SuperStock หรือ DividenStock
-
- Verified User
- โพสต์: 236
- ผู้ติดตาม: 0
SuperStock หรือ DividenStock
โพสต์ที่ 1
อยากเรียนถามพี่ๆและเพื่อนๆ
XYZ เป็น SuperStock หรือ DividenStock มีPE ไม่ถึง3
PB ตามบุ๊ค 0.6 แต่ PB จริง = ? มีสินทรัพย์ซ่อนอยู่คือเงินลงทุนในโรงงานผลิตแอร์ตามบุ๊ค 120ล้าน
แต่ราคาจริง คิดเทียบเป็นราคาของ XYZ ต่อหุ้น 100บาท
ยังหาซื้อไม่ได้ เพราะ เป็นอันดับ 1 แอร์ในเมืองไทย
ที่หลายยี่ห้อ ต้องเลียนแบบ ปัจจุบัน มีมาร์เก็ต แชร์
เป็นอันดับ1 29% และเพิ่งขยายโรงงานเสร็จ
ปลายปี 2550
มูลค่าหุ้น XYZ ดูในงบการเงิน
มีเงินสดอยู่ 1639 ล้านบาท = 74.54 บาทต่อหุ้น
เงินปันผลค้างรับ 582.20ล้านบาท = 26.46บาทต่อหุ้น
ลบด้วย เงินปันผลจ่าย 9.7 บาทต่อหุ้น
เพราะฉะนั้นเทียบเท่าเงินที่มีในมือ = 91.30
รวมกับเงินลงทุน ซึ่งแล้วแต่จะตีราคา XXX บาทต่อหุ้น
โรงงานผลิตตู้เย็น พัดลม และปั๊มน้ำ XX บาท ต่อหุ้น
เพราะฉะนั้นมูลค่าหุ้น XYZ =XXXซึ่งมากกว่า191.3บาท
สาเหตุที่ไม่ต้องนำหนี้สินมาคิดได้เลยเนื่องจาก หนี้สินทั้งหมด 1318 ล้านบาท มีลูกหนี้การค้า และ ลูกหนี้กิจการที่เกี่ยวข้องกันรวม 1405 ล้านบาท และยังมีสินค้าคงเหลืออีก 169 ล้านบาท รวม 1874 ล้านบาท มากกว่าหนี้สินทั้งหมด
สำหรับคนที่ซื้อต่ำกว่า 91.30 บาท ได้ เงินลงทุนในบริษัทผลิตแอร์ 10% และ ได้โรงงานตู้เย็น ฟรี!!
ส่วนสำหรับ ราคา 107 บาท = ซื้อเงินลงทุน โรงงานผลิตแอร์ 10% ในราคา 15.7 บาท และได้โรงงาน
ตู้เย็น ฟรี!!
จุดเปลี่ยนอีกจุดอยู่ที่ การลดต้นทุน กาพัฒนา และออกแบบผลิตภัณฑ์ ในโรงงานผลิตตู้เย็นจนได้ผล และ
มาร์เก็ต แชร์ มาอันดับ 1 23% จากปีก่อนอยู่อันดับ 3
และ นโยบายที่อยู่ในหมายเหตุ ประกอบงบการเงิน
เรื่องการกำหนดราคาขาย ต้องมีกำไรขั้นต้น มากกว่า 20% หากจะกำหนด ราคาขายต่ำกว่า20% แต่ต้องไม่ต่ำกว่า 10% จะต้องมีเหตุผลที่เพียงพอ และต้องให้คณะกรรมการกำหนดราคา มีมติ เป็นเอกฉันท์เท่านั้น
แต่ยังต้องระวัง สำหรับการจำหน่าย ต่างประเทศ ซึ่งขึ้นอยู่กับภาวะตลาด และการแข่งขัน ในแต่ละประเทศนั้นๆ
เดิมราคาหุ้น XYZ สะท้อนมาจาก กำไร = ปันผลจากเงินลงทุน - ขาดทุนจากโรงงานตู้เย็น
แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็น = ปันผล จากเงินลงทุน + กำไรจากโรงงานตู้เย็น
และขอยินดีกับคุณลุงขวด คุณ นริศ พี่ครรชิต และเพื่อน ที่ถือหุ้นตัวนี้ทุกคน เงินปันผลที่จะได้รับ คิดเฉพาะไตรมาสแรก = 26.93/2 = 13.47 บาทต่อหุ้น
หมายเหตุ หลายเรื่อง เพื่อนๆ ก็ได้โพสกันไปแล้ว แต่ผมก็มาขยายความให้ชัดเจน เพื่อน้องๆ ที่ยังใหม่และไม่หนักแน่นเพียงพอ ให้ไม่เขวไปเข้าทางของพวกเก็งกำไรและขาใหญ่ เห็นราคามันร่วงลงมาแล้ว ขายทิ้งไป
การเวลาจะพิสูจน์ตัวเอง ราคาIPO ของบริษัทนี้ ปี2537
อยู่ที่ 174 บาท ตอนนั้น เงินลงทุนในบริษัทผลิตแอร์ ก็ยังเป็นโรงงานเล็กๆ ซึ่งเหตุ ที่บริษัทใหญ่ ย้ายฐานการผลิต มาในไทย และขยายโรงงานแล้วเสร็จ ในปี 2550 เพราะข้อตกลง J-TEPA ทำให้ส่งแอร์ไปญี่ปุ่นในอัตราภาษี0%
และ ตามข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเรีย ทำให้
ออสเตรเรียเรียกเก็บภาษีแอร์เหลือ 5% และจะเหลือ0% ในปี 2553 ทำให้สามารถแข่งขันกับจีนได้สบาย ที่ผมชอบอีกอย่างคือ นโยบายปันผล 50% กำไร ของบริษัท
เราสามารถจับต้องได้ในรูปของเงินปันผล อย่างแท้จริง
ไม่ต้องไปง้องอน กราบกราน เหมือนหลายๆบริษัท คิดว่า
การประชุมผู้ถือหุ้นปีหน้า คงได้ไปนั่งข้างๆ ลุงขวด และเพื่อนๆ ในVIอีกครั้ง และคงได้ยินเสียงปรบมือดังกระหึมห้องประชุม อีกครั้งแน่นอน
XYZ เป็น SuperStock หรือ DividenStock มีPE ไม่ถึง3
PB ตามบุ๊ค 0.6 แต่ PB จริง = ? มีสินทรัพย์ซ่อนอยู่คือเงินลงทุนในโรงงานผลิตแอร์ตามบุ๊ค 120ล้าน
แต่ราคาจริง คิดเทียบเป็นราคาของ XYZ ต่อหุ้น 100บาท
ยังหาซื้อไม่ได้ เพราะ เป็นอันดับ 1 แอร์ในเมืองไทย
ที่หลายยี่ห้อ ต้องเลียนแบบ ปัจจุบัน มีมาร์เก็ต แชร์
เป็นอันดับ1 29% และเพิ่งขยายโรงงานเสร็จ
ปลายปี 2550
มูลค่าหุ้น XYZ ดูในงบการเงิน
มีเงินสดอยู่ 1639 ล้านบาท = 74.54 บาทต่อหุ้น
เงินปันผลค้างรับ 582.20ล้านบาท = 26.46บาทต่อหุ้น
ลบด้วย เงินปันผลจ่าย 9.7 บาทต่อหุ้น
เพราะฉะนั้นเทียบเท่าเงินที่มีในมือ = 91.30
รวมกับเงินลงทุน ซึ่งแล้วแต่จะตีราคา XXX บาทต่อหุ้น
โรงงานผลิตตู้เย็น พัดลม และปั๊มน้ำ XX บาท ต่อหุ้น
เพราะฉะนั้นมูลค่าหุ้น XYZ =XXXซึ่งมากกว่า191.3บาท
สาเหตุที่ไม่ต้องนำหนี้สินมาคิดได้เลยเนื่องจาก หนี้สินทั้งหมด 1318 ล้านบาท มีลูกหนี้การค้า และ ลูกหนี้กิจการที่เกี่ยวข้องกันรวม 1405 ล้านบาท และยังมีสินค้าคงเหลืออีก 169 ล้านบาท รวม 1874 ล้านบาท มากกว่าหนี้สินทั้งหมด
สำหรับคนที่ซื้อต่ำกว่า 91.30 บาท ได้ เงินลงทุนในบริษัทผลิตแอร์ 10% และ ได้โรงงานตู้เย็น ฟรี!!
ส่วนสำหรับ ราคา 107 บาท = ซื้อเงินลงทุน โรงงานผลิตแอร์ 10% ในราคา 15.7 บาท และได้โรงงาน
ตู้เย็น ฟรี!!
จุดเปลี่ยนอีกจุดอยู่ที่ การลดต้นทุน กาพัฒนา และออกแบบผลิตภัณฑ์ ในโรงงานผลิตตู้เย็นจนได้ผล และ
มาร์เก็ต แชร์ มาอันดับ 1 23% จากปีก่อนอยู่อันดับ 3
และ นโยบายที่อยู่ในหมายเหตุ ประกอบงบการเงิน
เรื่องการกำหนดราคาขาย ต้องมีกำไรขั้นต้น มากกว่า 20% หากจะกำหนด ราคาขายต่ำกว่า20% แต่ต้องไม่ต่ำกว่า 10% จะต้องมีเหตุผลที่เพียงพอ และต้องให้คณะกรรมการกำหนดราคา มีมติ เป็นเอกฉันท์เท่านั้น
แต่ยังต้องระวัง สำหรับการจำหน่าย ต่างประเทศ ซึ่งขึ้นอยู่กับภาวะตลาด และการแข่งขัน ในแต่ละประเทศนั้นๆ
เดิมราคาหุ้น XYZ สะท้อนมาจาก กำไร = ปันผลจากเงินลงทุน - ขาดทุนจากโรงงานตู้เย็น
แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็น = ปันผล จากเงินลงทุน + กำไรจากโรงงานตู้เย็น
และขอยินดีกับคุณลุงขวด คุณ นริศ พี่ครรชิต และเพื่อน ที่ถือหุ้นตัวนี้ทุกคน เงินปันผลที่จะได้รับ คิดเฉพาะไตรมาสแรก = 26.93/2 = 13.47 บาทต่อหุ้น
หมายเหตุ หลายเรื่อง เพื่อนๆ ก็ได้โพสกันไปแล้ว แต่ผมก็มาขยายความให้ชัดเจน เพื่อน้องๆ ที่ยังใหม่และไม่หนักแน่นเพียงพอ ให้ไม่เขวไปเข้าทางของพวกเก็งกำไรและขาใหญ่ เห็นราคามันร่วงลงมาแล้ว ขายทิ้งไป
การเวลาจะพิสูจน์ตัวเอง ราคาIPO ของบริษัทนี้ ปี2537
อยู่ที่ 174 บาท ตอนนั้น เงินลงทุนในบริษัทผลิตแอร์ ก็ยังเป็นโรงงานเล็กๆ ซึ่งเหตุ ที่บริษัทใหญ่ ย้ายฐานการผลิต มาในไทย และขยายโรงงานแล้วเสร็จ ในปี 2550 เพราะข้อตกลง J-TEPA ทำให้ส่งแอร์ไปญี่ปุ่นในอัตราภาษี0%
และ ตามข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเรีย ทำให้
ออสเตรเรียเรียกเก็บภาษีแอร์เหลือ 5% และจะเหลือ0% ในปี 2553 ทำให้สามารถแข่งขันกับจีนได้สบาย ที่ผมชอบอีกอย่างคือ นโยบายปันผล 50% กำไร ของบริษัท
เราสามารถจับต้องได้ในรูปของเงินปันผล อย่างแท้จริง
ไม่ต้องไปง้องอน กราบกราน เหมือนหลายๆบริษัท คิดว่า
การประชุมผู้ถือหุ้นปีหน้า คงได้ไปนั่งข้างๆ ลุงขวด และเพื่อนๆ ในVIอีกครั้ง และคงได้ยินเสียงปรบมือดังกระหึมห้องประชุม อีกครั้งแน่นอน
tooyen ,air conditioner, electric fan
- nasesus
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1278
- ผู้ติดตาม: 0
SuperStock หรือ DividenStock
โพสต์ที่ 4
ซื้ิอไปตอนแปดสิบกว่าบาท ซื้่อเพิ่มตอนร้อยกว่าบาท เห็นหล่นมาชักเสียว กลับไปแสกนดูที่บ้าน โอ้ตู้เย็นใบใหญ่ที่บ้าน LG พัดลมทั้งบ้านเป็นฮาตาริ เมื่อบ่ายไปซื้อของที่โลตัสตอนเดินมาลานจอดรถเห็นคนซื้อพัดลมกล่องเบ้อเริ่มมาสองตัว ขอเดินไปดูยี่ห้อใกล้ๆหน่อย โอ้แม่เจ้า!! HATARI
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 1
SuperStock หรือ DividenStock
โพสต์ที่ 5
ผมก็มีหุ้น แต่อย่างไรก็ตามอย่าลืมมองจุดตายของผู้ถือหุ้นด้วยนะครับ
ซึ่งน่ากลัวจริงๆ และถ้าจะให้ชัวร์ ต้องรอดูงบอีก1qเป็นสิ่งยืนยัน เพราะqที่ผ่านมาgpmผมว่ามันสูงเกินเหตุครับ
ซึ่งน่ากลัวจริงๆ และถ้าจะให้ชัวร์ ต้องรอดูงบอีก1qเป็นสิ่งยืนยัน เพราะqที่ผ่านมาgpmผมว่ามันสูงเกินเหตุครับ
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
- vi_tal signs
- Verified User
- โพสต์: 631
- ผู้ติดตาม: 0
SuperStock หรือ DividenStock
โพสต์ที่ 7
หุ้นตัวนี้ โรงงานเขาอยู่ใกล้บ้านผมเองครับ
มันจะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 236
- ผู้ติดตาม: 0
SuperStock หรือ DividenStock
โพสต์ที่ 9
มาเพิ่มเติมข้อมูล
เมื่อวานผมไปตรวจตลาดตู้เย็นที่บิ๊กซีเห็นโชว์ตู้เย็นมิตซูหลายรุ่นทั้งแบบ1ประตู 2ประตู รูปแบบดีไซน์ทันสมัย สีสันสวยโดดเด่น ซึ่งได้รับรางวัล good design award 2008จากองค์กรส่งเสริมการออกแบบสินค้าอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น เดิมผมคิดว่ามันจะเจ๋งจริงหรอ แต่ก็ต้องยอมรับว่าสวยโดดเด่นกว่าจริงๆ(สามารถเข้าไปดูรายละเอียดบริษัทและสินค้าที่ผลิตได้ที่ www.mitsubishi-kye.com)
แบบ1ประตูราคาเท่าๆกับยี่ห้ออื่น เป็นผมดูปั๊บก็ต้องเลือกมิตซูแน่นอน แบบ2ประตูก็เห็นโชว์ไว้หลายรุ่น หลายขนาดมากกว่ายี่ห้ออื่นๆแสดงว่าขายดีกว่ายี่ห้ออื่นๆด้วย เป็นห่วงก็แต่เรื่องลดราคาเข้าสู้ของแบรนด์เกาหลีเท่านั้น แต่ดีไซด์ยังห่างอยู่ หรือเขาจะลดแต่รุ่นที่ตกรุ่นก็ไม่รู้
สำหรับพัดลมที่บิ๊กซีไม่มีวางจำหน่ายเลย เห็นแต่ฮาตาริวางเต็มไปหมด ถามพนักงานบอกว่าพัดลมมิตซูราคาสูงมีขายที่โฮมโปร ตามห้าง และร้านเอเย่น
จากการหาข้อมูลของผมจะเห็นว่าพัดลมมิตซูเน้นจับตลาดระดับกลางถึงสูงและราคาจะสูงกว่ายี่ห้อที่เป็นแบรนด์ญี่ปุ่น 5% และlocal brand 40% แต่จะมีคุณภาพดีกว่าใช้ทน มอเตอร์ไม่ไหม้ (มีระบบป้องกัน)และคงไม่ลงมาสู้ในตลาดล่างกว่า ซึ่งมีฮาตาริเป็นเจ้าตลาด(ตอนผมไปประชุมผู้ถือหุ้นJCTเคยคุยกับประธานบริษัท ท่านบอกว่าเราทำแล้วมีกำไรดีกว่าไปขายแข่งราคา ครองตลาดเยอะ ขายมากๆแล้วไม่มีกำไร คุณจะเลือกแบบไหน
ผมก็เห็นจริง เพราะคู่แข่งของJCT สุดท้ายก็ต้องขายให้กับ3Mไป) จากตัวเลขของบริษัท ยอดขายพัดลมก็สม่ำเสมอ ประมาณ 860-870ล้านบาทต่อปี
สำหรับปั๊มน้ำ บริษัทครองส่วนแบ่งตลาด 50% เป็นเจ้าตลาดแม้ราคาจะสูงกว่ายี่ห้ออื่น
ปกติแล้วผมจะไม่ค่อยได้โพสต์ อ่านอย่างเดียว ถ้าไม่มั่นใจจริงๆจะไม่โพสต์ ผมเคยโพสต๋ตอน JCT อยู่13-14บาท ประมาณ6ปีที่แล้วตอนนั้นมีเฮียคลายเครียดและเฮียปรัชญา ที่สนใจอยู่เท่านั้น หลังจากนั้นไม่นาน มันก็ไม่เคยต่ำกว่า20บาทอีกเลย
เมื่อวานผมไปตรวจตลาดตู้เย็นที่บิ๊กซีเห็นโชว์ตู้เย็นมิตซูหลายรุ่นทั้งแบบ1ประตู 2ประตู รูปแบบดีไซน์ทันสมัย สีสันสวยโดดเด่น ซึ่งได้รับรางวัล good design award 2008จากองค์กรส่งเสริมการออกแบบสินค้าอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น เดิมผมคิดว่ามันจะเจ๋งจริงหรอ แต่ก็ต้องยอมรับว่าสวยโดดเด่นกว่าจริงๆ(สามารถเข้าไปดูรายละเอียดบริษัทและสินค้าที่ผลิตได้ที่ www.mitsubishi-kye.com)
แบบ1ประตูราคาเท่าๆกับยี่ห้ออื่น เป็นผมดูปั๊บก็ต้องเลือกมิตซูแน่นอน แบบ2ประตูก็เห็นโชว์ไว้หลายรุ่น หลายขนาดมากกว่ายี่ห้ออื่นๆแสดงว่าขายดีกว่ายี่ห้ออื่นๆด้วย เป็นห่วงก็แต่เรื่องลดราคาเข้าสู้ของแบรนด์เกาหลีเท่านั้น แต่ดีไซด์ยังห่างอยู่ หรือเขาจะลดแต่รุ่นที่ตกรุ่นก็ไม่รู้
สำหรับพัดลมที่บิ๊กซีไม่มีวางจำหน่ายเลย เห็นแต่ฮาตาริวางเต็มไปหมด ถามพนักงานบอกว่าพัดลมมิตซูราคาสูงมีขายที่โฮมโปร ตามห้าง และร้านเอเย่น
จากการหาข้อมูลของผมจะเห็นว่าพัดลมมิตซูเน้นจับตลาดระดับกลางถึงสูงและราคาจะสูงกว่ายี่ห้อที่เป็นแบรนด์ญี่ปุ่น 5% และlocal brand 40% แต่จะมีคุณภาพดีกว่าใช้ทน มอเตอร์ไม่ไหม้ (มีระบบป้องกัน)และคงไม่ลงมาสู้ในตลาดล่างกว่า ซึ่งมีฮาตาริเป็นเจ้าตลาด(ตอนผมไปประชุมผู้ถือหุ้นJCTเคยคุยกับประธานบริษัท ท่านบอกว่าเราทำแล้วมีกำไรดีกว่าไปขายแข่งราคา ครองตลาดเยอะ ขายมากๆแล้วไม่มีกำไร คุณจะเลือกแบบไหน
ผมก็เห็นจริง เพราะคู่แข่งของJCT สุดท้ายก็ต้องขายให้กับ3Mไป) จากตัวเลขของบริษัท ยอดขายพัดลมก็สม่ำเสมอ ประมาณ 860-870ล้านบาทต่อปี
สำหรับปั๊มน้ำ บริษัทครองส่วนแบ่งตลาด 50% เป็นเจ้าตลาดแม้ราคาจะสูงกว่ายี่ห้ออื่น
ปกติแล้วผมจะไม่ค่อยได้โพสต์ อ่านอย่างเดียว ถ้าไม่มั่นใจจริงๆจะไม่โพสต์ ผมเคยโพสต๋ตอน JCT อยู่13-14บาท ประมาณ6ปีที่แล้วตอนนั้นมีเฮียคลายเครียดและเฮียปรัชญา ที่สนใจอยู่เท่านั้น หลังจากนั้นไม่นาน มันก็ไม่เคยต่ำกว่า20บาทอีกเลย
tooyen ,air conditioner, electric fan
- songwit
- Verified User
- โพสต์: 279
- ผู้ติดตาม: 0
SuperStock หรือ DividenStock
โพสต์ที่ 11
ถ้าเวลานี้ผมบอกว่าเป็นการปรับฐานก่อนจะขึ้นอีกรอบ จะเข้าซื้อไหมครับ?ccc111 เขียน:ทำไมเพิ่งจะมาเชียร์เอาตอนที่ราคามันวิ่งมาขนาดนี้แล้วล่ะครับ
ราคานี้ไม่กล้าซื้อครับกลัวติดดอย
หรือวว่ามันเพิ่งจะแปลงร่างเป็น Super Stock ตอนราคามันวิ่งครับ :lol:
ไม่ได้จะว่ากล่าวอะไรครับ เพียงอยากจะสื่อว่า จินตนาการสำคัญกว่าความรู้(อัลเบิต ไอส์สไตรท)
ขอบคุณ คุณtooyenครับ ผมอ่านใน100คน100หุ้น แล้วคุณมาสรุปอีกที
ทำให้มั่นใจขึ้นครับ เพราะผมกลัวว่าจะคิดเข้าข้างตัวเองเกินไป
แต่ผมไม่ได้อ่านงบละเอียดเหมือนคุณ tooyen นะครับ ผมมือใหม่ครับ
จะพยายามอ่านงบต่อไปครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 165
- ผู้ติดตาม: 0
SuperStock หรือ DividenStock
โพสต์ที่ 13
เข้ามา Confirm คุณตู้เย็นครับว่า พัดลมของ Mitsu. เจ๋ง จริง ๆ ที่บ้านผมมีอยู่ 2 ตัว ใช้มาสิบกว่าปี แล้ว ไม่เคยมีปัญหาเลย มอเตอร์ก็ไม่ร้อนด้วย เปิดได้ท้้งวัน ส่วนยี่ห้อ H เปิดมาสัก 1-2 ชั่วโมงก็ร้อนแล้ว และปุ่มเปิดปิด ก็เสียง่ายด้วยครับ ใช้มาประมาณ 4 ปี ก็เสียแล้ว
ขอถามคุณตู้เย็นครับว่าข้อมูลเกี่ยวกับมาร์เก็ตแชร์ และการขยายกำลังการผลิตของ MCP ปี 2550 ได้มาจากไหนครับเผื่อจะได้ไปศึกษาเพิ่มเติมบ้าง และตอนนี้กำลังการผลิตใช้ไปกี่ % แล้วครับ
ขอถามคุณตู้เย็นครับว่าข้อมูลเกี่ยวกับมาร์เก็ตแชร์ และการขยายกำลังการผลิตของ MCP ปี 2550 ได้มาจากไหนครับเผื่อจะได้ไปศึกษาเพิ่มเติมบ้าง และตอนนี้กำลังการผลิตใช้ไปกี่ % แล้วครับ
MANITS
-
- Verified User
- โพสต์: 305
- ผู้ติดตาม: 0
SuperStock หรือ DividenStock
โพสต์ที่ 14
ก็เป็นเรื่องธรรมชาติครับ พอดีมันเลิกวิ่งขึ้น ทำท่าจะวิ่งลงccc111 เขียน:ทำไมเพิ่งจะมาเชียร์เอาตอนที่ราคามันวิ่งมาขนาดนี้แล้วล่ะครับ
ราคานี้ไม่กล้าซื้อครับกลัวติดดอย
หรือวว่ามันเพิ่งจะแปลงร่างเป็น Super Stock ตอนราคามันวิ่งครับ :lol:
แต่ก็ทำให้ผมนั่งอ่านจนมึนเลยล่ะ ธรรมดาแค่เอ่ยชื่อกันยงผมก็ไม่เคยคิดจะสนใจเลย (ถ้าสนใจอาจได้สองเท่าไปแล้ว) วันนี้นั่งอ่านแต่หลับก่อน ก็แค่แปลกใจทำไมปันผลเยอะแล้วก็น้อย แล้วก็กลับมาเยอะอีก หุ้นตัวนี้มี cycle ด้วยเหรอ ทั้งที่รายได้ก็มาจากปันผลตั้งแต่อ่านหน้าแรก
没有
- kurapica
- Verified User
- โพสต์: 587
- ผู้ติดตาม: 0
SuperStock หรือ DividenStock
โพสต์ที่ 15
ไม่ทันแล้วครับ พี่น้องคร้าบ ผมขายไปแล้วตั้งแต่มันเริ่มร่วง แล้วก็มาศึกษากราฟเองแบบภูมิปัญญาตัวเองเพื่อหาจังหวะเอาคืน (ร้องแบบจาพนมว่า หุ้นกุอยู่ไหน) โดยใช้หลักว่า สำหรับราคาหุ้นแล้วประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยเสมอ ก็พบว่ามันน่าจะลงมาสุดๆที่ 102 , 103 , 104 เลยตั้งรับเมื่อวันศุกร์ไว้ที่ 104 ผลปรากฏว่า สวรรค์ไม่มีตา กลั่นแกล้งคนตั้งใจจริง ราคามันลงมาสุดๆแค่ประมาณ 105 แล้ววันนี้ก็ตั้งรับไว้ที่เดิม แต่มันก็ไม่ลงมา แถมขึ้นไปอีก จะซื้อราคานี้ก็เสียวๆอยู่เหมือนกัน
ยอดดอยอยู่ไหนจ๊ะ ขึ้นมามากแล้วนะ
- nasesus
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1278
- ผู้ติดตาม: 0
SuperStock หรือ DividenStock
โพสต์ที่ 19
ผมซื้อหุ้นผมซื้อขวาตลอดครับkurapica เขียน:ไม่ทันแล้วครับ พี่น้องคร้าบ ผมขายไปแล้วตั้งแต่มันเริ่มร่วง แล้วก็มาศึกษากราฟเองแบบภูมิปัญญาตัวเองเพื่อหาจังหวะเอาคืน (ร้องแบบจาพนมว่า หุ้นกุอยู่ไหน) โดยใช้หลักว่า สำหรับราคาหุ้นแล้วประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยเสมอ ก็พบว่ามันน่าจะลงมาสุดๆที่ 102 , 103 , 104 เลยตั้งรับเมื่อวันศุกร์ไว้ที่ 104 ผลปรากฏว่า สวรรค์ไม่มีตา กลั่นแกล้งคนตั้งใจจริง ราคามันลงมาสุดๆแค่ประมาณ 105 แล้ววันนี้ก็ตั้งรับไว้ที่เดิม แต่มันก็ไม่ลงมา แถมขึ้นไปอีก จะซื้อราคานี้ก็เสียวๆอยู่เหมือนกัน
- Luty97
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1552
- ผู้ติดตาม: 0
SuperStock หรือ DividenStock
โพสต์ที่ 22
คุณตู้เย็น เชียร์หุ้นได้ใจจริงๆเลย :lol:
ใครจะตามก็คิดดีๆละกันนะครับ ซื้อเพราะตัวเองต้องศึกษามาดีแล้ว และรู้ว่าราคาเป้าหมายเราอยู่ที่เท่าไร ราคาไหนควรซื้อหรือขาย
ปล. ท่าทาง login ของคุณตู้เย็นนี้ใช้เฉพาะกิจเลยนะ ตอนโพส jct ใช้ login พลาสเตอร์ยา ป่าว อิอิ แซวเล่นนะครับ :nm:
ใครจะตามก็คิดดีๆละกันนะครับ ซื้อเพราะตัวเองต้องศึกษามาดีแล้ว และรู้ว่าราคาเป้าหมายเราอยู่ที่เท่าไร ราคาไหนควรซื้อหรือขาย
ปล. ท่าทาง login ของคุณตู้เย็นนี้ใช้เฉพาะกิจเลยนะ ตอนโพส jct ใช้ login พลาสเตอร์ยา ป่าว อิอิ แซวเล่นนะครับ :nm:
หลักของความสมดุล
- green-orange
- Verified User
- โพสต์: 896
- ผู้ติดตาม: 0
SuperStock หรือ DividenStock
โพสต์ที่ 23
เพิ่งมาอ่านเจอ ต้องไปศึกษาก่อน น่าสน
-
- Verified User
- โพสต์: 236
- ผู้ติดตาม: 0
SuperStock หรือ DividenStock
โพสต์ที่ 24
เข้ามาเพิ่มเติมข้อมูล ก่อนอื่นต้องขอบคุณคุณลูกอีสานที่ชมและให้กำลังใจรวมทั้งเพือนๆน้องๆทุกคน
ขอชื้นชมคุณลูกอีสานที่นับเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งและไม่อมภูมิ ผมนับถือด้วยความจริงใจ
สำหรับจุดตายที่คุณนริศเตือนไว้ ในตอนแรกผมก็ห่วงอยู่จึงยังลงทุนไปไม่มากนักแต่เมื่อผมได้ไปประชุมผู้ถือหุ้น และได้จี้จุดนี้ไปแล้ว ซึ่งกรรมการตรวจสอบก็สนใจและได้มาคัดลอกที่ผมอ่านไปด้วย ทำให้ไม่น่าจะมีปัญหาตรงนี้แล้วสำหรับข้อมูลของMPC ค่อนข้างหายากเพราะอยู่นอกตลาดบริษัทใหญ่ถือหุ้นอยู่ถึง70% เขาก็ต้องการเงินปันผลตรงนี้ไปเข้าบริษัทเขาเหมือนกัน เพื่อโชว์กำไรให้ผู้ถือหุ้นเห็น บ.ใหญ่เขาจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์หลายแห่งทั่วโลก การเข้มงวดกวดขันเขาแน่นอน ข้อมูลของMPCมีรายละเอียดบางส่วนอยู่ในร้อยคนร้อยหุ้นและถ้าเพื่อนๆหาข้อมูลมาได้ก็ขอให้บอกบ้างก็แล้วกัน
ผมหาข้อมูลทางอ้อมมาดังนี้
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2450 06 ส.ค. - 08 ส.ค. 2552
ผ่าแผนรง.ผลิตแอร์'มิตซูบิชิ' ไทยฐานใหญ่สุดส่งออกทั่วโลก
บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอนซูมเมอร์ โปรดักส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือMCP ถือเป็นหนึ่งในอีกหลายบริษัทที่มีส่วนทำให้ตัวเลขการส่งออกในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์โตขึ้น(ปี 2550 มีมูลค่าการส่งออกรวมโต 1.6 ล้านล้านบาท) การตัดสินใจของบริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์ปอเรชั่น จากประเทศญี่ปุ่น เมื่อ18 ปีก่อน (ปี 2533) ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจผลิตเครื่องปรับอากาศแบรนด์ "มิตซูบิชิ"ในเชิงพาณิชย์ โดยการเช่าพื้นที่ย่านกิโลเมตร 20 บางนา-ตราด ในอาณาเขตของพันธมิตรทางธุรกิจ บริษัท มิตซูบิชิ อีเลคทริก กันยง จำกัด ถือเป็นหนึ่งในหลายทุนข้ามชาติที่มาลงทุนในประเทศไทยและประสบความสำเร็จ
MCPเริ่มต้นจากขนาดกำลังผลิตเครื่องปรับอากาศสำหรับใช้ในห้องนอน และที่พักอาศัย ที่ 24,000 เครื่อง/ปี ก่อนที่จะตัดสินใจย้ายฐานการผลิตทั้งหมดมาอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรีเมื่อปี 2539 หลังจากที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาดในประเทศด้วยสัดส่วนการขายสูงถึง 90%ของกำลังผลิตทั้งหมด
"มิตซูบิชิ"ยึดไทยผลิตแอร์ใหญ่สุด
สถานภาพของMCP ในช่วง 18 ปี ที่ผ่านมา มีการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะการผลิตเพื่อส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันมียอดขายเครื่องปรับอากาศระหว่างเดือนเมษายน 2550 ถึงเดือนมีนาคม 2551 รวมทั้งสิ้น 2.9 ล้านเครื่อง/ปี (แบ่งเป็นเครื่องปรับอากาศที่ใช้ในห้อง1.6 ล้านเครื่อง/ปีและเป็นเครื่องปรับอากาศที่อยู่นอกห้องจำนวน 1.3 ล้านเครื่อง/ปี) จากที่โรงงานผลิตมีขีดความสามารถของเครื่องจักรผลิตได้สูงสุดถึง 4 ล้านเครื่อง/ปี นับเป็นฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในขณะนี้ และเป็นฐานการผลิตที่มีบทบาทสำคัญต่อตลาดส่งออก ด้วยต้นทุนต่ำ เพราะชิ้นส่วนประกอบเกือบทั้งหมด มิตซูบิชิสามารถผลิตได้เองในประเทศไทย
ไม่เพียงแต่ขนาดกำลังผลิตที่เติบใหญ่ แต่แผนการตลาดก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางตรงกันข้าม จากที่เริ่มต้นผลิตเพื่อขายในประเทศ 90% ก็ต้องปรับเป็นผลิตเพื่อส่งออก 90% ขณะนี้เครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิส่งไปจำหน่ายยัง 84 ประเทศทั่วโลก โดยเน้นไปที่ตลาดหลักอย่างยุโรปมากถึง 50% ของการส่งออกทั้งหมด มีขนาดเครื่องปรับอากาศตั้งแต่ 9000 บีทียู 13000 บีทียู ไปจนถึงขนาด18000 บีทียู
นายมาซายาสุ มาซูดะ ประธาน บริษัท MCP เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ถึง เหตุผลที่บริษัทขยายการลงทุนในประเทศไทยว่า การลงทุนในอุตสาหกรรมใดก็ตามต้องมองถึงการขยายตัวไปสู่ตลาดส่งออกทั้งนั้น สำหรับเครื่องปรับอากาศเมื่อดูความต้องการใช้ในประเทศที่มีประมาณ 550,000 เครื่อง/ปี เปรียบเทียบกับความสามารถในการผลิตของบริษัทจำเป็นต้องขยายฐานการขายไปสู่ตลาดต่างประเทศควบคู่ไปด้วย เขากล่าวและว่า
"ส่งออกมากขึ้นเพราะมองว่าถ้าผลิตได้ไม่ถึง 1 ล้านเครื่อง/ปี จะแข่งขันไม่ได้ เพราะเมื่อฐานการผลิตใหญ่ขึ้นจะหมายถึงการทำให้ต้นทุนรวมในการผลิตต่ำลง"
-ส่งออกทั่วโลกจัดอันดับนำตลาด
สัดส่วนส่งออกเครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิสูงถึง 90% เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า ฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิในไทยได้รับการขานรับอย่างดีจากตลาดต่างประเทศ การยืนยันนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ทำการสำรวจพบว่าอันดับผู้นำแบรนด์ต่างๆเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว"เครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิ"ในประเทศไทย สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา จะเป็นผู้นำตลาดมาเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนในตลาดอิตาลี ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ ปากีสถานและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE)จะเป็นผู้นำตลาดอันดับสอง และในตลาดประเทศสเปนจะนำตลาดเป็นอันดับสาม เมื่อดูภาพรวมทั่วโลกแล้วแบรนด์"มิตซูบิชิ"จะอยู่ในอันดับต้นๆของแบรนด์ยอดฮิตที่ติดตลาดโลกอยู่ในขณะนี้
สำหรับตลาดในประเทศ เครื่องปรับอากาศที่เจาะกลุ่มลูกค้าตลาดบน "มิตซูบิชิ"จะมีส่วนแบ่งตลาดนำไปแล้วที่ 31% ในขณะที่ผู้ผลิตและผู้นำเข้ารายอื่นๆที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันไล่ตามกันมา เช่นแบรนด์ไดกิ้น พานาโซนิค แอลจี โดย มาซายาสุ มาซูดะ อธิบายถึงสาเหตุที่ครองใจลูกค้า
ได้มากระดับนี้เพราะผลิตสินค้าได้ตรงกับกระแสภาวะโลกร้อน เมื่อยุโรปออกกฎROHS ห้ามมีสารต้องการ 6 ประเภทในสินค้าที่ผลิตส่งไปขายในยุโรป เช่น สารตะกั่ว ปรอท แคดเมียม มาตั้งแต่ปี 2550 ทำให้MCPต้องเข้มงวดต่อการจัดหาชิ้นส่วนที่มาจาก 200 บริษัท โดยทุกชิ้นส่วนจะต้องผ่านระบบตรวจสอบโดยปลอดสารดังกล่าว ซึ่งจีนยังไม่มีความสามารถในการควบคุมในลักษณะนี้ทำให้ผู้ผลิตบางรายมีการส่งออกลดลงแล้วในขณะนี้ โดยเฉพาะการส่งออกไปยังยุโรป
ประธาน บริษัท MCP กล่าวว่าด้วยศักยภาพดังกล่าวจึงเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่ได้รับผลกระทบจากกระแสจีนฟรีเวอร์ที่แพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ และแอร์มิตซูบิชิ ส่วนใหญ่เจาะกลุ่มลูกค้าตลาดไฮเอนด์ ถึงแม้ว่าจะมีตลาดบางส่วนที่เป็นเครื่องปรับอากาศราคาประหยัด ก็ยังจัดว่าเป็นสินค้าที่อยู่ในตลาดกลางไม่ใช่ตลาดล่าง โดยจะเห็นว่า เครื่องปรับอากาศรุ่นท็อปที่สุดจะเป็นขนาด 9000 บีทียู ราคาประมาณ 23,000 บาท/เครื่อง ในขณะที่รุ่นที่เป็นตลาดกลางราคาจะอยู่ที่ 13,000 บาท/เครื่อง ซึ่งตลาดในประเทศที่มีอยู่สัดส่วน 10% ที่ส่วนใหญ่จะเน้นเครื่องปรับอากาศราคาประหยัดมากถึง 80%
ปี2551อัดทุนอีกเกือบพันล.
เมื่อประเทศไทยกลายเป็นฐานผลิตเบอร์หนึ่งของเครื่องปรับอากาศมิตซูบิชินอกประเทศญี่ปุ่นไปแล้ว ทำให้แต่ละปีทุนกลุ่มนี้จะต้องใช้งบลงทุนพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง เมื่อย้อนกลับไปดูเมื่อปี 2549 ต้องใช้เงินทุนในการขยายกำลังการผลิตสูงถึง 1,030 ล้านบาท ผลิตเพิ่มขึ้นจาก 700,000 -1 ล้านเครื่อง เป็น 2.9 เครื่องในปัจจุบัน ต่อจากนั้นเมื่อปี 2550 ลงทุนเพิ่มอีก 700 ล้านบาทในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตให้ทันสมัยและในปี 2551 บริษัทจะลงทุนเพิ่มขึ้นอีก 800 ล้านบาท สำหรับการพัฒนาศักยภาพให้สามารถแข่งขันได้ ดียิ่งขึ้น โดยจะเน้นการผลิตเครื่องปรับอากาศที่ประหยัดพลังงาน วางระบบไอทีภายในโรงงาน ยกระดับความปลอดภัย และพัฒนาบุคลากรที่มี 2,800 คน(พนักงานประจำ 1,100 คนและพนักงานชั่วคราว 1,700 คน)
-ตั้งเป้าโต8%ท่ามกลางแรงเสียดทาน
สำหรับยอดขายของ MCPในรอบบัญชีเดือนเมษายน 2550 ถึงเดือนมีนาคม2551 มีมูลค่า 26,000 ล้านบาท ปี 2551 ตั้งเป้าว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้น 8% พร้อมกับยอมรับว่าปี 2551 จะต้องเดินธุรกิจท่ามกลางแรงเสียดทานจากบาทแข็งค่าต่อไป เพราะเมื่อรายได้ทอนกลับมาเป็นเงินบาทก็จะกระทบต่อรายได้รวมของบริษัท แต่ในช่วงที่ผ่านมาสามารถฝ่าสถานการณ์ไปได้เพราะบริหารจัดการโดยการตั้งระดับเพดานการแข็งค่าของบาทไว้ล่วงหน้าทุกครั้ง ในขณะที่ราคาวัตถุดิบเช่น ทองแดง อะลูมิเนียม น้ำมัน ขยับตัวสูงขึ้นมากด้วยเช่นกัน
แรงเสียดทานเหล่านี้ยังต้องติดตามต่อไปว่าถึงที่สุดแล้ว มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์ปอเรชั่น จากประเทศญี่ปุ่น จะต้องออกแรงเพิ่มขึ้นอีกกี่เท่าเพื่อรักษาความเป็นฐานการผลิตขนาดใหญ่ของแบรนด์มิตซูบิชิในประเทศไทยไว้ได้ตลอดไป
---------
ผมไม่ได้เชียร์หุ้นแต่ผมมาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ราคาหุ้นก็ยังต่ำกว่ามูลค่าอยู่มาก มี upside อยู่อีกเป็นเท่า กำไรไตรมาสเดียว มากกว่าราคาหุ้น200กว่าบาทกำไรทั้งปีอีก กระแสเงินสดที่บ.มีเข้ามาก็เป็นเครื่องพิสูจน์เมื่อ3-4ปีที่แล้วยังมีเงินกุ้แบงค์อยู่เลย อีกอย่างโรงงานตู้เย็นอยู่บนที่ดิน72ไร้ ริมถ.บางนา-ตราด กิโลเมตร20 ผมให้ราคาxxต่อหุ้น รู้สึกจะน้อยไปอาจจะถึงxxxด้วยซ้ำ
ผมเกร็งกำไรไม่เป็นและช้าตลอด ส่วนใหญ่ผมจะลงทุนยาวรับปันผล JCTผมถือมา6-7ปีแล้ว ปัจจุบันก็ยังถืออยู่เพียงแต่ลดสัดส่วนลงให้เหมาะสมเมื่อเจอหุ้นที่ดีกว่า(เฮียคลายเครียดเป็นพยานได้ ขออนุญาติพาดพิง เฮียคงไม่ว่านะ) (jctยังเป็นหุ้นที่ดีอยู่นะครับ)
ผมไม่ได้เข้ามาบ่อยเพราะผมต้องให้ลูกพิมพ์ให้ถ้ามีข้อมูลดีๆผมจึงจะเข้ามาอีก สวัสดีครับ
ขอชื้นชมคุณลูกอีสานที่นับเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งและไม่อมภูมิ ผมนับถือด้วยความจริงใจ
สำหรับจุดตายที่คุณนริศเตือนไว้ ในตอนแรกผมก็ห่วงอยู่จึงยังลงทุนไปไม่มากนักแต่เมื่อผมได้ไปประชุมผู้ถือหุ้น และได้จี้จุดนี้ไปแล้ว ซึ่งกรรมการตรวจสอบก็สนใจและได้มาคัดลอกที่ผมอ่านไปด้วย ทำให้ไม่น่าจะมีปัญหาตรงนี้แล้วสำหรับข้อมูลของMPC ค่อนข้างหายากเพราะอยู่นอกตลาดบริษัทใหญ่ถือหุ้นอยู่ถึง70% เขาก็ต้องการเงินปันผลตรงนี้ไปเข้าบริษัทเขาเหมือนกัน เพื่อโชว์กำไรให้ผู้ถือหุ้นเห็น บ.ใหญ่เขาจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์หลายแห่งทั่วโลก การเข้มงวดกวดขันเขาแน่นอน ข้อมูลของMPCมีรายละเอียดบางส่วนอยู่ในร้อยคนร้อยหุ้นและถ้าเพื่อนๆหาข้อมูลมาได้ก็ขอให้บอกบ้างก็แล้วกัน
ผมหาข้อมูลทางอ้อมมาดังนี้
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2450 06 ส.ค. - 08 ส.ค. 2552
ผ่าแผนรง.ผลิตแอร์'มิตซูบิชิ' ไทยฐานใหญ่สุดส่งออกทั่วโลก
บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอนซูมเมอร์ โปรดักส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือMCP ถือเป็นหนึ่งในอีกหลายบริษัทที่มีส่วนทำให้ตัวเลขการส่งออกในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์โตขึ้น(ปี 2550 มีมูลค่าการส่งออกรวมโต 1.6 ล้านล้านบาท) การตัดสินใจของบริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์ปอเรชั่น จากประเทศญี่ปุ่น เมื่อ18 ปีก่อน (ปี 2533) ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจผลิตเครื่องปรับอากาศแบรนด์ "มิตซูบิชิ"ในเชิงพาณิชย์ โดยการเช่าพื้นที่ย่านกิโลเมตร 20 บางนา-ตราด ในอาณาเขตของพันธมิตรทางธุรกิจ บริษัท มิตซูบิชิ อีเลคทริก กันยง จำกัด ถือเป็นหนึ่งในหลายทุนข้ามชาติที่มาลงทุนในประเทศไทยและประสบความสำเร็จ
MCPเริ่มต้นจากขนาดกำลังผลิตเครื่องปรับอากาศสำหรับใช้ในห้องนอน และที่พักอาศัย ที่ 24,000 เครื่อง/ปี ก่อนที่จะตัดสินใจย้ายฐานการผลิตทั้งหมดมาอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรีเมื่อปี 2539 หลังจากที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาดในประเทศด้วยสัดส่วนการขายสูงถึง 90%ของกำลังผลิตทั้งหมด
"มิตซูบิชิ"ยึดไทยผลิตแอร์ใหญ่สุด
สถานภาพของMCP ในช่วง 18 ปี ที่ผ่านมา มีการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะการผลิตเพื่อส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันมียอดขายเครื่องปรับอากาศระหว่างเดือนเมษายน 2550 ถึงเดือนมีนาคม 2551 รวมทั้งสิ้น 2.9 ล้านเครื่อง/ปี (แบ่งเป็นเครื่องปรับอากาศที่ใช้ในห้อง1.6 ล้านเครื่อง/ปีและเป็นเครื่องปรับอากาศที่อยู่นอกห้องจำนวน 1.3 ล้านเครื่อง/ปี) จากที่โรงงานผลิตมีขีดความสามารถของเครื่องจักรผลิตได้สูงสุดถึง 4 ล้านเครื่อง/ปี นับเป็นฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในขณะนี้ และเป็นฐานการผลิตที่มีบทบาทสำคัญต่อตลาดส่งออก ด้วยต้นทุนต่ำ เพราะชิ้นส่วนประกอบเกือบทั้งหมด มิตซูบิชิสามารถผลิตได้เองในประเทศไทย
ไม่เพียงแต่ขนาดกำลังผลิตที่เติบใหญ่ แต่แผนการตลาดก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางตรงกันข้าม จากที่เริ่มต้นผลิตเพื่อขายในประเทศ 90% ก็ต้องปรับเป็นผลิตเพื่อส่งออก 90% ขณะนี้เครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิส่งไปจำหน่ายยัง 84 ประเทศทั่วโลก โดยเน้นไปที่ตลาดหลักอย่างยุโรปมากถึง 50% ของการส่งออกทั้งหมด มีขนาดเครื่องปรับอากาศตั้งแต่ 9000 บีทียู 13000 บีทียู ไปจนถึงขนาด18000 บีทียู
นายมาซายาสุ มาซูดะ ประธาน บริษัท MCP เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ถึง เหตุผลที่บริษัทขยายการลงทุนในประเทศไทยว่า การลงทุนในอุตสาหกรรมใดก็ตามต้องมองถึงการขยายตัวไปสู่ตลาดส่งออกทั้งนั้น สำหรับเครื่องปรับอากาศเมื่อดูความต้องการใช้ในประเทศที่มีประมาณ 550,000 เครื่อง/ปี เปรียบเทียบกับความสามารถในการผลิตของบริษัทจำเป็นต้องขยายฐานการขายไปสู่ตลาดต่างประเทศควบคู่ไปด้วย เขากล่าวและว่า
"ส่งออกมากขึ้นเพราะมองว่าถ้าผลิตได้ไม่ถึง 1 ล้านเครื่อง/ปี จะแข่งขันไม่ได้ เพราะเมื่อฐานการผลิตใหญ่ขึ้นจะหมายถึงการทำให้ต้นทุนรวมในการผลิตต่ำลง"
-ส่งออกทั่วโลกจัดอันดับนำตลาด
สัดส่วนส่งออกเครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิสูงถึง 90% เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า ฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิในไทยได้รับการขานรับอย่างดีจากตลาดต่างประเทศ การยืนยันนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ทำการสำรวจพบว่าอันดับผู้นำแบรนด์ต่างๆเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว"เครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิ"ในประเทศไทย สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา จะเป็นผู้นำตลาดมาเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนในตลาดอิตาลี ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ ปากีสถานและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE)จะเป็นผู้นำตลาดอันดับสอง และในตลาดประเทศสเปนจะนำตลาดเป็นอันดับสาม เมื่อดูภาพรวมทั่วโลกแล้วแบรนด์"มิตซูบิชิ"จะอยู่ในอันดับต้นๆของแบรนด์ยอดฮิตที่ติดตลาดโลกอยู่ในขณะนี้
สำหรับตลาดในประเทศ เครื่องปรับอากาศที่เจาะกลุ่มลูกค้าตลาดบน "มิตซูบิชิ"จะมีส่วนแบ่งตลาดนำไปแล้วที่ 31% ในขณะที่ผู้ผลิตและผู้นำเข้ารายอื่นๆที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันไล่ตามกันมา เช่นแบรนด์ไดกิ้น พานาโซนิค แอลจี โดย มาซายาสุ มาซูดะ อธิบายถึงสาเหตุที่ครองใจลูกค้า
ได้มากระดับนี้เพราะผลิตสินค้าได้ตรงกับกระแสภาวะโลกร้อน เมื่อยุโรปออกกฎROHS ห้ามมีสารต้องการ 6 ประเภทในสินค้าที่ผลิตส่งไปขายในยุโรป เช่น สารตะกั่ว ปรอท แคดเมียม มาตั้งแต่ปี 2550 ทำให้MCPต้องเข้มงวดต่อการจัดหาชิ้นส่วนที่มาจาก 200 บริษัท โดยทุกชิ้นส่วนจะต้องผ่านระบบตรวจสอบโดยปลอดสารดังกล่าว ซึ่งจีนยังไม่มีความสามารถในการควบคุมในลักษณะนี้ทำให้ผู้ผลิตบางรายมีการส่งออกลดลงแล้วในขณะนี้ โดยเฉพาะการส่งออกไปยังยุโรป
ประธาน บริษัท MCP กล่าวว่าด้วยศักยภาพดังกล่าวจึงเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่ได้รับผลกระทบจากกระแสจีนฟรีเวอร์ที่แพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ และแอร์มิตซูบิชิ ส่วนใหญ่เจาะกลุ่มลูกค้าตลาดไฮเอนด์ ถึงแม้ว่าจะมีตลาดบางส่วนที่เป็นเครื่องปรับอากาศราคาประหยัด ก็ยังจัดว่าเป็นสินค้าที่อยู่ในตลาดกลางไม่ใช่ตลาดล่าง โดยจะเห็นว่า เครื่องปรับอากาศรุ่นท็อปที่สุดจะเป็นขนาด 9000 บีทียู ราคาประมาณ 23,000 บาท/เครื่อง ในขณะที่รุ่นที่เป็นตลาดกลางราคาจะอยู่ที่ 13,000 บาท/เครื่อง ซึ่งตลาดในประเทศที่มีอยู่สัดส่วน 10% ที่ส่วนใหญ่จะเน้นเครื่องปรับอากาศราคาประหยัดมากถึง 80%
ปี2551อัดทุนอีกเกือบพันล.
เมื่อประเทศไทยกลายเป็นฐานผลิตเบอร์หนึ่งของเครื่องปรับอากาศมิตซูบิชินอกประเทศญี่ปุ่นไปแล้ว ทำให้แต่ละปีทุนกลุ่มนี้จะต้องใช้งบลงทุนพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง เมื่อย้อนกลับไปดูเมื่อปี 2549 ต้องใช้เงินทุนในการขยายกำลังการผลิตสูงถึง 1,030 ล้านบาท ผลิตเพิ่มขึ้นจาก 700,000 -1 ล้านเครื่อง เป็น 2.9 เครื่องในปัจจุบัน ต่อจากนั้นเมื่อปี 2550 ลงทุนเพิ่มอีก 700 ล้านบาทในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตให้ทันสมัยและในปี 2551 บริษัทจะลงทุนเพิ่มขึ้นอีก 800 ล้านบาท สำหรับการพัฒนาศักยภาพให้สามารถแข่งขันได้ ดียิ่งขึ้น โดยจะเน้นการผลิตเครื่องปรับอากาศที่ประหยัดพลังงาน วางระบบไอทีภายในโรงงาน ยกระดับความปลอดภัย และพัฒนาบุคลากรที่มี 2,800 คน(พนักงานประจำ 1,100 คนและพนักงานชั่วคราว 1,700 คน)
-ตั้งเป้าโต8%ท่ามกลางแรงเสียดทาน
สำหรับยอดขายของ MCPในรอบบัญชีเดือนเมษายน 2550 ถึงเดือนมีนาคม2551 มีมูลค่า 26,000 ล้านบาท ปี 2551 ตั้งเป้าว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้น 8% พร้อมกับยอมรับว่าปี 2551 จะต้องเดินธุรกิจท่ามกลางแรงเสียดทานจากบาทแข็งค่าต่อไป เพราะเมื่อรายได้ทอนกลับมาเป็นเงินบาทก็จะกระทบต่อรายได้รวมของบริษัท แต่ในช่วงที่ผ่านมาสามารถฝ่าสถานการณ์ไปได้เพราะบริหารจัดการโดยการตั้งระดับเพดานการแข็งค่าของบาทไว้ล่วงหน้าทุกครั้ง ในขณะที่ราคาวัตถุดิบเช่น ทองแดง อะลูมิเนียม น้ำมัน ขยับตัวสูงขึ้นมากด้วยเช่นกัน
แรงเสียดทานเหล่านี้ยังต้องติดตามต่อไปว่าถึงที่สุดแล้ว มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์ปอเรชั่น จากประเทศญี่ปุ่น จะต้องออกแรงเพิ่มขึ้นอีกกี่เท่าเพื่อรักษาความเป็นฐานการผลิตขนาดใหญ่ของแบรนด์มิตซูบิชิในประเทศไทยไว้ได้ตลอดไป
---------
ผมไม่ได้เชียร์หุ้นแต่ผมมาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ราคาหุ้นก็ยังต่ำกว่ามูลค่าอยู่มาก มี upside อยู่อีกเป็นเท่า กำไรไตรมาสเดียว มากกว่าราคาหุ้น200กว่าบาทกำไรทั้งปีอีก กระแสเงินสดที่บ.มีเข้ามาก็เป็นเครื่องพิสูจน์เมื่อ3-4ปีที่แล้วยังมีเงินกุ้แบงค์อยู่เลย อีกอย่างโรงงานตู้เย็นอยู่บนที่ดิน72ไร้ ริมถ.บางนา-ตราด กิโลเมตร20 ผมให้ราคาxxต่อหุ้น รู้สึกจะน้อยไปอาจจะถึงxxxด้วยซ้ำ
ผมเกร็งกำไรไม่เป็นและช้าตลอด ส่วนใหญ่ผมจะลงทุนยาวรับปันผล JCTผมถือมา6-7ปีแล้ว ปัจจุบันก็ยังถืออยู่เพียงแต่ลดสัดส่วนลงให้เหมาะสมเมื่อเจอหุ้นที่ดีกว่า(เฮียคลายเครียดเป็นพยานได้ ขออนุญาติพาดพิง เฮียคงไม่ว่านะ) (jctยังเป็นหุ้นที่ดีอยู่นะครับ)
ผมไม่ได้เข้ามาบ่อยเพราะผมต้องให้ลูกพิมพ์ให้ถ้ามีข้อมูลดีๆผมจึงจะเข้ามาอีก สวัสดีครับ
tooyen ,air conditioner, electric fan
- kurapica
- Verified User
- โพสต์: 587
- ผู้ติดตาม: 0
SuperStock หรือ DividenStock
โพสต์ที่ 25
[quote="MANITS"]เข้ามา Confirm คุณตู้เย็นครับว่า พัดลมของ Mitsu. เจ๋ง จริง ๆ ที่บ้านผมมีอยู่ 2 ตัว ใช้มาสิบกว่าปี แล้ว ไม่เคยมีปัญหาเลย มอเตอร์ก็ไม่ร้อนด้วย เปิดได้ท้้งวัน ส่วนยี่ห้อ H เปิดมาสัก 1-2 ชั่วโมงก็ร้อนแล้ว และปุ่มเปิดปิด ก็เสียง่ายด้วยครับ ใช้มาประมาณ 4 ปี ก็เสียแล้ว
ยอดดอยอยู่ไหนจ๊ะ ขึ้นมามากแล้วนะ
- Luty97
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1552
- ผู้ติดตาม: 0
SuperStock หรือ DividenStock
โพสต์ที่ 27
MCP ปันผลให้ kye อย่างงี้เกี่ยวกันด้านผลประกอบการไหมครับKhunchat เขียน:ขอบอก MCP กับKYE คนละบริษัท ครับ ไม่เกี่ยวข้องด้านผลประกอบเลยครับ
MCPผลิตแอร์อย่างเดียว แต่KYE ผลิตตู้เย็น พัดลม ........แต่ยี่ห้อมิตซูบิชิเหมือนกัน
ถ้าไม่ เพราะไม่ได้รวมงบกัน ก็เข้าใจตรงกันครับ :P
หลักของความสมดุล
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 165
- ผู้ติดตาม: 0
SuperStock หรือ DividenStock
โพสต์ที่ 29
ขอถามคุณนริส/คุณตู้เย็นครับว่าจุดตายของผู้ถือหุ้นที่พูดถึงคืออะไรครับ ใช่รายการกำหนดราคาขายสินค้าให้กับบริษัทฯในเครือหรือเปล่าครับและกรรมการตรวจสอบได้พิจารณาและหาทางแก้ไขปรับปรุงหรือหาวิธีการอย่างไรที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ถือหุ้นของ KYE
อ้ออย่าลืมให้มูลค่ากับแบรนด์ Mitsubishi ด้วยน่ะครับ
อ้ออย่าลืมให้มูลค่ากับแบรนด์ Mitsubishi ด้วยน่ะครับ
MANITS
-
- Verified User
- โพสต์: 236
- ผู้ติดตาม: 0
SuperStock หรือ DividenStock
โพสต์ที่ 30
ทำไมkyeในร้อยคนร้อยหุ้นหายไป โดนใครวางยาหรือเปล่า? ตอบคุณkhunchat kyeถือหุ้นmpc อยู่10%และทำให้kyeมีคุณค่าที่ซ่อนอยู่ เพราะmpcปันผลมาให้kyeปีละ300กว่าล้าน สำหรับปีนี้ปันมาแล้ว413.342ล้าน=18.788บ.ต่อหุ้นkye และยังมีในไตรมาส3อีกครั้งแต่อาจจะน้อยกว่าครั้งแรก ดังนั้นต้องศึกษาให้เข้าใจและขึ้นไปอ่านตั้งแต่แรกใหม่ ตอบคุณมานิต ถูกต้องครับ หากขายสินค้าได้มากแต่ไม่มีกำไรก็ไม่มีประโยชน์ในจุดนี้ในการประชุมผู้ถือหุ้นแม้ประธานจะตอบไม่ค่อยตรงคำถามเท่าไหร่แต่เข้าใจว่ากรรมการทุกคนเข้าใจดีว่าผู้ถือหุ้นดูอยู่ และการมีคณะกรรมการกำหนดราคาสินค้าขึ้นมา(ยกระดับจากอนุกรรมการ)แสดงว่าเขาให้ความสำคัญตรงจุดนี้ และประธานพูดเป็นนัยว่าเราเข้ามาทำธุรกิจเรากำลังลดต้นทุนอยู่ เมื่อผลประกอบการไตรมาส1ออกมาผมจึงมั่นใจมาก(หากมีปัญหาขาดทุนขึ้นมาอีกคณะกรรมการกำหนดราคาสินค้า ต้องรับผิดชอบที่จะโดนผู้ถือหุ้นยำแน่นอน) อีกอย่าง ญี่ปุ่นรักศักดิ์ศรี ของตัวเองที่สุด เขาต้องการให้ผู้ถือหุ้นชมเชย มากกว่าไปด่าเขา และนโยบายย้ายฐานการผลิตมาในไทย ทำให้ตู้เย็นรุ่นที่มี มาจิ้น สูง ย้ายมาผลิตในเมืองไทยแล้ว โอกาสที่จะขาดทุนอีกแทบไม่มีเลย สำหรับมูลค่าแบรนด์ ในกรณีของโรงงานผลิต ไม่ได้ประโยชน์โดยตรงครับ มูลค่า
แบรนด์ โรงงานผลิตต้องจ่ายให้บริษัทแม่ และต้องไป+ในต้นทุน คิดกับบริษัทจัดจำหน่ายอีกทีครับ
แบรนด์ โรงงานผลิตต้องจ่ายให้บริษัทแม่ และต้องไป+ในต้นทุน คิดกับบริษัทจัดจำหน่ายอีกทีครับ
tooyen ,air conditioner, electric fan