++ มองหุ้นอสังหาฯ อย่าง VI ++
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
++ มองหุ้นอสังหาฯ อย่าง VI ++
โพสต์ที่ 1
หลายบทความได้เขียนถึงหุ้นกลุ่มนี้ว่าเป็นการเก็งกำไรระยะสั้น...แต่ที่จริงแล้วยังมีหลายเรื่องที่หากมองในลักษณะของ "มูลค่า" และ "การเติบโต" แล้วก็ยังพอจะได้ดังนี้ คือ ราคาอสังหาฯ ปกติแล้ว จะขึ้นอยู่กับ จำนวนประชากร รายได้ประชากร และ สาธารณูปโภค ในท้องถิ่นนั้นๆ
สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีก 3-5 ปีจากนี้คือ
1. การลงทุนสาธารณูปโภค...รัฐลงทุนให้ฟรีๆ แต่บ.อสังหาฯรับประโยชน์
ปกติแล้วบ.ต่างๆ จะลงทุนด้วยเงินตนเอง และ รับผลประโยชน์เอง แต่บริษัทเหล่านี้ มีคนลงทุนให้ (รัฐบาล) แต่รับผลประโยชน์จากราคาอสังหาฯ ที่มีมูลค่าสูงขึ้น ตามแนวรถไฟฟ้าที่พาดผ่านไป 3-5 ปีจากนี้
เงิน 8 แสนล้าน 12 เส้นทาง ... เป็นเงินก้อนใหญ่มากๆ และ เมื่อคิดว่าจะส่งผลให้อสังหาฯ ตามแนวนี้มูลค่าสูงขึ้นกว่า 10 เปอร์เซนต์ต่อปีได้สบายๆ
สรุปก็คือ ไม่ต้องลงทุนเอง แต่รับผลประโยชน์เนื้อๆ
2. คนเกษียณต่างชาติที่เพิ่มขึ้น เรื่องนี้เป็น เมกะเทรนด์เลย...
ในภูมิภาคทั่วโลก พบว่า ความนิยมในการเกษียณต่างประเทศ จะนำโด่งมาที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แข่งกันระหว่าง มาเลเซีย ไทย และ ฟิลิปินส์ เพราะ มีค่าครองชีพต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้วถึง 4 เท่าตัว การแพทย์ดีและต้นทุนต่ำ อาหารอร่อยและหลากหลาย
กลุ่มเป้าหมายมี 200 ล้านคนสำหรับประชากรยุคเบบี้บูม ... ซึ่งจะเกษียณเพิ่มเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นไป ถ้าคิดว่าแค่ 1 เปอร์เซนต์ เลือกมาเกษียณเมืองไทยก็จะเป็นเรื่องใหญ่แล้ว...งานจะเข้าสุดๆ
เพราะ คนชราถึง 2 ล้านคน...รายได้สูงระดับ 5 หมื่นต่อเดือนขึ้นไป (เงินบำนาญ) ประเทศไทยและกรุงเทพฯ จะหาที่อยู่อาศัยให้พวกเขาได้อย่างไรให้เพียงพอและมีคุณภาพ เดินทางสะดวกปลอดภัย
ตอนนี้เราสร้างคอนโดฯ อยู่แค่ 3 หมื่นยูนิตต่อปี ไม่เพียงพอต่อการรองรับประชากรที่จะเพิ่มมากขนาดนี้ได้หรอก .... ซึ่งดีมานด์ตรงนี้จึงสะท้อนมาที่ราคาคอนโดฯ แนวรถไฟฟ้าที่แรงซื้อไม่มีตกเลย เล่นกันกว่าตรม.ละ 1 แสน ก็ยังถูกกว่าที่สิงคโปร์ถึง 4 เท่าตัว
3. การสนับสนุนด้านภาษีจากภาครัฐ
- การลดเงินค่าโอน และ ภาษีธุรกิจเฉพาะ
- หักลดหย่อนภาษีส่วนเงินต้นให้ 3 แสนบาท
- หักลดหย่อนดบ.บ้านให้ 1 แสนบาท
- สิทธิประโยชน์ภาษีบ้านบีโอไอ....สำหรับบ้านราคาถูก
4. การเปลี่ยนสภาพจาก "สินค้า" เป็น "สินทรัพย์"
คอนโดฯ ถูกแปรสภาพเป็นอย่างนี้ไป ซื้อเพื่อเป็นสินทรัพย์เพื่อปล่อยเช่า ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากธนาคาร และ กองทุนอสังหาฯ ก็เข้าซื้อเพื่อสร้างรายได้จากค่าเช่าด้วยเช่นกัน
5. เทคโนฯ ด้านการก่อสร้างที่ลดต้นทุน และ เวลาการก่อสร้าง
บริษัทต่างๆ เลือกที่จะใช้เทคฯ เพื่อลดต้นทุน ด้วยผนังสำเร็จรูป และ อื่นๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรได้อีกราว 2-3 เปอร์เซนต์ แล้วยังหมุนเงินได้หลายรอบมากขึ้นต่อปีอีกด้วย
6. การโกอินเตอร์
การขยายตลาดออกไปยังประเทศที่เริ่มมีคนชั้นกลางมากขึ้น อย่าง อินเดีย เวียดนาม และ อินโดฯ จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบ.อสังหาฯ ของไทยได้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน.... ตลาดที่ประเทศเหล่านั้นยังโตได้อีกมาก เชื่อว่าอัตราการเติบโตน่าจะมากกว่าเมืองไทยด้วยซ้ำไปครับ
บ.ยักษใหญ่ อย่าง พฤกษา แสนสิริ และ แอลพีเอ็น เห็นเรื่องพวกนี้ชัดมาก...
พวกเขากำลังวางรากฐานเพื่อการเติบโตอย่างรวดเร็วมากในอนาคตอันใกล้
บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาเชียร์ซื้อหุ้นนะครับ...
แต่อยากให้เห็นมุมมองใหม่ๆ ของหุ้นอสังหาฯ ดูบ้างครับ
สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีก 3-5 ปีจากนี้คือ
1. การลงทุนสาธารณูปโภค...รัฐลงทุนให้ฟรีๆ แต่บ.อสังหาฯรับประโยชน์
ปกติแล้วบ.ต่างๆ จะลงทุนด้วยเงินตนเอง และ รับผลประโยชน์เอง แต่บริษัทเหล่านี้ มีคนลงทุนให้ (รัฐบาล) แต่รับผลประโยชน์จากราคาอสังหาฯ ที่มีมูลค่าสูงขึ้น ตามแนวรถไฟฟ้าที่พาดผ่านไป 3-5 ปีจากนี้
เงิน 8 แสนล้าน 12 เส้นทาง ... เป็นเงินก้อนใหญ่มากๆ และ เมื่อคิดว่าจะส่งผลให้อสังหาฯ ตามแนวนี้มูลค่าสูงขึ้นกว่า 10 เปอร์เซนต์ต่อปีได้สบายๆ
สรุปก็คือ ไม่ต้องลงทุนเอง แต่รับผลประโยชน์เนื้อๆ
2. คนเกษียณต่างชาติที่เพิ่มขึ้น เรื่องนี้เป็น เมกะเทรนด์เลย...
ในภูมิภาคทั่วโลก พบว่า ความนิยมในการเกษียณต่างประเทศ จะนำโด่งมาที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แข่งกันระหว่าง มาเลเซีย ไทย และ ฟิลิปินส์ เพราะ มีค่าครองชีพต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้วถึง 4 เท่าตัว การแพทย์ดีและต้นทุนต่ำ อาหารอร่อยและหลากหลาย
กลุ่มเป้าหมายมี 200 ล้านคนสำหรับประชากรยุคเบบี้บูม ... ซึ่งจะเกษียณเพิ่มเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นไป ถ้าคิดว่าแค่ 1 เปอร์เซนต์ เลือกมาเกษียณเมืองไทยก็จะเป็นเรื่องใหญ่แล้ว...งานจะเข้าสุดๆ
เพราะ คนชราถึง 2 ล้านคน...รายได้สูงระดับ 5 หมื่นต่อเดือนขึ้นไป (เงินบำนาญ) ประเทศไทยและกรุงเทพฯ จะหาที่อยู่อาศัยให้พวกเขาได้อย่างไรให้เพียงพอและมีคุณภาพ เดินทางสะดวกปลอดภัย
ตอนนี้เราสร้างคอนโดฯ อยู่แค่ 3 หมื่นยูนิตต่อปี ไม่เพียงพอต่อการรองรับประชากรที่จะเพิ่มมากขนาดนี้ได้หรอก .... ซึ่งดีมานด์ตรงนี้จึงสะท้อนมาที่ราคาคอนโดฯ แนวรถไฟฟ้าที่แรงซื้อไม่มีตกเลย เล่นกันกว่าตรม.ละ 1 แสน ก็ยังถูกกว่าที่สิงคโปร์ถึง 4 เท่าตัว
3. การสนับสนุนด้านภาษีจากภาครัฐ
- การลดเงินค่าโอน และ ภาษีธุรกิจเฉพาะ
- หักลดหย่อนภาษีส่วนเงินต้นให้ 3 แสนบาท
- หักลดหย่อนดบ.บ้านให้ 1 แสนบาท
- สิทธิประโยชน์ภาษีบ้านบีโอไอ....สำหรับบ้านราคาถูก
4. การเปลี่ยนสภาพจาก "สินค้า" เป็น "สินทรัพย์"
คอนโดฯ ถูกแปรสภาพเป็นอย่างนี้ไป ซื้อเพื่อเป็นสินทรัพย์เพื่อปล่อยเช่า ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากธนาคาร และ กองทุนอสังหาฯ ก็เข้าซื้อเพื่อสร้างรายได้จากค่าเช่าด้วยเช่นกัน
5. เทคโนฯ ด้านการก่อสร้างที่ลดต้นทุน และ เวลาการก่อสร้าง
บริษัทต่างๆ เลือกที่จะใช้เทคฯ เพื่อลดต้นทุน ด้วยผนังสำเร็จรูป และ อื่นๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรได้อีกราว 2-3 เปอร์เซนต์ แล้วยังหมุนเงินได้หลายรอบมากขึ้นต่อปีอีกด้วย
6. การโกอินเตอร์
การขยายตลาดออกไปยังประเทศที่เริ่มมีคนชั้นกลางมากขึ้น อย่าง อินเดีย เวียดนาม และ อินโดฯ จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบ.อสังหาฯ ของไทยได้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน.... ตลาดที่ประเทศเหล่านั้นยังโตได้อีกมาก เชื่อว่าอัตราการเติบโตน่าจะมากกว่าเมืองไทยด้วยซ้ำไปครับ
บ.ยักษใหญ่ อย่าง พฤกษา แสนสิริ และ แอลพีเอ็น เห็นเรื่องพวกนี้ชัดมาก...
พวกเขากำลังวางรากฐานเพื่อการเติบโตอย่างรวดเร็วมากในอนาคตอันใกล้
บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาเชียร์ซื้อหุ้นนะครับ...
แต่อยากให้เห็นมุมมองใหม่ๆ ของหุ้นอสังหาฯ ดูบ้างครับ
- samahara
- Verified User
- โพสต์: 136
- ผู้ติดตาม: 0
++ มองหุ้นอสังหาฯ อย่าง VI ++
โพสต์ที่ 5
อึม...800,000 ล้าน..มันก็เยอะอยู่...
ถ้าเอางบนี้ กระจายไปสู่การรถไฟสัก 400,000 ล้าน ให้มีรถไฟด่วน ชินคันเซน จากเมืองหลวง กระจายไปตามถนนหลักๆของประเทศ ทั่วทุกภาค น่าจะดีเหมือนกันนะ...
ประเทศไทยมีแค่กรุงเทพฯ..รึปล่าวเนี่ย....
...ขำๆนะครับ...อย่าคิดมาก.....
ถ้าเอางบนี้ กระจายไปสู่การรถไฟสัก 400,000 ล้าน ให้มีรถไฟด่วน ชินคันเซน จากเมืองหลวง กระจายไปตามถนนหลักๆของประเทศ ทั่วทุกภาค น่าจะดีเหมือนกันนะ...
ประเทศไทยมีแค่กรุงเทพฯ..รึปล่าวเนี่ย....
...ขำๆนะครับ...อย่าคิดมาก.....
บุคคลผู้มีปัญญารู้จักใคร่ครวญ ย่อมตั้งตนได้ด้วยทรัพย์อันเป็นต้นทุน แม้มีประมาณน้อย เหมือนคนก่อไฟกองน้อย ให้เป็นกองใหญ่
-
- Verified User
- โพสต์: 355
- ผู้ติดตาม: 0
++ มองหุ้นอสังหาฯ อย่าง VI ++
โพสต์ที่ 6
"ถ้าคิดว่าแค่ 1 เปอร์เซนต์ เลือกมาเกษียณเมืองไทยก็จะเป็นเรื่องใหญ่แล้ว...งานจะเข้าสุดๆ"
ติดใจกับประโยคนี้ครับ ทุก 100 คนต่างชาติที่เกษียนอายุ 1 คนจะมาอาศัยอยู่ในกรุงเทพ.. ผมว่าฟังดูเกินจริงไปหน่อยสำหรับผมอะครับ
ติดใจกับประโยคนี้ครับ ทุก 100 คนต่างชาติที่เกษียนอายุ 1 คนจะมาอาศัยอยู่ในกรุงเทพ.. ผมว่าฟังดูเกินจริงไปหน่อยสำหรับผมอะครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 405
- ผู้ติดตาม: 0
++ มองหุ้นอสังหาฯ อย่าง VI ++
โพสต์ที่ 8
ผมว่าตัวเลขอาจไม่ถึง 1 %แต่ก็มีคนต่างชาติที่เลือกมาเกษียณเมืองไทยไม่น้อยครับ อย่างแถวเชียงใหม่ระยอง จันทน์ ตราด ก็พอมีครับSoLid_frOg
Posted: Sun Oct 11, 2009 9:04 pm Post subject:
"ถ้าคิดว่าแค่ 1 เปอร์เซนต์ เลือกมาเกษียณเมืองไทยก็จะเป็นเรื่องใหญ่แล้ว...งานจะเข้าสุดๆ"
ติดใจกับประโยคนี้ครับ ทุก 100 คนต่างชาติที่เกษียนอายุ 1 คนจะมาอาศัยอยู่ในกรุงเทพ.. ผมว่าฟังดูเกินจริงไปหน่อยสำหรับผมอะครับ