ปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจ ปี 51 ตลาดพังระเนระนาด
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
ปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจ ปี 51 ตลาดพังระเนระนาด
โพสต์ที่ 1
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 21 สิงหาคม 2551 08:47 น.
ภาคเอกชน ชี้ ปัจจัยลบรุมเร้า เศรษฐกิจพ่นพิษ น้ำมันแพง กำลังซื้อหด การเมืองไม่นิ่ง กระทบอุตสาหกรรมช็อกติดลบครั้งแรกในรอบหลายปี ตลาดนมพร้อมดื่ม เสื้อผ้าเด็ก ชุดชั้นใน เดี้ยง ความถี่ในการซื้อลดลงอัตโนมัติ ด้านธุรกิจขายตรงการเติบโตชะลอตัวลง อุปโภคบริโภคของกินของใช้ยังส่อเค้าแย่ โตได้ 5% ทุกค่ายเฮโล
สิ่งที่ไม่เคยเห็นก็เกิดขึ้นได้ในปีนี้ โดยเฉพาะมูลค่าตลาดรวมของหลายตลาดที่ตกลง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกในรอบหลายปีที่เคยเกิดขึ้นเลยก็ว่าได้ของแต่ละตลาด
นายชนิต สุวรรณพรินทร์ ผู้จัดการทั่วไปสายงานการตลาด บริษัท กรีนสปอต (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนมถั่วเหลืองไวตามิ้ลค์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดนมมูลค่า 35,000 ล้านบาท ในช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม หรือระหว่าง 5 เดือนที่ผ่านมา ในแง่ปริมาณติดลบ 1-2% ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นสำหรับตลาดนมโดยรวม เนื่องจากได้รับผลพวงจากเศรษฐกิจ และกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ส่งผลให้ความถี่ในการดื่มนมของคนไทยลดลง ทั้งนี้พบว่าตลาดนมถั่วเหลืองมูลค่า 7,800 ล้านบาท ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมานี้ ตลาดมีอัตราการเติบโตที่ลดลงเช่นกัน จากปกติตลาดมีโตเป็นตัวเลขสองหลักอย่างต่อเนื่องมาหลายปี แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่ตลาดมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว
นางกาญจนา ตั้งเสรีสุขสันต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์เด็ก บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เด็ดอองฟองต์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเสื้อผ้าเด็กในช่วงครึ่งปีแรกมูลค่า 1,100 ล้านบาท ติดลบ 5% ซึ่งเป็นภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในตลาดเสื้อผ้าเด็ก หรือตั้งแต่บริษัทดำเนินธุรกิจเสื้อผ้าเด็กอองฟองต์ในรอบเกือบ 20 ปี ซึ่งเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดทรงตัว เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี กำลังการซื้อของผู้บริโภคลดลง พฤติกรรมพ่อแม่มีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย จึงลดปริมาณการซื้อเสื้อผ้าจาก 5 ชิ้น เหลือ 3 ชิ้น
ชุดชั้นในไม่โตในรอบ 10 ปี
นายอำนวย บำรุงวงศ์ทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในวาโก้ เปิดเผยว่า ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง กระทบต่อกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ส่งผลให้ตลาดชุดชั้นในมูลค่า 12,000-14,000 ล้านบาทในปีนี้ไม่เติบโตครั้งแรกในรอบ 10 ปี โดยพบว่าอัตราการซื้อต่อชิ้นต่อครั้งลดลง ส่งผลให้ผลประกอบการในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาของบริษัทมีอัตราการเติบโตเพียง 2-3% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งเติบโต 10% หรือต่ำกว่าเกือบ 7%
ปีนี้ตลาดชุดชั้นในแง่มูลค่าอาจจะลดลง โดยเฉพาะตลาดระดับกลางลงล่าง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสินค้าจากจีนเข้ามาตีตลาดชุดชั้นในดังกล่าว ส่วนในแง่ของปริมาณก็ไม่มีอัตราการเติบโต อย่างไรก็ตามปัจจุบันตลาดชุดชั้นในตัวเลขในเชิงปริมาณระดับกลางลงล่างยังมีสัดส่วนมากกว่า 4 เท่า เมื่อเทียบกับชุดในระดับพรีเมียม
อุตฯขายตรงโตเป็นตัวเลขหลักเดียว
แพทย์หญิง นลินี ไพบูลย์ นายกสมาคมการขายตรงไทย กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจขายตรงครึ่งปีหลังนี้ว่า มีปัจจัยลบที่น่ากังวลหลายประการ ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน และราคาสินค้ามีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้น มีโอกาสที่กำลังการซื้อของผู้บริโภคจะซึมถึง 2 เท่าตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งนับว่าเป็นวิกฤตในรอบหลายปีที่ผ่านมา และมองว่าภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ถือว่าแย่ และน่ากลัวกว่าการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540
สำหรับภาวะที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทุกอุตฯ ได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด โดยในธุรกิจขายตรงก็ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายเล็กสายป่านไม่ยาวจะยิ่งแย่ คาดว่าทั้งปีธุรกิจขายโดยรวมเติบโต 6-7% จากมูลค่า 45,000 ล้านบาท จากเดิมคาดว่าตลาดจะเติบโต 10%
อุปโภคบริโภคก็พลอยย่ำแย่ได้ด้วย
ขณะที่ตลาดอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นของกินและของใช้ในชีวิตประจำวัน ยังพลอยได้รับผลกระทบ เพราะผู้บริโภคมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย โดยนนายวิเชียร สันติมหกุลเลิศ ผู้อำนวยการการตลาด บริษัท โอสถสภา จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค ปีนี้ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตได้ถึง 5% ก็ถือว่าเก่งแล้ว เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดมีอัตราการเติบโต 6-7% โดยพบว่า ตลาดโคโลญจ์หดตัวลง 5% ขณะที่ ตลาดรวมโรลออน มีมูลค่า 1,014 ล้านบาทก็หดตัวลง 5% เนื่องจากผู้บริโภคลดความถี่ในการใช้ลง
ส่วนภาคบันเทิง ที่ว่ากันว่าเติบโตดี ไม่มีผลกระทบ ก็ยังโดนหางเลข โดยเฉพาะตลาดหนังไทย ที่ตกลงกว่า 10% และไม่มีเรื่องใดที่มีรายได้เกิน 100 ล้านบาทเลยในช่วงครึ่งปีแรกนี้
ภาคเอกชน ชี้ ปัจจัยลบรุมเร้า เศรษฐกิจพ่นพิษ น้ำมันแพง กำลังซื้อหด การเมืองไม่นิ่ง กระทบอุตสาหกรรมช็อกติดลบครั้งแรกในรอบหลายปี ตลาดนมพร้อมดื่ม เสื้อผ้าเด็ก ชุดชั้นใน เดี้ยง ความถี่ในการซื้อลดลงอัตโนมัติ ด้านธุรกิจขายตรงการเติบโตชะลอตัวลง อุปโภคบริโภคของกินของใช้ยังส่อเค้าแย่ โตได้ 5% ทุกค่ายเฮโล
สิ่งที่ไม่เคยเห็นก็เกิดขึ้นได้ในปีนี้ โดยเฉพาะมูลค่าตลาดรวมของหลายตลาดที่ตกลง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกในรอบหลายปีที่เคยเกิดขึ้นเลยก็ว่าได้ของแต่ละตลาด
นายชนิต สุวรรณพรินทร์ ผู้จัดการทั่วไปสายงานการตลาด บริษัท กรีนสปอต (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนมถั่วเหลืองไวตามิ้ลค์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดนมมูลค่า 35,000 ล้านบาท ในช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม หรือระหว่าง 5 เดือนที่ผ่านมา ในแง่ปริมาณติดลบ 1-2% ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นสำหรับตลาดนมโดยรวม เนื่องจากได้รับผลพวงจากเศรษฐกิจ และกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ส่งผลให้ความถี่ในการดื่มนมของคนไทยลดลง ทั้งนี้พบว่าตลาดนมถั่วเหลืองมูลค่า 7,800 ล้านบาท ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมานี้ ตลาดมีอัตราการเติบโตที่ลดลงเช่นกัน จากปกติตลาดมีโตเป็นตัวเลขสองหลักอย่างต่อเนื่องมาหลายปี แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่ตลาดมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว
นางกาญจนา ตั้งเสรีสุขสันต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์เด็ก บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เด็ดอองฟองต์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเสื้อผ้าเด็กในช่วงครึ่งปีแรกมูลค่า 1,100 ล้านบาท ติดลบ 5% ซึ่งเป็นภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในตลาดเสื้อผ้าเด็ก หรือตั้งแต่บริษัทดำเนินธุรกิจเสื้อผ้าเด็กอองฟองต์ในรอบเกือบ 20 ปี ซึ่งเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดทรงตัว เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี กำลังการซื้อของผู้บริโภคลดลง พฤติกรรมพ่อแม่มีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย จึงลดปริมาณการซื้อเสื้อผ้าจาก 5 ชิ้น เหลือ 3 ชิ้น
ชุดชั้นในไม่โตในรอบ 10 ปี
นายอำนวย บำรุงวงศ์ทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในวาโก้ เปิดเผยว่า ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง กระทบต่อกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ส่งผลให้ตลาดชุดชั้นในมูลค่า 12,000-14,000 ล้านบาทในปีนี้ไม่เติบโตครั้งแรกในรอบ 10 ปี โดยพบว่าอัตราการซื้อต่อชิ้นต่อครั้งลดลง ส่งผลให้ผลประกอบการในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาของบริษัทมีอัตราการเติบโตเพียง 2-3% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งเติบโต 10% หรือต่ำกว่าเกือบ 7%
ปีนี้ตลาดชุดชั้นในแง่มูลค่าอาจจะลดลง โดยเฉพาะตลาดระดับกลางลงล่าง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสินค้าจากจีนเข้ามาตีตลาดชุดชั้นในดังกล่าว ส่วนในแง่ของปริมาณก็ไม่มีอัตราการเติบโต อย่างไรก็ตามปัจจุบันตลาดชุดชั้นในตัวเลขในเชิงปริมาณระดับกลางลงล่างยังมีสัดส่วนมากกว่า 4 เท่า เมื่อเทียบกับชุดในระดับพรีเมียม
อุตฯขายตรงโตเป็นตัวเลขหลักเดียว
แพทย์หญิง นลินี ไพบูลย์ นายกสมาคมการขายตรงไทย กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจขายตรงครึ่งปีหลังนี้ว่า มีปัจจัยลบที่น่ากังวลหลายประการ ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน และราคาสินค้ามีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้น มีโอกาสที่กำลังการซื้อของผู้บริโภคจะซึมถึง 2 เท่าตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งนับว่าเป็นวิกฤตในรอบหลายปีที่ผ่านมา และมองว่าภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ถือว่าแย่ และน่ากลัวกว่าการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540
สำหรับภาวะที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทุกอุตฯ ได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด โดยในธุรกิจขายตรงก็ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายเล็กสายป่านไม่ยาวจะยิ่งแย่ คาดว่าทั้งปีธุรกิจขายโดยรวมเติบโต 6-7% จากมูลค่า 45,000 ล้านบาท จากเดิมคาดว่าตลาดจะเติบโต 10%
อุปโภคบริโภคก็พลอยย่ำแย่ได้ด้วย
ขณะที่ตลาดอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นของกินและของใช้ในชีวิตประจำวัน ยังพลอยได้รับผลกระทบ เพราะผู้บริโภคมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย โดยนนายวิเชียร สันติมหกุลเลิศ ผู้อำนวยการการตลาด บริษัท โอสถสภา จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค ปีนี้ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตได้ถึง 5% ก็ถือว่าเก่งแล้ว เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดมีอัตราการเติบโต 6-7% โดยพบว่า ตลาดโคโลญจ์หดตัวลง 5% ขณะที่ ตลาดรวมโรลออน มีมูลค่า 1,014 ล้านบาทก็หดตัวลง 5% เนื่องจากผู้บริโภคลดความถี่ในการใช้ลง
ส่วนภาคบันเทิง ที่ว่ากันว่าเติบโตดี ไม่มีผลกระทบ ก็ยังโดนหางเลข โดยเฉพาะตลาดหนังไทย ที่ตกลงกว่า 10% และไม่มีเรื่องใดที่มีรายได้เกิน 100 ล้านบาทเลยในช่วงครึ่งปีแรกนี้
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจ ปี 51 ตลาดพังระเนระนาด
โพสต์ที่ 2
:lol: :lol: :lol:
ช่างตรงข้ามกับ ผลการดำเนินงานโดยรวมของบริษัทที่จดทะเบียนใน SET และ MAI จริงๆเลยนะ
ไม่รู้ว่าข้อมูลไหนจะฉายภาพรวมของเศรษฐกิจไทยได้ดีกว่ากัน
ช่างตรงข้ามกับ ผลการดำเนินงานโดยรวมของบริษัทที่จดทะเบียนใน SET และ MAI จริงๆเลยนะ
ไม่รู้ว่าข้อมูลไหนจะฉายภาพรวมของเศรษฐกิจไทยได้ดีกว่ากัน
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- Akajon
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 532
- ผู้ติดตาม: 0
ปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจ ปี 51 ตลาดพังระเนระนาด
โพสต์ที่ 3
พูดความจริง... เสี้ยวเดียว
ผู้จัดการออนไลน์
ข่าวสารเดี๋ยวนี้ มีนัยยะแอบแฝง ทั้งเรื่องผลประโยชน์ ทั้งเรื่องความขัดแย้ง
ปลุกเร้าความรู้สึกแย่ๆ มองอะไรไม่ดีไปหมด อ่านแล้วต้องตรองให้รอบคอบ
ผู้จัดการออนไลน์
ข่าวสารเดี๋ยวนี้ มีนัยยะแอบแฝง ทั้งเรื่องผลประโยชน์ ทั้งเรื่องความขัดแย้ง
ปลุกเร้าความรู้สึกแย่ๆ มองอะไรไม่ดีไปหมด อ่านแล้วต้องตรองให้รอบคอบ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
ปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจ ปี 51 ตลาดพังระเนระนาด
โพสต์ที่ 4
มีข่าวร้ายไปแล้วเชื่อว่ามีส่วนจริงในบริษัทที่กล่าวถึงครับ
ลองข่าวร้ายที่พาดหัวเป็นข่าวดีบ้าง จาก MCOT News
ลองข่าวร้ายที่พาดหัวเป็นข่าวดีบ้าง จาก MCOT News
เหอะ เหอะ พาดหัวข่าวให้ดีใจ ส่งออกเพิ่มขึ้น 44% แล้วหักมุมว่านำเข้าก็เพิ่มจากเดิมด้วยแค่ 55% เองส่งออก ก.ค.51 ทำลายสถิติสูงสุดอีก 43.9%
ก.พาณิชย์ 21 ส.ค. - ส่งออก ก.ค.51 ทำลายสถิติสูงสุดเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.9 มูลค่าเกือบ 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังขาดทุนสูงกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะมูลค่านำเข้าน้ำมัน/แอลพีจีพุ่ง รวมขาดดุล 7 เดือน กว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภาวะการส่งออกเดือนกรกฎาคม 2551 ว่า มีมูลค่า 16,957.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ร้อยละ 43.9 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นการทำลายสถิติสูงสุดติดต่อกัน 3 เดือน ส่วนการนำเข้าเดือนกรกฎาคม 2551 สูงถึง 17,984.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ร้อยละ 55.1 ทำให้เดือนกรกฎาคม 2551 ไทยขาดดุลการค้า 1,026.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับสาเหตุหลักที่ทำให้เดือนกรกฎาคม 2551 ขาดดุลการค้า คือ มีการนำเข้ากลุ่มเชื้อเพลิงสูงถึง 4,202.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 98.2 แท่นขุดเจาะ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และแอลพีจีอีก 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับสินค้าส่งออกสูงสุดในเดือนกรกฎาคม 2551 คือ กลุ่มสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตร ขยายตัวร้อยละ 71.8 มูลค่า 3,063 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นตามความต้องการและราคาตลาดโลก เช่น ข้าวส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 212.1 มูลค่ายังสูงถึง 756 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยางพาราเพิ่มขึ้นร้อยละ 51.9 มูลค่า 720 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อาหารทะเลกระป๋องแช่แข็งและแปรรูป ร้อยละ 35.7 ผักผลไม้กระป๋องแช่แข็งและแปรรูป ร้อยละ 38.1 ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมรวมเชื้อเพลิง มีมูลค่า 12,756 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.4 โดยสินค้าส่งออกสำคัญ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ น้ำมันสำเร็จรูป เป็นต้น
ส่วนการส่งออกตลอดช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.) มีมูลค่าทั้งสิ้น 104,170 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 26.1 ขณะที่การนำเข้าตลอด 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) มีจำนวน 106,264.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.6 ทำให้ 7 เดือนแรก ไทยขาดดุลการค้ารวมทั้งสิ้น 2,094.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายศิริพล กล่าวอีกว่า แม้ไทยจะผลักดันการส่งออกเดือนกรกฎาคม 2551 ให้สูงถึงร้อยละ 43.9 แต่หลังจากนี้คงต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกที่คาดว่ายังมีความผันผวน รวมถึงการแข็งค่าของเงิน และปัญหาเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ยังมั่นใจเป้าหมายส่งออกปีนี้เติบโตไม่น้อยกว่าร้อยละ 12.5 โดยมีเป้าหมายท้าทายร้อยละ 15 และเป้าหมายที่นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อยากให้เติบโต คือ ร้อยละ 20 ดังนั้น ภาครัฐและเอกชนจะต้องพยายามผลักดันการส่งออกให้เป็นไปตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ ในช่วงเวลาที่เหลือ 5 เดือนสุดท้ายของปีนี้ หากจะเติบโตร้อยละ 12 การส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนจะต้องมีมูลค่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ร้อยละ 20 ส่งออกเฉลี่ยต่อเดือน 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่หากจะให้เติบโตทั้งปีเฉลี่ยร้อยละ 12.5 มูลค่าจะอยู่ที่ 171,107 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ร้อยละ 15 มูลค่า 174,910 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และร้อยละ 20 มูลค่า 182,514 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์เห็นถึงอัตราการขยายตัวของการส่งออก คือ การร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งก่อนหน้านี้ไทยพึ่งตลาดหลักกว่าร้อยละ 50 ตลาดรองน้อยกว่าร้อยละ 40 แต่จากความพยายามหาตลาดใหม่และแนวทางเจาะตลาด ทำให้ตลาดหลักลดลงเหลือร้อยละ 49 ตลาดรองขยายตัวร้อยละ 50. - สำนักข่าวไทย
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจ ปี 51 ตลาดพังระเนระนาด
โพสต์ที่ 5
จากตัวเลขการนำเข้าก๊าซ LPG ที่เพิ่มสูงขึ้นมาก
ปัญหาส่วนหนึ่งคงเนื่องมาจาก รัฐบาลให้การอุดหนุนราคาอยู่ น่าจะมีการลักลอบส่งออกมากทีเดียวนะครับ
ทางแก้ก็ลำบากพอควร เพราะจะปรับราคาขึ้นก็จะกระทบต่อภาคครัวเรือน ถ้าจะแยกก็ลำบาก จะมีการลักลอบนำก๊าซสำหรับครัวเรือนไปใช้ภาคขนส่งแน่นอน
ปัญหาส่วนหนึ่งคงเนื่องมาจาก รัฐบาลให้การอุดหนุนราคาอยู่ น่าจะมีการลักลอบส่งออกมากทีเดียวนะครับ
ทางแก้ก็ลำบากพอควร เพราะจะปรับราคาขึ้นก็จะกระทบต่อภาคครัวเรือน ถ้าจะแยกก็ลำบาก จะมีการลักลอบนำก๊าซสำหรับครัวเรือนไปใช้ภาคขนส่งแน่นอน
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- Akajon
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 532
- ผู้ติดตาม: 0
ปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจ ปี 51 ตลาดพังระเนระนาด
โพสต์ที่ 6
สนพ.แจงแผนปรับขึ้นราคา LPG พร้อมชง 4 แนวทางให้ รมว.พลังงาน ตัดสินใจ แนะจุดเหมาะสมต้องปรับขึ้น 15-20 บาท/ก.ก. หรือคิดเป็น 7.5-10 บาท/ลิตร ซึ่งจะทำให้ราคาขายที่ปั๊มซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 11-12 บาท/ลิตร เพิ่มขึ้นเป็น 18-22 บาท/ลิตร ในทันที
วันนี้ (13 ส.ค.) รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน แจ้งว่า คณะทำงานศึกษาปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) จัดทำรายละเอียดต่างๆ ไว้พร้อมแล้ว ในเบื้องต้นราคาแอลพีจีในภาคขนส่งจะต้องปรับขึ้น 5-25 บาท/ก.ก. แบ่งเป็น 4 ขั้นตอน คือ
1.ถ้าปรับราคาขึ้น 5 บาท/ก.ก. จะช่วยลดอัตราการเติบโตของการใช้แอลพีจีในประเทศบ้าง แต่ไม่ช่วยชะลอการนำเข้า
2. ปรับขึ้น 10 บาท/ก.ก. ช่วยชะลอการใช้แอลพีจีลง 20%
3.ปรับขึ้น 15 บาท/ก.ก. การใช้ลดลง 40% และช่วยลดการนำเข้า 50%
4.ปรับขึ้นราคา 25 บาท/ก.ก. จะช่วยหยุดอัตราการเติบโตการใช้แอลพีจี และไม่ต้องนำเข้าแอลพีจีทันที
วันนี้ (13 ส.ค.) รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน แจ้งว่า คณะทำงานศึกษาปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) จัดทำรายละเอียดต่างๆ ไว้พร้อมแล้ว ในเบื้องต้นราคาแอลพีจีในภาคขนส่งจะต้องปรับขึ้น 5-25 บาท/ก.ก. แบ่งเป็น 4 ขั้นตอน คือ
1.ถ้าปรับราคาขึ้น 5 บาท/ก.ก. จะช่วยลดอัตราการเติบโตของการใช้แอลพีจีในประเทศบ้าง แต่ไม่ช่วยชะลอการนำเข้า
2. ปรับขึ้น 10 บาท/ก.ก. ช่วยชะลอการใช้แอลพีจีลง 20%
3.ปรับขึ้น 15 บาท/ก.ก. การใช้ลดลง 40% และช่วยลดการนำเข้า 50%
4.ปรับขึ้นราคา 25 บาท/ก.ก. จะช่วยหยุดอัตราการเติบโตการใช้แอลพีจี และไม่ต้องนำเข้าแอลพีจีทันที
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
ปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจ ปี 51 ตลาดพังระเนระนาด
โพสต์ที่ 7
เห็นเพื่อนเค้าบอกว่าการแก้ไขเรื่องเทคนิคป้องกันการใช้ระหว่างภาคครัวเรือนกับภาคขนส่งทำได้ไม่ยาก เพราะ สามารถใส่สารที่ทำให้เครื่องยนต์น๊อคลงไปตอนบรรจุ LPG ซึ่งจะป้องกันการนำเอาไปเติมได้
ผมว่ามันติดที่ความกล้าตัดสินใจของรัฐบาลมากกว่าเพราะกลัวคะแนนเสียงหาย (โดยเฉพาะกับ taxi) เลยยังไม่กล้าขึ้น LPG ครับ
จริงๆ ผมได้ประโยชน์นะเพราะติด LPG ไปแล้วเหมือนกัน
ผมว่ามันติดที่ความกล้าตัดสินใจของรัฐบาลมากกว่าเพราะกลัวคะแนนเสียงหาย (โดยเฉพาะกับ taxi) เลยยังไม่กล้าขึ้น LPG ครับ
จริงๆ ผมได้ประโยชน์นะเพราะติด LPG ไปแล้วเหมือนกัน
ขอนไม้อันนิ่งสงบ