาลีนนท์ อดีตถุงเงินพรรคไทยรักไทย และอดีตรมช.มหาดไทย (มท.2) เจ้าของฉายา "รมต. ตรวจฉี่" ทุ่มทุนสร้าง (ปั้นหุ้น CVD) ด้วยตัวเอง
หลังออกจาก รมว.กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ และ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา ประชาก็มาเจอการตรวจสอบโครงการจัดซื้อรถ และ เรือดับเพลิงของ กทม.เข้าอย่างจัง และเก็บตัวเงียบหายไปพักใหญ่
ทั้งที่จริงแล้ว กลุ่มมาลีนนท์เข้าฮุบซีวีดีเบ็ดเสร็จ นับตั้งแต่ ดร.แคทลีน มาลีนนท์ และ เทรซี่ แอนน์ มาลีนนท์ (บุตรสาว 2 คนของประชา) ใช้เงินกว่า 191.97 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้นใหญ่ซีวีดี (หุ้นละ 27 บาท) จากกลุ่มเผด็จ หงษ์ฟ้า และกลุ่มสวง ว่องสุภัคพันธุ์ เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2549 ซึ่งเมื่อรวมกับการถือหุ้นของ บมจ.บีอีซี เวิลด์ ทำให้สัดส่วนการถือครองหุ้นของกลุ่มมาลีนนท์ ในซีวีดี สูงถึง 41.57%
หลังจากกลุ่มมาลีนนท์ เข้ามาบริหารซีวีดี ได้เพียง 4-5 เดือน ก็พบว่า กลุ่มผู้บริหารเดิมที่เป็นลูกน้องเก่า ของเผด็จ หงษ์ฟ้า ทยอยกันลาออกไม่ขาดสาย พร้อมกับมีกระแสข่าวไม่ได้รับการต่อสัญญา ซื้อลิขสิทธิ์หนังดังกับค่ายทเวนตี้ เซนจูรี่ฟ็อกซ์ วอลท์ ดิสนีย์ และโซนี่ พิกเจอร์ โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์
ต่อมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2550 ก็มีมติขาย บริษัท ซีวีดี อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็น "บริษัทแกน" ให้กับบริษัทในเครือมหาวิทยาลัยมหิดล แล้วในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ก็จัดตั้งบริษัทใหม่ 2 แห่ง คือ บริษัท ซีวีดี ออแกไนเซอร์ ทำธุรกิจด้าน Event Marketing และบริษัท ซีวีดีอี โปรดักชั่น ผลิตรายการโทรทัศน์ (ป้อนให้ช่อง 3)
ต่อมาในเดือนเมษายน 2551 ซีวีดีก็มีมติเพิ่มทุน 3 ล้านหุ้นๆ ละ 25 บาท เพื่อแลกหุ้น บริษัท เดย์ โพเอทส์ ของกลุ่มสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย และซื้อสิทธิในเครื่องหมายการค้าของ หนังสือพิมพ์มายา แชนแนล หนังสือพิมพ์ทันหุ้น และหนังสือพิมพ์ทูเดย์ เอ็กซ์เพรส พร้อมทั้งย้ายสำนักงานไปอยู่ที่อาคารมาลีนนท์ทาวเวอร์
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของซีวีดี แม้ที่ผ่านมาจะเดินเกมผ่านบุตรสาว ดร.แคทลีน มาลีนนท์ แต่ก็รู้ๆ กันว่า อดีตนักการเมืองใหญ่วัย 60 ปี ผู้พ่อเดิมเกมเป็นเงาอยู่ข้างหลัง เช่นเดียวกับราคาหุ้น CVD ที่ไต่มาจาก 18-19 บาท ขึ้นไป 34.50 บาท ก็ล้วนมาจาก "กำลังภายใน" ที่เรียกว่า "ไม่ธรรมดา"
อดีตนักการเมืองใหญ่ เล่าความในใจว่า ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2550 ที่เข้ามาดูแลกิจการซีวีดีอย่างเต็มตัว ตอนนั้นรู้สึกเป็นห่วงอนาคตบริษัท นอนคิด นั่งคิดตลอดเวลาว่าจะทำอย่างไร ให้ธุรกิจอยู่รอด ท่ามกลางเศรษฐกิจแบบนี้ แต่ตอนนี้หมดห่วงแล้ว
"วันนี้ราคาหุ้น CVD ถือว่าตอบรับกระแสข่าวไปแล้วระดับหนึ่ง เห็นได้จากในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ราคาหุ้นอยู่ที่ 19 บาท แต่วันนี้ขึ้นมาเหนือ 30 บาท แต่อนาคตราคาจะไปไกลกว่านี้หรือไม่ คงตอบไม่ได้ต้องขึ้นอยู่กับนักลงทุน (เป็นคนกำหนดราคา) ส่วนแผนแตกพาร์ (จาก 10 บาท) ที่นักลงทุนถามไถ่กันมาจำนวนมากนั้น ยอมรับว่าอยู่ระหว่างการศึกษาเพิ่มสภาพคล่องให้กับหุ้น เพราะมีนักลงทุนต้องการหุ้นเราเป็นจำนวนมาก"
ลุคใหม่ของซีวีดี ประชา มาลีนนท์ แสดงเป้าหมายไว้อย่างชัดเจนว่า ภายในปี 2552 ไซส์ธุรกิจของบริษัท จะขยับขึ้นจากรุ่น "จูเนียร์ฟลายเวท" (รุ่นเล็ก) มาเป็นรุ่น "ซูเปอร์เฟเธอร์เวท" (รุ่นกลาง) โดยตั้งธงไว้ว่าภายในปี 2552 จะมีรายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท (ใกล้เคียงกับปี 2548) เทียบกับปี 2550 ที่มีรายได้ 199.26 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 200.18 ล้านบาท
แม้ตัวเลขดังกล่าวจะทะยานขึ้นมากภายในไม่เกิน 2 ปี นับจากนี้ แต่นั่นไม่ใช่ "หัวใจหลัก" ที่ประชาอยากเห็น เพราะจุดหมายปลายทางของ "อดีต มท.2" ต้องการเห็นรายได้แตะที่ 2,000 ล้านบาท (ภายในปี 2554) มากกว่า
"ผมบอกเลยว่า ไม่ได้ฝันเฟื่อง เพราะในปี 2552 (ปีหน้า) โครงสร้างธุรกิจของซีวีดีจะเปลี่ยนแปลง ไปจากปัจจุบัน"
ทิศทางของซีวีดีนับจากวันนี้ จะขับเคลื่อนด้วย 5 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจโทรทัศน์ ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ ธุรกิจ Event Marketing ธุรกิจทีวีดาวเทียม (แซทเทลไลท์) และธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในปี 2551-2552 นี้
Core Business ในอนาคตของซีวีดี ประชา เปิดเผยว่า ต่อไป ก็คือ "โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม" ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2551 และต้องใช้เงินลงทุน "หลักร้อยล้านบาท" ตอนนี้อยู่ระหว่าง ศึกษารูปแบบธุรกิจ จะได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือนข้างหน้า โดยซีวีดีจะเน้นผลิตรายการบันเทิง และข่าวบันเทิงเป็นหลัก จะไม่ทำสาระเชิงข่าว เพราะมันหนักเกินไป และรายการประเภทนี้ มีผู้ประกอบการลงมาทำค่อนข้างมากแล้ว
ปัจจุบันการทำทีวีดาวเทียมมีต้นทุนไม่สูงมากนัก และขั้นตอนต่างๆ ก็ไม่ยุ่งยากเหมือนในอดีต และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้ก็มีผลบังคับใช้แล้ว เพียงแต่ต้องรอให้รัฐบาลแต่งตั้ง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) ขึ้นมา แต่หากรัฐบาล ไม่สามารถแต่งตั้งได้ภายในปี 2551 ก็มีความเป็นไปได้ที่จะให้คณะกรรมการ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เข้ามาดูแลธุรกิจทีวีดาวเทียมไปก่อนจนกว่าจะแต่งตั้งกสช.เสร็จ
อีกทั้งวันนี้เมืองไทยมีฐานคนดูทีวีดาวเทียมอยู่แล้วค่อนข้างมาก มีจานดาวเทียมติดตามครัวเรือนต่างๆ แล้วประมาณ 2 ล้านครัวเรือน
เป้าหมายที่เจ้าพ่อซีวีดีคนใหม่ตั้งธงไว้ ภายใน 4 ปีข้างหน้า บริษัทต้องขึ้นแท่นเป็น "ผู้นำธุรกิจทีวีดาวเทียม" ซึ่งมั่นใจว่า จะคว้าตำแหน่งนี้มาครอบครองได้ไม่ยาก (หลังผนึกกำลังกับช่อง 3)
อีกธุรกิจหนึ่งที่ประชายังอุบไต๋ไว้ จะเป็นอีก Core Business ของซีวีดีในอนาคต ซึ่งธุรกิจใหม่นี้ จะเกี่ยวข้องกับเอ็นเตอร์เทนเมนท์ คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2552 โดยการร่วมมือ กับพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจ ทางด้านเอ็นเตอร์เทนเมนท์ในประเทศแถบยุโรป ส่วนรูปแบบการร่วมทุนจะเป็นแบบไหน ตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
"พันธมิตรรายนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ หากเราได้ร่วมมือกับเขาจริงๆ ตัวเลขรายได้หลัก 2,000 ล้านบาท อาจน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่กำลังจะตามมา"
ในสายธุรกิจโทรทัศน์ ในครึ่งปีหลังจะผลิตรายการโทรทัศน์เพิ่มขึ้นอีก 2-3 รายการ เป็นรายการประเภทบันเทิงไลฟ์สไตล์ รายการทำอาหาร และรายการกีฬา จะทำให้บริษัท สามารถใช้เวลาในการโฆษณาเพิ่มขึ้นจาก 35 นาทีต่อเดือน เป็น 70 นาทีต่อเดือน คาดว่า ผังรายการดังกล่าว จะเริ่มออกอากาศได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ นอกเหนือจากที่ผลิตรายการโทรทัศน์ 2 รายการ ได้แก่ ละครมหาชนชาวแฟลต และรายการเกมโชว์ 44+21+4 ออกอากาศทางช่อง 3 ทางด้านธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ จากเดิมที่ไม่เคยรับรู้รายได้จากธุรกิจนี้เลย ปีนี้ ก็จะมีรายได้เข้ามา หลังเข้าลงทุนในบริษัท เดย์ โพเอทส์ จะทำให้ซีวีดีมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าของหนังสือพิมพ์มายา แชนแนล หนังสือพิมพ์ทันหุ้น และหนังสือพิมพ์ทูเดย์ เอ็กซ์เพรส และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์นิตยสาร และพอคเก็ตบุ๊ค อะเดย์ (A Day) แฮมเบอร์เกอร์ (Hamburger) น็อค น็อค (Knock Knock) และ อะ บุ๊ค (A Book)
"แม้ในอนาคตข้างหน้าสื่อสิ่งพิมพ์ และ Event Marketing จะไม่ใช่ตัวชูโรง แต่ก็จะช่วย เพิ่มมูลค่าให้กับบริษัท เพราะธุรกิจทั้ง 2 ประเภทนี้ จะช่วยต่อยอดให้กับซีวีดี ยกตัวอย่างเช่น ปัจจุบันฐานคนอ่านนิตยสารอะเดย์ และแฮมเบอร์เกอร์มีอยู่จำนวนมาก ฉะนั้น เราก็สามารถนำเนื้อหา ในนิตยสารดังกล่าว มาทำเป็นรายการบันเทิง เพื่อเพิ่มฐานคนดูได้"
สำหรับผลประกอบการของซีวีดี ในปี 2551 นี้ ประชา บอกว่า ในแง่ของกำไรสุทธิ และรายได้ จะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยคาดว่าปีนี้ จะมีรายได้มากกว่า 300 ล้านบาท (ปี 2550 มีรายได้ 199.26 ล้านบาท) จะมาจากกลุ่มสิ่งพิมพ์ประมาณ 140 ล้านบาท ธุรกิจผลิตรายการโทรทัศน์กว่า 100 ล้านบาท และจากธุรกิจ Event Marketing ประมาณ 60-70 ล้านบาท
"ผมจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า นักการเมืองไม่จำเป็นต้องพึ่งเส้นสาย เพื่อสร้างผลประโยชน์ให้กับตัวเอง (เสมอไป)" อดีตรัฐมนตรีผู้มากบารมีกล่าวทิ้งท้าย
--~--~---------~--~----~------------~-------~--~----~
ดีกรีเป็นถึงอดีตนักการเมืองใหญ่ "หัวหน้ามุ้ง" อดีตรมต. 3 กระทรวง ในแวววงตลาดหุ้นไม่ใช่มือใหม่! เคยเปิดบัญชีทรัพย์สิน (ภรรยา) เล่นหุ้นยาวเป็นหางว่าว วันนี้บัญชาการ "ปั้นหุ้น" ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ด้วยตัวเอง วางเป้าจะขยับรุ่นชกจาก "จูเนียร์ฟลายเวท" ขึ้นรุ่น "ซูเปอร์เฟเธอร์เวท" ภายในปี 2552
ควบคนเดียว 3 ตำแหน่ง ประธานกรรมการ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ประชา มาลีนนท์ อดีตถุงเงินพรรคไทยรักไทย และอดีตรมช.มหาดไทย (มท.2) เจ้าของฉายา "รมต. ตรวจฉี่" ทุ่มทุนสร้าง (ปั้นหุ้น CVD) ด้วยตัวเอง
หลังออกจาก รมว.กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ และ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา ประชาก็มาเจอการตรวจสอบโครงการจัดซื้อรถ และ เรือดับเพลิงของ กทม.เข้าอย่างจัง และเก็บตัวเงียบหายไปพักใหญ่
ทั้งที่จริงแล้ว กลุ่มมาลีนนท์เข้าฮุบซีวีดีเบ็ดเสร็จ นับตั้งแต่ ดร.แคทลีน มาลีนนท์ และ เทรซี่ แอนน์ มาลีนนท์ (บุตรสาว 2 คนของประชา) ใช้เงินกว่า 191.97 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้นใหญ่ซีวีดี (หุ้นละ 27 บาท) จากกลุ่มเผด็จ หงษ์ฟ้า และกลุ่มสวง ว่องสุภัคพันธุ์ เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2549 ซึ่งเมื่อรวมกับการถือหุ้นของ บมจ.บีอีซี เวิลด์ ทำให้สัดส่วนการถือครองหุ้นของกลุ่มมาลีนนท์ ในซีวีดี สูงถึง 41.57%
หลังจากกลุ่มมาลีนนท์ เข้ามาบริหารซีวีดี ได้เพียง 4-5 เดือน ก็พบว่า กลุ่มผู้บริหารเดิมที่เป็นลูกน้องเก่า ของเผด็จ หงษ์ฟ้า ทยอยกันลาออกไม่ขาดสาย พร้อมกับมีกระแสข่าวไม่ได้รับการต่อสัญญา ซื้อลิขสิทธิ์หนังดังกับค่ายทเวนตี้ เซนจูรี่ฟ็อกซ์ วอลท์ ดิสนีย์ และโซนี่ พิกเจอร์ โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์
ต่อมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2550 ก็มีมติขาย บริษัท ซีวีดี อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็น "บริษัทแกน" ให้กับบริษัทในเครือมหาวิทยาลัยมหิดล แล้วในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ก็จัดตั้งบริษัทใหม่ 2 แห่ง คือ บริษัท ซีวีดี ออแกไนเซอร์ ทำธุรกิจด้าน Event Marketing และบริษัท ซีวีดีอี โปรดักชั่น ผลิตรายการโทรทัศน์ (ป้อนให้ช่อง 3)
ต่อมาในเดือนเมษายน 2551 ซีวีดีก็มีมติเพิ่มทุน 3 ล้านหุ้นๆ ละ 25 บาท เพื่อแลกหุ้น บริษัท เดย์ โพเอทส์ ของกลุ่มสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย และซื้อสิทธิในเครื่องหมายการค้าของ หนังสือพิมพ์มายา แชนแนล หนังสือพิมพ์ทันหุ้น และหนังสือพิมพ์ทูเดย์ เอ็กซ์เพรส พร้อมทั้งย้ายสำนักงานไปอยู่ที่อาคารมาลีนนท์ทาวเวอร์
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของซีวีดี แม้ที่ผ่านมาจะเดินเกมผ่านบุตรสาว ดร.แคทลีน มาลีนนท์ แต่ก็รู้ๆ กันว่า อดีตนักการเมืองใหญ่วัย 60 ปี ผู้พ่อเดิมเกมเป็นเงาอยู่ข้างหลัง เช่นเดียวกับราคาหุ้น CVD ที่ไต่มาจาก 18-19 บาท ขึ้นไป 34.50 บาท ก็ล้วนมาจาก "กำลังภายใน" ที่เรียกว่า "ไม่ธรรมดา"
อดีตนักการเมืองใหญ่ เล่าความในใจว่า ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2550 ที่เข้ามาดูแลกิจการซีวีดีอย่างเต็มตัว ตอนนั้นรู้สึกเป็นห่วงอนาคตบริษัท นอนคิด นั่งคิดตลอดเวลาว่าจะทำอย่างไร ให้ธุรกิจอยู่รอด ท่ามกลางเศรษฐกิจแบบนี้ แต่ตอนนี้หมดห่วงแล้ว
"วันนี้ราคาหุ้น CVD ถือว่าตอบรับกระแสข่าวไปแล้วระดับหนึ่ง เห็นได้จากในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ราคาหุ้นอยู่ที่ 19 บาท แต่วันนี้ขึ้นมาเหนือ 30 บาท แต่อนาคตราคาจะไปไกลกว่านี้หรือไม่ คงตอบไม่ได้ต้องขึ้นอยู่กับนักลงทุน (เป็นคนกำหนดราคา) ส่วนแผนแตกพาร์ (จาก 10 บาท) ที่นักลงทุนถามไถ่กันมาจำนวนมากนั้น ยอมรับว่าอยู่ระหว่างการศึกษาเพิ่มสภาพคล่องให้กับหุ้น เพราะมีนักลงทุนต้องการหุ้นเราเป็นจำนวนมาก"
ลุคใหม่ของซีวีดี ประชา มาลีนนท์ แสดงเป้าหมายไว้อย่างชัดเจนว่า ภายในปี 2552 ไซส์ธุรกิจของบริษัท จะขยับขึ้นจากรุ่น "จูเนียร์ฟลายเวท" (รุ่นเล็ก) มาเป็นรุ่น "ซูเปอร์เฟเธอร์เวท" (รุ่นกลาง) โดยตั้งธงไว้ว่าภายในปี 2552 จะมีรายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท (ใกล้เคียงกับปี 2548) เทียบกับปี 2550 ที่มีรายได้ 199.26 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 200.18 ล้านบาท
แม้ตัวเลขดังกล่าวจะทะยานขึ้นมากภายในไม่เกิน 2 ปี นับจากนี้ แต่นั่นไม่ใช่ "หัวใจหลัก" ที่ประชาอยากเห็น เพราะจุดหมายปลายทางของ "อดีต มท.2" ต้องการเห็นรายได้แตะที่ 2,000 ล้านบาท (ภายในปี 2554) มากกว่า
"ผมบอกเลยว่า ไม่ได้ฝันเฟื่อง เพราะในปี 2552 (ปีหน้า) โครงสร้างธุรกิจของซีวีดีจะเปลี่ยนแปลง ไปจากปัจจุบัน"
ทิศทางของซีวีดีนับจากวันนี้ จะขับเคลื่อนด้วย 5 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจโทรทัศน์ ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ ธุรกิจ Event Marketing ธุรกิจทีวีดาวเทียม (แซทเทลไลท์) และธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในปี 2551-2552 นี้
Core Business ในอนาคตของซีวีดี ประชา เปิดเผยว่า ต่อไป ก็คือ "โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม" ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2551 และต้องใช้เงินลงทุน "หลักร้อยล้านบาท" ตอนนี้อยู่ระหว่าง ศึกษารูปแบบธุรกิจ จะได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือนข้างหน้า โดยซีวีดีจะเน้นผลิตรายการบันเทิง และข่าวบันเทิงเป็นหลัก จะไม่ทำสาระเชิงข่าว เพราะมันหนักเกินไป และรายการประเภทนี้ มีผู้ประกอบการลงมาทำค่อนข้างมากแล้ว
ปัจจุบันการทำทีวีดาวเทียมมีต้นทุนไม่สูงมากนัก และขั้นตอนต่างๆ ก็ไม่ยุ่งยากเหมือนในอดีต และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้ก็มีผลบังคับใช้แล้ว เพียงแต่ต้องรอให้รัฐบาลแต่งตั้ง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) ขึ้นมา แต่หากรัฐบาล ไม่สามารถแต่งตั้งได้ภายในปี 2551 ก็มีความเป็นไปได้ที่จะให้คณะกรรมการ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เข้ามาดูแลธุรกิจทีวีดาวเทียมไปก่อนจนกว่าจะแต่งตั้งกสช.เสร็จ
อีกทั้งวันนี้เมืองไทยมีฐานคนดูทีวีดาวเทียมอยู่แล้วค่อนข้างมาก มีจานดาวเทียมติดตามครัวเรือนต่างๆ แล้วประมาณ 2 ล้านครัวเรือน
เป้าหมายที่เจ้าพ่อซีวีดีคนใหม่ตั้งธงไว้ ภายใน 4 ปีข้างหน้า บริษัทต้องขึ้นแท่นเป็น "ผู้นำธุรกิจทีวีดาวเทียม" ซึ่งมั่นใจว่า จะคว้าตำแหน่งนี้มาครอบครองได้ไม่ยาก (หลังผนึกกำลังกับช่อง 3)
อีกธุรกิจหนึ่งที่ประชายังอุบไต๋ไว้ จะเป็นอีก Core Business ของซีวีดีในอนาคต ซึ่งธุรกิจใหม่นี้ จะเกี่ยวข้องกับเอ็นเตอร์เทนเมนท์ คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2552 โดยการร่วมมือ กับพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจ ทางด้านเอ็นเตอร์เทนเมนท์ในประเทศแถบยุโรป ส่วนรูปแบบการร่วมทุนจะเป็นแบบไหน ตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
"พันธมิตรรายนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ หากเราได้ร่วมมือกับเขาจริงๆ ตัวเลขรายได้หลัก 2,000 ล้านบาท อาจน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่กำลังจะตามมา"
ในสายธุรกิจโทรทัศน์ ในครึ่งปีหลังจะผลิตรายการโทรทัศน์เพิ่มขึ้นอีก 2-3 รายการ เป็นรายการประเภทบันเทิงไลฟ์สไตล์ รายการทำอาหาร และรายการกีฬา จะทำให้บริษัท สามารถใช้เวลาในการโฆษณาเพิ่มขึ้นจาก 35 นาทีต่อเดือน เป็น 70 นาทีต่อเดือน คาดว่า ผังรายการดังกล่าว จะเริ่มออกอากาศได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ นอกเหนือจากที่ผลิตรายการโทรทัศน์ 2 รายการ ได้แก่ ละครมหาชนชาวแฟลต และรายการเกมโชว์ 44+21+4 ออกอากาศทางช่อง 3 ทางด้านธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ จากเดิมที่ไม่เคยรับรู้รายได้จากธุรกิจนี้เลย ปีนี้ ก็จะมีรายได้เข้ามา หลังเข้าลงทุนในบริษัท เดย์ โพเอทส์ จะทำให้ซีวีดีมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าของหนังสือพิมพ์มายา แชนแนล หนังสือพิมพ์ทันหุ้น และหนังสือพิมพ์ทูเดย์ เอ็กซ์เพรส และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์นิตยสาร และพอคเก็ตบุ๊ค อะเดย์ (A Day) แฮมเบอร์เกอร์ (Hamburger) น็อค น็อค (Knock Knock) และ อะ บุ๊ค (A Book)
"แม้ในอนาคตข้างหน้าสื่อสิ่งพิมพ์ และ Event Marketing จะไม่ใช่ตัวชูโรง แต่ก็จะช่วย เพิ่มมูลค่าให้กับบริษัท เพราะธุรกิจทั้ง 2 ประเภทนี้ จะช่วยต่อยอดให้กับซีวีดี ยกตัวอย่างเช่น ปัจจุบันฐานคนอ่านนิตยสารอะเดย์ และแฮมเบอร์เกอร์มีอยู่จำนวนมาก ฉะนั้น เราก็สามารถนำเนื้อหา ในนิตยสารดังกล่าว มาทำเป็นรายการบันเทิง เพื่อเพิ่มฐานคนดูได้"
สำหรับผลประกอบการของซีวีดี ในปี 2551 นี้ ประชา บอกว่า ในแง่ของกำไรสุทธิ และรายได้ จะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยคาดว่าปีนี้ จะมีรายได้มากกว่า 300 ล้านบาท (ปี 2550 มีรายได้ 199.26 ล้านบาท) จะมาจากกลุ่มสิ่งพิมพ์ประมาณ 140 ล้านบาท ธุรกิจผลิตรายการโทรทัศน์กว่า 100 ล้านบาท และจากธุรกิจ Event Marketing ประมาณ 60-70 ล้านบาท
"ผมจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า นักการเมืองไม่จำเป็นต้องพึ่งเส้นสาย เพื่อสร้างผลประโยชน์ให้กับตัวเอง (เสมอไป)" อดีตรัฐมนตรีผู้มากบารมีกล่าวทิ้งท้าย
--~--~---------~--~----~------------~-------~--~----~
- cryptonian_man
- Verified User
- โพสต์: 585
- ผู้ติดตาม: 0
CVD กำลัง Turnaround หรือเปล่า
โพสต์ที่ 8
เห็นพี่หมอ crazyrisk ตอบแล้วขำกริ๊กเลยครับ นึกว่าพี่ริวงะเสียอีก คารมกรีดได้ใจจริงๆ อิอิ
เขาว่า "หลังจากปากพองจากการดื่มนมร้อน เราจะเป่าโยเกิร์ตให้เย็นก่อนตักเข้าปาก"
แต่ทำไมตรูไม่เข็ด เคาะขวาไวตลอดเนี่ย
แต่ทำไมตรูไม่เข็ด เคาะขวาไวตลอดเนี่ย