โภคภัณฑ์... มาแล้ว
ถึงรอบหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์แล้ว รับจีนเร่งสต็อกสินค้ารอบใหม่ หลังสิ้นสุดเทศกาลตรุษจีน โบรกฯ มองเที่ยวนี้เก็งกำไรได้อย่างมากแค่ 2 เดือน เหตุเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรปยังไม่ฟื้นตัว ชูหุ้นเด่น PSL-TTA-BANPU-GSTEEL-TSTH
รอบนี้ถึงทีหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ นักลงทุนลุยซื้อดันราคาวิ่งยกแผง รับข่าวจีนสะสมสต็อกสินค้าเพิ่ม ขณะที่นักวิเคราะห์ประเมิน นักลงทุนที่สนใจสามารถเก็งกำไรระยะสั้นได้ ให้หุ้นเด่น PSL-TTA-BANPU-GSTEEL-TSTH
* เอเซียพลัส ฟันธงหุ้นโภคภัณฑ์ขึ้น
นายเตชธร ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนสายงานวิจัย บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า สาเหตุที่ราคาหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะนี้ เช่น TSTH, BANPU, KASET และ THL เนื่องจากตอบรับข่าวที่ประเทศจีนมีการนำเข้าสินค้าประเภทสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น อีกทั้งคาดว่าราคาของสินค้าดังกล่าวมีแนวโน้มสูงขึ้นในอนาคต จากการสต็อกสินค้าของจีนรอบใหม่หลังหมดเทศกาลตรุษจีน ส่งผลให้ค่าระวางเรือสามารถฟื้นตัวได้ จึงส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มเดินเรือให้ราคาปรับเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากกรณีข่าวดังกล่าวน่าจะเป็นปัจจัยต่อหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ระยะสั้น เนื่องจากคาดว่าประเทศจีนจะมีการทยอยสะสมสินค้าคงคลังในการนำเข้า สำหรับหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่โดดเด่น แนะนำเก็งกำไร ได้แก่ PSL ให้ราคาเป้าหมายปี 52 ที่ 15.20 บาท, BANPU ให้ราคาเป้าหมายที่ 333 บาท, GSTEEL ให้ราคาเป้าหมายปี 52 ที่ 0.42 บาท และ TSTH ให้ราคาเป้าหมายปี 52 ที่ 1.19 บาท
* ประเมินหุ้นเดินเรือแล่นฉิวรับข่าวค่าระวางเรือฟื้น
บล.เอเซียพลัส วิเคราะห์ต่อว่า หุ้นกลุ่มธุรกิจเดินเรือกลับมาสดใสอีกครั้ง หลังจากที่เกิดเหตุภัยธรรมชาติในจีน กล่าวคือ ล่าสุดมีรายงานว่าประเทศจีนประสบภาวะอากาศความแห้งแล้ง สร้างความเสียหายในพื้นที่เพาะปลูกการเกษตร 11 จังหวัด ทำให้ผลผลิตทางด้านอาหาร โดยเฉพาะธัญญพืช ไม่เพียงพอต่อความต้องการ และส่งผลให้ประเทศจีนต้องหันมานำเข้าสินค้าธัญญพืชจากต่างประเทศโดยเร่งด่วน เนื่องจากประเทศจีนมีประชากรมากกว่า 1 พันล้านคน ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญ ทำให้มีความต้องการเรือขนส่งสินค้าประเภทเทกองรอบใหม่
โดยสินค้าธัญญพืช จัดเป็นสินค้าขนส่งทางทะเลผ่านเรือเทกอง ที่มีสัดส่วนสูงเป็นลำดับ 2 รองจากการขนส่งสินค้าประเภทสินแร่ (ขณะที่ถ่านหินขนส่งเป็นลำดับที่ 3) ซึ่งเหตุการณ์ภัยธรรมชาติครั้งนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเหนือความคาดหมาย
ประกอบกับฝ่ายวิจัยฯ ได้คาดหมายไว้ก่อนแล้วก่อนหน้า ว่าจีนจะกลับมาสั่งซื้อสินค้าประเภทสินแร่เหล็กและถ่านหินอีกครั้งหลังเทศกาลตรุษจีนเพื่อสะสมสินค้าคงคลังอีกครั้ง เพราะราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ตกต่ำจนอยู่ในระดับที่จูงใจ และภายหลังชะลอการซื้อมาระยะหนึ่ง ซึ่งจะผลักดันให้ดัชนี BDI มีโอกาสเดินหน้าต่อเนื่อง โดยคาดว่ามีโอกาสจะขึ้นไปทดสอบ 3000 จุด หุ้นเด่นในกลุ่มยังเป็น TTA([email protected]) และ PSL([email protected])
* กิมเอ็ง มองราคาพุ่งได้แค่ 1-2 เดือน
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มของสินค้ากลุ่มโภคภัณฑ์ในช่วง 1-2 เดือนน่าจะเป็นช่วงของการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยตอบรับข่าวที่ประเทศจีนมีการสต็อกสินค้าประเภทสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาราคาสินค้าในกลุ่มโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลง อาทิ ราคาเหล็ก ทำให้ผู้ผลิตรวมทั้งจีนเริ่มกลับมาเก็บสต็อกเหล็กเพิ่มขึ้น จึงเป็นตัวหนุนให้ราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้นได้
ขณะเดียวกัน แนวโน้มค่าการกลั่นค่อนข้างมีเสถียรภาพที่ระดับราว 6-7 เหรียญสหรัฐ หนุนให้ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปรับตัวขึ้นต่อเนื่องได้เช่นกัน
"ถ้ามาดูช่วงก่อนโอลิมปิกราคาโภคภัณฑ์ก็ขึ้นมา และหลังจากนั้นก็ฮวบไป ซึ่งพอมาถึงช่วงที่ราคาลงและของที่อยู่ในสต็อกขาด ผู้ประกอบการจึงเริ่มเก็บสต็อก ส่งผลให้ราคาปรับเพิ่มขึ้น ส่วนที่ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศเริ่มปรับตัวขึ้น หลังจากรัฐบาลกลับมาจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรอีกครั้ง ขณะที่ค่าการกลั่นค่อนข้างมีเสถียรภาพที่ระดับราว 6-7 เหรียญสหรัฐ หนุนราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปรับตัวขึ้นต่อ ส่วนราคาข้าวเปลือก, เนื้อหมู, กุ้ง และน้ำมันปาล์มปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ราคาอาหารอื่นๆ เคลื่อนไหวแกว่งตัว" นักวิเคราะห์ กล่าว
นอกจากนี้ ราคาทองคำปรับตัวขึ้นตามแรงซื้อของนักลงทุน เพื่อหลีกหนีความผันผวนในตลาดหุ้น ขณะที่ดัชนีค่าระวาง BDI ก็เริ่มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน และทะลุระดับ 1,400 จุดแล้วในตอนนี้ ก็น่าจะเป็นช่วงที่ดีของกลุ่มโภคภัณฑ์
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวังการลงทุนตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ในระยะนี้ เพราะประเมินว่าขณะนี้ยังมีปริมาณการทำธุรกรรมในตลาดค่อนข้างน้อย และราคาหุ้นอาจขยับขึ้นเพียง 1-2 เดือน เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ และกลุ่มยุโรปยังไม่ฟื้นตัว
สำหรับราคาเหล็กในประเทศจีน หลังเทศกาลตรุษจีน คือ วันที่ 2-5 ก.พ. 2552 เทียบกับ ราคา ณ วันที่ 20 ม.ค. 2552 ปรากฏว่ามีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยราคาเหล็กเส้น (Rebar) ปรับขึ้น 4.3% เป็น 3,963 หยวน/ตัน และ ราคาเหล็กรีดร้อนปรับเพิ่มขึ้น 4.2% เป็น 4,167
หยวน/ตัน
ทั้งนี้ การปรับขึ้นของราคาเหล็กในประเทศจีน เกิดจาก ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนในเดือน ม.ค. 2552 ที่ผ่านมา แสดงถึงการฟื้นตัว เช่น Purchasing Managers's Index (PMI) สำหรับเดือน ม.ค.ปรับขึ้นเป็น 45.3 จาก 41.2 ในเดือน ธ.ค. นอกจากนี้การคาดหวังผลบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน โดยเงินจำนวน 4 ล้านล้านหยวน จะมีเม็ดเงินจำนวน 2.8 ล้านล้านหยวน ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
สำหรับหุ้นในกลุ่มเหล็กที่ บล.กิมเอ็ง มองว่ามีพื้นฐานโดดเด่นสุด คือ TSTH ราคาหุ้นได้ทรุดลงมาต่ำกว่า 1 บาท แล้ว แนะนำ ซื้อเก็งกำไร ตามภาวะตลาด
นักวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า แม้ค่าระวางเรือจะเริ่มฟื้นตัว จากการที่คาดว่าประเทศจีนได้ถึงจุดสุดของเสรษฐกิจ อีกทั้งกลับมาสั่งซื้อสินค้าประเภทสินแร่เหล็กและถ่านหินอีกครั้งหลังเทศกาลตรุษจีนเพื่อสะสมสินค้าคงคลังอีกครั้ง มองว่าการซื้อสินค้าดังกล่าวไม่น่าจะอยู่ในปริมาณมากดังในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก
ขณะเดียวกัน หลังจากกลับมาซื้อสินค้าคงคลังอยู่ในระดับที่เพียงพอแล้ว ก็จะชะลอการนำเข้าลงจนกว่าสินค้าคงคลังจะหมดจึงนำเข้ามาใหม่ ดังนั้นจึงมีความเห็นว่าการฟื้นตัวของค่าระวางเรือดังกล่าวจึงน่าจะมาจากปัจจัยบวกดังกล่าว และหากหมดปัจจัยบวกนี้ค่าระวางก็มีโอกาสที่อ่อนตัวลง
ทั้งนี้ มองภาพรวมธุรกิจกลุ่มเดินในปีนี้ไม่น่าจะดีนัก โดยทั้งค่าระวางเฉลี่ยปี 2552ที่ 14,080 เหรียญ/วัน
สำหรับหุ้น PSL ปรับตัวขึ้นถึง 81% ในช่วงปลายเดือนตุลาคม จากแรงเก็งกำไรบนความหวังว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัว ซึ่งจะส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศดีขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาหุ้นจะได้รับผลลบจากการจะประกาศผลการดำเนินการที่อ่อนตัวลงในไตรมาส 1/52 อีกทั้งคาดว่ากำไรปกติปี 52 มีโอกาสลดง 19% จากปีก่อนจากความเสี่ยงการยกเลิกสัญญาเช่าตามภาวะการส่งออกที่ชะลอตัวลง ดังนั้นจึงแนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว สำหรับ PSL โดยให้ราคาเหมาะสมปี 52 ที่ 14.50 บาท
ขณะที่ราคาหุ้น TTA ปรับตัวขึ้นถึง 87% ในช่วงปลายเดือนตุลาคม จากแรงเก็งกำไรบนความหวังว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัว ซึ่งจะส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศดีขึ้นเช่นกันจากภาวะการนำเข้าที่ชะลอตัวลง อีกทั้งมีสัดส่วนวันเดินเรือที่ทำสัญญาเช่าแล้วล่วงหน้าเพียง 28.72%ของสัญญาทั้งหมด จึงคาดว่ากำไรปกติปีนี้มีโอกาสลดลง 76%
อย่างไรดี จากจากปัจจัยบวกที่บริษัทมีเงินสดมามาก และพร้อมที่จะลงทุนหากมีโอกาส จึงแนะนำถือโดยให้ราคาเหมาะสมปี 52 ที่ 15.10 บาท
* นครหลวงไทย ให้หุ้นเหล็กเริงร่า
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มเหล็กในระยะสั้นมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นรับอานิสงส์จาก ราคา Billet ที่ซื้อขายในตลาดล่วงหน้า LME ที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่า 27% จากจุดต่ำสุดที่ 310 ดอลลาร์/ตัน เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 395 ดอลลาร์/ตัน
โดยปัจจัยที่ผลักดันให้ราคาเหล็กในตลาดโลกปรับตัวขึ้น มาจากนักลงทุนเกิดความคาดหวังว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนผ่านมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบสูงถึง 4.4 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาระบบสาธารณูปโภคจะส่งช่วยสร้างดีมานด์เพิ่มขึ้น เนื่องจากงบลงทุนดังกล่าวล้วนนำมาเพื่อก่อสร้างเพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้ คาดการณ์ราคาเหล็กในประเทศจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องทิศทางตลาดโลก โดยราคาเหล็กเส้นมีโอกาสปรับขึ้นสู่ระดับ 20 บาท/กิโลกรัม จากปัจจุบันที่ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 17-18 บาท/กิโลกรัม
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าราคาเหล็กจะปรับขึ้นเพียงระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากภาวะเศษฐกิจโลกที่ยังทรุดตัวต่อเนื่องส่งผลให้เรียลดีมานด์ยังไม่เกิด แต่จะเริ่มเห็นสัญญาณราคาฟื้นตัวอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลังปี 52 จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐอัดฉีดเม็ดเงินลงทุนเร่งเดินหน้าโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ ส่งผลให้มีความต้องการวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น ผลักดันราคาสินค้าเหล็กปรับขึ้นตาม
ส่วนกรณีที่นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หารือร่วมกับผู้ประกอบการเหล็กรายใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นว่ารัฐบาลไทยพร้อมจะเดินหน้าโครงการเหล็กต้นน้ำโดยทันที และคาดว่าภายในปีนี้จะมีความชัดเจนเรื่องพื้นที่ตั้งโครงการและบริษัทที่จะเข้ามาลงทุนนั้น มองว่าโครงการดังกล่าวคงต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาหาสถานที่และทำความเข้าใจกับประชาชน ซึ่งอาจจะต้องจัดทำประชาพิจารณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการประท้วงอย่างที่ผ่านมา และมองว่าประเด็นดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามในระยะยาวถือเป็นเรื่องดีต่ออุตสาหกรรมเหล็กเพราะจะช่วยลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการ
ทั้งนี้ กลุ่มเหล็กแนะนำ Neutral ขณะที่หุ้นเด่นของกลุ่มมอง TSTH เพราะเศรษฐกิจในประเทศจะฟื้นได้รัฐบาลต้องเร่งเดินหน้าลงทุนก่อสร้างสาธารณูปโภคเพื่อกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน ซึ่ง TSTH เป็นผู้นำตลาดฯ ที่มีมาร์เก็ตแชร์สูงถึง 35-40% ดังนั้นแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 1.60 บาท
* ไซรัส มองเหล็ก-ค่าระวางเรือ-ทอง-ถ่านหิน มีทิศทางบวก
นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้มของราคาหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น น่าจะเป็นผลมาจากราคาสิค้าในกลุ่มโภคภัณฑ์ที่เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากในช่วงปีที่ผ่านมาราคาสินค้าในกลุ่มดังกล่าวปรับตัวลดลงต่ำกว่าต้นทุนที่แท้จริง โดยเริ่มพบว่าราคาเหล็ก ค่าระวางเรือ ราคาทอง และแนวโน้มของถ่านหินก็เป็นไปในทิศทางบวกมากขึ้น
"ราคาเหล็กก็ขึ้นมา BDI น้ำมัน ก็ขึ้นมาจากตอนที่ถึงจุดต่ำสุดในปีก่อน ที่หลายคนตกใจ กังวล และไม่มีคนซื้อ ราคาก็ยิ่งหล่นฮวบ แถมผู้ประกอบการก็ยังไม่รู้ว่าปีนี้จะมีออเดอร์เป็นอย่างไรบ้าง ราคาก็เลยหล่นกว่าความเป็นจริง แต่พอตรุษจีน คนเห็นราคาถูกแล้ว แถมมีออเดอร์ใหม่ ทำให้ราคาของพลิกอัพขึ้นมา แต่ก็ยังไม่ถือว่าจะกลับขึ้นมาสู่ภาวะปกติ จากนี้ไปคงต้องมาดูดีมานด์อีกว่าปี 52 จะอ่อนแอมากไหม เพราะเริ่มจะประหยัดค่าใช้จ่าย บางบริษัทก็ลดกำลังการผลิตลง ก็ไม่น่าจะทำให้ราคากลุ่มโภคภัณฑ์ทะยานขึ้นไปได้มากมายนัก" นางสาวจิตรา กล่าว
แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าราคาเหล็กที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ น่าจะเป็นเพียงแรงเก็งกำไรเท่านั้น เนื่องจากต้นทุนของราคาเหล็กต่ำกว่าราคาที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน จึงน่าจะทำให้ผลงานเป็นผลขาดทุนอยู่ ส่วนค่าระวางเรือที่เริ่มทะยานขึ้นนั้น ก็น่าจะเป็นสืบเนื่องจากการที่ประเทศจีน เร่งการนำเข้าสินค้าในกลุ่มโภคภัณฑ์ โดยส่วนหนึ่งเป็นการขนส่งสินค้าทางเรือ จึงหนุนให้ค่าระวางเรือปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งฝ่ายวิจัยมองว่าดีมานด์ในส่วนของค่าระวางเรือมีแนวโน้มที่จะดีกว่าราคาเหล็ก
ส่วนแนวโน้มของราคาน้ำมัน น่าจะได้รับประโยชน์จากการที่ประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือ โอเปก พยายามที่จะพยุงไม่ให้ราคาน้ำมันตกต่ำ ขณะเดียวกัน แนวโน้มของกลุ่มถ่านหินยังมีโอกาสการเติบโตที่ดีอยู่ แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะส่งผลให้ผู้บริโภคจำเป็นที่ต้องประหยัดค่าใช้จ่ายลง เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ของกลุ่มถ่านหิน คือ โรงไฟฟ้า
ทั้งนี้ แนะนำ ซื้อหุ้นกลุ่มถ่านหิน เช่น BANPU ส่วนหุ้นกลุ่มเดินเรือ แนะนำ เก็งกำไร TTA ตามค่าระวางเรือที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่โดยรวมยังมีความกังวลผลการดำเนินงานที่ในช่วง 2 เดือนแรกน่าจะขาดทุน ขณะที่ PSL แนะนำ ซื้อลงทุน เนื่องจากบริษัทฯ ได้ทำสัญญากำหนดค่าระวางเรือไว้ล่วงหน้าสูงกว่าค่าระวางที่เป็นอยู่ขณะนี้ประมาณ 60-70%
http://www.efinancethai.com/
โภคภัณฑ์... มาแล้ว
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
โภคภัณฑ์... มาแล้ว
โพสต์ที่ 2
ฝั่งด้านน้ำมันปาล์มก็ไม่แ้พ้กันนะครับ ปรับตัวขึ้นตลอด
http://www.oae.go.th/Price/priceIndex/priceIndex.htm
http://www.oae.go.th/Price/priceIndex/priceIndex.htm
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
โภคภัณฑ์... มาแล้ว
โพสต์ที่ 3
ดูเหมือนแต่ละโบรกที่ออกมาเชียร์กัน ตอนนี้หุ้นกลุ่มนี้ก็ขึ้นมารับข่าวเกือบ
หมดแล้ว ไม่รู้ว่าใกล้ปิดรอบแล้วหรือเปล่า
ราคาปิด
5 ก.พ. 52 เปลี่ยนแปลง
น้ำมันเบรนท์ (US$/บาร์เรล) 44.15 0.07
Nymex เบรนท์ (US$/บาร์เรล) 41.17 0.85
น้ำมันดูไบ (US$/บาร์เรล) 43.69 0.21
ค่าการกลั่น* (US$/บาร์เรล) 7.01 0.19
Baltic Dry Index 1,498 182.00
ทองคำ (US$/toz) 914.55 8.80
ทองคำแท่ง (บาท) 14,700 100.00
LME Zinc (US$/ตัน) 1,144 -17.00
Palm oil (MYR/mt ton) 1,829 55.50
Smoked-Rubber (บาท/กก) 52.95 0.15
Sugar (US$/ถุง 50 กก) 18.75 0.24
*APEX
[/list]
หมดแล้ว ไม่รู้ว่าใกล้ปิดรอบแล้วหรือเปล่า
ราคาปิด
5 ก.พ. 52 เปลี่ยนแปลง
น้ำมันเบรนท์ (US$/บาร์เรล) 44.15 0.07
Nymex เบรนท์ (US$/บาร์เรล) 41.17 0.85
น้ำมันดูไบ (US$/บาร์เรล) 43.69 0.21
ค่าการกลั่น* (US$/บาร์เรล) 7.01 0.19
Baltic Dry Index 1,498 182.00
ทองคำ (US$/toz) 914.55 8.80
ทองคำแท่ง (บาท) 14,700 100.00
LME Zinc (US$/ตัน) 1,144 -17.00
Palm oil (MYR/mt ton) 1,829 55.50
Smoked-Rubber (บาท/กก) 52.95 0.15
Sugar (US$/ถุง 50 กก) 18.75 0.24
*APEX
[/list]
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก