กำลังใจ
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
กำลังใจ
โพสต์ที่ 1
นิ่งไปสองไพเบี้ย พูดไปอาจได้ตำลึงทอง
ผมพยายามนึกตั้งแต่เช้าก็นึกไม่ออก ว่าสมองส่วนไหนนะที่ทำหน้าที่ควบคุมการพูดของคนเรา
มานั้งนึกเสียดายจริงๆ ที่ ตอนเรียนวิชาชีวะตอน ม.ปลาย นั่งติดกับ น้ำหวาน ผมไม่ค่อนสนใจเลย ด้วยสาเหตุไม่ชอบการวิชาอะไรที่ต้องจำมาก ๆ แต่เวลาน้ำหวานก้มลงผ่าสัตว์ทีไร ผมจะสนใจเป็นพิเศษ
อ่านหนังสือพิมพ์ตอนเช้า ๆ ฟังผู้บริหารบริษัทในตลาด MAI พูดแผนการเติบโตของรายได้แล้ว ความคิดและคำพูดของคนเรานี่โน้มน้าวพฤติกรรมคนได้มากจริงๆ ถ้าไม่ใช่คนอ่าน ก็น่าจะเป็นตัวคนพูดเอง ผมกำลังหมายถึงถ้าเราพูดในทางที่ดี ความคิดและคำพูดก็จะมีส่วนทำให้พฤตกรรมบางอย่างเปลี่ยนไปในทางที่ดีได้
ดูอย่าง นักมวยผู้ยิ่งใหญ่ตลอดการอย่าง Muhammad Ali หลายท่านที่มีอายุเกิน 35 จะต้องนึกออกถึงความขี้เล่น โยกซ้าย จิ้มขวา ขี้เล่น โบยบิน ดูแล้วซะใจผมชมัดเลย แต่ผมเสียใจด้วยกับอาการของท่านในปัจจุบัน ท่านอยู่ในความทรงจำผมเสมอ เพลงที่แต่งเกี่ยวกับท่านดังมาก ๆเลย ตอนผมเป็นเด็กๆ
ท่านเคยให้สัมภารษณ์ลงในนิตยสาร Time ผมอ่านนานแล้ว เกือบ 20 ปี ซึ่งหลังจากที่ท่านเลิกชกไปหลายปีแล้ว ก่อนลงต่อยทุกครั้งท่านะพูดกับตัวเองว่า
วันนี้ จะเป็นวันที่รุ่งเรืองที่สุดของตู
ตรูชนะทุกครั้ง ครึ่งหนึ่งเพราะตรูซ้อม อีก 2/4 มาจากการพูดกับตัวเองทุกครั้ง
การพุดมากไม่ดี แต่ถ้าประชุมแล้วพูดน้อยก็ไม่ดี สาวๆ มาพูดด้วย ไม่พุดก็หาว่ายิ่ง พูดด้วยคนอื่นก็หาว่าขี้หลี ไอบ้าหม้อ เรื่องการพูดนี่ ต้องถูกกาละจริงๆ นะครับ แต่ผมเชื่อว่า การพูดให้กำลังใจตัวเอง มีส่วนช่วยให้เรามีกำลังใจในการที่จะพิชิตบางอย่างที่เราวางเป้าหมายไว้ การพูดกับตนเองเป้นสิ่งที่ลึกลับในด้านหนึ่ง แต่มันวิเศษมากอีกด้านหนึ่ง หากเรารู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์
พรุ้งนี้ ตื่นมาตอนเช้า ลองสักหย่อยไหมครับ ไม่เสียหายอะไร
เราทำได้ เราต้องประสบความสำเร็จ
ทำทุกวัน วันละ 3 นาที 45 วินาที จะทำให้เราจิตใจผองโตแจ่มใสขึ้นมาทันที ไม่เศร้าหมอง มีกำลังใจ และใครจะไปรู้ ในที่สุดเราอาจทำสิ่งนั้นได้สำเร็จจริงๆ
สวัสดีครับ
ผมพยายามนึกตั้งแต่เช้าก็นึกไม่ออก ว่าสมองส่วนไหนนะที่ทำหน้าที่ควบคุมการพูดของคนเรา
มานั้งนึกเสียดายจริงๆ ที่ ตอนเรียนวิชาชีวะตอน ม.ปลาย นั่งติดกับ น้ำหวาน ผมไม่ค่อนสนใจเลย ด้วยสาเหตุไม่ชอบการวิชาอะไรที่ต้องจำมาก ๆ แต่เวลาน้ำหวานก้มลงผ่าสัตว์ทีไร ผมจะสนใจเป็นพิเศษ
อ่านหนังสือพิมพ์ตอนเช้า ๆ ฟังผู้บริหารบริษัทในตลาด MAI พูดแผนการเติบโตของรายได้แล้ว ความคิดและคำพูดของคนเรานี่โน้มน้าวพฤติกรรมคนได้มากจริงๆ ถ้าไม่ใช่คนอ่าน ก็น่าจะเป็นตัวคนพูดเอง ผมกำลังหมายถึงถ้าเราพูดในทางที่ดี ความคิดและคำพูดก็จะมีส่วนทำให้พฤตกรรมบางอย่างเปลี่ยนไปในทางที่ดีได้
ดูอย่าง นักมวยผู้ยิ่งใหญ่ตลอดการอย่าง Muhammad Ali หลายท่านที่มีอายุเกิน 35 จะต้องนึกออกถึงความขี้เล่น โยกซ้าย จิ้มขวา ขี้เล่น โบยบิน ดูแล้วซะใจผมชมัดเลย แต่ผมเสียใจด้วยกับอาการของท่านในปัจจุบัน ท่านอยู่ในความทรงจำผมเสมอ เพลงที่แต่งเกี่ยวกับท่านดังมาก ๆเลย ตอนผมเป็นเด็กๆ
ท่านเคยให้สัมภารษณ์ลงในนิตยสาร Time ผมอ่านนานแล้ว เกือบ 20 ปี ซึ่งหลังจากที่ท่านเลิกชกไปหลายปีแล้ว ก่อนลงต่อยทุกครั้งท่านะพูดกับตัวเองว่า
วันนี้ จะเป็นวันที่รุ่งเรืองที่สุดของตู
ตรูชนะทุกครั้ง ครึ่งหนึ่งเพราะตรูซ้อม อีก 2/4 มาจากการพูดกับตัวเองทุกครั้ง
การพุดมากไม่ดี แต่ถ้าประชุมแล้วพูดน้อยก็ไม่ดี สาวๆ มาพูดด้วย ไม่พุดก็หาว่ายิ่ง พูดด้วยคนอื่นก็หาว่าขี้หลี ไอบ้าหม้อ เรื่องการพูดนี่ ต้องถูกกาละจริงๆ นะครับ แต่ผมเชื่อว่า การพูดให้กำลังใจตัวเอง มีส่วนช่วยให้เรามีกำลังใจในการที่จะพิชิตบางอย่างที่เราวางเป้าหมายไว้ การพูดกับตนเองเป้นสิ่งที่ลึกลับในด้านหนึ่ง แต่มันวิเศษมากอีกด้านหนึ่ง หากเรารู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์
พรุ้งนี้ ตื่นมาตอนเช้า ลองสักหย่อยไหมครับ ไม่เสียหายอะไร
เราทำได้ เราต้องประสบความสำเร็จ
ทำทุกวัน วันละ 3 นาที 45 วินาที จะทำให้เราจิตใจผองโตแจ่มใสขึ้นมาทันที ไม่เศร้าหมอง มีกำลังใจ และใครจะไปรู้ ในที่สุดเราอาจทำสิ่งนั้นได้สำเร็จจริงๆ
สวัสดีครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
กำลังใจ
โพสต์ที่ 2
ปลอบใจตนเอง
ตลาดลบไป 24 จุด วันนี้นอนไม่หลับเลยครับ
นั่งคิดไปคิดมา คิดถึงเอดิสัน
เอดิสันทำให้ผมสบายใจขึ้น
ไม่ใช้โรงแรมเอดิสันนั้นครับ
เอดิสันหลอดไฟครับ
ผมนั่งนึกท่านล้มเหลวเป็นพันครั้งก่อนที่จะพบกับหลอดไฟ แต่ท่านบอกว่า ท่านไม่เคยล้มเหลวเลย ท่านได้ค้นพบวิธีทำให้หลอดไฟไม่ติดถึง 1000 ครั้ง ต่างหาก!
จะเห้นว่า เอดิสันท่านคิดว่าไอที่กินแห้ว 1000 ครั้งนั้น มันเป็นเหมือนปุ๋ย
ที่ค่อยๆ สะสมไปเรื่อยๆ จนท่านหาวิธีทำให้ไฟสว่างได้ที่สุด จะว่าไป ผมคิดว่า
ไม่มีใครชอบความเจ็ดปวดที่รู้สึกว่าเราล้มเหลว
จะว่าไปมีสักกี่คนละครับที่ไม่เคยขาดทุนเลย พวกเราทุกคนล้วนแต่เจอขาดทุนมาทั้งนั้น เพื่อวันนี้สั่งสมประสบการณ์ ก่อนวันหน้าจะค้นพบความสำเร็จในที่สุด
สิ่งที่เอดิสันสอนคนรุ่นหลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั้น ผมคิดว่าไม่ใช่หลอดไฟ
แต่เป็นสิ่งที่ท่านพูด
ผมใช้ความฉลาดแค่ 1 ส่วน ในการค้นพบสิ่งต่างๆ ที่เหลืออีก 99 ส่วน เป็นความพยายามล้วนๆ
ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่าจะล้มเลิกแล้วสิ้นหวังไปให้รู้แล้วรู้รอดหรือจะมองท่านเอดิสันเป็นตัวอย่างแล้วลุกขึ้นมาค้นหาเส้นทางใหม่ครับ
ผมแค่ปลอบใจตัวเอง..
ตลาดลบไป 24 จุด วันนี้นอนไม่หลับเลยครับ
นั่งคิดไปคิดมา คิดถึงเอดิสัน
เอดิสันทำให้ผมสบายใจขึ้น
ไม่ใช้โรงแรมเอดิสันนั้นครับ
เอดิสันหลอดไฟครับ
ผมนั่งนึกท่านล้มเหลวเป็นพันครั้งก่อนที่จะพบกับหลอดไฟ แต่ท่านบอกว่า ท่านไม่เคยล้มเหลวเลย ท่านได้ค้นพบวิธีทำให้หลอดไฟไม่ติดถึง 1000 ครั้ง ต่างหาก!
จะเห้นว่า เอดิสันท่านคิดว่าไอที่กินแห้ว 1000 ครั้งนั้น มันเป็นเหมือนปุ๋ย
ที่ค่อยๆ สะสมไปเรื่อยๆ จนท่านหาวิธีทำให้ไฟสว่างได้ที่สุด จะว่าไป ผมคิดว่า
ไม่มีใครชอบความเจ็ดปวดที่รู้สึกว่าเราล้มเหลว
จะว่าไปมีสักกี่คนละครับที่ไม่เคยขาดทุนเลย พวกเราทุกคนล้วนแต่เจอขาดทุนมาทั้งนั้น เพื่อวันนี้สั่งสมประสบการณ์ ก่อนวันหน้าจะค้นพบความสำเร็จในที่สุด
สิ่งที่เอดิสันสอนคนรุ่นหลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั้น ผมคิดว่าไม่ใช่หลอดไฟ
แต่เป็นสิ่งที่ท่านพูด
ผมใช้ความฉลาดแค่ 1 ส่วน ในการค้นพบสิ่งต่างๆ ที่เหลืออีก 99 ส่วน เป็นความพยายามล้วนๆ
ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่าจะล้มเลิกแล้วสิ้นหวังไปให้รู้แล้วรู้รอดหรือจะมองท่านเอดิสันเป็นตัวอย่างแล้วลุกขึ้นมาค้นหาเส้นทางใหม่ครับ
ผมแค่ปลอบใจตัวเอง..
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
กำลังใจ
โพสต์ที่ 3
ผิดพลาดแล้วยังยิ้มได้
เรื่องการเลือกบริษัทที่เราจะลงทุน การผิดพลาดบ่อยๆ อาจทำให้เราหมดตัวได้
ช่วงนี้ผมผิดพลาดบ่อยมาก แต่ผมทำใจไว้แล้ว
ตอนไปดุเขาฝึกม้าที่โชคชัยเขาใหญ่ ครูฝึกเคยบอกกับผมว่า
คนที่จะเรียนขี่ม้า ต้องทำใจที่ตกม้าและเตรียมรับมือกับอุบัตืเหตุที่จะกเดขึ้น แต่ว่าการตกม้ามีผลดีอยู่ที่ว่า มันจะสอนให้เรารู้ว่าเราทำอย่างไรถึงตกม้าได้ ต่อไปคราวหน้าจะได้พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ทำยังไงไม่ให้ตกอีก และเอาจเป้นคนขี้ม้าเก่งในที่สุด
ในชีวิตพวกเราบางท่าน ผมเองนั่นละครับ
คนที่สามารถมาติเรา แล้วบอกว่าเราทำอะไรตรงไหนผิดพลาดตรงไหนบ้าง นอกจากพ่อแม่แล้ว เห็นจะมีแต่แฟน เท่านั้น บางทีติเราก็ลำบากใจ เมื่อพ่อแม่หรือแฟนมาคอยตักเตือน แต่ถ้าเราคิดอีกแง่หนึ่ง สิ่งเหล่านี้ทำให้เราไม่ผิดอีกในคร้งหน้า เป็นการเปิดใจที่จะรับคำติเตียนของตนเองในครั้งแรกด้วยความเต็มใจ
บ่อยๆ ครั้งผมได้รับผลดีจากข้อผิดพลาดในสิ่งที่ตัวเองทำ ไม่ว่าตอนเรียนไวโอลิน ตอนวัยรุ่นสมัยเที่ยวศรีทอง ตอนเรียนอะไรครั้งแรก ผมจำได้แม่นเลยว่าเราผิดพลาดตรงไหนบ้าง หลังจากนั้นหลายปี เราก็ไม่เจอปัญหาเดิมแล้ว
ความผิดพลาดก็มีข้อดีเหมือนกับครับ
ไปลองฝึกทำผิดกันเยอะ ๆ ในกระทู้
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=31251
ดีกว่าไปทำผิดในตลาดครับ
เรื่องการเลือกบริษัทที่เราจะลงทุน การผิดพลาดบ่อยๆ อาจทำให้เราหมดตัวได้
ช่วงนี้ผมผิดพลาดบ่อยมาก แต่ผมทำใจไว้แล้ว
ตอนไปดุเขาฝึกม้าที่โชคชัยเขาใหญ่ ครูฝึกเคยบอกกับผมว่า
คนที่จะเรียนขี่ม้า ต้องทำใจที่ตกม้าและเตรียมรับมือกับอุบัตืเหตุที่จะกเดขึ้น แต่ว่าการตกม้ามีผลดีอยู่ที่ว่า มันจะสอนให้เรารู้ว่าเราทำอย่างไรถึงตกม้าได้ ต่อไปคราวหน้าจะได้พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ทำยังไงไม่ให้ตกอีก และเอาจเป้นคนขี้ม้าเก่งในที่สุด
ในชีวิตพวกเราบางท่าน ผมเองนั่นละครับ
คนที่สามารถมาติเรา แล้วบอกว่าเราทำอะไรตรงไหนผิดพลาดตรงไหนบ้าง นอกจากพ่อแม่แล้ว เห็นจะมีแต่แฟน เท่านั้น บางทีติเราก็ลำบากใจ เมื่อพ่อแม่หรือแฟนมาคอยตักเตือน แต่ถ้าเราคิดอีกแง่หนึ่ง สิ่งเหล่านี้ทำให้เราไม่ผิดอีกในคร้งหน้า เป็นการเปิดใจที่จะรับคำติเตียนของตนเองในครั้งแรกด้วยความเต็มใจ
บ่อยๆ ครั้งผมได้รับผลดีจากข้อผิดพลาดในสิ่งที่ตัวเองทำ ไม่ว่าตอนเรียนไวโอลิน ตอนวัยรุ่นสมัยเที่ยวศรีทอง ตอนเรียนอะไรครั้งแรก ผมจำได้แม่นเลยว่าเราผิดพลาดตรงไหนบ้าง หลังจากนั้นหลายปี เราก็ไม่เจอปัญหาเดิมแล้ว
ความผิดพลาดก็มีข้อดีเหมือนกับครับ
ไปลองฝึกทำผิดกันเยอะ ๆ ในกระทู้
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=31251
ดีกว่าไปทำผิดในตลาดครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
กำลังใจ
โพสต์ที่ 4
พลังของมนุษย์ที่ซ่อนเร้น
ผมพึ่งอ่านข่าวเจอเมื่อวาน ไฟไหม้ที่อพา ร์เมนแห่งหนึ่งในเมืองฟิลาเดเฟีย ผู้หญิงวัย 30 กว่า ๆ แบกเปียโนหนีไฟออกมาจากกองเพลิง..คนเดียวครับ
เหตุเกิดตอนตี 3 ในขณะที่ทุกคนกำลังนอนหลับหมด พอมีคนตะดกนรู้ว่าไฟไหม้ ต่างคนก็วิ่งหนีออกมาอย่างไม่คิดชีวิต แต่ผู้หญิงคนนี้กลับวิ่งสวนตนอื่นเข้าไป แล้วตะดกนว่า เปียโนเปียโน ฉันลิมเปียโน
ไม่มีใครห้ามทันในตอนนั้น ทุกคนตกใจร้องครางเสียงดัง หลังจากนั้น เธอก็วิ่งออกมาครับ แต่ไมได้วิ่งมาคนเดียว วิ่งออกมาพร้อมเปียโนด้วย แต่ที่ทุกคนตกใจมาก เพราะเธอแบกมันออกมาด้วย
คนกรูกันไปช่วยเธอที่ดูจะขาดสติไปแล้ว
ผู้ชาย 3 คนยังแบกออกมาด้วยความยากลำบาก เธอแบกมาได้ยังไง เอาแรงมาจากไหน
เธองงไปหมด จำอะไรไม่ได้เลย ว่าตัวเองพึ่งแบกเปียโนออกมา
เรื่องอย่างนี้ พวกเราได้ยินมาหลายครั้งแล้ว ถึงพลังของคนที่ซ่อนเร้นอยู่ที่สามารถทำอะไรที่เราเองก็คาดไม่ถึงได้ในยามคับขัน ไม่ว่าใครก็ตามก็อาจแสดงพลังบางอย่างออกมาโดยเราไม่รู้ตัวได้ ทำให้เรารู้ว่า ศักยภาพของพวกเราแต่ละคนนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถดึงมันออกมาใช้ได้มากน้อยแค่ไหนในยามขับขัน ซึ่งเราคงไม่ยากให้มันเกิดบ่อยๆ แต่เราสามารถสร้างเหตุการรืขับคันนั้นขึ้นมาได้เท่าที่เราอยากจะให้เกิด ผมไม่ได้โม้ครับ
เหตุการรณ์ขับคันที่ผมพูดถึงนั้น หมายถึง การออกกำลังกายครับ
การออกกำลังกายอย่างการวิ่ง ช่วยให้เราดึงสามารถของเราบางอย่างออกมาได้ ซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันมีอยู่ในตัวเราด้วยซ้ำครับ
ขอให้ทุกท่านโชคดีและสนุกกับการค้นหาความหัศจรรย์ในตัวท่านให้เจอ ผมเชื่อว่าทุกคนทำได้ครับ
สวัสดีครับ
ค้นพบมหัศจรรย์แห่งการวิ่งได้ที่กระทู้ จ๊อกกิ้ง
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=23200
ผมพึ่งอ่านข่าวเจอเมื่อวาน ไฟไหม้ที่อพา ร์เมนแห่งหนึ่งในเมืองฟิลาเดเฟีย ผู้หญิงวัย 30 กว่า ๆ แบกเปียโนหนีไฟออกมาจากกองเพลิง..คนเดียวครับ
เหตุเกิดตอนตี 3 ในขณะที่ทุกคนกำลังนอนหลับหมด พอมีคนตะดกนรู้ว่าไฟไหม้ ต่างคนก็วิ่งหนีออกมาอย่างไม่คิดชีวิต แต่ผู้หญิงคนนี้กลับวิ่งสวนตนอื่นเข้าไป แล้วตะดกนว่า เปียโนเปียโน ฉันลิมเปียโน
ไม่มีใครห้ามทันในตอนนั้น ทุกคนตกใจร้องครางเสียงดัง หลังจากนั้น เธอก็วิ่งออกมาครับ แต่ไมได้วิ่งมาคนเดียว วิ่งออกมาพร้อมเปียโนด้วย แต่ที่ทุกคนตกใจมาก เพราะเธอแบกมันออกมาด้วย
คนกรูกันไปช่วยเธอที่ดูจะขาดสติไปแล้ว
ผู้ชาย 3 คนยังแบกออกมาด้วยความยากลำบาก เธอแบกมาได้ยังไง เอาแรงมาจากไหน
เธองงไปหมด จำอะไรไม่ได้เลย ว่าตัวเองพึ่งแบกเปียโนออกมา
เรื่องอย่างนี้ พวกเราได้ยินมาหลายครั้งแล้ว ถึงพลังของคนที่ซ่อนเร้นอยู่ที่สามารถทำอะไรที่เราเองก็คาดไม่ถึงได้ในยามคับขัน ไม่ว่าใครก็ตามก็อาจแสดงพลังบางอย่างออกมาโดยเราไม่รู้ตัวได้ ทำให้เรารู้ว่า ศักยภาพของพวกเราแต่ละคนนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถดึงมันออกมาใช้ได้มากน้อยแค่ไหนในยามขับขัน ซึ่งเราคงไม่ยากให้มันเกิดบ่อยๆ แต่เราสามารถสร้างเหตุการรืขับคันนั้นขึ้นมาได้เท่าที่เราอยากจะให้เกิด ผมไม่ได้โม้ครับ
เหตุการรณ์ขับคันที่ผมพูดถึงนั้น หมายถึง การออกกำลังกายครับ
การออกกำลังกายอย่างการวิ่ง ช่วยให้เราดึงสามารถของเราบางอย่างออกมาได้ ซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันมีอยู่ในตัวเราด้วยซ้ำครับ
ขอให้ทุกท่านโชคดีและสนุกกับการค้นหาความหัศจรรย์ในตัวท่านให้เจอ ผมเชื่อว่าทุกคนทำได้ครับ
สวัสดีครับ
ค้นพบมหัศจรรย์แห่งการวิ่งได้ที่กระทู้ จ๊อกกิ้ง
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=23200
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
กำลังใจ
โพสต์ที่ 5
ตัวอย่างที่ดี
ในแวดวงของการลงทุน นอกจากงานของเพื่อนๆ ใน Thaivi แล้ว ผมยังชอบอ่านงานเขียนของพี่น้องสองท่าน คือ แรก คุณมนตรี คือสอง คุณสมจินต์ ผมอ่านงานเขียนของท่านทั้งสองทไรแล้วประทับใจมาก
ไม่รู้เป้นเพราะว่าผมเป็น chiristian เหมือนท่านหรือปล่าว แต่อย่างน้อย การมีอะไรบางอย่างเหมือนฮีโร่ของเราบ้าง นั่นเป้นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับผม
วันนี้ผมก็ประทับใจที่อ่านงานเขียนของท่านใน นสผ. ผู้จัดการ เรื่องขนมปีง 2 แป่น หน้า
เรื่องย่อมีอยู่ว่า มีผู้หญิงท่านชื่อแอนประสบความลำบากในช่วง Economic ของ America ตกต่ำ เธอคิดอยู่นานก่อนไปขอความช่วยเหลือจากพี่สาว ซึ่งพี่สาวบอกคือเคล็ดลับของการอยู่รอดจากสถานการรืเลวร้ายเหล่านี้คือ
ให้น้องคิดถึงการให้มากกว่าการรับ
แอนเคืองมากที่พี่สาวพูดอย่างนั้น ขณะนั้นแอนได้ยินเสียงเคาะประตูที่หน้าบ้าน เธอจึงไปเปิดแล้วก็พบกับชายแก่เร่ร่อนทีมาขอเสษอาหารกินท่ามกลางหิมะที่ตกอย่างหนัก เธอนึกถึงสิ่งที่พี่สาวพูด จิตในที่ดีงานตอนนั้นได้ต่อสู้อย่างหนักกับความอยู่รอดเพราะเธอก็เหลือปังอยู่ไม่มาก ถ้าเธอให้ไปหมด เธอก็ไม่อะไรกินแล้ว แต่เธอเห็นสภาพที่น่าสงสารของชายชรา ในที่สุดจิตในที่ดีงานก็ชนะ เธอหยินขนมปังในครัวให้ไป 1 แผ่น แล้วรีบปิดประตูไล่ชายคนนั้นไป ทันใดนั้นอแนก็รู้สึกถึงสิ่งประหลาดที่กำลังเกิดขึ้นในใจเธอ เมื่อให้แล้ว แทนที่จะรู้สึกกลัว กบลับรู้สึกปลอดโปร่งเปี่ยมใจขึ้นมา เธอรีบเปิดประตูวิ่งตามชายคนนั้นออกไป พร้อมกับเอาขนมปังที่เหลือไว้กินตอนเย็นห่อรวมกันให้ไปหมด
ประตูใจของเธอพ้อมเปิดสำหรับผู้มาเคาะเสมอแล้ว
ต่อมามีผู้มาเคาะประตูอีก เธอกำแอบเปิลวิ่งออกไปทันที พร้อมรอยยิ้มที่เปี่ยมล้น แต่คราวนี้มีเพื่อนบ้านเอาขนมปังมาให้ วันถัดมาแอนได้รับเงินปันผลจากบริษัทที่เธอซื้อไว้ ซึ่งไม่เคยปันผลเลย อแนจึงเอาเงินส่วนหนึ่งให้เพือนบ้านไปอีกเช่นเคย ท้ายสุดแล้วอแนได้รู้เคล็ดลับจากพี่สาว
การให้เป้นสิ่งที่ดีงาม
ก่อนหน้านั้นแอนเต็มปด้วย ใจที่หดหู่ มองโลกในแง่ร้ายเสมอ แต่เมื่อแอนกล้ามากขึ้นที่จะให้ กลับรู้สึกดีขึ้น และสิ่งดีงามก็หลั่งไหลเข้ามาแทนที่ ยามที่อแนนึกถึงแต่ตัวเอง นึกแต่ความยากลำบาก จิตใจก็คับแคบ ไม่มีแม้แต่ประตูจะเปิดรับสิ่งดีงาม เมื่อเราจ่ายอย่างพอเพียงแล้ว เหลือเก็บอาจไปลงทุน หรือ บริจาค เหมือนกับ บิล เกต วอเร็น ทีมีความมั่งคั่งแล้ว ก็แงปันให้ผู้อื่นเสมอ
การที่เรามีทัศนคติที่ดี มองโลกในแง่บวกเสมอ ทำให้เราคอยมองสิ่งดี ๆในสถานการร์ที่เลวร้าย และพยายามหาทางออกอย่างไม่ยอมแพ้ และเรามจะหาทางออกเจอในที่สุด
ผมแถมต่อด้วย รองเท้าหนึ่งข้างของคานธีครับ
คานธีขึ้นรถไฟครั้งหนึ่ง รถไฟเกิดออกตัวเร็วกว่าที่เคย ท่านรีบขึ้นรถทันที แต่ขาข้างหนึ่งก้าวตามไม่ทัน รองเท้าจึงล่วงตกลงพื้น ซึงเก็บไม่ทันแล้ว ท่านรีบโญนรองเท้าอีกข้างตามไปทันที
ลูกสีญย์ของท่าเห็นจึงร้องอุท่านว่า ทำไมโยนไปละท่าน
ท่านยิ้มและตอบว่า
เกิดมีคนจนมาหยิบไป ข้างเดียวเอาไปทำอะไรก็ไม่ได้ ถ้ามี 2 ข้างยังไปใส่ได้ หรือไม่ก็เอาไปขาย อยู่กับฉันก็ไม่มีประโยชน์"
เพื่อนๆ คงเห้นความมีเมตตาของคานธีแล้ว การให้เป็นคุณสมบัติที่น่ายกย่องเสมอ
สมัยเรียน 2529 ผมเคยไปเดินตลาดประตูน้ำตอนหน้าฝน แล้วเห็นขอทานไม่มีขา ลแวลากเดินไปกับพื้น ในตลาดสด ลองนึกเอาดูครับ ว่าหน้าฝนในตลาดสดเป็นอย่างไรบ้าง ผมกวักเงิน 500 บาท ที่มี เพราะตอนนั้นไม่มีสดศจริงๆ ครับ ไม่ใช่หน้าใหญ่ แลวเดินกลับบ้านไปโบเบ็จากประตูน้ำ
เรื่องนี้ผ่านไป 20 ปีแล้ว ผมนัดเจอเพื่อนๆ ทีไร เพือน ๆ ที่อยู่ในเหตการณืครั้งนั้น ยังจำเรื่องนี้ได้อยู่เลย แต่ผมลืมไปแล้ว แต่ทุกคนยังจำได้อยู่ ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่า ความดีนั้น ไม่ลืมเลือนไปจากใจคนจริงๆ แม้เวลาผ่านไปนานมากแล้ว
การให้เป็นสิ่งที่สำคัญของชีวิต เป้นการแสดงออกถึงความรักและเป้นสิ่งดีงาม อย่างน้อยความสุขทางใจที่ได้มา
ในแวดวงของการลงทุน นอกจากงานของเพื่อนๆ ใน Thaivi แล้ว ผมยังชอบอ่านงานเขียนของพี่น้องสองท่าน คือ แรก คุณมนตรี คือสอง คุณสมจินต์ ผมอ่านงานเขียนของท่านทั้งสองทไรแล้วประทับใจมาก
ไม่รู้เป้นเพราะว่าผมเป็น chiristian เหมือนท่านหรือปล่าว แต่อย่างน้อย การมีอะไรบางอย่างเหมือนฮีโร่ของเราบ้าง นั่นเป้นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับผม
วันนี้ผมก็ประทับใจที่อ่านงานเขียนของท่านใน นสผ. ผู้จัดการ เรื่องขนมปีง 2 แป่น หน้า
เรื่องย่อมีอยู่ว่า มีผู้หญิงท่านชื่อแอนประสบความลำบากในช่วง Economic ของ America ตกต่ำ เธอคิดอยู่นานก่อนไปขอความช่วยเหลือจากพี่สาว ซึ่งพี่สาวบอกคือเคล็ดลับของการอยู่รอดจากสถานการรืเลวร้ายเหล่านี้คือ
ให้น้องคิดถึงการให้มากกว่าการรับ
แอนเคืองมากที่พี่สาวพูดอย่างนั้น ขณะนั้นแอนได้ยินเสียงเคาะประตูที่หน้าบ้าน เธอจึงไปเปิดแล้วก็พบกับชายแก่เร่ร่อนทีมาขอเสษอาหารกินท่ามกลางหิมะที่ตกอย่างหนัก เธอนึกถึงสิ่งที่พี่สาวพูด จิตในที่ดีงานตอนนั้นได้ต่อสู้อย่างหนักกับความอยู่รอดเพราะเธอก็เหลือปังอยู่ไม่มาก ถ้าเธอให้ไปหมด เธอก็ไม่อะไรกินแล้ว แต่เธอเห็นสภาพที่น่าสงสารของชายชรา ในที่สุดจิตในที่ดีงานก็ชนะ เธอหยินขนมปังในครัวให้ไป 1 แผ่น แล้วรีบปิดประตูไล่ชายคนนั้นไป ทันใดนั้นอแนก็รู้สึกถึงสิ่งประหลาดที่กำลังเกิดขึ้นในใจเธอ เมื่อให้แล้ว แทนที่จะรู้สึกกลัว กบลับรู้สึกปลอดโปร่งเปี่ยมใจขึ้นมา เธอรีบเปิดประตูวิ่งตามชายคนนั้นออกไป พร้อมกับเอาขนมปังที่เหลือไว้กินตอนเย็นห่อรวมกันให้ไปหมด
ประตูใจของเธอพ้อมเปิดสำหรับผู้มาเคาะเสมอแล้ว
ต่อมามีผู้มาเคาะประตูอีก เธอกำแอบเปิลวิ่งออกไปทันที พร้อมรอยยิ้มที่เปี่ยมล้น แต่คราวนี้มีเพื่อนบ้านเอาขนมปังมาให้ วันถัดมาแอนได้รับเงินปันผลจากบริษัทที่เธอซื้อไว้ ซึ่งไม่เคยปันผลเลย อแนจึงเอาเงินส่วนหนึ่งให้เพือนบ้านไปอีกเช่นเคย ท้ายสุดแล้วอแนได้รู้เคล็ดลับจากพี่สาว
การให้เป้นสิ่งที่ดีงาม
ก่อนหน้านั้นแอนเต็มปด้วย ใจที่หดหู่ มองโลกในแง่ร้ายเสมอ แต่เมื่อแอนกล้ามากขึ้นที่จะให้ กลับรู้สึกดีขึ้น และสิ่งดีงามก็หลั่งไหลเข้ามาแทนที่ ยามที่อแนนึกถึงแต่ตัวเอง นึกแต่ความยากลำบาก จิตใจก็คับแคบ ไม่มีแม้แต่ประตูจะเปิดรับสิ่งดีงาม เมื่อเราจ่ายอย่างพอเพียงแล้ว เหลือเก็บอาจไปลงทุน หรือ บริจาค เหมือนกับ บิล เกต วอเร็น ทีมีความมั่งคั่งแล้ว ก็แงปันให้ผู้อื่นเสมอ
การที่เรามีทัศนคติที่ดี มองโลกในแง่บวกเสมอ ทำให้เราคอยมองสิ่งดี ๆในสถานการร์ที่เลวร้าย และพยายามหาทางออกอย่างไม่ยอมแพ้ และเรามจะหาทางออกเจอในที่สุด
ผมแถมต่อด้วย รองเท้าหนึ่งข้างของคานธีครับ
คานธีขึ้นรถไฟครั้งหนึ่ง รถไฟเกิดออกตัวเร็วกว่าที่เคย ท่านรีบขึ้นรถทันที แต่ขาข้างหนึ่งก้าวตามไม่ทัน รองเท้าจึงล่วงตกลงพื้น ซึงเก็บไม่ทันแล้ว ท่านรีบโญนรองเท้าอีกข้างตามไปทันที
ลูกสีญย์ของท่าเห็นจึงร้องอุท่านว่า ทำไมโยนไปละท่าน
ท่านยิ้มและตอบว่า
เกิดมีคนจนมาหยิบไป ข้างเดียวเอาไปทำอะไรก็ไม่ได้ ถ้ามี 2 ข้างยังไปใส่ได้ หรือไม่ก็เอาไปขาย อยู่กับฉันก็ไม่มีประโยชน์"
เพื่อนๆ คงเห้นความมีเมตตาของคานธีแล้ว การให้เป็นคุณสมบัติที่น่ายกย่องเสมอ
สมัยเรียน 2529 ผมเคยไปเดินตลาดประตูน้ำตอนหน้าฝน แล้วเห็นขอทานไม่มีขา ลแวลากเดินไปกับพื้น ในตลาดสด ลองนึกเอาดูครับ ว่าหน้าฝนในตลาดสดเป็นอย่างไรบ้าง ผมกวักเงิน 500 บาท ที่มี เพราะตอนนั้นไม่มีสดศจริงๆ ครับ ไม่ใช่หน้าใหญ่ แลวเดินกลับบ้านไปโบเบ็จากประตูน้ำ
เรื่องนี้ผ่านไป 20 ปีแล้ว ผมนัดเจอเพื่อนๆ ทีไร เพือน ๆ ที่อยู่ในเหตการณืครั้งนั้น ยังจำเรื่องนี้ได้อยู่เลย แต่ผมลืมไปแล้ว แต่ทุกคนยังจำได้อยู่ ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่า ความดีนั้น ไม่ลืมเลือนไปจากใจคนจริงๆ แม้เวลาผ่านไปนานมากแล้ว
การให้เป็นสิ่งที่สำคัญของชีวิต เป้นการแสดงออกถึงความรักและเป้นสิ่งดีงาม อย่างน้อยความสุขทางใจที่ได้มา
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
กำลังใจ
โพสต์ที่ 6
รูปนั้นมีความหมาย
ผมพึ่งแวะไปที่ร้านถ่ายรูป มีสิ่งที่น่าสนใจมากครับ
ที่ร้านมีรูปต่างๆ มากมาย ห้อยติดผนังไว้
หลวงวิจิตรวาทการ จอมพล ป. นายกชวน
ยังมีอีกครับ ผมไปยืนจดมา
พระเยซู ขงจื้อ แอลวิส ไอสไตล์ วินตัน เชอชิล
รูปดารา จตุพล สมบัติ มิตร ชัยบัญชา
รูปต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้พฤติกรรมของผมตอบสนองต่อสิ่งเร้าแบบมีเงื่อนไขมากๆ
ผมหวนคิดถึงเวลาเข้าร้านอาหารบางที่ แต่งร้านด้วยรูปอาหารเต็มร้าน
ผมก็น้ำไหลได้ แม้ผมยังไม่ได้สั่งเลยด้วยซ้ำ
ลองดูครับว่า ที่บ้านพวกเรามีรูปใครติดไว้บ้าง รุปเรนมีไหม รูปตั๊ก บงกช ให้เราลองคิดทบทวนว่าขณะที่มองภาพตั๊กทุกวัน รูปเธอมีอิทธิพลอะไรกับเราบ้าง เพือนผมบางคนดูแล้วชอบเจี้ยวจ้าวขอเข้าห้องน้ำ พอออกมาเสื้อเข้ากางเกงซะอย่างดี
บางทีนะครับ .เรามองเห็นรูปเหล่านั้นทุกวัน อาจทำให้เราอยากเก่ง ร้องเพลงเก่ง เล่นดนตรีเก่ง หรือ เล่นกีฬาเก่ง เหมือนกับคนที่อยู่ในรูปก็ได้
แต่ถ้าเราอยากเป้นคนรวย น่าจะลองเอารูป บิบ เกต บัฟเฟต รวยๆ ระดับโลก มาติดไว้ หรือถ้าอยากให้เป็นเจ้าของทีมฟุตบอล ก็ต้องเอารูปคุณทักษิณมาติดไว้ที่ห้องทำงาน
เป้นต้น
เช่นเดียวกัน ถ้าเราเป้นผู้นำที่เก่ง ก็ควรเอารูปเหล่าผู้นำของโลก หรือ ของไทยมาติดไว้ จะผลดีทีเดียว เพราะเวลามองรูปเหล่าน้น อาจทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการ
ผมพึ่งแวะไปที่ร้านถ่ายรูป มีสิ่งที่น่าสนใจมากครับ
ที่ร้านมีรูปต่างๆ มากมาย ห้อยติดผนังไว้
หลวงวิจิตรวาทการ จอมพล ป. นายกชวน
ยังมีอีกครับ ผมไปยืนจดมา
พระเยซู ขงจื้อ แอลวิส ไอสไตล์ วินตัน เชอชิล
รูปดารา จตุพล สมบัติ มิตร ชัยบัญชา
รูปต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้พฤติกรรมของผมตอบสนองต่อสิ่งเร้าแบบมีเงื่อนไขมากๆ
ผมหวนคิดถึงเวลาเข้าร้านอาหารบางที่ แต่งร้านด้วยรูปอาหารเต็มร้าน
ผมก็น้ำไหลได้ แม้ผมยังไม่ได้สั่งเลยด้วยซ้ำ
ลองดูครับว่า ที่บ้านพวกเรามีรูปใครติดไว้บ้าง รุปเรนมีไหม รูปตั๊ก บงกช ให้เราลองคิดทบทวนว่าขณะที่มองภาพตั๊กทุกวัน รูปเธอมีอิทธิพลอะไรกับเราบ้าง เพือนผมบางคนดูแล้วชอบเจี้ยวจ้าวขอเข้าห้องน้ำ พอออกมาเสื้อเข้ากางเกงซะอย่างดี
บางทีนะครับ .เรามองเห็นรูปเหล่านั้นทุกวัน อาจทำให้เราอยากเก่ง ร้องเพลงเก่ง เล่นดนตรีเก่ง หรือ เล่นกีฬาเก่ง เหมือนกับคนที่อยู่ในรูปก็ได้
แต่ถ้าเราอยากเป้นคนรวย น่าจะลองเอารูป บิบ เกต บัฟเฟต รวยๆ ระดับโลก มาติดไว้ หรือถ้าอยากให้เป็นเจ้าของทีมฟุตบอล ก็ต้องเอารูปคุณทักษิณมาติดไว้ที่ห้องทำงาน
เป้นต้น
เช่นเดียวกัน ถ้าเราเป้นผู้นำที่เก่ง ก็ควรเอารูปเหล่าผู้นำของโลก หรือ ของไทยมาติดไว้ จะผลดีทีเดียว เพราะเวลามองรูปเหล่าน้น อาจทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการ
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
กำลังใจ
โพสต์ที่ 7
อคติ
ที่ใดมีอคติ ที่นั่นมีความฝัน
อคติยิ่งมาก ฝันก็มากตาม
อคติคือความเอียง ไม่ว่าจะด้วยตัญหา ความรัก กลัว โง่เขลา เป้นสิ่งที่วัดความเอียงซ้ายหรือขวาของคนเรา
อาทิตย์ที่แล้ว ผมได้รับเชิญไปสอนอ.3 เรื่องความคิดสร้างสรรค์ทีโรงเรียนลุก
เอาเรื่องอคตินี่ละ
ถ้ามีตัวนี้ ยังไงก็ไม่มีอะไรจะไปสรรค์ได้
วันนั้นลองให้ระบายสีคน..
ทุกคนหยิบสีครีม สีขาว สีเหลืองมาใส่จ๊วก ๆกันยกใหญ่ ไมมีใครหยิบสีดำเลย นั่นแสดงว่าถึงความคิดและประสบการณ์ของเด็กห้องนี้ที่แตกต่างกันแต่ละคนไป
ไม่มีใครในโลกไม่มีอคติ ถ้าเราโชคดีรู้ว่าตัวเองมีอคติเรื่องอะไร ขอให้ทำความเข้าใจ ไม่ใช้เรื่องสีผิวของคน เราควรเข้าใจวัฒนธรรม ความประพฤติของเขา
ทำไมถึงอยากเป็น value investor?
เพือ่นๆ หลายท่านที่ผมเจอตอบคำถามที่คาดไม่ถึงนี้อย่างลังเล
แต่ถ้าว่า
ทำไมต้องกินข้าวละ ไม่เห้นจะลังเลเลย ก็หิวเฟ้ย
ลองถามตัวเองบ่อยๆ แล้วหาคำตอบ อาจจะไม่ง่าย แต่ถ้ารู้เมือ่ไหร่ สิ่งที่สำคัญกว่าคำถามคือ อาจมีการค้นพบการเปลี่ยนแปลงในชีวิตก็ได้ ใครจะไปรู้
ฉันมีความฝัน คนผิวขาวกับผิวสีจะนั่งกินข้าวด้วยกันได้
มาติน ลูกเธอ คิง พูด
I have a dream.
ฟังแล้ว Heart Breaking มากครับ
ฝากไว้สักกลอนครับ ชื่อ Early Bird ของ Shel Silverstein
ถ้าท่านเป็นนก
ก็ต้องตื่นแต่เช้า
มาจับหนอน
แต่ถ้าท่านเป็นหนอน
ก็ควรตื่นสายเข้าไว้
บทกวีนี้สื่ออะไรบางอย่างในการลงทุนเป้นความจริงที่ว่า ทั้งนักลงทุนและบริษัท
ต่างอยู่ในภาวะที่ต่างกัน เช่นเดียวกับเรา บางครั้งบริษัทพูดออกมา แล้วเราไม่เข้าใจ ให้ลองคิดกลับกันว่า ถ้าเราอยู่ในสถานการร์เดียวกันกับผู้บริหารบ้าง เราจะรู้ว่าเพราะอะไร ผู้บริหารถึงพุดและเลือกนโยบายออกมาเช่นนั้น ทำให้เราเข้าใจได้ดีขึ้นครับ
ที่ใดมีอคติ ที่นั่นมีความฝัน
อคติยิ่งมาก ฝันก็มากตาม
อคติคือความเอียง ไม่ว่าจะด้วยตัญหา ความรัก กลัว โง่เขลา เป้นสิ่งที่วัดความเอียงซ้ายหรือขวาของคนเรา
อาทิตย์ที่แล้ว ผมได้รับเชิญไปสอนอ.3 เรื่องความคิดสร้างสรรค์ทีโรงเรียนลุก
เอาเรื่องอคตินี่ละ
ถ้ามีตัวนี้ ยังไงก็ไม่มีอะไรจะไปสรรค์ได้
วันนั้นลองให้ระบายสีคน..
ทุกคนหยิบสีครีม สีขาว สีเหลืองมาใส่จ๊วก ๆกันยกใหญ่ ไมมีใครหยิบสีดำเลย นั่นแสดงว่าถึงความคิดและประสบการณ์ของเด็กห้องนี้ที่แตกต่างกันแต่ละคนไป
ไม่มีใครในโลกไม่มีอคติ ถ้าเราโชคดีรู้ว่าตัวเองมีอคติเรื่องอะไร ขอให้ทำความเข้าใจ ไม่ใช้เรื่องสีผิวของคน เราควรเข้าใจวัฒนธรรม ความประพฤติของเขา
ทำไมถึงอยากเป็น value investor?
เพือ่นๆ หลายท่านที่ผมเจอตอบคำถามที่คาดไม่ถึงนี้อย่างลังเล
แต่ถ้าว่า
ทำไมต้องกินข้าวละ ไม่เห้นจะลังเลเลย ก็หิวเฟ้ย
ลองถามตัวเองบ่อยๆ แล้วหาคำตอบ อาจจะไม่ง่าย แต่ถ้ารู้เมือ่ไหร่ สิ่งที่สำคัญกว่าคำถามคือ อาจมีการค้นพบการเปลี่ยนแปลงในชีวิตก็ได้ ใครจะไปรู้
ฉันมีความฝัน คนผิวขาวกับผิวสีจะนั่งกินข้าวด้วยกันได้
มาติน ลูกเธอ คิง พูด
I have a dream.
ฟังแล้ว Heart Breaking มากครับ
ฝากไว้สักกลอนครับ ชื่อ Early Bird ของ Shel Silverstein
ถ้าท่านเป็นนก
ก็ต้องตื่นแต่เช้า
มาจับหนอน
แต่ถ้าท่านเป็นหนอน
ก็ควรตื่นสายเข้าไว้
บทกวีนี้สื่ออะไรบางอย่างในการลงทุนเป้นความจริงที่ว่า ทั้งนักลงทุนและบริษัท
ต่างอยู่ในภาวะที่ต่างกัน เช่นเดียวกับเรา บางครั้งบริษัทพูดออกมา แล้วเราไม่เข้าใจ ให้ลองคิดกลับกันว่า ถ้าเราอยู่ในสถานการร์เดียวกันกับผู้บริหารบ้าง เราจะรู้ว่าเพราะอะไร ผู้บริหารถึงพุดและเลือกนโยบายออกมาเช่นนั้น ทำให้เราเข้าใจได้ดีขึ้นครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
กำลังใจ
โพสต์ที่ 8
คนเยี่ยงไรจึงประสบความสำเร็จ
พวกเรารู้จัก รางวัลโนเบลกันทุกคน
รางวัลนี้มีช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี
เดี่ยวนี้ฟังการประกาศในรุป video ได้แล้ว
http://nobelprize.org/award_ceremonies/events_2007.html
Alfred Nobel เป้นคนที่น่าสนใจมากทีเดียวครับ ผมชอบผู้ชายคนนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เขาทำ แต่เป็นสิ่งที่เขาเป็นมากกว่า
ตอนเด็กๆ โนเบลเป้นเด็กเรียนเก่งมาก เขาชอบไปโรงเรียนมาก และชอบเรียนแข็งกับเพื่อนคนหนึ่งอยู่เสมอ
สมมุติชื่อ ไอ้ปื้ด
ทั้งเขาและปื้ดเป้นคนขี้โรคและไม่สบายบ่อยๆ แม้ว่าทั้งสองคนจะค่อยไม่แข็งแรง แต่เรื่องการเรียนแล้ว ทั้งโนเบลและปื้ดเก่งกว่าใครทั้งหมด จนทั้งสองคนได้รับรางวัลนักเรียนดีเด่นอยู่เสมอ ซึ่งปื้ดจะได้ที่ 1 ตลอด ส่วนโนเบลจะได้ที่ 2 เป็นอย่างนี้ตลอด ไม่เคยชนะปื้ดได้เลย
จนกระที่งวันหนึ่ง.
ปื้ดไม่สบาย ต้องขาดเรียนไปเป้นเดือน เพือนๆ ในห้องต่างพูดกับโนเบลว่า
สอบคราวหน้า เธอได้ที่ 1 ซะทีนะ ไอ้ปื้ดมันเดี้ยงไปแล้วนิ จะเอาอะไรมาสู้กับเธอได้
โนเบลโกรธมากครับ
การที่เราได้ที่ 2 มันน่าสงสารมากเลยหรือ
จากวันนั้น..
หลังเลือกเรียน โนเบลไปเยี่ยมเพื่อนคนนี้ทุกวัน โดยเอาสมุดโน๊ตของเขาในแต่ละวันไปให้ปื้ดจดด้วย หลังจากปื้ดออกหายดีแล้ว เมื่อมีการสอบอีกครั้ง เขาก็สอบได้ที่ 1 อีก โนเบลได้ที่ 2 เหมือนเคย
ในชีวิตนักเรียนมีการแข่งขันกันเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ต้องเป็นการแข่งขันที่ยุติธรรม
นักลงทุนก็เช่นกัน นอกจากต้องแข่งขันกับ SET แล้ว ยังต้องแข็งกับคนอื่นด้วย ที่ผมพูดเช่นนี้ เพราะการลงทุนเป็น 0 sum game ดังที่ท่านแม่ทัพสุมาอี้เขียนไว้
ถ้าคนหนึ่งได้ คนหนึ่งเสีย นั้นคือ การแข่งขัน
น่าเสียดาย ในตลาดหุ้นแถวไหนไม่รู้ นักลงทุนบางท่านใช้ข้อมูลอินซาย อย่างเช่น ก่อนประกาศงบการเงิน เข้าไปเก็บห็บหุ้นไว้ก่อน ผมว่าเขารวยเขาก็เก่งในสิ่งที่เขาทำ ไม่ใช่เก่งในสิ่งที่เขาเป็น เราควรจะแข่งกันอย่างยุติธรรม ไม่ใช่พอรู้จุดอ่อนของนักลงทุนรายย่อย ก็ใช้จุดอ่อนนั้นมาทำให้ตัวเองกลายเป้นผู้ชนะ
นักลงทุนเน้นคุณค่าทำอย่างไรถึงประสบความสำเร็จ กับ เป้นคนอย่างไรอย่างไรถึงประสบความสำเร็จ มันต่างกันมากครับ
คราวหน้าเราเจอ value investor ที่ เซียน โคตรๆ มาก ๆ ลองถามท่านว่า
ท่านเป้นคนเยี่ยงไร ถึงประสบความสำเร็จได้ครับ
พวกเรารู้จัก รางวัลโนเบลกันทุกคน
รางวัลนี้มีช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี
เดี่ยวนี้ฟังการประกาศในรุป video ได้แล้ว
http://nobelprize.org/award_ceremonies/events_2007.html
Alfred Nobel เป้นคนที่น่าสนใจมากทีเดียวครับ ผมชอบผู้ชายคนนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เขาทำ แต่เป็นสิ่งที่เขาเป็นมากกว่า
ตอนเด็กๆ โนเบลเป้นเด็กเรียนเก่งมาก เขาชอบไปโรงเรียนมาก และชอบเรียนแข็งกับเพื่อนคนหนึ่งอยู่เสมอ
สมมุติชื่อ ไอ้ปื้ด
ทั้งเขาและปื้ดเป้นคนขี้โรคและไม่สบายบ่อยๆ แม้ว่าทั้งสองคนจะค่อยไม่แข็งแรง แต่เรื่องการเรียนแล้ว ทั้งโนเบลและปื้ดเก่งกว่าใครทั้งหมด จนทั้งสองคนได้รับรางวัลนักเรียนดีเด่นอยู่เสมอ ซึ่งปื้ดจะได้ที่ 1 ตลอด ส่วนโนเบลจะได้ที่ 2 เป็นอย่างนี้ตลอด ไม่เคยชนะปื้ดได้เลย
จนกระที่งวันหนึ่ง.
ปื้ดไม่สบาย ต้องขาดเรียนไปเป้นเดือน เพือนๆ ในห้องต่างพูดกับโนเบลว่า
สอบคราวหน้า เธอได้ที่ 1 ซะทีนะ ไอ้ปื้ดมันเดี้ยงไปแล้วนิ จะเอาอะไรมาสู้กับเธอได้
โนเบลโกรธมากครับ
การที่เราได้ที่ 2 มันน่าสงสารมากเลยหรือ
จากวันนั้น..
หลังเลือกเรียน โนเบลไปเยี่ยมเพื่อนคนนี้ทุกวัน โดยเอาสมุดโน๊ตของเขาในแต่ละวันไปให้ปื้ดจดด้วย หลังจากปื้ดออกหายดีแล้ว เมื่อมีการสอบอีกครั้ง เขาก็สอบได้ที่ 1 อีก โนเบลได้ที่ 2 เหมือนเคย
ในชีวิตนักเรียนมีการแข่งขันกันเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ต้องเป็นการแข่งขันที่ยุติธรรม
นักลงทุนก็เช่นกัน นอกจากต้องแข่งขันกับ SET แล้ว ยังต้องแข็งกับคนอื่นด้วย ที่ผมพูดเช่นนี้ เพราะการลงทุนเป็น 0 sum game ดังที่ท่านแม่ทัพสุมาอี้เขียนไว้
ถ้าคนหนึ่งได้ คนหนึ่งเสีย นั้นคือ การแข่งขัน
น่าเสียดาย ในตลาดหุ้นแถวไหนไม่รู้ นักลงทุนบางท่านใช้ข้อมูลอินซาย อย่างเช่น ก่อนประกาศงบการเงิน เข้าไปเก็บห็บหุ้นไว้ก่อน ผมว่าเขารวยเขาก็เก่งในสิ่งที่เขาทำ ไม่ใช่เก่งในสิ่งที่เขาเป็น เราควรจะแข่งกันอย่างยุติธรรม ไม่ใช่พอรู้จุดอ่อนของนักลงทุนรายย่อย ก็ใช้จุดอ่อนนั้นมาทำให้ตัวเองกลายเป้นผู้ชนะ
นักลงทุนเน้นคุณค่าทำอย่างไรถึงประสบความสำเร็จ กับ เป้นคนอย่างไรอย่างไรถึงประสบความสำเร็จ มันต่างกันมากครับ
คราวหน้าเราเจอ value investor ที่ เซียน โคตรๆ มาก ๆ ลองถามท่านว่า
ท่านเป้นคนเยี่ยงไร ถึงประสบความสำเร็จได้ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
กำลังใจ
โพสต์ที่ 9
สุขภาพผมแข็งแรงขึ้นเยอะเพราะเกาลัก
ปีนี้ผมวางเป้าหมายต้องเรียนภาษาเกาหลีให้ได้
ผมเริ่มปีนี้ ทุกเช้า ตื่นตี 5 เปิดช่องทีวี christian global network ดูเด็ก ๆ เต้นสรรเสริญพระเจ้า เรียนภาษาอังกฤษ พร้อม พูดเกาหลีไปด้วย เขาสอนวันละคำ ผมฟังเกาหลีไม่ออก แต่ฟังภาษาอังกฤษพอได้ 2 กว่าวัน ก็ได้กว่า 20 กว่าคำแล้ว ตกเย็นก็ฟัง 101.5 ตอน 5 โมง สอนภาษาเกาหลี อะไรที่มันมันทุกวัน ๆ วันละนิด ไม่ได้วันนี้ วันหน้าเดี๋ยวมันก็ได้
เรียนอะไรจากประเทศไหนก็ตาม ผมจะเริ่มจากแบงค์ก่อน
มันบอกอะไรเราได้มากทีเดียว อย่างแบงค์ 1000 อันนี้ เจ้าของใบหน้าอาแปะชื่อ แต ลี วาง เขาไมได้เป็นกษัษติย์นะครับ แต่ทำไมอยู่ตรงนั้นได้
เรื่องเป้นอย่างนี้ครับ
บ้านเขาติดกับกำแพงเพื่อนบ้านคนหนึงชื่อ ฮวย มัน ปื๊ด ที่ปลูกเกาลัด ฤดูร้อนก็ได้หล่มเงา ใบไม้ล่วงเข้าในบ้านบ้าง ฤดูใบไม้ร่วงลูกเกาลัดล่นมาแทน เขาก็ขว้างกลับไป โดนหัวใครหรือปล่าวเขาไม่รู้ บางวันไม่มีอะไรทำ ก็จะมาเก็ยเกาลักแล้วขว้างข้ามกำแพงกลับไปเป็นประจำ
จนวันหนึ่ง.
ฮวย มัน ปื้ด เพื่อนบ้านต้มเกาลักเอาไปให้ 1 ตะกร้าเต็ม ๆ มีใครอยู่ไหม ๆ ท่านแต ลี วาง ตกกระใจ อ่านหนังสืออยู่รีบไปเปิดประตูบ้านให้
มีปัญหาอะไรไหม บรรยากาศเริ่มไม่ดีครับ
คุณขว้างเกาลักกลับไปบ้านผมทุกวัน มันเฉียดหัวผมและลุก ๆไปหลายครั้ง ผมจึงรูสึกขอบคุณมาก ที่ทำให้คุณเดือดร้อน คุณน่าจะเก็บไปกินบ้างนะ
ผมรู้สึกซาบซึ้ง แต่ผมรับไว้ไมได้ มันอยู่ในบ้านผมก็จริง แต่มันไม่ใช่ของผม จึงไม่อาจเก็บไว้ได้ ผมจะต้องคืนสิ่งที่ไม่ใช่ของผมไม่ใช่หรือ
ลี วาง สุภาพมาก จน ฮวย มัน ปื้ด ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ผมเป็นหนี้คุณมากกว่าคุณฮวย มัน ลี วาง ทัก
อะไรกัน.ได้อย่างไรกัน ผมไม่เข้าใจ
ผมก้ม ๆเงย ขว้างกลับไปทุกวัน เป็นการออกกำลังกายไปในตัวด้วย สุขภาพผมแข็งแรงขึ้นเยอะเพราะเกาลักคุณ ดังนั้นผมจึงได้รับประโยชน์
เป้นพิเศษจริงๆ
ลี วาง ทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องขบขันเพื่อทำให้เพื่อนบ้านรู้สึกผิดน้อยลง แต่เพื่อนบ้านอย่างฮวย มัน ปื้ด ก็ประทับใจเขาตั้งแต่นั้นมา จึงปลูกเกาลักติดกำแพงเพิ่มขึ้นอีก 10 ต้น
เกาหลียกย่อง ลี ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต
ผมอยากเห็นบ้านเรายกย่องคนเพราะความดีมากว่าความรวย
ปีนี้ผมวางเป้าหมายต้องเรียนภาษาเกาหลีให้ได้
ผมเริ่มปีนี้ ทุกเช้า ตื่นตี 5 เปิดช่องทีวี christian global network ดูเด็ก ๆ เต้นสรรเสริญพระเจ้า เรียนภาษาอังกฤษ พร้อม พูดเกาหลีไปด้วย เขาสอนวันละคำ ผมฟังเกาหลีไม่ออก แต่ฟังภาษาอังกฤษพอได้ 2 กว่าวัน ก็ได้กว่า 20 กว่าคำแล้ว ตกเย็นก็ฟัง 101.5 ตอน 5 โมง สอนภาษาเกาหลี อะไรที่มันมันทุกวัน ๆ วันละนิด ไม่ได้วันนี้ วันหน้าเดี๋ยวมันก็ได้
เรียนอะไรจากประเทศไหนก็ตาม ผมจะเริ่มจากแบงค์ก่อน
มันบอกอะไรเราได้มากทีเดียว อย่างแบงค์ 1000 อันนี้ เจ้าของใบหน้าอาแปะชื่อ แต ลี วาง เขาไมได้เป็นกษัษติย์นะครับ แต่ทำไมอยู่ตรงนั้นได้
เรื่องเป้นอย่างนี้ครับ
บ้านเขาติดกับกำแพงเพื่อนบ้านคนหนึงชื่อ ฮวย มัน ปื๊ด ที่ปลูกเกาลัด ฤดูร้อนก็ได้หล่มเงา ใบไม้ล่วงเข้าในบ้านบ้าง ฤดูใบไม้ร่วงลูกเกาลัดล่นมาแทน เขาก็ขว้างกลับไป โดนหัวใครหรือปล่าวเขาไม่รู้ บางวันไม่มีอะไรทำ ก็จะมาเก็ยเกาลักแล้วขว้างข้ามกำแพงกลับไปเป็นประจำ
จนวันหนึ่ง.
ฮวย มัน ปื้ด เพื่อนบ้านต้มเกาลักเอาไปให้ 1 ตะกร้าเต็ม ๆ มีใครอยู่ไหม ๆ ท่านแต ลี วาง ตกกระใจ อ่านหนังสืออยู่รีบไปเปิดประตูบ้านให้
มีปัญหาอะไรไหม บรรยากาศเริ่มไม่ดีครับ
คุณขว้างเกาลักกลับไปบ้านผมทุกวัน มันเฉียดหัวผมและลุก ๆไปหลายครั้ง ผมจึงรูสึกขอบคุณมาก ที่ทำให้คุณเดือดร้อน คุณน่าจะเก็บไปกินบ้างนะ
ผมรู้สึกซาบซึ้ง แต่ผมรับไว้ไมได้ มันอยู่ในบ้านผมก็จริง แต่มันไม่ใช่ของผม จึงไม่อาจเก็บไว้ได้ ผมจะต้องคืนสิ่งที่ไม่ใช่ของผมไม่ใช่หรือ
ลี วาง สุภาพมาก จน ฮวย มัน ปื้ด ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ผมเป็นหนี้คุณมากกว่าคุณฮวย มัน ลี วาง ทัก
อะไรกัน.ได้อย่างไรกัน ผมไม่เข้าใจ
ผมก้ม ๆเงย ขว้างกลับไปทุกวัน เป็นการออกกำลังกายไปในตัวด้วย สุขภาพผมแข็งแรงขึ้นเยอะเพราะเกาลักคุณ ดังนั้นผมจึงได้รับประโยชน์
เป้นพิเศษจริงๆ
ลี วาง ทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องขบขันเพื่อทำให้เพื่อนบ้านรู้สึกผิดน้อยลง แต่เพื่อนบ้านอย่างฮวย มัน ปื้ด ก็ประทับใจเขาตั้งแต่นั้นมา จึงปลูกเกาลักติดกำแพงเพิ่มขึ้นอีก 10 ต้น
เกาหลียกย่อง ลี ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต
ผมอยากเห็นบ้านเรายกย่องคนเพราะความดีมากว่าความรวย
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
กำลังใจ
โพสต์ที่ 10
ไม้ดีมีคุณค่า
กาลครั้งหนึงนานมาแล้ว
กระต่ายโจเป่า ไม้ เป่าเพลง แสนไพเราะเสนาะหู ทุกคนชื่นบาน
จนวันหนึ่ง..
เห็น เต่าเดินมา ถือไม้ มองทางไกล สนใจไหม เราแลกกัน ท่านเอาไม้เป่าเพลงไปแทน
กระต่ายโจ แสนดีใจ หยิบ ไม้มองทางไกล ส่องทั่วแดนพงไพร อวดต่อใครๆ ไม้เราช่างแสนดี
จนวันหนึ่ง
เห้นนกเกาะบนต้นไม้ ถือ ไม้กันฝน สนใจไหม เราแลกกัน ท่านเอาไม้มองทางไกลไปแทน
กระต่ายโจแสนดีใจ หยิบ ไม้กันฝน กางเช้า กางเย็น สีสันจัดจ้าน สนุกดี ๆ
จนวันหนึ่ง.
เห็นหมีกินผึ้ง ถือไม้เหนียวหนึบ ไล่ตีผึ้งปีกกระพรึบ เหลือแต่น้ำหวานอันโอชา
สนใจไหม เราแลกกัน ท่านเอาไม้กันฝนไปแทน
กระต่ายโจแสนดีใจ หยิบไม้เหนียวหนึบไล่ตี แต่ผึ้งไม่บินหนี กลับไล่ไต่ตรอม
โอยเราเจ็บ เจ็บแล้ว ไม่ขอเอาอีก ท่านหมีอยู่ไหน โปรดเอาไม้เหนียวหนึบท่านคืน
กระต่ายโจไปหาหมี..
หมีแสนดีใจ ได้ไม้เหนียวหนึบคืน ไม้กันฝน ไม่เข้าท่า ตีผึ้งไม่ถนัดเลย
กระต่ายโจวิ่งหานก.
นกแสนดีใจ ได้ไม้กันฝนคืน ไม้มองทางไกล ไม่เข้าท่า กันฝนไม่ได้เลย
กระต่ายโจตามหาเต่า..
เต่าแสนดีใจ ได้ไม้มองทางไกลคืน ไม้เป่าเพลงไม่เข้าท่า หาทางไม่ได้เลย
กระต่ายโจแสนดีใจ ได้ไม้เป่าเพลงคืน
หมีได้กินผึ้ง
นกไม่เปียกฝน
เต่าไม่หลงทาง
กระต่ายได้เป่าเพลง . .
ทุกคนแสนดีใจ ได้ไม้ดีมีคุณค่าเหมาะสมกับตนเอง.
..จบ
***** คำศัพท์
ไม้เป่าเพลง . ขลุ่ย
ไม้มองทาง กล้องส่องทางไกล
ไม้กันฝน.ร่ม
ไม้เหนียวหนึบกิ่งไม้สน
กาลครั้งหนึงนานมาแล้ว
กระต่ายโจเป่า ไม้ เป่าเพลง แสนไพเราะเสนาะหู ทุกคนชื่นบาน
จนวันหนึ่ง..
เห็น เต่าเดินมา ถือไม้ มองทางไกล สนใจไหม เราแลกกัน ท่านเอาไม้เป่าเพลงไปแทน
กระต่ายโจ แสนดีใจ หยิบ ไม้มองทางไกล ส่องทั่วแดนพงไพร อวดต่อใครๆ ไม้เราช่างแสนดี
จนวันหนึ่ง
เห้นนกเกาะบนต้นไม้ ถือ ไม้กันฝน สนใจไหม เราแลกกัน ท่านเอาไม้มองทางไกลไปแทน
กระต่ายโจแสนดีใจ หยิบ ไม้กันฝน กางเช้า กางเย็น สีสันจัดจ้าน สนุกดี ๆ
จนวันหนึ่ง.
เห็นหมีกินผึ้ง ถือไม้เหนียวหนึบ ไล่ตีผึ้งปีกกระพรึบ เหลือแต่น้ำหวานอันโอชา
สนใจไหม เราแลกกัน ท่านเอาไม้กันฝนไปแทน
กระต่ายโจแสนดีใจ หยิบไม้เหนียวหนึบไล่ตี แต่ผึ้งไม่บินหนี กลับไล่ไต่ตรอม
โอยเราเจ็บ เจ็บแล้ว ไม่ขอเอาอีก ท่านหมีอยู่ไหน โปรดเอาไม้เหนียวหนึบท่านคืน
กระต่ายโจไปหาหมี..
หมีแสนดีใจ ได้ไม้เหนียวหนึบคืน ไม้กันฝน ไม่เข้าท่า ตีผึ้งไม่ถนัดเลย
กระต่ายโจวิ่งหานก.
นกแสนดีใจ ได้ไม้กันฝนคืน ไม้มองทางไกล ไม่เข้าท่า กันฝนไม่ได้เลย
กระต่ายโจตามหาเต่า..
เต่าแสนดีใจ ได้ไม้มองทางไกลคืน ไม้เป่าเพลงไม่เข้าท่า หาทางไม่ได้เลย
กระต่ายโจแสนดีใจ ได้ไม้เป่าเพลงคืน
หมีได้กินผึ้ง
นกไม่เปียกฝน
เต่าไม่หลงทาง
กระต่ายได้เป่าเพลง . .
ทุกคนแสนดีใจ ได้ไม้ดีมีคุณค่าเหมาะสมกับตนเอง.
..จบ
***** คำศัพท์
ไม้เป่าเพลง . ขลุ่ย
ไม้มองทาง กล้องส่องทางไกล
ไม้กันฝน.ร่ม
ไม้เหนียวหนึบกิ่งไม้สน
- น้ำครึ่งแก้ว
- Verified User
- โพสต์: 1098
- ผู้ติดตาม: 0
กำลังใจ
โพสต์ที่ 11
ชอบบทความคุณ โหน่ง มากครับ
" ชีวิตไม่เคยขาดความหวาน "
- SupachaiZ594
- Verified User
- โพสต์: 834
- ผู้ติดตาม: 0
กำลังใจ
โพสต์ที่ 12
สุดยอดครับ ได้คิดได้มุมมองที่ดีมาก ๆ ครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
กำลังใจ
โพสต์ที่ 16
พี่โหน่งเขียนกระทู้น่าอ่านอีกแล้วครับ
เป็นกำลังใจให้พี่และนักลงทุนหุ้นคุณค่าทุกคนนะครับ :D
มองสิ่งรอบๆกาย บางครั้งจะมีสิ่งดีๆซ่อนอยู่เสมอๆครับผม :D
เป็นกำลังใจให้พี่และนักลงทุนหุ้นคุณค่าทุกคนนะครับ :D
มองสิ่งรอบๆกาย บางครั้งจะมีสิ่งดีๆซ่อนอยู่เสมอๆครับผม :D
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ