กลุ่มที่นักลงทุน TVI ไม่สนใจ เพราะ ไม่มีปันผล แต่....
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มที่นักลงทุน TVI ไม่สนใจ เพราะ ไม่มีปันผล แต่....
โพสต์ที่ 1
กลุ่มที่นักลงทุน TVI ไม่สนใจ เพราะ ไม่มีปันผล แต่..... ผมคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่จะเป็นกลุ่มที่ ฟื้นตัวได้แล้ว....... เท่าที่ผม พูดคุยกับ TVI หลายคน เขาบอก เขาไม่สนใจ กลุ่ม แบงค์ เลย ไม่มีกลุ่ม แบงค์ ใน portfolio ส่วนผมมีครับ แต่มีน้อยมาก เป็นของเก่า แก่ เช่น bbl มี เพียง 540 หุ้น....kbank 2000 หุ้น......boa 15000 หุ้น.........ที่แสบสุด scib โดนลดเหลือเพียง 1 หุ้น เป็นหุ้นที่ผม พึ่งได้รับเช็คปันผลลงวันที่19 เมษายน 47 เป็นเงิน 0.67 บาท... คราวก่อนเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 46 ผมก็ได้รับเช็คปันผล เป็นเงิน 0.18 บาท เช็คทั้ง 2 ฉบับนี้ ผมไม่เอาไปขึ้นเงิน แต่ได้เก็บเอาไว้ เป็นเครื่องเตือนใจ ว่า เป็นเช็คที่ได้ปันผลน้อยที่สุด และการลงทุนในหุ้นตัวนี้ขาดทุนมากเหมือนกัน เป็นผลของวิกฤตเศรษฐกิจที่ทำให้หุ้นที่เราถือ เกือบจะเป็นศูนย์ (จริง ๆ แล้ว ก็ เป็นศูนย์ไปแล้ว เหลือ แค่ 1 หุ้น ที่มีค่าขณะนี้เพียง 26 บาท)............จ่า หัวข้อนี้ เพื่อให้เพื่อน ๆ มาคิด ถึง กลุ่มนี้ ว่า ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ จะ ฟื้น ตัวได้ แล้ว.........ดูจาก การตั้งสำรองหนี้สูญ ที่ทุกธนาคารได้ตั้งไปหมดแล้ว พวก NPL ต่าง ๆ ก็ ปรับตัวเอง บางแห่ง ก็ ฟื้นตัวแล้ว.......ธนาคารเริ่มไถ่ถอน ตราสารหนี้ พวก slip cap ต่าง ๆ ซึ่ง เป็นหัวใจที่ทำให้ธนาคารต้องจ่ายดอกเบี้ยที่สูง (เพื่อความอยู่รอดคราวที่แล้ว).......ผลดำเนินงาน ต่าง ๆ ก็ กลับมาเป็นกำไรแล้ว จาก การที่ได้ไปประชุมใหญ่ boa กับ bbl มา พบว่า ต่างก็บอกว่า Q1-47 ยิ้มออกได้ คงจะได้กำไรเพิ่มขึ้น
วันนี้ bbl จัดประชุมใหญ่ ได้ พบกับ ตัวแทน นักลงทุนรายย่อย ขออนุญาตเอ่ยนาม คือ คุณ ศิริวัฒน์ ที่ เรารู้จัก ใน นาม ศิริวัฒน์แซนวิส นักสู้ผู้ไม่ยอมแพ้......ท่านได้พูด การเอาเงินสำรองต่าง ๆ รวมทั้งส่วนเกินมูลค่าหุ้น มาชดเชยผลขาดทุนสะสมธนาคาร..... นั่น หมายถึง ธนาคาร หวังจะรีบ ปันผลให้เร็วที่สุดใช่ไหม........ท่านประธาน ตอบ ว่า .... คงคล้าย ๆ กับแบบนั้น.......และตอนสุดท้าย คุณศิริวัฒน์ ถามถึงเรื่อง TPI ที่รัฐบาลได้พยายามสุดความสามารถที่จะทำให้ อยู่รอดกันทุกฝ่าย นั่นเป็นต้นเหตุ ที่ทำให้ bbl ต้องเดือดร้อนเพราะไปให้กู้แก่ tpi มากทีเดียว ได้แปลงดอกเบี้ยหรือหนี้ เป็น ทุนในราคา 5.50 บาท.......สิ่งที่ทำให้เดือดร้อนในอดีต ก็ เป็นผลที่จะให้ธนาคารกำไร ในอนาคต.......คุณศิริวัฒน์ทิ้งท้าย ว่า อย่างนั้น.........ขอบคุณ คุณศิริวัฒน์ที่ เป็น ตัวแทน ให้รายย่อย ได้ดี..........ผม ได้ไปแนะนำตัวเองกับคุณศิริวัฒน์ เพราะ เป็น เพื่อนเรียนรุ่นเดียวกัน แต่บังเอิญไม่เคยอยู่ห้องเดียวกัน เลยไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่..........ผมบอก ถ้าว่าง ๆ อย่างไร ก็ มาให้ ความรู้แก่พวกเราบ้าง ในเวปนี้ ผมคิดว่า จะเมล์ เรื่องต่าง ๆ ของเวปนี้ให้ คุณศิริวัฒน์รู้จัก ถ้าท่านมีเวลาว่าง ก็คงจะได้ มาให้ความรู้แก่พวกเราบ้าง..........อย่างไรก็ตาม......คุณศิริวัฒน์ ได้ แจก แผ่นโฆษณาให้ ผม บอกว่า เขาบริการส่งแซนวิสให้ ถ้าสั่ง 20 ชิ้นใหญ่ หรือ ชิ้นเล็ก 40 ชิ้น หรือ ซีซิข้าว ญี่ปุ่น 25 กล่อง/30 แท่ง ผมเคยทานแล้ว อร่อยดี (มีโบรคหนึ่งจัด บริการ ที่ ตลาดหลักทรัพย์) ใครสนใจติดต่อได้ ที่ 02-6764772-3.........ขอแอบโฆษณาหน่อย ถ้าคิดว่าไม่เหมาะสม ก็ ลบกระทู้นี้ได้นะครับ......ที่เชียร์เพราะต้องการให้ คุณศิริวัฒน์มาอ่านหรือตอบกระทู้บ้างถ้ามีโอกาส
วันนี้ bbl จัดประชุมใหญ่ ได้ พบกับ ตัวแทน นักลงทุนรายย่อย ขออนุญาตเอ่ยนาม คือ คุณ ศิริวัฒน์ ที่ เรารู้จัก ใน นาม ศิริวัฒน์แซนวิส นักสู้ผู้ไม่ยอมแพ้......ท่านได้พูด การเอาเงินสำรองต่าง ๆ รวมทั้งส่วนเกินมูลค่าหุ้น มาชดเชยผลขาดทุนสะสมธนาคาร..... นั่น หมายถึง ธนาคาร หวังจะรีบ ปันผลให้เร็วที่สุดใช่ไหม........ท่านประธาน ตอบ ว่า .... คงคล้าย ๆ กับแบบนั้น.......และตอนสุดท้าย คุณศิริวัฒน์ ถามถึงเรื่อง TPI ที่รัฐบาลได้พยายามสุดความสามารถที่จะทำให้ อยู่รอดกันทุกฝ่าย นั่นเป็นต้นเหตุ ที่ทำให้ bbl ต้องเดือดร้อนเพราะไปให้กู้แก่ tpi มากทีเดียว ได้แปลงดอกเบี้ยหรือหนี้ เป็น ทุนในราคา 5.50 บาท.......สิ่งที่ทำให้เดือดร้อนในอดีต ก็ เป็นผลที่จะให้ธนาคารกำไร ในอนาคต.......คุณศิริวัฒน์ทิ้งท้าย ว่า อย่างนั้น.........ขอบคุณ คุณศิริวัฒน์ที่ เป็น ตัวแทน ให้รายย่อย ได้ดี..........ผม ได้ไปแนะนำตัวเองกับคุณศิริวัฒน์ เพราะ เป็น เพื่อนเรียนรุ่นเดียวกัน แต่บังเอิญไม่เคยอยู่ห้องเดียวกัน เลยไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่..........ผมบอก ถ้าว่าง ๆ อย่างไร ก็ มาให้ ความรู้แก่พวกเราบ้าง ในเวปนี้ ผมคิดว่า จะเมล์ เรื่องต่าง ๆ ของเวปนี้ให้ คุณศิริวัฒน์รู้จัก ถ้าท่านมีเวลาว่าง ก็คงจะได้ มาให้ความรู้แก่พวกเราบ้าง..........อย่างไรก็ตาม......คุณศิริวัฒน์ ได้ แจก แผ่นโฆษณาให้ ผม บอกว่า เขาบริการส่งแซนวิสให้ ถ้าสั่ง 20 ชิ้นใหญ่ หรือ ชิ้นเล็ก 40 ชิ้น หรือ ซีซิข้าว ญี่ปุ่น 25 กล่อง/30 แท่ง ผมเคยทานแล้ว อร่อยดี (มีโบรคหนึ่งจัด บริการ ที่ ตลาดหลักทรัพย์) ใครสนใจติดต่อได้ ที่ 02-6764772-3.........ขอแอบโฆษณาหน่อย ถ้าคิดว่าไม่เหมาะสม ก็ ลบกระทู้นี้ได้นะครับ......ที่เชียร์เพราะต้องการให้ คุณศิริวัฒน์มาอ่านหรือตอบกระทู้บ้างถ้ามีโอกาส
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4637
- ผู้ติดตาม: 1
กลุ่มที่นักลงทุน TVI ไม่สนใจ เพราะ ไม่มีปันผล แต่....
โพสต์ที่ 2
ได้อ่าน ลุุงขวดโฆษณา อยากกิน แซนวิส เสียแล้วครับ ลุงขวด :lol: :lol:
ลุงขวด พูดถึง TPI ..วันนี้ TPIPL ประกาศงบ Q1 ออกมา เพิ่มจากปีที่แล้วเยอะนะลุงขวด
ลุงขวด พูดถึง TPI ..วันนี้ TPIPL ประกาศงบ Q1 ออกมา เพิ่มจากปีที่แล้วเยอะนะลุงขวด
โค้ด: เลือกทั้งหมด
2547 2546
กำไรสุทธิก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้ 1,982,783 - 878,210
ดอกเบี้ยจ่ายภายใต้สัญญาปรับโครงสร้างหนี้ 385,609 560,327
กำไรสุทธิจากกิจกรรมตามปกติ 1,597,174 317,883
รายการพิเศษ - กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ 706,922 -
กำไรสุทธิ 2,304,096 317,883
กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน
กำไรสุทธิจากกิจกรรมตามปกติ 2.21 0.64
รายการพิเศษ - กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ 0.98 -
กำไรสุทธิ 3.19 0.64
จำนวนหุ้นสามัญถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (หุ้น) 721,430,220 499,752,426
NAME ราคา30/12/03 LAST9/4/04 +/-(%) (%)วันนี้ EPS P/E P/BV D/P%
TPIPL 46.00 35.75 -22.28 5.15 10.00 3.58 0.85
สินทรัพย์ หนี้สิน ผู้ถือหุ้น หนี้/EQ ทุน รายได้ กำไร ROA(%) ROE(%) PM(%) PAR MarCap
80,463.65 46,358.92 34,104.73 1.36 8,075.00 6,009.08 230.10 14.16 46.50 3.83 10.00 28,868.13
แก้ไขล่าสุดโดย ครรชิต ไพศาล เมื่อ ศุกร์ เม.ย. 09, 2004 9:34 pm, แก้ไขไปแล้ว 5 ครั้ง.
ความสุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบใจไม่มี นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
-
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มที่นักลงทุน TVI ไม่สนใจ เพราะ ไม่มีปันผล แต่....
โพสต์ที่ 3
ผมเห็นด้วยกับลุงขวด2เรื่องครับ
1.เรื่องหุ้นแบ้ง ผลประกอบการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มกลับมาปันผลได้หลายแบ้ง ทางการให้แบ้งมีช่องทางหารายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าแต่ก่อน แบ้งใหญ่ๆจะกลับมาเป็นbluechipอีกครั้ง ความเสี่ยงสำหรับนักลงทุนผมคิดว่ามีอยู่2ข้อคือการเพิ่มทุน(ซึ่งถ้าให้สิทธิกับผู้ถือหุ้นเดิมก่อน แทนที่จะขายนอกตลาดทั้งหมดน่าจะดีกว่า ) และการเปิดเสรีทางการเงินให้ฝรั่งเข้ามาทำธุรกรรมได้ ก็ไม่รู้ว่าของเราจะแข่งกับเค้าได้แค่ไหน
2.คุณศิริวัฒน์ แซนวิช เป็นนักลงทุนที่เก่งมากๆ มองตลาดได้ทะลุ ผมเคยดูตอนออกรายการmoney talk บ่อยๆ(ออกบ่อยมากตั้งแต่ก่อนฟองสบู่แตก บ่อยกว่าอจ.นิเวศน์อีกครับ) ให้มุมมองที่เป็นประโยชน์กับนักลงทุนรายย่อยมาก ถ้าติดต่อให้ท่านช่วยเข้ามาcommentในwebนี้ก็จะเป็นประโยชน์มาก
1.เรื่องหุ้นแบ้ง ผลประกอบการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มกลับมาปันผลได้หลายแบ้ง ทางการให้แบ้งมีช่องทางหารายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าแต่ก่อน แบ้งใหญ่ๆจะกลับมาเป็นbluechipอีกครั้ง ความเสี่ยงสำหรับนักลงทุนผมคิดว่ามีอยู่2ข้อคือการเพิ่มทุน(ซึ่งถ้าให้สิทธิกับผู้ถือหุ้นเดิมก่อน แทนที่จะขายนอกตลาดทั้งหมดน่าจะดีกว่า ) และการเปิดเสรีทางการเงินให้ฝรั่งเข้ามาทำธุรกรรมได้ ก็ไม่รู้ว่าของเราจะแข่งกับเค้าได้แค่ไหน
2.คุณศิริวัฒน์ แซนวิช เป็นนักลงทุนที่เก่งมากๆ มองตลาดได้ทะลุ ผมเคยดูตอนออกรายการmoney talk บ่อยๆ(ออกบ่อยมากตั้งแต่ก่อนฟองสบู่แตก บ่อยกว่าอจ.นิเวศน์อีกครับ) ให้มุมมองที่เป็นประโยชน์กับนักลงทุนรายย่อยมาก ถ้าติดต่อให้ท่านช่วยเข้ามาcommentในwebนี้ก็จะเป็นประโยชน์มาก
- harry
- Verified User
- โพสต์: 4200
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มที่นักลงทุน TVI ไม่สนใจ เพราะ ไม่มีปันผล แต่....
โพสต์ที่ 4
ผมก็สนใจหุ้นแบงค์ครับ แต่ตอนนี้ไม่มีเลยแม้แต่หุ้นเดียว เพราะว่าผมเชื่อว่าแบงค์เป็นกลไกหนึ่งของเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งคนทั่วไปและธุรกิจก็ต้องพึ่งพาหรือใช้บริการแบงค์กันเสมอ ผมมองว่า bbl กับ scb จะดีสุดตามแนวมาสเตอร์แพลนที่ออกมา และจากที่อ่านในบัฟเฟตโทโลจี้เล่มแปลสีเขียวของคุณ web ก็บอกว่าให้ดูว่า roa มากกว่า 1.0 และ roe มากกว่า 12 ผมดูแล้วให้ scb ดีสุดครับ แต่ผมก็สน scib ด้วย แต่มันยังเล็กอยู่ แต่แบงค์ใหญ่นั้นเกือบจะมีสินทรัพย์ถึง 1 ล้านล้านบาทแล้ว ผมก็เชื่อว่า สองแบงค์นี้จะทำได้ดี ส่วน kbank นั้น ผมว่าก็ทำได้ดี แต่องค์ประกอบนั้นยังไม่พร้อมเท่ากับสองแบงค์นี้ครับ
Expecto Patronum!!!!!!
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มที่นักลงทุน TVI ไม่สนใจ เพราะ ไม่มีปันผล แต่....
โพสต์ที่ 5
ผมไม่ได้ถือแบงก์นานครับ ไม่ใช่เพราะไม่ดี แต่ไม่มี feeling กับ business
มากกว่า จริงๆ แล้วแบงก์ควรจะเป็นธุรกิจที่ได้เปรียบคนอื่นมากๆ เพราะ
การจะปล่อยกู้ต้องทำความเข้าใจกับธุรกิจของลูกค้าอย่างละเอียดก่อน
ถ้าว่ากันตามเทคนิคแล้ว ปีนี้น่าจะเป็นปีของกลุ่ม BANK ครับ ถ้าชอบใหญ่ๆ
ก็ต้อง BBL ถ้าเล็กๆ ก็ต้อง SCIB
มากกว่า จริงๆ แล้วแบงก์ควรจะเป็นธุรกิจที่ได้เปรียบคนอื่นมากๆ เพราะ
การจะปล่อยกู้ต้องทำความเข้าใจกับธุรกิจของลูกค้าอย่างละเอียดก่อน
ถ้าว่ากันตามเทคนิคแล้ว ปีนี้น่าจะเป็นปีของกลุ่ม BANK ครับ ถ้าชอบใหญ่ๆ
ก็ต้อง BBL ถ้าเล็กๆ ก็ต้อง SCIB
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มที่นักลงทุน TVI ไม่สนใจ เพราะ ไม่มีปันผล แต่....
โพสต์ที่ 6
เคยสนครับลุง ปีที่แล้ว อ.ณัฐวุฒิก็เชียร์แบงค์ช่วงต้นๆปี ปีนี้ยังไม่ได้อ่านบทความของ setcall เลย ลุงยังรับอยู่หรือเปล่าครับ
ลองเปิดงบการเงินอ่านดู ... โอยย เห็นท่าจะต้องไปเรียนอีกเยอะ ไม่งั้นก็ซื้อตามสัญญาณเทคนิคน่าจะดีกว่า มันรวบรัดตัดตอนดีครับ คงหันไปพึ่ง setcall อีกเช่นเคย
ลองเปิดงบการเงินอ่านดู ... โอยย เห็นท่าจะต้องไปเรียนอีกเยอะ ไม่งั้นก็ซื้อตามสัญญาณเทคนิคน่าจะดีกว่า มันรวบรัดตัดตอนดีครับ คงหันไปพึ่ง setcall อีกเช่นเคย
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่จะรู้สึกได้ในทันทีหากมีมันอยู่เบาบางหรือขาดหายไป
-จีรนุช เปรมชัยพร
-จีรนุช เปรมชัยพร
- someOne
- Verified User
- โพสต์: 253
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มที่นักลงทุน TVI ไม่สนใจ เพราะ ไม่มีปันผล แต่....
โพสต์ที่ 7
พลาดครั้งใหญ่เลยครับ ไม่ได้ไปประชุมของ bbl ผมเพิ่งรู้นะครับว่าเค้าประชุมกันวันที่ 9 เนื่องจากว่าไม่ค่อยได้ติดตามข่าวเท่าไหร่ (อยู่ในช่วงอบรม นักลงทุนรุ่นใหม่ครับ) ส่วนจดหมายของทาง bbl ก็เพิ่งจะได้รับเมื่อ 2 วันก่อนครับ(พี่ที่บ้านโทรมาบอก) ไม่ทราบว่าลุงขวดได้รับจดหมายของ bbl เมื่อไหร่ครับ
ขอรบกวนลุงขวดอีกนิดได้ไหมครับ ขอความกรุณาสรุปเรื่องการประชุมของ bbl ให้ดูสักนิดนะครับ
ขอรบกวนลุงขวดอีกนิดได้ไหมครับ ขอความกรุณาสรุปเรื่องการประชุมของ bbl ให้ดูสักนิดนะครับ
ด้วยความเคารพ
From someOne
--------------------
Knowledge Access Investment
From someOne
--------------------
Knowledge Access Investment
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มที่นักลงทุน TVI ไม่สนใจ เพราะ ไม่มีปันผล แต่....
โพสต์ที่ 8
จดหมายเชิญประชุมใหญ่ ลงวันที่ 10 มีนาคม 47.... รู้สึกจะได้รับเอกสารต่าง ๆ ปลายเดือนที่แล้วมังครับ (ไม่แน่ใจ) และก่อนวันประชุม ได้รับจดหมายแก้ไขส่วนของผู้ถือหุ้น ที่เปลี่ยนแปลงระหว่างปี 45-46 เพิ่ม โดย คุณชาตรี โสภณพนิช เพิ่ม อีก 2.4 ล้านหุ้น คุณปิติ สิทธิอำนวย เพิ่ม อีก 100000 หุ้น คุณประสงค์ อุทัยแสงชัย เพิ่มอีก 184500 หุ้น........สงสัยจะซื้อตอนเพิ่มทุนเดือน ธันวาคม 46 ที่ราคา 78 บาท นั่นแหละ......... เห็นว่า ยังจะต้องมีการเพิ่มทุนอีก 1,551,504,306 หุ้น และยังมี หุ้นบุริมสิทธิ จะขายทั้งในประเทศและต่างประเทศอีก 1.655 ล้านหุ้น........ซึ่งเรื่องเพิ่มทุนต่าง ๆ นี้ เป็นตัวแบ่งกำไรในอนาคต ทำให้เกิด Dilution Effect........รายละเอียดดูได้จากหนังสือที่เขาส่งมาให้ครับ ในความคิดผม กลุ่มแบงค์จะกำไรดี ก็ต่อมีการ ปล่อยกู้ ให้มากขึ้น เศรษฐกิจเริ่มดี ขึ้น ผมเห็น ปั่นจั่น ที่เขาตอกเสาเข็มต่าง ๆ ขึ้นอีก มากมายเลย ปั่นจั่นเริ่มทำงานแล้ว หลังจากส่วนรากฐานเสร็จ ส่วนต่าง ๆ ก็จะตามมา.......ยังเชื่อว่า ระบบใหญ่ น่าจะเดินไปได้ดี เลยให้นึกว่า กลุ่มนี้ เป็นกลุ่มหลังสุดที่จะได้ผลประโยชน์จากการเติบโตของธุรกิจต่าง ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 50
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มที่นักลงทุน TVI ไม่สนใจ เพราะ ไม่มีปันผล แต่....
โพสต์ที่ 9
ขอแจมด้วยคน....กลุ่มแบงค์ใหญ่ๆผมว่าน่าสนใจ ภายในสิ้นปีนี้คาดว่าทุกแบงค์จะพยายามทำให้เป็น Clean Bank โดยเฉพาะ BBL ที่เปิดเผยออกมาก่อนว่าจะยอมตัดเอาเงินสำรองจัดการปัญหาคาราคาซังที่มีอยู่ทั้งหมด เรียกว่าเป็นการเตรียมเก็บกวาดบ้านตัวเองครั้งใหญ่สุดของ BBL ปีหน้าเราจะเห็น SCB (แบงค์ที่มีกำไรพอร์ตหุ้นเยอะมากๆๆๆ) น่าจะจ่ายปันผลที่สูงกว่าปีนี้ ภายใน Q2 ผมว่าก็จะมากกว่า Q2ของปีที่แล้วๆ ดังนั้น SCB นอกจากจะเป็นแบงค์ที่เก็บกวาดบ้านก่อนใครๆจึงเป็นแบงค์ที่หากสังเกตุการ Lead ของแบงค์ใหญ่ SCB จึงเป็นตัวแรกที่มาก่อนใครๆ ผมเองเก็บ SCB ครบทุกตัว มีแต่เจ้า W ที่ทนแรงกำไรไม่ไหวเลยขายไปก่อน ตัว BBL เป็นหุ้นที่ฝรั่งไม่หนี "ข่าวการเพิ่มทุน" แตกต่างจาก NFS ที่พอมีข่าวเพิ่มทุน ฝรั่งทิ้งกันแหลกเลย BBL มีหนี้จาก TPI มหาศาล หากจำตัวเลขไม่ผิดก็เกือบๆ 10% ของหนี้เกือบทั้งหมด หากจัดการปัญหานี้แบบ Complete งบดุลของ BBL จะกลับมาสวยมากและที่สำคัญในอนาคต TPI นี่แหละจะเป็นตัวทำกำไรให้ BBL เหมือนเช่นกรณีของ ITD ที่มาแบบเดียวกันเลย ตัว ITD ทำกำไรหลังจากแปลงหนี้เป็นทุนให้ BBL มหาศาล (แปลงหนี้เป็นทุนราคาเท่าไหร่ผมจำไม่ได้ชัด ) ในเวลานี้ TPI อาจจะยังไม่น่าเข้าไปยุ่ง จนกว่าทุกอย่างจะสงบ อารมณ์คนนิ่งๆตอนนี้อยู่ในระหว่างการกระเพื่อมของความไม่รู้จริงๆดังนั้นควรหนีออกให้ห่างๆไว้ก่อน แต่อนาคตดีแน่นอน มันอาจจะไกลและนานเกินไปที่เราจะลงทุนในเวลานี้ สรุปโดยส่วนตัวชอบแบงค์(ใหญ่) หุ้นที่มีอนาคต มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้เห็น กลุ่มธุรกิจอื่นๆจะมีแต่การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจตามปกติ เช่นยอดซื้อขาย ราคาวัตถุดิบ มี%ของการขยายตัวเพิ่มตามหลักธุรกิจธรรมดา แต่แบงค์ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่เป็นพิเศษในทางที่ดีกว่าปกติ จึงเพิ่มน้ำหนักการลงทุนและเพิ่มระยะเวลาการถือครอง
-
- Verified User
- โพสต์: 50
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มที่นักลงทุน TVI ไม่สนใจ เพราะ ไม่มีปันผล แต่....
โพสต์ที่ 11
ไม่ได้ให้ซื้อตามนะ ผมเก็บดักหน้าฝรั่งมาก่อนแล้ว ซื้อตอนนี้ไม่รู้นะเพราะตั้งแต่ซื้อมาก็ไม่ได้ตามไปดูกราฟแบบละเอียดๆอีกเลย ไม่รู้ว่ามันจะพัก ปรับ หรือไปยังไงต่อ ผมมีหมดเลยนะ SCB SCB-F SCB-P SCB-Q ซื้อยกครอบครัวเลย แต่เจ้า SCB-W มันเล่นแรงเกินไป 75% ใน 5 วัน ผมไม่อยู่แล้ว ขายไปแล้ว เสียวเป็นเหมือนกันนะ
- harry
- Verified User
- โพสต์: 4200
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มที่นักลงทุน TVI ไม่สนใจ เพราะ ไม่มีปันผล แต่....
โพสต์ที่ 12
งี้ไปห้องสมุดตลาดหลักทรัพย์ดูรายงานประจำปีของหุ้นแบงค์ดีกว่า จะได้เปรียบเทียบได้ว่าตัวไหนดีกว่า
แต่เฮียร็อคครับ (ขออนุญาตเรียก) พี่คิดเหมือนผมเลยว่า scb กับ bbl น่าจะดีกว่า ในกลุ่มแบงค์ใหญ่ ว่าแต่เฮียไม่สนแบงค์เล็กอย่าง scib เลยเหรอครับ
แต่เฮียร็อคครับ (ขออนุญาตเรียก) พี่คิดเหมือนผมเลยว่า scb กับ bbl น่าจะดีกว่า ในกลุ่มแบงค์ใหญ่ ว่าแต่เฮียไม่สนแบงค์เล็กอย่าง scib เลยเหรอครับ
Expecto Patronum!!!!!!
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
กลุ่มที่นักลงทุน TVI ไม่สนใจ เพราะ ไม่มีปันผล แต่....
โพสต์ที่ 13
ตามหลักการของ Buffett ถ้าเราจะซื้อห้นของบริษัทใดนั้นเราควรที่จะร้จักธรกิจและงบการเงินของบริษัทนั้นให้ดีและเข้าใจก่อน
ดังนั้นใครก็ได้ช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมครับว่า
1. กฎเกณฑ์การตั้งสำรองที่แบงค์ชาติกำหนดไว้นั้น มีรายละเอียดอย่างไร
2. กฎเกณฑ์ที่แบงค์ชาติใช้อย่กับธนาคารพาณิชย์ไทยนั้นต่างหรือเหมือนกับกฎเกณฑ์ที่ธนาคารในสหรัฐและยโรปใช้อย่างไร
3. แล้วกฎเกณฑ์ใหม่ที่จะนำมาใช้กับธนาคารพาณิชย์ไทยในอนาคตอันใกล้เป็นอย่างไร
ผลการดำเนินงานของธนาคารนั้นขึ้นอย่กับกฎเกณฑ์ต่างๆมากกว่าจากการดำเนินงานจริงครับ
ทำไมหลายครั้งที่ธนาคารหลายแห่งประกาศว่าตั้งสำรองครบตามเกณฑ์แล้วถึงได้มีการตั้งสำรองเพิ่มและมีการเพิ่มทนอีก
ทำไมธนาคารทหารไทยและธนาคารดีบีเอสไทยทนถึงได้ขาดทนอีก ทั้งๆที่เศรษฐกิจก็ดีมากนานพอสมควรแล้ว
เราคนไทยถกหลอกหรือเปล่าครับ คำถามทั้ง 3 ข้อของผมมีใครสามารถตอบได้บ้างครับ ผมเคยถามนักวิเคราะห์ตามโบรคเกอร์ที่เชียร์ซื้อห้นธนาคารทั้งหลาย แต่ไม่มีใครตอบผมได้ซักคนครับ
เรื่อง SLIP และ CAPS ใครๆก็ร้ แต่คำถามทั้ง 3 ข้อของผมมีใครตอบได้บ้างครับ
การซื้อห้นธนาคารตอนนี้อาจจะได้กำไรครับ เหมือนตอนที่ท่านนายกทักษิณชนะเลือกตั้งใหม่ๆ ห้นธนาคารก็วิ่งกันมาก สดท้ายก็ร่วงตามพื้นฐานที่แท้จริงครับ
ผมเขียนเพียงอยากเตือนเท่านั้น ผมว่ามีเพียงคนจำนวนน้อยที่เข้าใจกฎเกณฑ์ต่างๆที่ใช้อย่และที่จะนำมาใช้ในอนาคตอันใกล้นี้
ผมเคยทำงานอย่ในธนาคาร ผมร้ว่าการแต่งบัญชีของธนาคารนั้นทำได้สบายมาก บางครั้งแบงค์ชาติก็ทำเป็นปิดหปิดตาครับ
ดังนั้นใครก็ได้ช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมครับว่า
1. กฎเกณฑ์การตั้งสำรองที่แบงค์ชาติกำหนดไว้นั้น มีรายละเอียดอย่างไร
2. กฎเกณฑ์ที่แบงค์ชาติใช้อย่กับธนาคารพาณิชย์ไทยนั้นต่างหรือเหมือนกับกฎเกณฑ์ที่ธนาคารในสหรัฐและยโรปใช้อย่างไร
3. แล้วกฎเกณฑ์ใหม่ที่จะนำมาใช้กับธนาคารพาณิชย์ไทยในอนาคตอันใกล้เป็นอย่างไร
ผลการดำเนินงานของธนาคารนั้นขึ้นอย่กับกฎเกณฑ์ต่างๆมากกว่าจากการดำเนินงานจริงครับ
ทำไมหลายครั้งที่ธนาคารหลายแห่งประกาศว่าตั้งสำรองครบตามเกณฑ์แล้วถึงได้มีการตั้งสำรองเพิ่มและมีการเพิ่มทนอีก
ทำไมธนาคารทหารไทยและธนาคารดีบีเอสไทยทนถึงได้ขาดทนอีก ทั้งๆที่เศรษฐกิจก็ดีมากนานพอสมควรแล้ว
เราคนไทยถกหลอกหรือเปล่าครับ คำถามทั้ง 3 ข้อของผมมีใครสามารถตอบได้บ้างครับ ผมเคยถามนักวิเคราะห์ตามโบรคเกอร์ที่เชียร์ซื้อห้นธนาคารทั้งหลาย แต่ไม่มีใครตอบผมได้ซักคนครับ
เรื่อง SLIP และ CAPS ใครๆก็ร้ แต่คำถามทั้ง 3 ข้อของผมมีใครตอบได้บ้างครับ
การซื้อห้นธนาคารตอนนี้อาจจะได้กำไรครับ เหมือนตอนที่ท่านนายกทักษิณชนะเลือกตั้งใหม่ๆ ห้นธนาคารก็วิ่งกันมาก สดท้ายก็ร่วงตามพื้นฐานที่แท้จริงครับ
ผมเขียนเพียงอยากเตือนเท่านั้น ผมว่ามีเพียงคนจำนวนน้อยที่เข้าใจกฎเกณฑ์ต่างๆที่ใช้อย่และที่จะนำมาใช้ในอนาคตอันใกล้นี้
ผมเคยทำงานอย่ในธนาคาร ผมร้ว่าการแต่งบัญชีของธนาคารนั้นทำได้สบายมาก บางครั้งแบงค์ชาติก็ทำเป็นปิดหปิดตาครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
กลุ่มที่นักลงทุน TVI ไม่สนใจ เพราะ ไม่มีปันผล แต่....
โพสต์ที่ 14
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ทำไมหลายครั้งที่ธนาคารหลายแห่งประกาศว่าตั้งสำรองครบตามเกณฑ์แล้วถึงได้มีการตั้งสำรองเพิ่มและมีการเพิ่มทนอีก
ฟังผู้ใหญ่ที่อยู่ในแบงค์มาอีกที
- harry
- Verified User
- โพสต์: 4200
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มที่นักลงทุน TVI ไม่สนใจ เพราะ ไม่มีปันผล แต่....
โพสต์ที่ 16
มีเลยครับพี่ ขอบคุณล่วงหน้าเลยครับ ตอนนี้ก็อ่านหนังสือพวกเศรษฐศาสตร์ ก้มีพูดถึงเรื่องเงินกองทุนขั้นที่ 1 และ 2 ของแบงค์ การสำรองเงิน สัดส่วนการปล่อยกู้ ไรทำนองนี้ครับ แต่ก็ยังไม่ได้จำละเอียด แค่อ่านคร่าวๆ ไว้จะอ่านละเอียดอีกครั้ง ก่อนตัดสินใจดูหุ้นแบงค์ครับ
Expecto Patronum!!!!!!
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มที่นักลงทุน TVI ไม่สนใจ เพราะ ไม่มีปันผล แต่....
โพสต์ที่ 17
ถ้าไม่มีใครตอบ คุณฉัตรชัยต้องเฉลยนะครับ หุๆๆchatchai เขียน:ตามหลักการของ Buffett ถ้าเราจะซื้อห้นของบริษัทใดนั้นเราควรที่จะร้จักธรกิจและงบการเงินของบริษัทนั้นให้ดีและเข้าใจก่อน
ดังนั้นใครก็ได้ช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมครับว่า
1. กฎเกณฑ์การตั้งสำรองที่แบงค์ชาติกำหนดไว้นั้น มีรายละเอียดอย่างไร
2. กฎเกณฑ์ที่แบงค์ชาติใช้อย่กับธนาคารพาณิชย์ไทยนั้นต่างหรือเหมือนกับกฎเกณฑ์ที่ธนาคารในสหรัฐและยโรปใช้อย่างไร
3. แล้วกฎเกณฑ์ใหม่ที่จะนำมาใช้กับธนาคารพาณิชย์ไทยในอนาคตอันใกล้เป็นอย่างไร
ไม่รู้เวลาบัฟเฟตกับลินช์ซื้อหุ้นธนาคารเค้าคิดยังไงนะ ผมเคยอ่านๆใน Beating the Street พวก S&L ดูมันตรงไปตรงมาจังเลย หรือมันแตกต่างจากธนาคารไทยยังไงครับคุณฉัตรชัย
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่จะรู้สึกได้ในทันทีหากมีมันอยู่เบาบางหรือขาดหายไป
-จีรนุช เปรมชัยพร
-จีรนุช เปรมชัยพร
-
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มที่นักลงทุน TVI ไม่สนใจ เพราะ ไม่มีปันผล แต่....
โพสต์ที่ 18
ผมก็เป็นอีกคนที่ไม่มีหุ้นในกลุ่มธนาคารในพอร์ทสักตัว
ผมก็เริ่มกลับมามองกลุ่มแบงค์แล้วเหมื่อนกันครับ แต่ก็ขอรอดูระบบเศรษฐกิจของประเทศต่อไปอีกสักหน่อยครับ ว่าจะเป็นเช่นไร
คือรอดูว่า การฟื้นตัวของภาคการผลิตที่แท้จริงครั้งนี้ เป็นการฟื้นแบบจริงหรือไม่ ในความคิดผม ภาคการเงิน จะเป็น sector ท้ายๆ ที่จะฟื้นตัว ภายหลัง sector อื่นๆ
ผมก็เริ่มกลับมามองกลุ่มแบงค์แล้วเหมื่อนกันครับ แต่ก็ขอรอดูระบบเศรษฐกิจของประเทศต่อไปอีกสักหน่อยครับ ว่าจะเป็นเช่นไร
คือรอดูว่า การฟื้นตัวของภาคการผลิตที่แท้จริงครั้งนี้ เป็นการฟื้นแบบจริงหรือไม่ ในความคิดผม ภาคการเงิน จะเป็น sector ท้ายๆ ที่จะฟื้นตัว ภายหลัง sector อื่นๆ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 1
กลุ่มที่นักลงทุน TVI ไม่สนใจ เพราะ ไม่มีปันผล แต่....
โพสต์ที่ 19
ผมเคยเขียน unofficial research อันนึงเมื่อเดือนที่แล้วเกี่ยวกับกลุ่ม bank เลย copy มานะครับ โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบกลุ่ม bank นักเพราะรู้สึกว่าเป็นธุรกิจที่หากเราจะวิเคราะห์หุ้นกลุ่มนี้จากมุมของ retail investor จะทำได้ยากและลำบาก เพราะมีข้อมูลอะไรที่เรายังไม่รู้เยอะมากครับ
อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับไม่ได้หมายความว่าจะต้องถูกเสมอไป แต่ผมเพียงเอาทฤษฎีเศรษฐศาสตร์มาบวกกับประสบการณ์ที่เคยเจอในตลาดขาขึ้นรอบที่แล้วน่ะครับ
-------------------------------------
เราให้ Zero weighting ในหุ้นกลุ่มธนาคาร และบง. เนื่องจากเรามองปัจจัย 4 ประการ ได้แก่
1. ภาระการเพิ่มทุน ที่จะต้องนำเงินไปไถ่ถอน slips caps สำหรับการควบรวมกิจการตามแผนแม่บท รวมไปถึงการตั้งสำรองเพิ่มในบางธนาคาร
2. ปัญหา NPL ที่ยังคงมีอยู่ในหลายธนาคาร
3. เรามองว่าธุรกิจธนาคารมีความเสี่ยงกว่า real sector แต่ return ไม่ต่างกัน หากเราพิจารณาถึงระดับ ROE ของสถาบันการเงินที่ระดับ 15-25% ในปัจจุบัน แต่ระดับ D/E ratio สูงถึง 10 เท่า ( ถ้าให้ capital adequency = 10% ) แต่ในขณะที่หุ้น real sector หลายตัวมี ROE ที่สูงกว่า 20% แต่ใช้ D/E ratio ไม่เกิน 2 เท่าหรือหลายตัวเป็น net cash ดังนั้นจึงไม่เหตุผลที่จะลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มี return เท่าคนอื่นแต่มี risk สูงกว่า
4. Net loan growth ที่เรามองว่าจะยังไม่สูงนัก เนื่องจากเรามองว่าภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันอยู่ในช่วงแรกของเศรษฐกิจขาขึ้น ซึ่งภาคเอกชนยังไม่มีความมั่นใจสูงนัก จึงทำให้การลงทุนเพิ่มเป็นไปอย่างระมัดระวัง นอกจากนี้กำลังการผลิตโดยรวมในหลาย sector ยังไม่เต็มจึงทำให้การลงทุนใหม่ๆ ยังมีไม่สูงนัก นอกจากนี้หลายธุรกิจยังมี D/E ค่อนข้างสูงและอยู่ในระหว่างการเร่งชำระหนี้ นอกจากนี้ เรายังมองว่าตลาดทุน คือ ตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ในช่วงหลังวิกฤติได้รับการพัฒนากว่าก่อนวิกฤติมากจึงทำให้บริษัทใหญ่ๆ มีช่องทางการระดมทุนมากขึ้น จึงทำให้ net loan growth ของสถาบันการเงินจึงอยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก จากประเด็นที่การลงทุนใหม่ๆ ยังเกิดขึ้นไม่มาก ทำให้การแข่งขันในธุรกิจต่างๆ จึงอยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก เป็นเหตุผลให้ผู้ประกอบการที่มีอยู่เดิมจะสามารถเพิ่มยอดขายได้ตามการเติบโตของตลาด และมี pricing power ในระดับหนึ่ง เป็นเหตุผลให้ ROE และ margin ของ Real sector อยู่ในระดับที่ดี ดังนั้นในช่วงเศรษฐกิจตอนนี้ เราจึงชอบ Real sector มากกว่า Financial sector
. เรามองว่ากลุ่มธนาคารจะน่าสนใจอีกครั้งคือ ในช่วงกลางถึงปลายเศรษฐกิจขาขึ้น ซึ่งอาจจะอีก 4-5 ปีข้างหน้า ซึ่งช่วงนั้นปัญหา NPL เริ่มคลี่คลาย และภาคเอกชนมีความมั่นใจในการกู้และลงทุนอย่างสูง ทำให้การปล่อยกู้ของธนาคารช่วงนั้นจะเกิดขึ้นมาก และการลงทุนใหม่ๆ ของผู้ประกอบการรายเดิมและรายใหม่จะทำให้การแข่งขันสูงขึ้นและมีแนวโน้มจะเกิด oversupply ช่วงนี้ Real sector จะประสบปัญหาคือ ROE ลดลง ตามกฎ Diminishing of return เพราะทุน หรือ capital ถูก allocate เข้าไปในธุรกิจมากเกินไป ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่หุ้น bank จะ perform กว่าหุ้น real sector เพราะมีการปล่อยกู้ได้มาก แต่อย่างไรก็ตาม หุ้น bank จะ perform อยู่ได้ประมาณไม่เกิน 3 ปี จากนั้นภาวะการแข่งขันและ oversupply จะทำให้เกิด NPL และ bubble ในหลายธุรกิจและเศรษฐกิจจะกลายเป็นขาลง ซึ่งช่วงนั้นหุ้น defensive อย่าง BIGC Seven-eleven SSC PTTEP จะ outperform
อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับไม่ได้หมายความว่าจะต้องถูกเสมอไป แต่ผมเพียงเอาทฤษฎีเศรษฐศาสตร์มาบวกกับประสบการณ์ที่เคยเจอในตลาดขาขึ้นรอบที่แล้วน่ะครับ
-------------------------------------
เราให้ Zero weighting ในหุ้นกลุ่มธนาคาร และบง. เนื่องจากเรามองปัจจัย 4 ประการ ได้แก่
1. ภาระการเพิ่มทุน ที่จะต้องนำเงินไปไถ่ถอน slips caps สำหรับการควบรวมกิจการตามแผนแม่บท รวมไปถึงการตั้งสำรองเพิ่มในบางธนาคาร
2. ปัญหา NPL ที่ยังคงมีอยู่ในหลายธนาคาร
3. เรามองว่าธุรกิจธนาคารมีความเสี่ยงกว่า real sector แต่ return ไม่ต่างกัน หากเราพิจารณาถึงระดับ ROE ของสถาบันการเงินที่ระดับ 15-25% ในปัจจุบัน แต่ระดับ D/E ratio สูงถึง 10 เท่า ( ถ้าให้ capital adequency = 10% ) แต่ในขณะที่หุ้น real sector หลายตัวมี ROE ที่สูงกว่า 20% แต่ใช้ D/E ratio ไม่เกิน 2 เท่าหรือหลายตัวเป็น net cash ดังนั้นจึงไม่เหตุผลที่จะลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มี return เท่าคนอื่นแต่มี risk สูงกว่า
4. Net loan growth ที่เรามองว่าจะยังไม่สูงนัก เนื่องจากเรามองว่าภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันอยู่ในช่วงแรกของเศรษฐกิจขาขึ้น ซึ่งภาคเอกชนยังไม่มีความมั่นใจสูงนัก จึงทำให้การลงทุนเพิ่มเป็นไปอย่างระมัดระวัง นอกจากนี้กำลังการผลิตโดยรวมในหลาย sector ยังไม่เต็มจึงทำให้การลงทุนใหม่ๆ ยังมีไม่สูงนัก นอกจากนี้หลายธุรกิจยังมี D/E ค่อนข้างสูงและอยู่ในระหว่างการเร่งชำระหนี้ นอกจากนี้ เรายังมองว่าตลาดทุน คือ ตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ในช่วงหลังวิกฤติได้รับการพัฒนากว่าก่อนวิกฤติมากจึงทำให้บริษัทใหญ่ๆ มีช่องทางการระดมทุนมากขึ้น จึงทำให้ net loan growth ของสถาบันการเงินจึงอยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก จากประเด็นที่การลงทุนใหม่ๆ ยังเกิดขึ้นไม่มาก ทำให้การแข่งขันในธุรกิจต่างๆ จึงอยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก เป็นเหตุผลให้ผู้ประกอบการที่มีอยู่เดิมจะสามารถเพิ่มยอดขายได้ตามการเติบโตของตลาด และมี pricing power ในระดับหนึ่ง เป็นเหตุผลให้ ROE และ margin ของ Real sector อยู่ในระดับที่ดี ดังนั้นในช่วงเศรษฐกิจตอนนี้ เราจึงชอบ Real sector มากกว่า Financial sector
. เรามองว่ากลุ่มธนาคารจะน่าสนใจอีกครั้งคือ ในช่วงกลางถึงปลายเศรษฐกิจขาขึ้น ซึ่งอาจจะอีก 4-5 ปีข้างหน้า ซึ่งช่วงนั้นปัญหา NPL เริ่มคลี่คลาย และภาคเอกชนมีความมั่นใจในการกู้และลงทุนอย่างสูง ทำให้การปล่อยกู้ของธนาคารช่วงนั้นจะเกิดขึ้นมาก และการลงทุนใหม่ๆ ของผู้ประกอบการรายเดิมและรายใหม่จะทำให้การแข่งขันสูงขึ้นและมีแนวโน้มจะเกิด oversupply ช่วงนี้ Real sector จะประสบปัญหาคือ ROE ลดลง ตามกฎ Diminishing of return เพราะทุน หรือ capital ถูก allocate เข้าไปในธุรกิจมากเกินไป ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่หุ้น bank จะ perform กว่าหุ้น real sector เพราะมีการปล่อยกู้ได้มาก แต่อย่างไรก็ตาม หุ้น bank จะ perform อยู่ได้ประมาณไม่เกิน 3 ปี จากนั้นภาวะการแข่งขันและ oversupply จะทำให้เกิด NPL และ bubble ในหลายธุรกิจและเศรษฐกิจจะกลายเป็นขาลง ซึ่งช่วงนั้นหุ้น defensive อย่าง BIGC Seven-eleven SSC PTTEP จะ outperform
-
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มที่นักลงทุน TVI ไม่สนใจ เพราะ ไม่มีปันผล แต่....
โพสต์ที่ 20
ผมเคยฟังceoของscbท่านพูดออกทีวีว่า
สำหรับสถาบันการเงินเค้าไม่ดูแค่d/e ratio อย่างเดียวครับ
เค้าดูส่วนต่างจากดอกเบี้ยฝาก กับ ดอกเบี้ยกู้ ครับ
ถ้ากู้มา100 ปล่อย 102หรือ 103
โดยไม่มีหนี้เสียมาก กระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
ไม่ใช่ปล่อยเฉพาะพรรคพวก
หนี้มาก(เงินฝากมาก) ก็ปล่อยได้มากขึ้นครับ(กำไรมาก)
ผมได้งบการเงินของkbankมาเมื่อ2วันก่อนเค้าว่า
ปีนี้ลดดอกเบี้ย2ขาทั้งฝากกับกู้
แต่แบ้งได้ประโยชน์มากกว่าเพราะประกาศปุ๊บเงินฝากลดทันที
แต่เงินกู้ลดช้ากว่า
ปีนี้มีแนวโน้มที่บริษัทต่างๆจะกู้แบ้งมากขึ้นครับ
เพราะอัตราการใช้กำลังการผลิตขึ้นมาถึง75%แล้ว
ต้องเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นมารองรับ
และดอกเบี้ยกู้ตอนนี้ยังไม่สูงนัก
สำหรับสถาบันการเงินเค้าไม่ดูแค่d/e ratio อย่างเดียวครับ
เค้าดูส่วนต่างจากดอกเบี้ยฝาก กับ ดอกเบี้ยกู้ ครับ
ถ้ากู้มา100 ปล่อย 102หรือ 103
โดยไม่มีหนี้เสียมาก กระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
ไม่ใช่ปล่อยเฉพาะพรรคพวก
หนี้มาก(เงินฝากมาก) ก็ปล่อยได้มากขึ้นครับ(กำไรมาก)
ผมได้งบการเงินของkbankมาเมื่อ2วันก่อนเค้าว่า
ปีนี้ลดดอกเบี้ย2ขาทั้งฝากกับกู้
แต่แบ้งได้ประโยชน์มากกว่าเพราะประกาศปุ๊บเงินฝากลดทันที
แต่เงินกู้ลดช้ากว่า
ปีนี้มีแนวโน้มที่บริษัทต่างๆจะกู้แบ้งมากขึ้นครับ
เพราะอัตราการใช้กำลังการผลิตขึ้นมาถึง75%แล้ว
ต้องเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นมารองรับ
และดอกเบี้ยกู้ตอนนี้ยังไม่สูงนัก