ทรรศนะคติของมือใหม่อย่างผม
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 1
ทรรศนะคติของมือใหม่อย่างผม
โพสต์ที่ 1
สรุปได้ว่า ปัจจัยทั้ง3 นั้นต่างก็มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน กล่าวคือ
การที่เราได้ศึกษารู้ทฤษฎีการเงินต่างๆนั้น ทำให้เราทราบภาพรวมของกลไกของระบบเงิน การไหลของเงินที่อิงกับหลายๆปัจจัยนั้น เช่น ทิศทางดอกเบี้ย แนวโน้มทิศทางของเศรษฐกิจ วัฏจักรและวงจรของระบบตลาดเสรี และอื่นๆอีกมากมาย ทั้งการมองในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งทำให้เราสามารถมองหาโอกาส มีการมองที่การณ์ไกล และวิเคราะห์หาโอกาสยอดเยี่ยมได้ดีหรือรวดเร็วกว่าผู้อื่น เห็นในสิ่งที่สำคัญแต่ผู้อื่นมองข้ามไป หรือไม่ค่อยสนใจ จากการศึกษาในจุดนี้ทำให้เกิดนักลงทุนผู้ชาญฉลาดที่สามารถทำผลงานการลงทุนได้เหนือกว่าค่าเฉลี่ยเป็นระยะเวลายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นทางสายการลงทุนที่มองปัจจัยต่างๆอย่างละเอียด เช่น วอเรน บัฟเฟต หรือทางสายเก็งกำไรที่เน้นจิตวิทยาการลงทุน อุปสงค์อุปทานของตลาดเสรี กลไกและความไม่สมบูรณ์ของตลาด อย่างเช่น จอร์จ โซรอส ซึ่งเป็นการยืนยันได้ว่ากำไรมากเพราะความสามารถ ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ
จากการที่เราเข้าใจภาพรวมได้อย่างดีแล้ว ต่อมาก็คือเลือกรูปแบบการลงทุนที่เราชอบ เราควรศึกษาหนทางแต่ละอย่าง ไม่ว่าจะเป็น หุ้น กองทุนรวม พันธบัตร หรือไม่ก็พวกการลงทุนทางเลือก เช่น option อนุพันธ์ AFET(ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า) และคิดเปรียบเทียบ เลือกลงทุนในสิ่งที่ถนัดและถูกจังหวะการลงทุน เนื่องจากการลงทุนในแต่ละแบบนั้นเองมันก็จะมีวัฏจักรขึ้นๆลงๆของมัน ไม่มีการลงทุนรูปแบบใดที่ดีตลอดเวลา สิ่งที่เราจะทำคือคิดก่อนที่คนอื่นจะสนใจ ลงมือก่อนที่คนอื่นจะทำ ทฤษฎีอย่างEconomic Cycle + Investment Clock นั้นเชื่อถือได้ และได้รับการพิสูจน์กันอย่างยาวนาน ไม่ว่าวอเรน บัฟเฟตเองก็ไม่ลงทุนในหุ้นตลอดเวลา ในขณะที่คนอื่นกำลังนิยมหุ้นดอทคอมซึ่งทำกำไรได้มาก จนผู้จัดการกองทุนไหนไม่มีไว้ในพอร์ตจะทำผลงานได้แย่กว่าตลาด วอเรนเองกลับไม่ทำตามผู้อื่น เขาออกจากตลาดหุ้น และไปลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ คือ แร่เงิน การตัดสินใจของเขาครั้งนั้นทำให้วอเรนถูกดูถูกว่า คงหมดยุคสำหรับคนแก่อย่างเขา หลังจากนั้นมาไม่นานก็เกิดวิกฤตหุ้นดอตคอมขึ้น ในขณะที่แร่เงินทำกำไรให้เขาอย่างงาม การตัดสินใจครั้งนั้นของวอเรนได้รับการยอมรับว่าเฉียบแหลม เราจะได้ข้อคิดจากเรื่องนี้คือประโยชน์ของการเข้าใจวัฏจักรตลาด และไม่ลงทุนตามคนอื่นในสิ่งตัวเองก็ไม่แน่ใจ ไม่ได้ติดตาม ค้นหาความรู้ด้วยตัวเองเลย การอยู่เฉยๆยังดูจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าขาดทุน จอร์จ โซรอสเองก็เช่นกัน เฮดจ์ฟันด์ของเขาทำกำไรได้จากการที่เขาเข้าใจระบบของตลาดการเงินเป็นอย่างดี เข้าจะเดิมพันแต่เฉพาะถ้าเขามีโอกาสที่จะชนะมากกว่าแพ้เท่านั้น แต่เขาจะไม่จำเป็นต้องตอบรับทุกๆโอกาส นั้นคือสิ่งๆหนึ่งที่เหมือนๆกันกับนักลงทุนผู้ชาญฉลาดผู้ประสบความสำเร็จทุกคน ไม่ว่าจะเป็นสายไหนก็ตาม จากการอบรมในครั้งนี้รูปแบบการลงทุนในแต่ละบลจ.นั้นแม้จะแตกต่างกันไปตามวิธีการ แต่รูปแบบแล้วก็เหมือนกันคือพยายามให้โอกาสชนะมากกว่าแพ้
เมื่อเราเลือกรูปแบบที่เราถนัดได้แล้ว ต่อไปก็คือการบริหารPortการลงทุนของเราให้เติบโตขึ้นไป สัดส่วนต่างๆนี้มันขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่แต่ละคนยอมรับได้ไม่เท่ากัน ความรู้การศึกษาความถนัดไม่เท่ากัน ที่จริงแล้ว ในความเห็นของผมเราไม่จำเป็นต้องยึดติดกับสัดส่วนตามทฤษฎีที่มีไว้ ไม่จำเป็นว่าแก่แล้วต้องไม่ลงทุนในหุ้น อันนี้มันขึ้นอยู่กับรูปแบบของการลงทุนในหุ้นที่เราเลือกมากกว่า ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเล่นหุ้นเก็งกำไรมาก มันผันผวนและไม่เหมาะกับผู้สูงอายุแน่ การเลือกหุ้นแต่ละตัวเข้ามาในพอร์ตนั้นขึ้นอยู่กับสไตล์ของแต่ละคน ลองศึกษาคร่าวๆดูในแต่ละหนทาง ดูผลตอบแทนโดยรวมและค่าฉลี่ย แล้วหาหนทางที่เราคิดว่าใช่สำหรับเรา ดร.นิเวศน์เองก็มองการลงทุนในหุ้นคือการเป็นเจ้าของธุรกิจ(บางส่วน) ท่านจะเลือกบริษัทที่มีคุณภาพ และผ่านการวิเคราะห์มาอย่างละเอียดรอบคอบ และใจเย็น ไม่สนใจอารมณ์ของตลาดสนใจที่มูลค่าที่เกิด Margin of Safety มากจึงลงทุนเป็นหลัก หลักการนี้เปรียบเสมือนเต่าที่เอาชนะกระต่าย
เราจะลงทุนในหุ้นได้อย่างกินอิ่มนอนหลับ ไม่ต้องกลัวขาดทุนในระยะยาว ซึ่งหุ้นนั้นระยะยาวเองทำกำไรได้มากกว่าวิธีอื่น นี้คือเหตุผลที่ทำไมท่านลงทุนในหุ้น 100% ได้ถึงแม้จะอายุมากแล้ว
ในการที่เราลงทุน จุดมุ่งหมายคืออิสรภาพทางการเงิน ( การมีรายได้จากสินทรัพย์ในแต่ละเดือน = รายจ่ายในแต่ละเดือน ทำให้เราไม่จำเป็นต้องทำงาน เราจะมีอิสรภาพทำสิ่งที่เราชอบได้มากขึ้น เราจะมีทางเลือกมากขึ้น เราจะสามารถดูแลคนที่เรารักได้ดีขึ้น แม้ในยามที่เราจากโลกนี้ไป หรือป่วยไม่สามารถไปทำงาน เราก็จะยังมีข้าวกิน) เราควรศึกษาให้ดีถึงเส้นแบ่งคนจน คนชั้นกลาง และ คนรวย ในความคิดของ โรเบิร์ต คิโยซากิ นิสัยของคนรวยคือ เน้นที่รายได้จากสินทรัพย์(passive income) ไม่ใช่ เงินเดือนค่าจ้าง (Active Income) มีการเก็บออมเงิน เพื่อไปลงทุนในสิ่งที่ทำให้เงินเติบโตได้อย่างชาญฉลาด สิ่งนี้เริ่มต้นจาก การเรียนรู้หาประสบการณ์จริงให้มากๆคือสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ใช่เฉพาะในชั้นเรียนเท่านั้น ใฝ่หาสิ่งที่มีประโยชน์กับชีวิต ทรัพย์สินที่เป็นสินทรัพย์ไม่ใช่หนี้สิน ความรู้เรื่องการเงินนั้นเป็นเรื่องของปากท้องและโอกาสของชีวิต เราจะได้มีเวลาทำตามความฝันให้สมความตั้งใจ ที่ได้เกิดมาในชาตินี้ก็ไม่เสียชาติเกิด.
การที่เราได้ศึกษารู้ทฤษฎีการเงินต่างๆนั้น ทำให้เราทราบภาพรวมของกลไกของระบบเงิน การไหลของเงินที่อิงกับหลายๆปัจจัยนั้น เช่น ทิศทางดอกเบี้ย แนวโน้มทิศทางของเศรษฐกิจ วัฏจักรและวงจรของระบบตลาดเสรี และอื่นๆอีกมากมาย ทั้งการมองในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งทำให้เราสามารถมองหาโอกาส มีการมองที่การณ์ไกล และวิเคราะห์หาโอกาสยอดเยี่ยมได้ดีหรือรวดเร็วกว่าผู้อื่น เห็นในสิ่งที่สำคัญแต่ผู้อื่นมองข้ามไป หรือไม่ค่อยสนใจ จากการศึกษาในจุดนี้ทำให้เกิดนักลงทุนผู้ชาญฉลาดที่สามารถทำผลงานการลงทุนได้เหนือกว่าค่าเฉลี่ยเป็นระยะเวลายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นทางสายการลงทุนที่มองปัจจัยต่างๆอย่างละเอียด เช่น วอเรน บัฟเฟต หรือทางสายเก็งกำไรที่เน้นจิตวิทยาการลงทุน อุปสงค์อุปทานของตลาดเสรี กลไกและความไม่สมบูรณ์ของตลาด อย่างเช่น จอร์จ โซรอส ซึ่งเป็นการยืนยันได้ว่ากำไรมากเพราะความสามารถ ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ
จากการที่เราเข้าใจภาพรวมได้อย่างดีแล้ว ต่อมาก็คือเลือกรูปแบบการลงทุนที่เราชอบ เราควรศึกษาหนทางแต่ละอย่าง ไม่ว่าจะเป็น หุ้น กองทุนรวม พันธบัตร หรือไม่ก็พวกการลงทุนทางเลือก เช่น option อนุพันธ์ AFET(ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า) และคิดเปรียบเทียบ เลือกลงทุนในสิ่งที่ถนัดและถูกจังหวะการลงทุน เนื่องจากการลงทุนในแต่ละแบบนั้นเองมันก็จะมีวัฏจักรขึ้นๆลงๆของมัน ไม่มีการลงทุนรูปแบบใดที่ดีตลอดเวลา สิ่งที่เราจะทำคือคิดก่อนที่คนอื่นจะสนใจ ลงมือก่อนที่คนอื่นจะทำ ทฤษฎีอย่างEconomic Cycle + Investment Clock นั้นเชื่อถือได้ และได้รับการพิสูจน์กันอย่างยาวนาน ไม่ว่าวอเรน บัฟเฟตเองก็ไม่ลงทุนในหุ้นตลอดเวลา ในขณะที่คนอื่นกำลังนิยมหุ้นดอทคอมซึ่งทำกำไรได้มาก จนผู้จัดการกองทุนไหนไม่มีไว้ในพอร์ตจะทำผลงานได้แย่กว่าตลาด วอเรนเองกลับไม่ทำตามผู้อื่น เขาออกจากตลาดหุ้น และไปลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ คือ แร่เงิน การตัดสินใจของเขาครั้งนั้นทำให้วอเรนถูกดูถูกว่า คงหมดยุคสำหรับคนแก่อย่างเขา หลังจากนั้นมาไม่นานก็เกิดวิกฤตหุ้นดอตคอมขึ้น ในขณะที่แร่เงินทำกำไรให้เขาอย่างงาม การตัดสินใจครั้งนั้นของวอเรนได้รับการยอมรับว่าเฉียบแหลม เราจะได้ข้อคิดจากเรื่องนี้คือประโยชน์ของการเข้าใจวัฏจักรตลาด และไม่ลงทุนตามคนอื่นในสิ่งตัวเองก็ไม่แน่ใจ ไม่ได้ติดตาม ค้นหาความรู้ด้วยตัวเองเลย การอยู่เฉยๆยังดูจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าขาดทุน จอร์จ โซรอสเองก็เช่นกัน เฮดจ์ฟันด์ของเขาทำกำไรได้จากการที่เขาเข้าใจระบบของตลาดการเงินเป็นอย่างดี เข้าจะเดิมพันแต่เฉพาะถ้าเขามีโอกาสที่จะชนะมากกว่าแพ้เท่านั้น แต่เขาจะไม่จำเป็นต้องตอบรับทุกๆโอกาส นั้นคือสิ่งๆหนึ่งที่เหมือนๆกันกับนักลงทุนผู้ชาญฉลาดผู้ประสบความสำเร็จทุกคน ไม่ว่าจะเป็นสายไหนก็ตาม จากการอบรมในครั้งนี้รูปแบบการลงทุนในแต่ละบลจ.นั้นแม้จะแตกต่างกันไปตามวิธีการ แต่รูปแบบแล้วก็เหมือนกันคือพยายามให้โอกาสชนะมากกว่าแพ้
เมื่อเราเลือกรูปแบบที่เราถนัดได้แล้ว ต่อไปก็คือการบริหารPortการลงทุนของเราให้เติบโตขึ้นไป สัดส่วนต่างๆนี้มันขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่แต่ละคนยอมรับได้ไม่เท่ากัน ความรู้การศึกษาความถนัดไม่เท่ากัน ที่จริงแล้ว ในความเห็นของผมเราไม่จำเป็นต้องยึดติดกับสัดส่วนตามทฤษฎีที่มีไว้ ไม่จำเป็นว่าแก่แล้วต้องไม่ลงทุนในหุ้น อันนี้มันขึ้นอยู่กับรูปแบบของการลงทุนในหุ้นที่เราเลือกมากกว่า ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเล่นหุ้นเก็งกำไรมาก มันผันผวนและไม่เหมาะกับผู้สูงอายุแน่ การเลือกหุ้นแต่ละตัวเข้ามาในพอร์ตนั้นขึ้นอยู่กับสไตล์ของแต่ละคน ลองศึกษาคร่าวๆดูในแต่ละหนทาง ดูผลตอบแทนโดยรวมและค่าฉลี่ย แล้วหาหนทางที่เราคิดว่าใช่สำหรับเรา ดร.นิเวศน์เองก็มองการลงทุนในหุ้นคือการเป็นเจ้าของธุรกิจ(บางส่วน) ท่านจะเลือกบริษัทที่มีคุณภาพ และผ่านการวิเคราะห์มาอย่างละเอียดรอบคอบ และใจเย็น ไม่สนใจอารมณ์ของตลาดสนใจที่มูลค่าที่เกิด Margin of Safety มากจึงลงทุนเป็นหลัก หลักการนี้เปรียบเสมือนเต่าที่เอาชนะกระต่าย
เราจะลงทุนในหุ้นได้อย่างกินอิ่มนอนหลับ ไม่ต้องกลัวขาดทุนในระยะยาว ซึ่งหุ้นนั้นระยะยาวเองทำกำไรได้มากกว่าวิธีอื่น นี้คือเหตุผลที่ทำไมท่านลงทุนในหุ้น 100% ได้ถึงแม้จะอายุมากแล้ว
ในการที่เราลงทุน จุดมุ่งหมายคืออิสรภาพทางการเงิน ( การมีรายได้จากสินทรัพย์ในแต่ละเดือน = รายจ่ายในแต่ละเดือน ทำให้เราไม่จำเป็นต้องทำงาน เราจะมีอิสรภาพทำสิ่งที่เราชอบได้มากขึ้น เราจะมีทางเลือกมากขึ้น เราจะสามารถดูแลคนที่เรารักได้ดีขึ้น แม้ในยามที่เราจากโลกนี้ไป หรือป่วยไม่สามารถไปทำงาน เราก็จะยังมีข้าวกิน) เราควรศึกษาให้ดีถึงเส้นแบ่งคนจน คนชั้นกลาง และ คนรวย ในความคิดของ โรเบิร์ต คิโยซากิ นิสัยของคนรวยคือ เน้นที่รายได้จากสินทรัพย์(passive income) ไม่ใช่ เงินเดือนค่าจ้าง (Active Income) มีการเก็บออมเงิน เพื่อไปลงทุนในสิ่งที่ทำให้เงินเติบโตได้อย่างชาญฉลาด สิ่งนี้เริ่มต้นจาก การเรียนรู้หาประสบการณ์จริงให้มากๆคือสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ใช่เฉพาะในชั้นเรียนเท่านั้น ใฝ่หาสิ่งที่มีประโยชน์กับชีวิต ทรัพย์สินที่เป็นสินทรัพย์ไม่ใช่หนี้สิน ความรู้เรื่องการเงินนั้นเป็นเรื่องของปากท้องและโอกาสของชีวิต เราจะได้มีเวลาทำตามความฝันให้สมความตั้งใจ ที่ได้เกิดมาในชาตินี้ก็ไม่เสียชาติเกิด.
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 1
ทรรศนะคติของมือใหม่อย่างผม
โพสต์ที่ 2
หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขอน้อมยอมรับความผิดพลาด ผมจะแก้ไขปรัขปรุง
ให้ดียิ่งๆขึ้น และขอน้อมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง
ผมขอแสดงความเคารพ คุณอะไรดีละ ถึงผมไม่ได้เรียนทางเศรษฐศาสตร์ และผมรู้ตัวว่าค่อนข้างขาดแคลนความรู้ทางสายนี้ ถ้าจะเป็นความกรุณาผมอยากเรียนรู้จากคุณให้มาก ผมชอบความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่มีสาระของคุณมาก
ไม่ทราบว่าผมจะหาความรู้เกี่ยวกับ เศรษฐศาสตร์ไท่เก็กที่ไหนครับ?
ให้ดียิ่งๆขึ้น และขอน้อมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง
ผมขอแสดงความเคารพ คุณอะไรดีละ ถึงผมไม่ได้เรียนทางเศรษฐศาสตร์ และผมรู้ตัวว่าค่อนข้างขาดแคลนความรู้ทางสายนี้ ถ้าจะเป็นความกรุณาผมอยากเรียนรู้จากคุณให้มาก ผมชอบความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่มีสาระของคุณมาก
ไม่ทราบว่าผมจะหาความรู้เกี่ยวกับ เศรษฐศาสตร์ไท่เก็กที่ไหนครับ?
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
ทรรศนะคติของมือใหม่อย่างผม
โพสต์ที่ 4
ทัศนคติ
ไม่ใช่
ทรรศนะคติ
ไม่ใช่
ทรรศนะคติ
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 1
ทรรศนะคติของมือใหม่อย่างผม
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณที่ช่วยตรวจทานครับ
ที่เขียนผิดเป็นเพราะรีบทำ และง่วง
ส่วนความสับสัน และที่มาที่ไปนั้น ในฉบับเต็มมีข้อมูล และรูปภาพประกอบอยู่ที่ไม่ได้เอามาลงทั้งหมด
ที่เขียนผิดเป็นเพราะรีบทำ และง่วง
ส่วนความสับสัน และที่มาที่ไปนั้น ในฉบับเต็มมีข้อมูล และรูปภาพประกอบอยู่ที่ไม่ได้เอามาลงทั้งหมด
-
- Verified User
- โพสต์: 807
- ผู้ติดตาม: 0
ทรรศนะคติของมือใหม่อย่างผม
โพสต์ที่ 6
ขยันเขียนดีครับ ยิ่งเขียนมากเราก็ยิ่งรู้มาก ความคิดจะได้ตกผลึก ผมสิเอาแต่อ่าน มีความรู้ท่วมหัว แต่เรียบเรียงไม่ค่อยได้ เอาไปใช้ไม่ค่อยเป็น
อย่ายอมแพ้