ประเภทนักลงทุน สถาบัน กับ บัญชี บล. ต่างกันอย่างไรครับ

[mandy]

รบกวนเพื่อนๆพี่ๆ ช่วยชี้แนะด้วยครับผม

[Packky]

มารู้จักกับผู้ลงทุนสถาบัน
โดย ดร. ธนัยวงศ์ กีรติวานิชย์
วิทยากรอาสา สถาบันพัฒนาความรู้ตลาดทุน
www.tsi-thailand.org
(ลงหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 5 ก.ย.49)
เมื่อกล่าวถึงผู้ลงทุนสถาบัน (Institutional Investors) คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่าหมายถึงเฉพาะกองทุน
เฮ็ดจ์ฟันด์ (Hedge Fund) จากต่างประเทศที่มาโจมตีค่าเงินบาทไทยจนทําให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นในช่วงปลายปี 2540
ที่ผ่านมา หรือไม่ก็กองทุนรวมต่างๆ ที่มีการจําหน่ายหน่วยลงทุนกันอย่างแพร่หลายในประเทศ ซึ่งในความเป็น
จริงแล้ว ผู้ลงทุนสถาบันเป็นใครแตกต่างจากผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาเช่นไร และมีบทบาทอย่างไรใน
ตลาดทุนไทยนั้น เชื่อว่ายังคงเป็นอะไรที่หลายๆ คนอาจสงสัยกันอยู่
ทั้งนี้หากพิจารณาตามนิยามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้ไว้ ผู้ลงทุนสถาบัน หมายถึง สถาบัน
ที่ใช้เงินทุนส่วนใหญ่ลงทุนในหลักทรัพย์ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งบริษัทหลักทรัพย์ ธนาคารพาณิชย บริษัทประกันภัย
และประกันชีวิต กองทุนรวม กองทุนสํารองเลี้ยงชีพ หรือสถาบันการเงินระหว่างประเทศ จะเห็นได้ว่านิยาม
ค่อนข้างที่จะคลอบคลุมผู้ลงทุนหลากหลายกลุ่มทีเดียว โดยแต่ละกลุ่มจะมีแนวทางในการลงทุนที่แตกต่างกันไป
ตามเป้าหมายในการลงทุน ระยะเวลาที่ต้องการลงทุน รวมทั้งข้อจํากัดในการลงทุนของตนเอง นอกจากนี้หาก
เปรียบเทียบระหว่างผู้ลงทุนสถาบัน กับผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดา จะพบว่า
ผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดา ต่างก็มีแนวคิดในการลงทุนที่เหมือนกัน คือ ต้องการ
ได้รับผลตอบแทนในอัตราที่สูงสุดจากการลงทุน ณ ระดับความเสี่ยงที่ต นเองสามารถยอมรับได้
(Maximize Return at Assumed Risk)
ผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดา ต่างต้องลงทุนภายใต้กฎระเบียบ และข้อบังคับในการ
ลงทุน โดยจะอยู่ภายใต้การกํากับดูแลที่เข้มงวดจากองค์กรซึ่งทําหน้าที่กํากับดูแลอันได้แก่ สํานักงาน
คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
(ต.ล.ท.)
ผู้ลงทุนสถาบัน
- มีเป้าหมายในการลงทุนที่ชัดเจน โดยจะเลือกลงทุนตามเป้าหมายการลงทุนที่ได้กําหนดไว้ตั้งแต่แรก
ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ในระดับหนึ่ง
- มีนโยบายการลงทุนที่เป็นแบบแผน และมีกระบวนการจัดการลงทุนที่เป็นระบบ อย่างไรก็ตามหาก
พิจารณาถึงความเป็นอิสระ หรือความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนนโยบายการลงทุน หรือกระบวนการ
จัดการลงทุนกลับมีน้อยกว่าผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดา
- มีเงินลงทุนในปริมาณที่มากกว่า ทําให้สามารถกระจายการลงทุนในหลักทรัพย์ในจํานวนที่มากกว่าได้ผลกระทบที่เกิดจากการปรับตัวลดลงของราคาหลักทรัพย์ในตลาดจึงไม่รุนแรงเท่ากับของผู้ลงทุนที่เป็น
บุคคลธรรมดา
- สามารถสร้างโอกาสในการลงทุนได้ดีกว่า เนื่องจากมีอํานาจในการต่อรองที่สูงกว่า และสามารถ
เข้าถึงหลักทรัพย์ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นหลักทรัพย์ที่เปิดจองใหม่
หลักทรัพย์เพิ่มทุนที่มีคุณภาพ หรือหลักทรัพย์ที่ถูกเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน
เท่านั้น (Private Placement)
- มีระบบฐานข้อมูลที่ครบถ้วน และสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้รวดเร็วกว่า
- มีต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยในการบริหารจัดการลงทุนน้อยกว่า
- มีบุคลากรที่มีความรู้ความชํานาญในด้านการลงทุนเป็นจํานวนมาก จึงสามารถประเมินโอกาสในการ
ลงทุน ตลอดจนความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการลงทุนได้ดีกว่า
- มีการฝากหลักทรัพย์ไว้กับผู้ดูแลทรัพย์สิน (Custodian) ต่างจากผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาซึ่งฝาก
หลักทรัพย์ไว้กับบริษัทโบรกเกอร์ ผ่านไปยังศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (TSD) อีกขั้นหนึ่ง
และหากพิจารณาถึงบทบาทของผู้ลงทุนสถาบันที่มีต่อตลาดทุนไทย จะเห็นได้ชัดเจนว่า เม็ดเงินลงทุนของ
ผู้ลงทุนสถาบันมีปริมาณค่อนข้างมาก จึงถือได้ว่าเป็นแหล่งเงินทุนขนาดใหญ่ให้แก่บริษัทจดทะเบียนต่างๆ ใน
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นําไปใช้ในการดําเนินงานและขยายกิจการต่อไปได้ อีกทั้งยังเป็นการสร้าง
เสถียรภาพให้แก่ตลาดทุนไทย โดยไม่ต่องพึ่งพาเงินลงทุนจากต่างชาติจนมากเกินไปอีกด้วย อธิบายถึงตรงนี้คง
น่าจะรู้จักกับผู้ลงทุนสถาบันกันดีขึ้นแล้วนะครับ
และหากท่านมีความสนใจที่จะได้รับความรู้เรื่องการลงทุนในตราสารทางการเงินรูปแบบต่างๆ ท่าน
สามารถสมัครเข้าร่วมสัมมนาที่หลากหลายหัวข้อโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายหรือเรี ยนรู้ด้วยตนเองผ่านทาง TSI
e-Learning กับโครงการพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน สถาบันพัฒนาความรู้ตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ได้ที่ www.tsi-thailand.org

http://docs.google.com/viewer?a=v&q=cac ... 4lJEI7MfBQ

 :8)  :8)