ค่า growth
-
- Verified User
- โพสต์: 60
- ผู้ติดตาม: 0
ค่า growth
โพสต์ที่ 3
เหมือนกันกับที่พี่ ส.สลึงใช้เลยครับ
ดูจากข้อมูลย้อนหลังหลาย ๆ ปีน่ะครับ ถ้าใช้ข้อมูลแค่ปีเดียว มันจะมองไม่เห็นภาพ ทั้งนี้ เราควรดูภาวะเศรษฐกิจในปีหน้า และก็ตลาดของอุตสาหกรรมที่เราลงทุนด้วยน่ะครับ ว่ามันจะ support มากน้อยเพียงใด
ดูจากข้อมูลย้อนหลังหลาย ๆ ปีน่ะครับ ถ้าใช้ข้อมูลแค่ปีเดียว มันจะมองไม่เห็นภาพ ทั้งนี้ เราควรดูภาวะเศรษฐกิจในปีหน้า และก็ตลาดของอุตสาหกรรมที่เราลงทุนด้วยน่ะครับ ว่ามันจะ support มากน้อยเพียงใด
Live to learn to live.
- หมักเตา
- Verified User
- โพสต์: 232
- ผู้ติดตาม: 0
ค่า growth
โพสต์ที่ 4
วิธีสแกนเพื่อหาบริษัทที่มี growth สูงๆ อาจจะกรองจากบริษัทที่มี ROE สูงๆ ก่อน แล้วค่อยดูย้อนหลังว่า ROE สูงติดต่อกันหลายปีหรือเปล่า
แต่ต้องระวังความเสี่ยงเรื่องการเติบโตที่ได้มาจากการกู้ยืมเงินด้วย ฉะนั้น บริษัทควรมี ROA สูงตามไปด้วย
ขออนุญาตเอาเนื้อหาบางส่วนจากบทความของคุณสุมาอี้มาแปะให้ดู คลับคล้ายคลับคลาว่าเธอเขียนไว้ในบล็อกส่วนตัวหรือใน settrade
แต่ต้องระวังความเสี่ยงเรื่องการเติบโตที่ได้มาจากการกู้ยืมเงินด้วย ฉะนั้น บริษัทควรมี ROA สูงตามไปด้วย
ขออนุญาตเอาเนื้อหาบางส่วนจากบทความของคุณสุมาอี้มาแปะให้ดู คลับคล้ายคลับคลาว่าเธอเขียนไว้ในบล็อกส่วนตัวหรือใน settrade
วิธีที่จะตรวจสอบว่าการนำกำไรสะสมของบริษัทไปลงทุนเพิ่มนั้นทำได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ตามสูตรดังนี้ g = RR x ROE โดยที่ g หมายถึง อัตราการเติบโตของกำไร RR หมายถึง สัดส่วนกำไรสะสมต่อกำไรทั้งหมด ROE หมายถึง อัตราส่วนผลตอบแทนผู้ถือหุ้น
ตัวอย่างเช่น บริษัทที่มีนโยบายจ่ายปันผล 40% ของกำไรสุทธิ แสดงว่าเก็บกำไรไว้ในบริษัท 60% ของกำไรสุทธิหรือ RR = 60% ถ้าบริษัทมี ROE 20% บริษัทควรทำให้กำไรเติบโตได้ในอัตรา 60%x20% หรือ 12% ต่อปีในระยะยาว (โดยไม่ต้องกู้เงินเพิ่มหรือเพิ่มทุน) เป็นต้น
นักลงทุนที่ชอบบริษัทที่จ่ายเงินปันผลต่อกำไรสูงๆ เช่น 80% แสดงว่าเก็บกำไรไว้ในบริษัท 20% ถ้าบริษัทนั้นมี ROE 10% บริษัทก็ควรโตให้ได้อย่างน้อย 2% ต่อปีในระยะยาว แต่ถ้าบริษัทโตได้น้อยกว่านั้นหรือไม่โตเลย แม้จะปันผลออกมามากก็ไม่ถือว่าเป็นบริษัทที่ดี
ข้อสังเกตอย่างหนึ่งของสูตรนี้ก็คือว่า สมมติว่าบริษัทไม่จ่ายปันผลเลยหรือ RR=100% จะพบว่า g = ROE ดังนั้น ทุกบริษัทจึงโตได้มากที่สุด (โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาเงินทุนจากภายนอก) ได้แค่ไม่เกิน ROE ของบริษัทเองเท่านั้น
เพราะฉะนั้น ถ้าเราได้ยินผู้บริหาร "โม้" ว่าจะโตเฉลี่ยให้ได้ 25% ต่อปีในห้าปี แต่ถ้าเราดูแล้วบริษัทมี ROE แค่ 10% และมีหนี้สูงอยู่แล้วก็ให้สงสัยไว้ก่อนว่าบริษัทคงต้องมีการเพิ่มทุนเกิดขึ้นในไม่ช้า ในทำนองเดียวกัน บริษัทที่มี ROE ต่ำมาก เช่น 5% บริษัทพวกนี้กำลัง "ป่วย" เพราะถ้ากำไรจะโตก็ต้องมีการเพิ่มทุนด้วยหรือถ้าไม่อยากเพิ่มทุนก็ต้องไม่โต ใครคิดจะลงทุนในบริษัทพวกนี้ก็ต้องเตรียมเงินสดสำรองไว้สำหรับเพิ่มทุนด้วยนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ค่า growth
โพสต์ที่ 5
วิธีคำนวน Growth นั้นง่ายครับ เพราะว่าเป็นการคำนวนเชิงคณิตศาสตร์ที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไร ใช้หลักของการ compoundingchanon.r เขียน:ไม่ทราบว่า วิธีหา ค่า G นั้น หาได้อย่างไรครับ
ถ้ามีวิธี เเบบ สามารถscan ง่ายๆได้ ต้องทำอย่างไรครับ
แต่หากข้อมูล 2-3 ปี ผมขอแนะนำให้ทำง่าย ๆ โดยเอายอดขายปีท้าย ลบด้วยปีต้น แล้วหารด้วยจำนวนปี ก็น่าจะพอถูไถได้ เพราะว่าง่ายดี ผิดเพี้ยนไม่มาก
ถามว่าทำไม....ก็เพราะการเติบโตในอดีต ไม่ได้หรืออาจมีส่วนสัมพันธ์ใด ๆ ในอนาคตน้อย ในเชิงลงทุนเราควรหาคาดการณ์การเติบโตจริงในอนาคตมากกว่าจาก Qualitative analysis...โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเติบโตของกำไร