เรื่องราวของนักเดินทาง .....ฝากเนื้อฝากตัวครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 19
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องราวของนักเดินทาง .....ฝากเนื้อฝากตัวครับ
โพสต์ที่ 1
สวัสดีครับ พี ๆ น้อง ๆ ทุกคนในไทยวีไอ ผมคงจะเป็นน้องใหม่ล่าสุดในเว็บอร์ดแห่งนี้ ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ ผมพยายามนั่งศึกษาแนวทางการลงทุน จากเว็บบอร์ดแห่งความรู้แห่งนี้อยู่ตลอดกว่า 5 เดือน การศึกษาของผมเต็มไปด้วยความสับสนครับ ! เหมือนกับที่คุณนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบอะไรสักอย่าง แล้วคุณเกิดความสงสัยแต่หาคำตอบไม่ได้ หันซ้ายหันขวาก็ไม่เห็นใครที่พอจะเป็นแสงเทียนนำทางความรู้ส่องให้สมองคุณกระจ่างได้ แม้แต่กระทั่ง เรื่องของค่า p/e ผมยังสับสนเลยครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสนใจศึกษา มาก ๆ ก็คือ ค่า ROE ครับ ขออธิบายนิดหนึ่งน่ะครับ พอดีโดยส่วนตัวผม ทำงานเป็นพ่อครัว อยู่ที่รีสอร์ทเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ในเมือง Queensland ประเทศออสเตรเลียครับ แต่เมืองที่ผมอาศัยอยู่นี่ จะห่างจากตัวเมือง Brisbane ที่เป็นเมืองหลวงประมาณ สามพันกว่ากิโลครับ เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่ไกลปืนเที่ยงครับ แต่ในทางกลับกัน ด้วยความไกลและความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและสินในดินนี่แหละครับทำให้ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับนักธุรกิจหลาย ๆ คน เพราะเมืองที่ผมอยู่แห่งนี้นอกจากจะเป็นท่องเที่ยวแล้ว มันยังเป็นเหมืองแร่ขนาดมหึมาของบริษัท RIO TINTO อีกด้วยครับ ย้อนหลังกลับไปประมาณสักห้าเดือนที่แล้วผมนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ บังเอิญมีผู้ชายคนหนึ่งเขาเห็นผมนั่งอ่านอย่างเคร่งเครียดก็เลยเข้ามาคุยกับผม ซึ่งหลังจากได้คุยกันเป็นเวลานานแล้ว ผมถึงได้ทราบว่า เขาเป็นนักบินส่วนตัวของมหาเศรษฐีคนหนึ่งที่แทบจะเรียกว่าอันดับหนึ่งของออสเตรเลีย ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์ และอีกหลาย ๆ บริษัทยักษ์ หรือแม้แต่ CASINO ขนาดใหญ่ที่เพิ่งเปิดตัวไป ที่มาเก๊าต์หรือ ฮ่องกง นี่แหละครับ แต่ขออภัยจริง ๆ ด้วยที่จำชื่อไม่ได้
ที่พูดมาทั้งหมดนี่ไม่ใช่จะมาเล่าเรื่องส่วนตัวมากมายนะครับ แค่อยากมาแนะนำตัวเอง กับสิ่งที่ชายพูดนั้นบอกให้ผมทำความเข้าใจในเรื่องหุ้นให้ง่าย ๆ อย่างไม่ต้องซีเรียส โดยที่เขาเริ่มบอกผมว่าก่อนที่คุณจะลงลึกไปเจาะดูข้อมูลหุ้นเป็นรายตัวนั่น คุณเคยคิดที่จะมองหรือเรียนรู้เรื่องราวของตลาดบ้างหรือเปล่าว่าตลาดนั้นเขามีชีวิตอย่างไรบ้าง ตลาดก็ไม่ต่างอะไรไปจากคนหรอก มันมีทั้งร่าเริง มีป่วยไข้ มีสดใส มีเบิกบาน แต่ทำอย่างไรล่ะ เราจะรู้ว่าช่วงไหนตลาดป่วยไข้จนต้องนอนเปล ชายคนนั้นบอกผมว่า ให้คุณลองศึกษาประวัติศาตร์ของตลาดหุ้นทั่วโลกดูซิ หรือจะเอาแค่ที่ออสเตรเลีย หรือตลาดหุ้นไทยบ้านคุณก็ได้ มองดูว่าปีไหนที่มันแย่ที่สุดนั่นแหละคือปีที่ตลาดล้มหมอนนอนเสื่อ แล้วมันจะค่อย ๆ สร่างไข้ กลับมาเดิน วิ่ง ดื่มได้ อีกครั้ง เพราะมันจะมีวัคซีนดี ๆ มาฉีดคุ้มกันให้ หลักจากนั้นนับไปอีกประมาณ 6 – 8 ปี หลังจากการล้มหมอนนอนเสื่อ วัคซีนนั้นก็อ่อนกำลังลงทำให้ตลาดเจ็บไข้ได้ป่วยอีกครั้ง และมันก็จะเป็นเช่นนี้ เป็นเช่น นี้ ต่อไป อย่างไม่จบสิ้น
เขาบอกผมว่า ถ้าคุณอย่างจะมีความมั่งคั่งก็ให้คุณเรียนรู้จักชีวิตของคุณตลาด และก็พร้อมที่จะเป็นคนฉีดวัคซีนนั้นให้กับตลาดเองวัคซีนตัวนั้น ๆ แหละที่จะมาคอยคุ้มครองคุณ เพราะคุณเป็นคนเริ่มฉีด คุณก็ย่อมที่จะรู้ว่าวัคซีนตัวนี้นั้นจะหมดอายุลงเมื่อไหร่ เขาย้ำกับผมว่าในช่วงเวลาที่ตลาดยังไม่เจ็บไข้ คุณก็มีเวลาที่จะทดลองวัคซีนของคุณ ไปเรื่อย จนกว่าเวลาแห่งการเจ็บไข้ของคุณตลาดมาถึง วันนั้นหากปริมาณยาของคุณมากเพียงพอ ( เงินสดในมือ ) ตัวยาอันนั้นแหละที่จะทำให้พร์อตของคุณเติบโตอย่างรวดเร็วและแข็งแรง แต่จงอย่าลืมว่าตัวยานั้นมันมีชีวิตอยู่ได้นานเท่าไหร่ ก่อนที่จะฉีดวัคซีนซ้ำอีกครั้ง พร้อม ๆ กับบอกผมว่า ให้ผมเริ่มศึกษาคุณตลาดไทยก่อน เพราะว่าผมจะรู้จักเขาดีกว่าคุณตลาด คนอื่น ๆ ครับ เพราะผมเป็นคนไทยสายเลือดเดียวกันกับเขา เพราะหากผมเรียนรู้คุณตลาดไทยได้ คุณตลาดต่าง ๆ ในโลกก็เป็นคนในแบบคล้าย ๆ กันนั่นแหละครับ แต่ผมก็ยังถามเขาต่อว่า แล้วเรื่อง P/E ล่ะ เขาบอกว่า เมื่อวันที่ตลาดป่วย ค่า P/E แทบจะไม่มีความหมาย แต่ความแข็งแกร่งในร่างกายของบริษัทต่างหากล่ะที่จะทำให้บริษัทลุกขึ้นเดินต่อไปได้ ทั้งหมดทั้งปวงนี้แหละครับเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมมารู้จักกับทุก ๆ คนที่นี่ ดูอบอุ่นจริงใจดีครับ คิดอยู่นานเหมือนกันว่าจะเขียนเรื่องนี้มาดีไหม แต่คิดว่าอ่านของทุกคนมาก็มากแล้วก็เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์หน่อยครับ สิ้นปี้นี้คิดว่าจะกลับไปเที่ยวเมืองไทย คิดว่าคงจะมีโอกาสได้ไปพบปะพี่ ๆ น้อง ๆ นะครับ อ้อ ผมเป็นคนอุดรน่ะครับ อายุ ก็ สามสิบกับหนึ่งปีครับ หากได้กลับคงจะไปขอคาราวะ พี่นริส และ พี่ลูกอิสานด้วยนะครับ อยากคาราวะในความคิดของพี่ ๆ ครับ ( ผมชอบไปเที่ยวเมืองเลยมาก ) รวมทั้งพี่ ครรชิต และอีกหลาย ๆ คนที่ไม่ได้เอ่ยนาม ที่เป็นครูพักลำจำความรู้ให้กับผม ขอบคุณมาก อย่างจริงใจครับ
ชายผู้นี้คุยกับผมนานมากครับ เขายังบอกอะไรผมอีกมากมาย ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ สนใจผมจะมาถ่ายทอดเป็นเรื่องราวเล่าสู่กันฟังอีกครับ รวมถึงทฤษฎี ปลูกพืช ของเขา ถ้ายาวไปขออภัยด้วยน่ะครับ ....หมาน้อย
ที่พูดมาทั้งหมดนี่ไม่ใช่จะมาเล่าเรื่องส่วนตัวมากมายนะครับ แค่อยากมาแนะนำตัวเอง กับสิ่งที่ชายพูดนั้นบอกให้ผมทำความเข้าใจในเรื่องหุ้นให้ง่าย ๆ อย่างไม่ต้องซีเรียส โดยที่เขาเริ่มบอกผมว่าก่อนที่คุณจะลงลึกไปเจาะดูข้อมูลหุ้นเป็นรายตัวนั่น คุณเคยคิดที่จะมองหรือเรียนรู้เรื่องราวของตลาดบ้างหรือเปล่าว่าตลาดนั้นเขามีชีวิตอย่างไรบ้าง ตลาดก็ไม่ต่างอะไรไปจากคนหรอก มันมีทั้งร่าเริง มีป่วยไข้ มีสดใส มีเบิกบาน แต่ทำอย่างไรล่ะ เราจะรู้ว่าช่วงไหนตลาดป่วยไข้จนต้องนอนเปล ชายคนนั้นบอกผมว่า ให้คุณลองศึกษาประวัติศาตร์ของตลาดหุ้นทั่วโลกดูซิ หรือจะเอาแค่ที่ออสเตรเลีย หรือตลาดหุ้นไทยบ้านคุณก็ได้ มองดูว่าปีไหนที่มันแย่ที่สุดนั่นแหละคือปีที่ตลาดล้มหมอนนอนเสื่อ แล้วมันจะค่อย ๆ สร่างไข้ กลับมาเดิน วิ่ง ดื่มได้ อีกครั้ง เพราะมันจะมีวัคซีนดี ๆ มาฉีดคุ้มกันให้ หลักจากนั้นนับไปอีกประมาณ 6 – 8 ปี หลังจากการล้มหมอนนอนเสื่อ วัคซีนนั้นก็อ่อนกำลังลงทำให้ตลาดเจ็บไข้ได้ป่วยอีกครั้ง และมันก็จะเป็นเช่นนี้ เป็นเช่น นี้ ต่อไป อย่างไม่จบสิ้น
เขาบอกผมว่า ถ้าคุณอย่างจะมีความมั่งคั่งก็ให้คุณเรียนรู้จักชีวิตของคุณตลาด และก็พร้อมที่จะเป็นคนฉีดวัคซีนนั้นให้กับตลาดเองวัคซีนตัวนั้น ๆ แหละที่จะมาคอยคุ้มครองคุณ เพราะคุณเป็นคนเริ่มฉีด คุณก็ย่อมที่จะรู้ว่าวัคซีนตัวนี้นั้นจะหมดอายุลงเมื่อไหร่ เขาย้ำกับผมว่าในช่วงเวลาที่ตลาดยังไม่เจ็บไข้ คุณก็มีเวลาที่จะทดลองวัคซีนของคุณ ไปเรื่อย จนกว่าเวลาแห่งการเจ็บไข้ของคุณตลาดมาถึง วันนั้นหากปริมาณยาของคุณมากเพียงพอ ( เงินสดในมือ ) ตัวยาอันนั้นแหละที่จะทำให้พร์อตของคุณเติบโตอย่างรวดเร็วและแข็งแรง แต่จงอย่าลืมว่าตัวยานั้นมันมีชีวิตอยู่ได้นานเท่าไหร่ ก่อนที่จะฉีดวัคซีนซ้ำอีกครั้ง พร้อม ๆ กับบอกผมว่า ให้ผมเริ่มศึกษาคุณตลาดไทยก่อน เพราะว่าผมจะรู้จักเขาดีกว่าคุณตลาด คนอื่น ๆ ครับ เพราะผมเป็นคนไทยสายเลือดเดียวกันกับเขา เพราะหากผมเรียนรู้คุณตลาดไทยได้ คุณตลาดต่าง ๆ ในโลกก็เป็นคนในแบบคล้าย ๆ กันนั่นแหละครับ แต่ผมก็ยังถามเขาต่อว่า แล้วเรื่อง P/E ล่ะ เขาบอกว่า เมื่อวันที่ตลาดป่วย ค่า P/E แทบจะไม่มีความหมาย แต่ความแข็งแกร่งในร่างกายของบริษัทต่างหากล่ะที่จะทำให้บริษัทลุกขึ้นเดินต่อไปได้ ทั้งหมดทั้งปวงนี้แหละครับเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมมารู้จักกับทุก ๆ คนที่นี่ ดูอบอุ่นจริงใจดีครับ คิดอยู่นานเหมือนกันว่าจะเขียนเรื่องนี้มาดีไหม แต่คิดว่าอ่านของทุกคนมาก็มากแล้วก็เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์หน่อยครับ สิ้นปี้นี้คิดว่าจะกลับไปเที่ยวเมืองไทย คิดว่าคงจะมีโอกาสได้ไปพบปะพี่ ๆ น้อง ๆ นะครับ อ้อ ผมเป็นคนอุดรน่ะครับ อายุ ก็ สามสิบกับหนึ่งปีครับ หากได้กลับคงจะไปขอคาราวะ พี่นริส และ พี่ลูกอิสานด้วยนะครับ อยากคาราวะในความคิดของพี่ ๆ ครับ ( ผมชอบไปเที่ยวเมืองเลยมาก ) รวมทั้งพี่ ครรชิต และอีกหลาย ๆ คนที่ไม่ได้เอ่ยนาม ที่เป็นครูพักลำจำความรู้ให้กับผม ขอบคุณมาก อย่างจริงใจครับ
ชายผู้นี้คุยกับผมนานมากครับ เขายังบอกอะไรผมอีกมากมาย ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ สนใจผมจะมาถ่ายทอดเป็นเรื่องราวเล่าสู่กันฟังอีกครับ รวมถึงทฤษฎี ปลูกพืช ของเขา ถ้ายาวไปขออภัยด้วยน่ะครับ ....หมาน้อย
-
- Verified User
- โพสต์: 558
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องราวของนักเดินทาง .....ฝากเนื้อฝากตัวครับ
โพสต์ที่ 2
มุมมองน่าสนใจดี อยากให้เขียนมาอีกเรื่อยๆเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมอง การมองตลาดเป็นรอบใหญ่ๆมองยากกว่าการโฟกัสไปที่กิจการของหุ้นแต่ละตัวนะ เป็นมุมมองส่วนตัวของผม แต่ปีที่แล้วช่วงซัพไพรม์เป็นเหตุการณ์พิเศษที่ผมต้องถือเงินสดมากกว่าหุ้นเป็นบางช่วง ซึ่งก็ช่วยทำให้ผลตอบแทนปีที่แล้วเป็นบวกได้
- SunShine@Night
- Verified User
- โพสต์: 2196
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องราวของนักเดินทาง .....ฝากเนื้อฝากตัวครับ
โพสต์ที่ 4
น่าสนใจจังเลยครับ แชร์หน่อยซิครับjiras เขียน:มุมมองน่าสนใจดี อยากให้เขียนมาอีกเรื่อยๆเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมอง การมองตลาดเป็นรอบใหญ่ๆมองยากกว่าการโฟกัสไปที่กิจการของหุ้นแต่ละตัวนะ เป็นมุมมองส่วนตัวของผม แต่ปีที่แล้วช่วงซัพไพรม์เป็นเหตุการณ์พิเศษที่ผมต้องถือเงินสดมากกว่าหุ้นเป็นบางช่วง ซึ่งก็ช่วยทำให้ผลตอบแทนปีที่แล้วเป็นบวกได้
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
-
- Verified User
- โพสต์: 942
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องราวของนักเดินทาง .....ฝากเนื้อฝากตัวครับ
โพสต์ที่ 7
เข้ามารอฟัง ทฤษฎีปลูกพืช ด้วยคนครับ