เอเจนซี - ราคาน้ำมันทะยานสู่ระดับสูงสุดในรอบปีนี้เมื่อวันจันทร์(4) หลังนักลงทุนคาดคะเนว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะยุติลงเร็วๆนี้ แผ้วทางการฟื้นตัวของดีมานด์พลังงานโลก ขณะที่วอลล์สตรีทก็พุ่งขึ้นเช่นกัน ดาวโจนส์ สูงสุดรอบ 4 เดือนจากตัวเลขยอดขายบ้านและข้อมูลด้านโรงงานของจีน
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 1.27 ดอลลาร์ ปิดที่ 54.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล -- สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายนปีก่อน ขณะที่เบรนต์ทะเลเหนือของลอนดอน เพิ่มขึ้น 1.73 ดอลลาร์ ปิดที่ 54.58 ดอลลาร์
การดีดตัวของราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากตลาดทุนและข้อมูลทางบวกของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยุโรปและเอเชีย ที่กระพือความหวังว่าภาวะถดถอยได้ผ่านช่วงเลวร้ายที่สุดไปแล้ว
เจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯสาขาริชมอนด์ กล่าวเมื่อวันจันทร์(4) ว่าภาวะถดถอยกำลังเลือนหายไปและความเติบโตทางเศรษฐกิจจะคืนกลับมาในช่วงปลายปีนี้
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขยับตัวแรงทำสถิติสูงสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อวันจันทร์(4) หลังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานยอดขายบ้านในอเมริกาที่เพิ่มขึ้นผิดความคาดหมาย เช่นเดียวกับข้อมูลทางภาคโรงงานของจีนที่เพิ่มความหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 219.27 จุด (2.67 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 8,431.68 จุด สูงสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมกราคม เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 30.33 จุด (3.46 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 907.85 จุด ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม แนสแดก เพิ่มขึ้น 41.36 จุด (2.41 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,760.56 จุด
ตลาดดีดตัวขึ้นหลังจากที่กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์เปิดเผยว่าดัชนีการทำสัญญาบ้านที่รอปิดการขาย เพิ่มขึ้น 3.2 เปอร์เซ็นต์ ในเดือนมีนาคม หลังจากก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ ก็เพิ่มขึ้นมาแล้ว 2.0 เปอร์เซ็นต์
-------------------------------------------------------
มันจะฟื้นจริงๆเหรอครับ รบกวนผู้รู้มาแชร์ข้อมูลหน่อยครับ
ขอบคุณครับ
ฟื้นจริง ?
-
- Verified User
- โพสต์: 112
- ผู้ติดตาม: 0
ฟื้นจริง ?
โพสต์ที่ 2
คาดหุ้นพักฐาน รอผลทดสอบวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐ
รายงานโดย :ฝ่ายวิจัย KGI:
วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (2730 เม.ย. 2552) ยังคงทะยานไม่หยุดตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกที่ยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง
ท่ามกลางวอลุมเทรดที่ยังคงหนาแน่น ปัจจัยขับเคลื่อนอยู่ที่ความคาดหวังว่าเศรษฐกิจสหรัฐผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หลังตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวเริ่มปรับตัวขึ้นและดีกว่าที่ตลาดประเมิน กล่าวคือ ราคาบ้านเฉลี่ยใน 20 เขตหลักของอเมริกาที่เรียกว่า ดัชนี S&P Case/Shiller เริ่มมีเสถียรภาพ รวมถึงผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนเม.ย. ดีดตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดรอบกว่า 3 ปี
นอกจากนี้ แม้ว่าจีดีพีสหรัฐไตรมาส 1/2552 (ตัวเลขเบื้องต้น) หดตัวลงแรงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ แต่เป็นผลจากการกระตุ้นภาครัฐที่ยังไม่เบิกจ่าย ซึ่ง นักลงทุนมองว่าเป็นสถานการณ์ระยะสั้น เพราะการเบิกจ่ายจะเร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไตรมาส 2/2552 เป็นต้นไป ในขณะที่การบริโภคส่วนบุคคลซึ่งเป็นองค์ประกอบทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุด (65% ของจีดีพี) เติบโตมากกว่าคาดอย่างมาก รวมไปถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงนโยบายตรึงดอกเบี้ยต่ำช่วง 0-0.25% พร้อมชี้ว่าเศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว
ส่วนประเด็นบวกในประเทศก็มี เช่น SCC เผยกำไรไตรมาส 1/2552 ดีกว่าคาดอย่างมาก ช่วยส่งเสริมจิตวิทยาการลงทุนไปด้วยอีกแรง ปัจจัยแวดล้อมดังกล่าวได้บดบังประเด็นลบอย่างภาวะตื่นตระหนกทั่วโลกต่อไข้หวัดสายพันธุ์ที่มาจากเม็กซิโกที่คร่าชีวิตมนุษย์ทั่วโลกไปแล้วเกือบ 200 คน และเชื้อได้แพร่กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก ตลอดทั้งสัปดาห์ SET Index ปรับขึ้น 17.62 จุด (บวก 3.72%) สู่ปิดระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 10 ต.ค. 2551 ที่ 491.69 จุด ด้วยวอลุมซื้อขายยังคงหนาแน่น เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 16,900 ล้านบาท ด้านนักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิถึง 1,569 ล้านบาท
ด้านปัจจัยเศรษฐกิจในประเทศ กระทรวงการคลังมองเศรษฐกิจไทยน่าจะแตะระดับต่ำสุดแล้วในไตรมาสแรกปีนี้ หลังเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในเดือน มี.ค. จากภาคส่งออกในบางหมวดสินค้า ซึ่งได้แก่ หมวดสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตร และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศที่มีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เช่น จีน แอฟริกา ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง นอกจากนี้ตัวเลขส่งออกที่ดีขึ้นดังกล่าว ทำให้การใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นตัว ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อแนวโน้มการลงทุนในระยะถัดไป ทั้งนี้เรามีมุมมองเหมือนกับกระทรวงการคลังว่า จีดีพีไทยไตรมาส 1/2552 น่าจะต่ำที่สุดในปีนี้ ติดลบ 6.2% และจะยังติดลบต่อไปอีกในไตรมาส 2/2552 ถึง 3/2552 อยู่ที่ ลบ 5.8% และ ลบ 4.0% ตามลำดับ ก่อนจะฟื้นตัวเป็นบวกได้ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ที่ 0.5%
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ (47 พ.ค. 2552) คาดว่าน่าจะเข้าสู่ช่วงพักฐานหลังขึ้นแรง การแกว่งตัวของดัชนีน่าจะผันผวนสูงขึ้นกับผลการทดสอบวิกฤตภาคการเงินสหรัฐ (Stress test) ที่จะประกาศในวันที่ 7 พ.ค. ซึ่งล่าสุดมีข่าวระบุว่ามีสถาบันการเงินอย่างน้อย 6 แห่งจาก 19 แห่ง อาจมีเงินทุนไม่เพียงพอตามมาตรฐานและต้องมีการเพิ่มทุนรอบใหม่ นอกจากนี้ในสัปดาห์นี้สหรัฐจะรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างเช่น ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-Farm Payrolls) อัตราการว่างงาน และดัชนีชี้วัดกิจกรรมเศรษฐกิจภาคบริการ (ISM Services) รายเดือนเม.ย. ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เพิ่มความผันผวนให้แก่ตลาดหุ้นทั่วโลกอีกด้วย
ด้านกลยุทธ์การลงทุน เราค่อนข้างกังวลกับการปรับขึ้นแรงของดัชนีหุ้นและความเสี่ยงต่อการปรับลงมีสูงขึ้นมาก โดยในเดือนเม.ย. SET Index พุ่งขึ้น 60.19 จุด (บวก 14%) และเข้าใกล้มูลค่าพื้นฐานของดัชนีที่ 510 จุด ดังนั้นหากดัชนียังคงแกว่งขึ้นแข็งแกร่ง ให้ขายทำกำไรหุ้นขนาดใหญ่ตามแนวต้าน 498 จุด (เต็มที่ไม่น่าจะเกิน 509 จุด) แต่หากดัชนีอ่อนแรง แนะให้เข้าซื้อเก็งกำไรอีกครั้งที่แนวรับ 484 จุด (กรณีหลุดไป ไม่น่าจะลงต่ำกว่า 477 จุด
รายงานโดย :ฝ่ายวิจัย KGI:
วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (2730 เม.ย. 2552) ยังคงทะยานไม่หยุดตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกที่ยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง
ท่ามกลางวอลุมเทรดที่ยังคงหนาแน่น ปัจจัยขับเคลื่อนอยู่ที่ความคาดหวังว่าเศรษฐกิจสหรัฐผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หลังตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวเริ่มปรับตัวขึ้นและดีกว่าที่ตลาดประเมิน กล่าวคือ ราคาบ้านเฉลี่ยใน 20 เขตหลักของอเมริกาที่เรียกว่า ดัชนี S&P Case/Shiller เริ่มมีเสถียรภาพ รวมถึงผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนเม.ย. ดีดตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดรอบกว่า 3 ปี
นอกจากนี้ แม้ว่าจีดีพีสหรัฐไตรมาส 1/2552 (ตัวเลขเบื้องต้น) หดตัวลงแรงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ แต่เป็นผลจากการกระตุ้นภาครัฐที่ยังไม่เบิกจ่าย ซึ่ง นักลงทุนมองว่าเป็นสถานการณ์ระยะสั้น เพราะการเบิกจ่ายจะเร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไตรมาส 2/2552 เป็นต้นไป ในขณะที่การบริโภคส่วนบุคคลซึ่งเป็นองค์ประกอบทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุด (65% ของจีดีพี) เติบโตมากกว่าคาดอย่างมาก รวมไปถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงนโยบายตรึงดอกเบี้ยต่ำช่วง 0-0.25% พร้อมชี้ว่าเศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว
ส่วนประเด็นบวกในประเทศก็มี เช่น SCC เผยกำไรไตรมาส 1/2552 ดีกว่าคาดอย่างมาก ช่วยส่งเสริมจิตวิทยาการลงทุนไปด้วยอีกแรง ปัจจัยแวดล้อมดังกล่าวได้บดบังประเด็นลบอย่างภาวะตื่นตระหนกทั่วโลกต่อไข้หวัดสายพันธุ์ที่มาจากเม็กซิโกที่คร่าชีวิตมนุษย์ทั่วโลกไปแล้วเกือบ 200 คน และเชื้อได้แพร่กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก ตลอดทั้งสัปดาห์ SET Index ปรับขึ้น 17.62 จุด (บวก 3.72%) สู่ปิดระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 10 ต.ค. 2551 ที่ 491.69 จุด ด้วยวอลุมซื้อขายยังคงหนาแน่น เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 16,900 ล้านบาท ด้านนักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิถึง 1,569 ล้านบาท
ด้านปัจจัยเศรษฐกิจในประเทศ กระทรวงการคลังมองเศรษฐกิจไทยน่าจะแตะระดับต่ำสุดแล้วในไตรมาสแรกปีนี้ หลังเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในเดือน มี.ค. จากภาคส่งออกในบางหมวดสินค้า ซึ่งได้แก่ หมวดสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตร และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศที่มีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เช่น จีน แอฟริกา ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง นอกจากนี้ตัวเลขส่งออกที่ดีขึ้นดังกล่าว ทำให้การใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นตัว ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อแนวโน้มการลงทุนในระยะถัดไป ทั้งนี้เรามีมุมมองเหมือนกับกระทรวงการคลังว่า จีดีพีไทยไตรมาส 1/2552 น่าจะต่ำที่สุดในปีนี้ ติดลบ 6.2% และจะยังติดลบต่อไปอีกในไตรมาส 2/2552 ถึง 3/2552 อยู่ที่ ลบ 5.8% และ ลบ 4.0% ตามลำดับ ก่อนจะฟื้นตัวเป็นบวกได้ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ที่ 0.5%
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ (47 พ.ค. 2552) คาดว่าน่าจะเข้าสู่ช่วงพักฐานหลังขึ้นแรง การแกว่งตัวของดัชนีน่าจะผันผวนสูงขึ้นกับผลการทดสอบวิกฤตภาคการเงินสหรัฐ (Stress test) ที่จะประกาศในวันที่ 7 พ.ค. ซึ่งล่าสุดมีข่าวระบุว่ามีสถาบันการเงินอย่างน้อย 6 แห่งจาก 19 แห่ง อาจมีเงินทุนไม่เพียงพอตามมาตรฐานและต้องมีการเพิ่มทุนรอบใหม่ นอกจากนี้ในสัปดาห์นี้สหรัฐจะรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างเช่น ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-Farm Payrolls) อัตราการว่างงาน และดัชนีชี้วัดกิจกรรมเศรษฐกิจภาคบริการ (ISM Services) รายเดือนเม.ย. ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เพิ่มความผันผวนให้แก่ตลาดหุ้นทั่วโลกอีกด้วย
ด้านกลยุทธ์การลงทุน เราค่อนข้างกังวลกับการปรับขึ้นแรงของดัชนีหุ้นและความเสี่ยงต่อการปรับลงมีสูงขึ้นมาก โดยในเดือนเม.ย. SET Index พุ่งขึ้น 60.19 จุด (บวก 14%) และเข้าใกล้มูลค่าพื้นฐานของดัชนีที่ 510 จุด ดังนั้นหากดัชนียังคงแกว่งขึ้นแข็งแกร่ง ให้ขายทำกำไรหุ้นขนาดใหญ่ตามแนวต้าน 498 จุด (เต็มที่ไม่น่าจะเกิน 509 จุด) แต่หากดัชนีอ่อนแรง แนะให้เข้าซื้อเก็งกำไรอีกครั้งที่แนวรับ 484 จุด (กรณีหลุดไป ไม่น่าจะลงต่ำกว่า 477 จุด
" บทเรียนที่สำคัญที่สุดในการลงทุนก็คือการมองหุ้นที่ซื้อขายกันอยู่ในตลาดเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ ไม่ใช่สิ่งที่มีราคาขึ้นๆ ลงๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 112
- ผู้ติดตาม: 0
ฟื้นจริง ?
โพสต์ที่ 3
นปช.นัดชุมนุมใหญ่10พ.ค. ธานีจับเพิ่ม11คนทุบนิพนธ์
วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
เสื้อแดงนัดชุมนุมใหญ่ วัดไผ่เขียว 10 พ.ค. ชูแฉ ละครลวงโลกของรัฐบาล
นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จ การแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง เปิดเผยว่า แกนนำได้ตัดสินใจจะมีการนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 10 พ.ค. ที่ลานวัดไผ่เขียว ย่านดอนเมือง ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงเคยใช้จัดโต๊ะจีนระดมทุนมาแล้ว เพื่อพบปะสังสรรค์กลุ่มคนเสื้อแดงสักครั้งหนึ่ง ซึ่งรูปแบบของเวทีนั้นจะเป็นการพูดคุยและร้องเพลงเป็นส่วนใหญ่
ขณะที่นายจตุพร กล่าวว่า การชุมนุมใหญ่ที่วัดไผ่เขียวจะเป็นการค้นหาความจริงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งมีภาพที่สามารถอธิบายให้เห็นถึงละครลวงโลกฉากใหญ่ เช่น ที่นายกรัฐมนตรีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยอ้างว่าตัวเองอยู่ในรถยนต์ที่ถูกทุบจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอดนั้น เป็นจริงอย่างที่พูดหรือไม่
นอกจากนี้ เรื่องนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งแท้จริงแล้วกลุ่มคนเสื้อแดงพยายามช่วยออกจากรถยนต์ต่างหาก ไม่ใช่ทำร้าย หรือศพชายหนุ่มที่ตลาดนางเลิ้ง ซึ่งจะมีการลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้เป็นฆาตกรและทรราชที่ไม่อาจบริหารประเทศต่อไปได้
วันเดียวกันศาลอนุญาตให้ พนักงานสอบสวนฝากขังนายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ (นปช.) เป็นเวลา 12 วัน เพื่อต้องสอบพยานบุคคลอีกประมาณ 10 ปากก่อนส่งฟ้อง
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการเตรียมรับมือกับการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า เป็นหน้าที่ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งจะมีการใช้มาตรการที่เข้มแข็ง
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานทางด้านการข่าวว่า จะมีการไปป่วนการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนในวันที่ 7-8 พ.ค. ที่โรงแรมดุสิตธานี
ด้าน พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวหลังเข้าสอบปากคำนายนิพนธ์ ในคดีถูกกลุ่มคนเสื้อแดงทำร้ายที่กระทรวงมหาดไทย ว่า จากการสอบปากคำทำให้รูปคดีมีข้อมูล และสิ่งที่เป็นประโยชน์มากขึ้น
ทั้งนี้ จะออกหมายจับผู้กระทำผิดเพิ่มอีก 11 คน จากที่ออก หมายจับไปแล้ว 21 คน รวม 32 คน โดยมีพยานหลักฐานและรูปถ่ายค่อนข้างชัดเจน และจะสามารถทำสำนวนส่งให้อัยการสั่งฟ้องได้ภายในเดือนพ.ค.นี้
วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
เสื้อแดงนัดชุมนุมใหญ่ วัดไผ่เขียว 10 พ.ค. ชูแฉ ละครลวงโลกของรัฐบาล
นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จ การแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง เปิดเผยว่า แกนนำได้ตัดสินใจจะมีการนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 10 พ.ค. ที่ลานวัดไผ่เขียว ย่านดอนเมือง ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงเคยใช้จัดโต๊ะจีนระดมทุนมาแล้ว เพื่อพบปะสังสรรค์กลุ่มคนเสื้อแดงสักครั้งหนึ่ง ซึ่งรูปแบบของเวทีนั้นจะเป็นการพูดคุยและร้องเพลงเป็นส่วนใหญ่
ขณะที่นายจตุพร กล่าวว่า การชุมนุมใหญ่ที่วัดไผ่เขียวจะเป็นการค้นหาความจริงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งมีภาพที่สามารถอธิบายให้เห็นถึงละครลวงโลกฉากใหญ่ เช่น ที่นายกรัฐมนตรีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยอ้างว่าตัวเองอยู่ในรถยนต์ที่ถูกทุบจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอดนั้น เป็นจริงอย่างที่พูดหรือไม่
นอกจากนี้ เรื่องนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งแท้จริงแล้วกลุ่มคนเสื้อแดงพยายามช่วยออกจากรถยนต์ต่างหาก ไม่ใช่ทำร้าย หรือศพชายหนุ่มที่ตลาดนางเลิ้ง ซึ่งจะมีการลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้เป็นฆาตกรและทรราชที่ไม่อาจบริหารประเทศต่อไปได้
วันเดียวกันศาลอนุญาตให้ พนักงานสอบสวนฝากขังนายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ (นปช.) เป็นเวลา 12 วัน เพื่อต้องสอบพยานบุคคลอีกประมาณ 10 ปากก่อนส่งฟ้อง
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการเตรียมรับมือกับการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า เป็นหน้าที่ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งจะมีการใช้มาตรการที่เข้มแข็ง
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานทางด้านการข่าวว่า จะมีการไปป่วนการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนในวันที่ 7-8 พ.ค. ที่โรงแรมดุสิตธานี
ด้าน พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวหลังเข้าสอบปากคำนายนิพนธ์ ในคดีถูกกลุ่มคนเสื้อแดงทำร้ายที่กระทรวงมหาดไทย ว่า จากการสอบปากคำทำให้รูปคดีมีข้อมูล และสิ่งที่เป็นประโยชน์มากขึ้น
ทั้งนี้ จะออกหมายจับผู้กระทำผิดเพิ่มอีก 11 คน จากที่ออก หมายจับไปแล้ว 21 คน รวม 32 คน โดยมีพยานหลักฐานและรูปถ่ายค่อนข้างชัดเจน และจะสามารถทำสำนวนส่งให้อัยการสั่งฟ้องได้ภายในเดือนพ.ค.นี้
" บทเรียนที่สำคัญที่สุดในการลงทุนก็คือการมองหุ้นที่ซื้อขายกันอยู่ในตลาดเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ ไม่ใช่สิ่งที่มีราคาขึ้นๆ ลงๆ