บริษัทผลิตยา
- kotaro
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1496
- ผู้ติดตาม: 0
บริษัทผลิตยา
โพสต์ที่ 8
เหรอครับ หรือว่า เพราะมิสทีนขายดีมาก เพราะเห็นโฆษณาโทรทัศน์ ว่าขายดีมากจนสินค้าขาดตลาดกำไร S&J ปีที่แล้วก็น่าจะดีมากด้วยครับเห็นจ่ายโบนัส 6 เดือน
“Laughter is timeless. Imagination has no age. And dreams are forever.” ― Walt Disney Company
-
- Verified User
- โพสต์: 520
- ผู้ติดตาม: 0
บริษัทผลิตยา
โพสต์ที่ 9
kotaro เขียน: เหรอครับ หรือว่า เพราะมิสทีนขายดีมาก เพราะเห็นโฆษณาโทรทัศน์ ว่าขายดีมากจนสินค้าขาดตลาด
สินค้าขาดตลาดนี่ต้องโฆษณาด้วยหรอครับ
บ.ผลิตยา ไม่น่าจะจดทะเบียนครับ เพราะว่าปกติ รายได้ดีมาก เงินสดเหลือเยอะ เลยไม่ต้องการ ผู้แชร์เค๊กเพิ่มเติมครับ
In the long run, We are all dead.
-
- Verified User
- โพสต์: 513
- ผู้ติดตาม: 0
บริษัทผลิตยา
โพสต์ที่ 10
โดยตรงเลยไม่มีครับ มีแต่เป็นบริษัทลูก ของเบอรี่ยุกเกอร์จำชื่อไม่ได้ และก็บริษัทโอสถอินเตอร์ของสหพัฒน์
และที่กำลังเตรียมแต่งตัวอยู่ บริษัท เมกะโปรดักส์ เห็นผู้บริหารกำลังจัดเตรียมเอกสาร จัดแจงบัญชี ร่ำๆว่าอยากจะเข้าตลาดปีนี้ อยู่น่ะครับ
และที่กำลังเตรียมแต่งตัวอยู่ บริษัท เมกะโปรดักส์ เห็นผู้บริหารกำลังจัดเตรียมเอกสาร จัดแจงบัญชี ร่ำๆว่าอยากจะเข้าตลาดปีนี้ อยู่น่ะครับ
ได้เวลาเหล่าอินทรีย์ ผงาดบนฟากฟ้า
-
- Verified User
- โพสต์: 67
- ผู้ติดตาม: 0
บริษัทผลิตยา
โพสต์ที่ 12
เบอร์ลี่ เป็น distributer เช่นเดียวกับ เอฟ อี ซิลลิก และ ดีทแฮล์ม
บริษัท ยาในไทย ส่วนมาก เป็น ของบริษัท ต่างชาติ
ถ้ามียอดขายเยอะๆ ก็ จะ จ้าง บริษัท ในไทย ผลิต
บริษัท ในประเทศ ส่วนใหญ่ เป็นบริษัท เล็กๆ และ มัก จะ เป็น กิจการในครอบครัว หรือ บางแห่ง รับจ้างผลิต แต่ ไม่ได้ ขายเอง
บริษัท ที่ ติดอันดับ local company เช่น ไทยนครพัฒนา หรือ โอสถสภา ก็ มี กิจการ อื่นๆ อีก นอกจากผลิตยา
บริษัท ยาในไทย ส่วนมาก เป็น ของบริษัท ต่างชาติ
ถ้ามียอดขายเยอะๆ ก็ จะ จ้าง บริษัท ในไทย ผลิต
บริษัท ในประเทศ ส่วนใหญ่ เป็นบริษัท เล็กๆ และ มัก จะ เป็น กิจการในครอบครัว หรือ บางแห่ง รับจ้างผลิต แต่ ไม่ได้ ขายเอง
บริษัท ที่ ติดอันดับ local company เช่น ไทยนครพัฒนา หรือ โอสถสภา ก็ มี กิจการ อื่นๆ อีก นอกจากผลิตยา
- apothecary
- Verified User
- โพสต์: 41
- ผู้ติดตาม: 0
บริษัทผลิตยา
โพสต์ที่ 13
ธุรกิจยา โดยเฉพาะ บริษัทยาข้ามชาติ พวกนี้โกยเงินเราไปมากมายครับ ต้นทุนไม่แพง แต่ชอบอ้าง R&D ว่ามีต้นทุนสูง
เห็นขายช่วงเข้าตลาดใหม่ๆ ราคาหลายพัน พอหมดสิทธิบัตร พี่อินเดียแกทำได้บ้าง ลดราคามาแข่งกันเฉย แสดงว่าก่อนหน้าฟันคนไทยซะเลือดท่วมจอ
สงสารบริษัทยาไทยครับ คนไทยติด Brand ก็มาก ทั้งๆที่บางตัว ตัวยานำเข้าจากจีน ตอกเม็ดที่ไทย ห่อ foil แล้วบอกว่ามาจากอเมริกา อิอิ กินแล้วหายดีแท้
คนไทยก็เน่าต่อไป ต่อไปหายา Nuta ทานไม่ได้แล้วนะครับ เพราะโอสถสภา เลิกผลิต ไม่คุ้มครับ กำไรน้อย โดนควบคุมมาก และ product อื่นๆ เช่น อาหารเสริม มี value ดีกว่า ทำกำไรได้ดี
เอาเงินให้ฝรั่งต่อไปครับ เค้าไม่เข้าตลาดหรอกครับ สูบเงินไปบ้านเค้าดีกว่า มาแชร์คนไทยให้เสียเวลาทำไม " I love thailand"
เห็นขายช่วงเข้าตลาดใหม่ๆ ราคาหลายพัน พอหมดสิทธิบัตร พี่อินเดียแกทำได้บ้าง ลดราคามาแข่งกันเฉย แสดงว่าก่อนหน้าฟันคนไทยซะเลือดท่วมจอ
สงสารบริษัทยาไทยครับ คนไทยติด Brand ก็มาก ทั้งๆที่บางตัว ตัวยานำเข้าจากจีน ตอกเม็ดที่ไทย ห่อ foil แล้วบอกว่ามาจากอเมริกา อิอิ กินแล้วหายดีแท้
คนไทยก็เน่าต่อไป ต่อไปหายา Nuta ทานไม่ได้แล้วนะครับ เพราะโอสถสภา เลิกผลิต ไม่คุ้มครับ กำไรน้อย โดนควบคุมมาก และ product อื่นๆ เช่น อาหารเสริม มี value ดีกว่า ทำกำไรได้ดี
เอาเงินให้ฝรั่งต่อไปครับ เค้าไม่เข้าตลาดหรอกครับ สูบเงินไปบ้านเค้าดีกว่า มาแชร์คนไทยให้เสียเวลาทำไม " I love thailand"
นอนตื่นขึ้นมา เงินก็จะงอกเงย ZZzzzZZzz อิอิ
- kotaro
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1496
- ผู้ติดตาม: 0
บริษัทผลิตยา
โพสต์ที่ 14
อีกเหตุผลนึง ที่คิดว่าเป็นไปได้
ก็เรื่อง know-how ครับ การผลิตพวกยา เครื่องสำอาง อาหารเสริม
ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าตลาด ก็กลัว know-how รั่วไหลครับ
ก็เรื่อง know-how ครับ การผลิตพวกยา เครื่องสำอาง อาหารเสริม
ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าตลาด ก็กลัว know-how รั่วไหลครับ
“Laughter is timeless. Imagination has no age. And dreams are forever.” ― Walt Disney Company
-
- Verified User
- โพสต์: 67
- ผู้ติดตาม: 0
บริษัทยา
โพสต์ที่ 15
บริษัท ยา ต่างชาติ เกือบทุกบริษัท อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ของประเทศ ตัวเองทั้งนั้น
- tylenol ก็ อยู่ ใน บริษัท J &J เป็นบริษัท ในตลาด USA ที่ให้ผลตอบแทน กับผู้ ถือหุ้นดีมาก ทั้งเงินปันผล และ capital gain
- Pfizer,บริสตอลไมเยอร์, แกล็กโซ , Roche, อเวนทีส ก็ อยู่ใน ตลาด หลักทรัพย์ ให้ ผลตอบแทน ดี แม้ว่า จะเกิด วิกฤต บริษัท เหล่านี้ ก็ ไม่มีปัญหา
- tylenol ก็ อยู่ ใน บริษัท J &J เป็นบริษัท ในตลาด USA ที่ให้ผลตอบแทน กับผู้ ถือหุ้นดีมาก ทั้งเงินปันผล และ capital gain
- Pfizer,บริสตอลไมเยอร์, แกล็กโซ , Roche, อเวนทีส ก็ อยู่ใน ตลาด หลักทรัพย์ ให้ ผลตอบแทน ดี แม้ว่า จะเกิด วิกฤต บริษัท เหล่านี้ ก็ ไม่มีปัญหา
-
- Verified User
- โพสต์: 67
- ผู้ติดตาม: 0
บริษัทยา
โพสต์ที่ 16
บริษัท เหล่านี้ ใน ไทย เป็น สาขา ของบริษัท แม่ ใน ตปท มีการควบคุมดูแลโดย บริษัท แม่ ไม่ สามารถ เข้า ตลาด หลัก ทรัพย์ ใน ไทย ได้ แต่ ทุกคน มีสิทธิ ซื้อ หุ้น ได้ ใน ตลาด ตปท ของ บริษัท
แพทยไทย ที่ไป เรียน ตปท โดย เฉพาะ USA หลายๆคน ก็ เคย มีหุ้น ของ บริษัท เหล่านี้
แพทยไทย ที่ไป เรียน ตปท โดย เฉพาะ USA หลายๆคน ก็ เคย มีหุ้น ของ บริษัท เหล่านี้
- nasesus
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1278
- ผู้ติดตาม: 0
บริษัทผลิตยา
โพสต์ที่ 17
เมื่อก่อนบริษัทยาส่วนใหญ่ก็มาตั้งฐานการผลิตในไทยตอนนี้่บริษัทยาต่างประเทศบางส่วนก็นำ่เ่ข้าที่พอผลิตได้ในไทยก็จะให้ olic เป็นแหล่งผลิตครับ ส่วนโรงงานผลิตยาที่เมื่อก่อนมาตั้งในไทยก็ขายให้ local made เมืองไทยครับเช่นของ biyer ก็เป็นของบริษัทที่ผลิตลูกอมtussil น่ะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 281
- ผู้ติดตาม: 0
บริษัทผลิตยา
โพสต์ที่ 18
ในต่างประเทศมีเยอะเลย
บริษัทยา
Company Sales Summary
Rank Company Sales Market Share Sales Growth
2006 $ (m) % 05-06 $ (%)
1 Pfizer 45,083 8.6 1.8
2 GlaxoSmithKline 36,947 7.1 8.9
3 sanofi-aventis 35,605 6.8 4.9
4 Novartis 28,868 5.5 17.9
5 Roche 26,560 5.1 21.4
6 AstraZeneca 25,741 4.9 10.5
7 Johnson & Johnson 23,267 4.4 4.2
8 Merck & Co 22,636 4.3 2.8
9 Wyeth 1 5,683 3.0 9.8
10 Eli Lilly 14,816 2.8 7.5
11 Bristol-Myers Squibb 13,861 2.6 (9.1)
12 Amgen 13,858 2.6 15.3
13 Abbott 12,395 2.4 (6.8)
14 Boehringer Ingelheim 10,401 2.0 15.2
15 Takeda 9,429 1.8 4.8
16 Bayer Schering Pharma 8,681 1.7 85.3
17 Schering-Plough 8,561 1.6 13.2
18 Astellas Pharma 7,723 1.5 3.1
19 Daiichi-Sankyo 6,859 1.3 2.6
20 Novo Nordisk 6,518 1.2 15.8
21 Eisai 5,345 1.0 5.9
22 Merck KGaA 4,669 0.9 6.8
23 Solvay 3,264 0.6 15.7
24 Forest 3,101 0.6 11.0
25 Akzo Nobel 2,957 0.6 8.3
Wood Mackenzie's Productview™ March 2007
Source:
บริษัทเน้นทางไบโอเทคโนโลยี
Rank 2004 Company Country Revenue 2004 (USD millions) R&D 2004 (USD millions) Net Income/ (Loss) 2004 (USD millions) Employees 2004
1 Amgen USA 10,550.0 2,028.0 2,363.0 14,400
2 Genentech USA 4,621.2 947.5 784.8 7,646
3 Merck Serono Switzerland 2,458.1 594.3 496.2 4,902
4 Biogen Idec USA 2,211.6 687.7 25.1 4,266
5 Genzyme USA 2,201.1 391.8 86.5 7,000
6 Chiron Corp. USA 1,723.4 431.1 78.9 5,400
7 Gilead Sciences USA 1,324.6 223.6 449.4 1,654
8 CSL Australia 1,273.4 70.2 152.4 8,000
9 MedImmune USA 1,141.1 327.3 -3.8 1,823
10 Cephalon USA 1,015.4 274.0 -73.8 2,173
และ50บริษัทด้านงานวิจัย
Top 50 companies by R&D projects league table February 2009
ตรวจสอบยาใหม่ที่ได้รับอนุมัติจาก FDA
New Drug Approvals In 2006
New Drug Approvals In 2007
หาข้อมูลยาที่ทำรายได้สำคัญของบริษัทว่าสิทธิบัตรยา(Patent)
จะหมดอายุลงในปีใด เช่น ยาที่ทำรายได้หลักให้บริษัท Pfizer คือ ยาลดไขมันชื่อการค้า Lipitor (atorvastatin) สิทธิบัตรกำลังจะหมดอายุใน เดือน มีนาคม 2553 ซึ่งบริษัทยาในอินเดีย บริษัท Ranbaxy เตรียมผลิตออกขายยาในสูตรเดียวกัน(generic drug) ซึ่งทาง Pfizer คาดว่าจะทำให้รายได้จากยา Lipitor ลดลงถึง 80%
เทรนด์ของยาในอนาคตจะมาจากพวกบริษัทที่เน้นทางด้าน ไบโอเทคโนโลยี
มากขึ้น พวกบริษัทยายักษ์ใหญ่จึงมักชอบซื้อบริษัทยาทางด้านไบโอเทคมากขึ้น
บริษัทยา
Company Sales Summary
Rank Company Sales Market Share Sales Growth
2006 $ (m) % 05-06 $ (%)
1 Pfizer 45,083 8.6 1.8
2 GlaxoSmithKline 36,947 7.1 8.9
3 sanofi-aventis 35,605 6.8 4.9
4 Novartis 28,868 5.5 17.9
5 Roche 26,560 5.1 21.4
6 AstraZeneca 25,741 4.9 10.5
7 Johnson & Johnson 23,267 4.4 4.2
8 Merck & Co 22,636 4.3 2.8
9 Wyeth 1 5,683 3.0 9.8
10 Eli Lilly 14,816 2.8 7.5
11 Bristol-Myers Squibb 13,861 2.6 (9.1)
12 Amgen 13,858 2.6 15.3
13 Abbott 12,395 2.4 (6.8)
14 Boehringer Ingelheim 10,401 2.0 15.2
15 Takeda 9,429 1.8 4.8
16 Bayer Schering Pharma 8,681 1.7 85.3
17 Schering-Plough 8,561 1.6 13.2
18 Astellas Pharma 7,723 1.5 3.1
19 Daiichi-Sankyo 6,859 1.3 2.6
20 Novo Nordisk 6,518 1.2 15.8
21 Eisai 5,345 1.0 5.9
22 Merck KGaA 4,669 0.9 6.8
23 Solvay 3,264 0.6 15.7
24 Forest 3,101 0.6 11.0
25 Akzo Nobel 2,957 0.6 8.3
Wood Mackenzie's Productview™ March 2007
Source:
บริษัทเน้นทางไบโอเทคโนโลยี
Rank 2004 Company Country Revenue 2004 (USD millions) R&D 2004 (USD millions) Net Income/ (Loss) 2004 (USD millions) Employees 2004
1 Amgen USA 10,550.0 2,028.0 2,363.0 14,400
2 Genentech USA 4,621.2 947.5 784.8 7,646
3 Merck Serono Switzerland 2,458.1 594.3 496.2 4,902
4 Biogen Idec USA 2,211.6 687.7 25.1 4,266
5 Genzyme USA 2,201.1 391.8 86.5 7,000
6 Chiron Corp. USA 1,723.4 431.1 78.9 5,400
7 Gilead Sciences USA 1,324.6 223.6 449.4 1,654
8 CSL Australia 1,273.4 70.2 152.4 8,000
9 MedImmune USA 1,141.1 327.3 -3.8 1,823
10 Cephalon USA 1,015.4 274.0 -73.8 2,173
และ50บริษัทด้านงานวิจัย
Top 50 companies by R&D projects league table February 2009
ตรวจสอบยาใหม่ที่ได้รับอนุมัติจาก FDA
New Drug Approvals In 2006
New Drug Approvals In 2007
หาข้อมูลยาที่ทำรายได้สำคัญของบริษัทว่าสิทธิบัตรยา(Patent)
จะหมดอายุลงในปีใด เช่น ยาที่ทำรายได้หลักให้บริษัท Pfizer คือ ยาลดไขมันชื่อการค้า Lipitor (atorvastatin) สิทธิบัตรกำลังจะหมดอายุใน เดือน มีนาคม 2553 ซึ่งบริษัทยาในอินเดีย บริษัท Ranbaxy เตรียมผลิตออกขายยาในสูตรเดียวกัน(generic drug) ซึ่งทาง Pfizer คาดว่าจะทำให้รายได้จากยา Lipitor ลดลงถึง 80%
เทรนด์ของยาในอนาคตจะมาจากพวกบริษัทที่เน้นทางด้าน ไบโอเทคโนโลยี
มากขึ้น พวกบริษัทยายักษ์ใหญ่จึงมักชอบซื้อบริษัทยาทางด้านไบโอเทคมากขึ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บริษัทยา
โพสต์ที่ 19
ไม่จำเป็นมั้งครับjidapa เขียน: แพทยไทย ที่ไป เรียน ตปท โดย เฉพาะ USA หลายๆคน ก็ เคย มีหุ้น ของ บริษัท เหล่านี้
แล้วก็บางคนก็ซื้อหุ้น เพียงเพราะว่า ทราบว่า มันเป็นหุ้นของบริษัทยา
แต่เพียงแค่ถามว่า หุ้นคืออะไร เค้ายังไม่ทราบเลยครับ
มีใครเคยทานยาบางอย่างที่ผลิตในประเทศเราแล้ว มันเหมือนแป้งมากกว่ายา
หรือว่าถ้าไปดูค่าการละลายตัวของยา ฯลฯ มันไม่น่าจะผลิตออกมาขายเลยไหมครับ
คุณภาพของบริษัทในไทย กับ ต่างชาติ บางทีพูดแล้วช้ำใจ แต่ว่ามันเป็นความจริงครับ
ที่คุณภาพมันต่างกัน
แล้วถ้าเราทราบแบบนี้
เราจะแค่น้อยใจ และเกลียดเค้า
หรือเราจะ หันกลับมาพัฒนาตนเองครับ
เกาหลี แต่ก่อน ตกยุคกว่าบ้านเรามาก
เดี๋ยวนี้ ใครๆก็ใช้ TV sumsung....มากขึ้น
ถ้าอ่านหนังสือ วิเคราะห์คนไทย 360องศา ของ ฐานเศรษฐกิจ จะเข้าใจเลยครับ...
ตอบคำถามเจ้าของกระทู้ครับ
เท่าที่ทราบก็ตามด้านบนครับ
ผมยังไม่เห็นบริษัทที่ผลิตยานะครับ
มีแต่ distributor ครับ
ส่วน nidal ที่ BJC ผลิตนั้น ตอนนี้ ยามีปัญหามาได้ หลายเดือน+ แล้วครับ
ที่ รพ.ผมเค้าไม่มียานี้แล้ว เนื่องจากผลข้างเคียงของยาครับ
http://www.fda.moph.go.th/fda-net/html/ ... sulide.pdf
หรือลองไปดูคนที่เค้าทราบเรื่องยาคุยกันครับ
http://www.pharmacafe.com/board/viewtop ... =1&t=19870
นานาจิตตังครับ
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
บริษัทผลิตยา
โพสต์ที่ 20
บริษัทผลิตยาก็พอมีครับ ยาซั่ว - ยัวซ่า แบตเตอรี่ อิ อิ :8)
เคยเห็น Asian Phytoceuฯ (สมุนไพร) ร่ำๆ จะเข้าตลาด ไปๆ มาๆ หายไปไหนไม่รู้คับ :8)
เคยเห็น Asian Phytoceuฯ (สมุนไพร) ร่ำๆ จะเข้าตลาด ไปๆ มาๆ หายไปไหนไม่รู้คับ :8)
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
บริษัทผลิตยา
โพสต์ที่ 21
มุขพี่ริวสุดยอดเลยครับ :lol:
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ