กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ภาพประจำตัวสมาชิก
doodeemak
Verified User
โพสต์: 411
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 1

โพสต์

http://doodeemak.blogspot.com/2010/05/doodeemak.html

เห็นช่วงนี้เครียดๆกันเยอะ เลยลองเขียนบทความเล็กๆจากนักลงทุนมือใหม่ไว้ให้พิจารณากันครับ

การกรองหุ้น ก็คือขั้นตอนขั้นตอนหนึ่งในการเริ่มต้นของการลงทุนนะครับ
แน่นอนครับว่าการเริ่มต้นที่ดีนั้นย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง หากเปรียบกับการหาเนื้อคู่ ก็คงจะเปรียบได้กับการกรองบุคลิก ลักษณะของเนื้อคู่ที่เราต้องการจะพบ
บางท่าน อาจจะมีประสบการณ์ได้เนื้อคู่จากการดูเว็บบอร์ด (ซึ่งบางครั้งอาจจะคิดไปเองว่าเป็นรักแรกพบ... ดูเว็บปุ๊บก็สามารถแต่งกับหุ้นตัวนั้นได้ปั๊บ)
ขณะที่บางท่านกว่าจะได้เนื้อคู่มา ก็ต้องผ่านการกรองแล้วกรองอีก... กรองแล้วกรองอีก (จนบางครั้งกรองนานจนหาไม่ได้ก็มี...)
แต่เทคนิคในการกรองหุ้นนั้น ผมเชื่อว่านักลงทุนแต่ละท่านก็คงมีวิธีคิดที่แตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับพื้นฐานทางความคิด, ประสบการณ์, บุคลิกภาพส่วนตัว ซึ่งมีผลต่อระดับความเสี่ยงที่ตัวเองยอมรับได้รวมไปถึงมุมมองในการกรองหุ้นแบบต่างๆ (เริ่มมีสาระบ้างละ)

ต่อไปนี้คือแนวความคิดของผมกับการกรองหุ้น ณ ประสบการณ์ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ 3 ปีครึ่งครับ

กรองหุ้นสไตล์ doodeemak

กฎข้อที่ 1: ลงทุนในธุรกิจที่มีกระแสเงินสดจากการดำเนินเป็นบวกสม่ำเสมอ (ดูนางให้ดูเงินสด ไม่ใช่บัตรเครดิต)ข้อนี้แทบจะเป็นกฎเหล็กของผมเลยก็ว่าได้ครับ การกรองคู่แท้นั้นต้องเริ่มที่สถานะทางการเงินครับ โดยเน้นว่าเป็นเงินสดๆครับ ไม่ใช่เงินเชื่อ (เพื่อให้เราเกาะได้อย่างสบายใจ..อิอิ) ในแง่การลงทุนนั้น ป็น common sense สุดๆเลยครับ ในกรณีที่เราจะหาหุ้นส่วนธุรกิจ เราย่อมต้องการที่จะเป็นหุ้นส่วนกับธุรกิจที่มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกสม่ำเสมอ

อ้างอิงจากวิชาการประเมินมูลค่าโครงการ การหา NPV หรือ IRR ล้วนแล้วแต่ประเมินจากกระแสเงินสดด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นกฎข้อนี้เป็นกฎที่ห้ามฝ่าฝืนสำหรับผมครับ

กฎข้อที่ 2: ไม่ลงทุนในหุ้นที่มีคนติดตามมาก (จีบนางให้ดูคู่แข่ง)ละครเกาหลีได้นำเสนอความหวังของปุถุชนชาวไทยว่าพระเอกหรือนางเอกถึงแม้จะมีฐานะ มีความแตกต่างจากเขาหรือเธอที่หมายปองเพียงใด ก็ยังมีความหวังที่จะสามารถเด็ดดอกฟ้ามาเชยชม จริงอยู่ที่ว่าหุ้นที่คนตามมากนั้น ส่วนใหญ่หลายต่อหลายธุรกิจเป็นกิจการที่น่าสนใจ และมีแนวโน้มของการเติบโตและการทำกำไรที่ดี แต่ผมมีความเชื่อส่วนตัวว่าคนส่วนใหญ่มักจะ "เชื่อ" กันจนเกินสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นจริงเสมอ ดังนั้นโอกาสที่หุ้นที่คนตามมากนั้นจะ undervalue คงมีน้อย (หรือนัยหนึ่งก็คือ โอกาสจะจีบติดนั้น..ยากครับ)

กฎข้อที่ 3: ถ้าไม่เชื่อกฎข้อแรก ให้ศึกษาไว้ก่อนแล้วรอหาจังหวะที่เหมาะสม (รอเธออกหักแล้วหาจังหวะดามใจ)หากเรายังไม่หมดหวังกับการเด็ดดอกฟ้า ตามคัมภีร์เกาหลีวิทยา เราจะต้องรอครับ รอจนเขาหรือเธอนั้นอกหักหรือผิดหวัง แล้วอาศัยจังหวะที่ฝนตก หาร่มไปกางให้เธอ (ถ้าเธอพกร่มมาให้รอจังหวะน้ำกระเด็นใส่แล้วยื่นผ้าเช็ดหน้าแทน) ในมุมมองของหุ้นนั้น กรณีที่เราสนใจกิจการนั้นมากและมองว่าเป็นกิจการที่น่าสนใจ โอกาสอาจจะมาถึง หากมีเหตุการณ์พิเศษ ที่ทำให้หุ้นตัวนั้นๆถูกประเมินราคาตกลงไปมาก ซึ่งจะเป็นโอกาสของเราที่จะได้ศึกษาผลกระทบและอาจเป็นโอกาสในการลงทุนของเราอีกครั้งหนึ่ง

กฎข้อที่ 4: หาหุ้นที่มีกระแสเงินสดอิสระในสัดส่วนที่มากเมื่อเทียบกับราคาตลาด (หากมีนางให้เลือกมากมาย...ให้เลือกนางที่คุ้มกับความพยายามที่สุด)
บางท่านอาจจะมีทางเลือกมาก มีหนุ่มๆหรือสาวๆที่กรองมาแล้วให้เลือกมากมาย ในกรณีนี้ เป็นสิทธิของท่านแล้วล่ะครับ ที่จะมีสิทธิเลือกว่าที่คู่ชีวิตที่ท่านคิดว่าเหมาะสมกับความพยายามมากที่สุด ตัวอย่างเช่น หลังจากกรองแล้วเจอ อั้ม พัชราภา, แอฟ ทักษอร และน้องมีนนางเอกปลาบู่ทอง ถึงแม้ทั้งสามคนนี้ เราจะมีโอกาสจีบติด แต่ความพยายามนั้นจะเห็นได้ว่าสองคนแรกนั้น ต้องใช้ความพยายามมากเหลือเกิน (เพราะแฟนปัจจุบันของเค้าแต่ละคนก็คือถังเงินถังทองเคลื่อนที่ดีๆนี่เอง) แต่กับน้องมีนปลาบู่ จะเห็นได้ว่าถึงแม้จะมีข่าวกับดาราหนุ่มบางคน แต่ก็ยังไม่ถึงกับเป็นตัวเป็นตน อีกทั้งต้นทุนการเทคแคร์ ก็ไม่น่าจะสูงเท่ากับสองคนแรก ดังนั้น เมื่อประเมิน value/cost แล้วพบว่ามีค่าสูงที่สุด... ฟันธง!
กลับมาที่เรื่องหุ้นกันบ้าง (หลังจากนอกเรื่องมานาน...) การกรองหุ้นลักษณะนี้มักจะทำให้เราได้หุ้นที่ปลอดภัยและราคาไม่แพง เหมาะกับคนที่ไม่อยากเสี่ยง แต่การประมาณการกระแสเงินสดอิสระนั้น เราอาจจะต้องพิจารณาย้อนหลังหลายๆปี เพื่อดูแนวโน้มและความสม่ำเสมอ (ดูว่าคุณภาพนั้น ของแท้หรือเทียม หากเทียบกับการเลือกคู่ บางทีเราอาจจะเจอ"ตอ"ก็เป็นได้) ดังนั้นเราอาจจะต้องมีการปรับกระเงินสดดำเนินงานและกระแสเงินสดจากการลงทุนให้เหมาะสมโดยตัดเอาเงินลงทุน ที่ใช้ในการขยายกิจการ หรือเงินได้หรือจ่ายพิเศษๆออกไป อย่างไรก็ตาม กฎข้อนี้ไม่ควรกรองแบบเข้มข้นมากจนเกินไป จนทำให้เราละเลยหุ้นที่อาจจะแพงกว่าหน่อย แต่มีศักยภาพสูงกว่ามาก

กฎข้อที่ 5: เลือกหุ้นที่มีหนี้สินต่ำ (เลือกนางที่มีภาระน้อยที่สุด)หากท่านจะหาคู่ แน่นอนว่าสิ่งหนึ่งที่ท่านจะได้เป็น pakage ซื้อ 1 แถม 3 ก็คือพ่อตาแม่ยายและลูกติด (ในบางกรณี) หากเป็นไปได้ เพื่อความราบรื่นในชีวิต การเลือกคู่ที่ภาระน้อยย่อมได้เปรียบ ในมุมมองของหุ้น ด้วยความที่เป็นคนที่มีพื้นฐานไม่ชอบเสี่ยง หุ้นที่เหมาะกับกระผมจึงเป็นหุ้นที่ไม่ควรมีหนี้สินมากๆ โดยอาจจะวัดได้จากการเอาหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยหารด้วยกระแสเงินสดอิสระไม่ควรมากกว่า 3 ซึ่งหมายความว่า เราสามารถนำเงินสดไปชำระหนี้หมดได้ในเวลาไม่เกิน 3 ปี

กฎข้อที่ 6: เลือกหุ้นที่คุณเข้าใจ และสามารถติดตามได้ (เลือกคนที่เราเข้าใจเค้าและเค้าก็เข้าใจเรา)
ทุกข้อที่กล่าวมา หากข้อนี้ไม่ผ่าน สุดท้ายคู่ต่างๆก็มักลงเอยด้วยประโยคที่ว่า "เราเข้ากันไม่ได้" หรือ "เรามีทัศนคติแตกต่างกันเกินไป" กฎข้อนี้เป็นกฎเหล็กอีกข้อหนึ่งซึ่งผมวางไว้ข้อสุดท้ายเพื่อเตือนใจเอาไว้ว่า "อย่าลงทุนในธุรกิจที่เราไม่เข้าใจและไม่สามารถประมาณการอนาคตได้เป็นอันขาด"
Inactive investor
ภาพประจำตัวสมาชิก
hagrid
Verified User
โพสต์: 566
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณครับ
manhaha
Verified User
โพสต์: 89
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณครับ :)
ภาพประจำตัวสมาชิก
luckyman
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2203
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ถ้าซื้อแล้วก็ขายไม่ได้อ่ะดิครับ เพราะว่าแต่งงานกันไปแล้ว  :lol:
website for the value investor
=> https://hoonapp.com
chowbe76
Verified User
โพสต์: 1980
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 5

โพสต์

[quote="piggyman007"]ถ้าซื้อแล้วก็ขายไม่ได้อ่ะดิครับ เพราะว่าแต่งงานกันไปแล้ว
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
ภาพประจำตัวสมาชิก
luckyman
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2203
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 6

โพสต์

piggyman007 wrote:
ถ้าซื้อแล้วก็ขายไม่ได้อ่ะดิครับ เพราะว่าแต่งงานกันไปแล้ว  

รอรับปันผลในอีกสามไตรมาส(เก้าเดือน)ข้างหน้า
สิครับ
นั่นมันเพิ่มทุนปะครับ รายจ่ายทั้งนั้นเลย
:P
website for the value investor
=> https://hoonapp.com
ภาพประจำตัวสมาชิก
doodeemak
Verified User
โพสต์: 411
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ผมว่าลงทุนระยะยาว (มาก) ครับ

แต่เหนือสิ่งอื่นใด คงเป็นปันผลจากธรรมชาติที่มาเติมเต็มให้ชีวิตได้เรียนรู้
อีกหนึ่งบทเรียนที่มีค่า  :D

ปล. แวะไป comment กันได้นะครับ กับบทความใหม่ (ที่ไม่กล้านำมาแป่ะ) เรื่อง "ทำไมตอนนั้นผมซื้อหุ้นทอผ้า"

http://doodeemak.blogspot.com/2010/05/blog-post.html
Inactive investor
ภาพประจำตัวสมาชิก
j21
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 690
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ขอบคุณที่แบ่งปันครับ   :D

มีคำถามเล็กน้อยครับ

อ่านจากกฎของคุณ doodeemak เห็นไม่มีเรื่อง ผู้บริหารเลย ไม่ทราบว่า ดูเรื่องผู้บริหารมากน้อยแค่ไหนครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
doodeemak
Verified User
โพสต์: 411
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าเราสามารถดูผู้ยริหารได้จากการใช้เงินสดนะครับ

ว่าผู้บริหารมีการใช้กระแสเงินสดในการเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทรึเปล่า

แล้วก็ดูรายการระหว่างบริษัทในเครือครับ ว่ามีรายการที่น่าสงสัยหรือไม่

งบกำไรขาดทุนก็ดูตรงค่าตอบแทนผู้บริหาร ว่าเหมาะสมกับ performance
ของกิจการรึเปล่า

แต่ไม่ได้ดูละเอียดถึงนามสกุลแบบกระทู้โพยลับของพี่นริศน่ะครับ  :lol:
Inactive investor
ภาพประจำตัวสมาชิก
j21
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 690
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ขอบคุณครับ   :D
hutza
Verified User
โพสต์: 151
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ขอบคุณมากครับ  :cheers:  :cheers:  :cheers:  :cheers:
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
newbie_12
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2912
ผู้ติดตาม: 1

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ขอเสนอความคิดเพิ่มเติมนิดหน่อยครับ ปัจจัยที่นำมากรอง ผมคิดว่าเป็นปัจจัยทางปริมาณทั้งหมดนะครับ ผมคิดว่าอีกปัจจัยหนึ่ง ที่สำคัญกว่า ก็คือปัจจัย ทางคุณภาพ ซึ่งส่วนใหญ่ เกี่ยวกับเรื่อง "ความสามารถทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน"

ผมได้ยินคำพูดของ ดร นิเวศน์ บอกว่า หุ้นที่ดีมากๆ จะเหมือนสาวงาม ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดเจน เห็นปั๊บก็จะรู้เลยว่านี่แหละสุดยอด แต่ถ้าเราต้องไปขุดหา มองแล้วมองอีกถึงจะเจอ นั่นแสดงว่า มันใช่ของดีจริงๆ
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง

----------------------------
ภาพประจำตัวสมาชิก
doodeemak
Verified User
โพสต์: 411
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ขอบคุณพี่ newbie_12 สำหรับการแนะนำดีๆครับ

ผมคิดว่าส่วนตัวอาจจะเป็นสไตล์เกรแฮมมากกว่าบัฟเฟต์ก็ได้มังครั้บ  :lol:

ที่ดูข้อมูลเชิงปริมาณซึ่งก็คือความสม่ำเสมอของกระแสเงินสดเทียบกับ
ราคาที่ขายว่าถูกหรือแพงก่อน

ถ้าถูกใจแล้วจึงค่อยมองปัจจัยเชิงคุณภาพทีหลัง :roll:

หลังจากบทความกรองหุ้น ต่อไปผมคงจะพยายามเขียนบทความวิเคราะห์หุ้น
แบบมือใหม่ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ 2 หลังจากที่ผ่านการกรองมาระดับหนึ่ง
นะครับ ซึ่งคงต้องรวมเรื่องของความสามารถทางการแข่งขันอย่างที่พี่
newbie_12 แนะนำและธรรมาภิบาลที่พี่ j21 แนะนำด้วย

แต่ผมคิดว่าถ้าเป็นเซียนๆในเว็บ ที่ไม่ใช่มือใหม่ กฎต่างๆเหล่านี้ แทบไม่ต้อง
ใช้เลยมังครับ เพราะท่านเหล่านั้นมี watch list และเข้าใจตัวธุรกิจมากอยู่
แล้ว แค่ทำการติดตามข่าวสารข้อมูล, ราคาหุ้นว่าถูกหรือแพงเมื่อเทียบกับ
ราคาในใจและปัจจัยเชิงมหภาคที่อาจจะมีผลต่อระยะยาวของธุรกิจก็น่าจะพอ
Inactive investor
ภาพประจำตัวสมาชิก
newbie_12
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2912
ผู้ติดตาม: 1

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 14

โพสต์

เยี่ยมครับ รออ่านตอนต่อไปครับผม

กระทู้ดีๆแบบนี้ ชาว thaivi ต้องการครับ

:D  :D  :D
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง

----------------------------
ภาพประจำตัวสมาชิก
m_mummie
Verified User
โพสต์: 218
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ขอบคุณคะ สำหรับความรู้ดีๆที่นำมาบอกเล่าให้มือใหม่ได้อ่าน

อยากถามพี่ doodeemak เรื่องกฎข้อที่ 4 คะ ว่า จะปรับประมาณกระแสเงินสดด้วยวิธีใดได้บ้างคะ :?: งง ทุกทีเวลาอ่าน ไม่รู้จะเริ่มยังไง ขอวิธีคร่าวๆสำหรับมือใหม่หน่อยนะคะ

ตอนนี้อาศัยดูแต่ค่า ratios ต่างๆ ดูตัวเลขที่งบ พอเข้าใจบ้างนิดหน่อย :oops:
--->I Will Survive Yeah....Yeah....<---
ภาพประจำตัวสมาชิก
doodeemak
Verified User
โพสต์: 411
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ขอตอบแบบมือใหม่ตอบให้มือใหม่มากละกันนะครับ
งบกระแสเงินสดจะแสดงการได้มากและใช้ไปของเงินสดของกิจการ
บางท่านอาจจะคิดว่าเงินสดเป็นอะไรที่วัดได้ยากเพราะมีการไหลเข้าไหลออก
ทำให้บางครั้งดูแล้เวียนหัว ไม่สามารถสะท้อนภาพของกิจการออกมาได้จริง

แต่ในความจริงแล้ว ในงบรายไตรมาสหรืองบประจำปี ผมคิดว่าเพียงพอ
และน่าเชื่อถือ เพราะไม่ใช่เป็น daily transaction แต่เป็น quaterly และ yearly

ในส่วนของการดู แนะนำว่าให้มองหาบรรทัดสุดท้ายที่มีคำว่า
"เงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมดำเนินงาน" แล้วขีดเส้นใต้ไว้ครับ

จากนั้นก็มองหาบรรทัด "เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมลงทุน"
แล้วขีดเส้นใต้ไว้ครับ

จากนั้นก็มองหาบรรทัด "เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมจัดหาเงิน"
แล้วขีดเส้นใต้ไว้ครับ

ทีนี้เราก็มาดูความหมายของแต่ละตัวนะครับ


"เงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมดำเนินงาน"

ตัวนี้จัดได้ว่าเป็นผลลัพธ์ของการดำเนินธุรกิจเลยทีเดียว สำหรับมือใหม่ให้ดูว่า
เป็นบวกต่อเนื่องหลายๆปีหรือไม่ ส่วนการปรับปรุงผมมักจะตัดรายได้หรือรายจ่าย
พิเศษออก ...

เดี๋ยวมาต่อครับ ไปกินข้าวก่อน
Inactive investor
ภาพประจำตัวสมาชิก
m_mummie
Verified User
โพสต์: 218
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 17

โพสต์

อิ่มยังคะ รอจนหายหิวแล้วคะ  :B  :B
--->I Will Survive Yeah....Yeah....<---
ภาพประจำตัวสมาชิก
nasesus
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1278
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 18

โพสต์

น่าจับไปเขียนหนังสือคู่กับเด็กเลี้ยงแกะครับ อ่านแล้วมันส์ได้ใจ :lol:  :lol:  :lol: มือใหม่อ่านแล้วได้อะไรเยอะนะครับหลักเกณฑ์ใช้ได้ครับ แม้จะมีบ้างในหุ้นบางกลุ่มที่ต้องยกเว้นกฏบางข้อ
ทางที่ไม่มีไฟ ใช่ว่าไม่มีทาง เพียงแค่การก้าวไปข้างหน้าต้องใช้มากกว่าการหวังพึ่งแค่ดวงตา
ภาพประจำตัวสมาชิก
doodeemak
Verified User
โพสต์: 411
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 19

โพสต์

ต่อครับ...

เงินสดจากการดำเนินจะแบ่งเป็น 2 ช่วงย่อยคือช่วงก่อนเปลี่ยนแปลง
ในสินทรัพย์และหนี้สินดำเนินงานและช่วงหลัง

ช่วงก่อนเปลี่ยนแปลง จะมีรายการสำคัญๆคือการปรับปรุงกำไรทางบัญชี
ให้เป็นกำไรที่เป็นเงินสด โดยมีรายการหลักคือ
- ค่าเสื่อมราคา
- ค่าตั้งเผื่อด้อยค่า (เป็นการประมาณการทางบัญชี)
- ดอกเบี้ยจ่ายหรือรับ

ช่วงหลังการเปลี่ยนแปลง จะเป็นการแสดงถึงการบริหารสินทรัพย์และหนี้สิน
หมุนเวียนจากการดำเนินงาน ว่าบริษัทใช้เงินสดเพื่อซื้อของมาตุนเพิ่มขึ้นหรือไม่
หรือมีการให้ credit term ลูกหนี้ยาวขึ้นหรือไม่ ซึ่งเราสามารถวิเคราะห์เพิ่ม
เติมได้จากรายละเอียดประกอบงบที่แสดงคุณภาพของลูกหนี้และการแบ่ง
ประเภทของสินค้าคงเหลือ

หากกระแสเงินสดก่อนการเปลี่ยนแปลง มากกว่า หลังการเปลี่ยนแปลงมากๆ
แสดงว่าบริษัทมีการบริหารเงินทุนหมุนเวียนที่แย่ลง (แต่หากยอดขายสูงขึ้น
ต้องมีการวัดด้วย ratio เพื่อเทียบออกมาเป็นหน่วย "วัน" เพื่อสามารถเทียบได้)

ในส่วนของกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน โดยส่วนมากผมไม่ค่อยปรับปรุง
เท่าไหร่ แค่ใช้การดูหลายๆปีย้อนหลัง ว่ามีการแกว่งขึ้นลงมากหรือไม่และ
ที่สำคัญ เรารู้หรือไม่ว่าการแกว่งนั้นเกิดจากสาเหตุใด
จะมีปรับปรุงบ้างก็ต่อเมื่อเราพบว่าอนาคตของกิจการมีโอกาสเติบโตหรือถดถอย
โดยการประมาณการเพิ่มหรือลดลงเป็นสัดส่วนเทียบกันระหว่างกระแสเงินสด
จากการดำเนินงานกับยอดขาย


"เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมลงทุน"

ตัวนี้เป็นเงินสดที่กิจการใช้ในการลงทุนในส่วนของทรัพย์สินระยะยาว
เพื่อให้เกิดกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเข้ามาให้กับกิจการ

ดังนั้น การใช้จ่ายในส่วนนี้ ส่วนมากจะเป็นการลงทุนซื้อที่ดินหรือเครื่องจักร

ค่าใช้จ่ายตัวนี้ เราสามารถนำไปเทียบกับค่าเสื่อมราคาได้ครับ โดยปกติแล้ว
ค่าใช้จ่ายการลงทุนผมมักจะเทียบกับค่าเสื่อมราคาและดูย้อนหลังไปหลายๆปี
หากว่าบริษัทมีการลงทุนสูงอย่างสม่ำเสมอเมื่อเทียบกับค่าเสื่อมราคา
ทั้งๆที่รายได้ก็ไม่ได้อะไรมากมาย หรือไม่ได้สร้างธุรกิจใหม่ๆอันนี้ก็ขอบายครับ

แต่หากการลงทุนนั้น ทำไปเพื่อการสร้าง line ธุรกิจใหม่ๆ ไม่ใช่เป็นการซ่อม
แซมเพื่อยืดอายุการใช้งาน ก็ต้องมีการปรับปรุงครับ เช่นหากกิจการทำการ
ซ่อมแซมครั้งใหญ่มาก ซึ่งเราวิเคราะห์แล้วว่าไม่น่าจะเป็นการซ่อมที่เกิดเป็น
ประจำ เช่น TR ที่เมื่อปีสองปีก่อนมีค่าใช้จ่ายตัวนี้มาก เพราะมีการเปลี่ยน line
ที่มีอายุมากกว่า 20 ปี อันนี้ผมก็จะปรับปรุงมันครับ โดยดูใช้ค่าใช้จ่ายเพื่อการ
ลงทุนในอดีตปรับเพิ่มด้วยค่าใช้จ่ายการลงทุนพิเศษหาร 20 เพื่อทำเป็นค่าเฉลี่ย


ในทางกลับกันสำหรับบางกิจการ เงินสดจากกิจกรรมลงทุนอาจจะติดลบ
มากๆ เพราะเกิดจากการที่เค้ามีเงินสดอิสระเหลืออยู่มากครับไม่รู้จะเอาไปทำ
อะไรจะปันผลก็กลัวผู้ถือหุ้นจะโดนหักภาษีเยอะ  :lol: บางทีเค้าก็เอาไปลงทุน
ในธนาคารกินดอกเล่นๆก็มี

อันนี้ก็แสดงว่าเป็นการลงทุนที่ไม่เพิ่มมูลค่าครับ แต่หากกันไว้เพื่อลงทุนใน
ปีถัดๆไป ก็ต้องดูว่ากันไว้ในปริมาณที่เหมาะสมหรือไม่โดยดูประวัติการใช้เงิน
ย้อนหลังก็จะช่วยให้เห็นภาพของเจตนาของผู้บริหารครับ

ยกตัวอย่างเช่น TR ก็กันไว้ค่อนข้างมากในปีสองปีที่ผ่านมา เพราะต้องการ
ปรับปรุง line การผลิตครั้งใหญ่  แต่หากปีนี้ยังกันไว้เยอะอยู่ล่ะก็...น่าคิดครับ
เพราะบางครั้ง เค้าอาจจะเอาเงินตัวนี้ไปซื้อกิจการร่วมหรือไปลงทุนที่ไม่
คุ้มค่าหรืออาจจะไม่ได้เกี่ยวเนื่องกับการเติบโตของธุรกิจโดยตรง

เงินสดจากการดำเนินงานหักออกด้วยเงินสดจากการลงุทนหลังจากปรับปรุง
ก็จะได้เป็นกระแสเงินสดอิสระ ที่ผมจะนำมาเทียบกับมูลค่าตลาด


"เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมจัดหาเงิน"

ตัวนี้เป็นแหล่งที่มาหรือใช้ไปของเงินสดที่มาจากผู้มีส่วนได้เสียของกิจการ
ซึ่งรวมทั้งเงินกู้ธนาคารและส่วนเพิ่มทุนและเงินปันผลจ่ายของเจ้าของ

โดยปกติแล้ว หากกิจการสามารถดำเนินงานได้อย่างไม่มีปัญหา ตัวนี้มักจะ
มีเพียงรายการของเงินปันผลจ่ายครับ แต่หากเมื่อใดกิจการเกิดการขาด
สภาพคล่องมากๆ ทำให้ต้องมีการกู้หนี้ยืมสิน ก็ต้องมาพิจารณาว่าเกิดจากอะไรซึ่งอาจจะเกิดจาก

- กระแสเงินสดจากการดำเนินงานติดลบมากๆ
- กระแสเงินสดจากการลงทุนติดลบมากๆ

ถ้าเป็นกรณีแรก ก็ไม่ค่อยดีนะครับ ต้องมาดูว่าเกิดจากช่วงก่อนหรือหลัง
การเปลี่ยนแปลงเงินทุนหมุนเวียน
ถ้าเกิดขึ้นก่อน แสดงว่าอาการไม่ดีแล้วล่ะครับ เพราะแสดงว่าเส้นเลือดใหญ่กำลังรั่ว
แต่หากเกิดหลังเงินทุนหมุนเวียน แสดงว่ากิจการกำลังสูญเสียเงินไปจมในลูกหนี้
หรือสินค้าคงเหลือมากเกินไป ให้ลองหาต่ออีกทีว่าเกิดจากปัจจัยใด

ถ้าเป็นกรณีทีสอง ที่เกิดจากเงินลงทุนติดลบมากๆ ก็ต้องมาดูครับว่ากิจการ
ลงทุนไปกับโครงการใด เกี่ยวข้องและส่งเสริมให้ตัวธุรกิจมีอนาคตมากขึ้น
หรือไม่ โดยลองดูประวัติย้อนหลังว่าค่าใช้จ่ายการลงทุนครั้งใหญ่ในอดีตนั้น
ได้ส่งผลต่อกำไรหรือยอดขายในปัจจุบันอย่างไร


กล่าวโดยสรุปมันจะเป็นวงเวียนตามนี้ครับ

จัดหาเงิน --> ใช้เงินเพื่อลงทุน --> ได้เงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน

--> จัดหาเงิน (จ่ายปันผลและกันเงินสำรองไว้ลงทุนต่อ) --> ใช้เงินเพื่อลงทุน --> ได้เงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน

วนไปเรื่อยๆครับ

บริษัททีดีก็จะมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่เป็นบวกสม่ำเสมอและโตขึ้นๆ
แล้วก็นำเงินที่เหลือไปจ่ายเงินปันผลหรือเอาไว้ลงทุนในโครงการที่ได้ผล
ตอบแทนงามๆ มากขึ้นๆ

ปล. เป็นการอธิบายโดยอ้างอิงจากงบของหุ้นที่เป็นการผลิตสินค้าเป็นหลักนะครับ
ส่วนหุ้นประกันหรือธนาคารผมยังไม่สามารถครับ ต้องให้ผู้ช่วยชาญอธิบาย
Inactive investor
villa
Verified User
โพสต์: 404
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 20

โพสต์

:cool: เยี่ยมครับ มาเอาใจช่วย เข้าใจง่าย เห็นภาพ เหมาะกับมือใหม่ดีครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
thalucoz
Verified User
โพสต์: 658
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 21

โพสต์

ขอบคุณครับ ที่ช่วยแบ่งปัน :bow:
FREEDOM ---------- HOLD MY HAND
ภาพประจำตัวสมาชิก
m_mummie
Verified User
โพสต์: 218
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 22

โพสต์

เงินสดจากการดำเนินงานหักออกด้วยเงินสดจากการลงุทนหลังจากปรับปรุง
ก็จะได้เป็นกระแสเงินสดอิสระ ที่ผมจะนำมาเทียบกับมูลค่าตลาด

ขอถามคะ เงินสดจากการดำเนินงาน คือเงินสดสุทธิ ใช่ไหมคะ
หักออกด้วย เงินสดสุทธิจากการลงทุน ได้เป็น กระแสเงินสดอิสระ

แล้วนำกระแสเงินสดอิสระเทียบ มูลค่าตลาด
มูลค่าตลาดตัวนี้ คือ ทั้งตลาด หรือเทียบเฉพาะอุตสาหกรรมนั้นๆ ได้ไหมคะ

ช่วยยกตัวอย่างตัวเลขให้หน่อยนะคะ แล้วค่าที่ได้มาหมายความว่ายังไงคะ

ถ้ามีข้อสงสัยจะเข้ามารบกวนอีกเรื่อยๆ :roll:  :roll: คะ
ขอบคุณคะ :bow:  :bow:
--->I Will Survive Yeah....Yeah....<---
ภาพประจำตัวสมาชิก
m_mummie
Verified User
โพสต์: 218
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 23

โพสต์

ขอบคุณสำหรับคำอธิบายที่ละเอียดยิบ เหมาะสำหรับมือใหม๊ ใหม่ ด้วยนะคะ
:bow:  :bow:
--->I Will Survive Yeah....Yeah....<---
ภาพประจำตัวสมาชิก
doodeemak
Verified User
โพสต์: 411
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 24

โพสต์

Maket capitalization คือมูลค่าคลาดของหุ้นตัวนั้นตัวเดียวครับ
เช่น หุ้นเทรดที่ราคาขณะนั้น 10 บาทต่อหุ้น
และบริษัททั้งบริษัทมี 1,000,000 หุ้น
จะได้ market cap = 10 ล้านบาทครับ

ถ้าหากบริษัทนั้นมีกระแสเงินสดอิสระเท่ากับ 5 ล้านบาทต่อปี และมีหนี้สิน
จากธนาคารอยู่ 5 ล้านบาท

ก็สามารถคิดง่ายๆได้ว่า เราซื้อธุรกิจที่ราคา 10 ล้าน แต่จะได้เงินสดกลับมา
ปีละ 5 ล้าน และมีหนี้ติดมา 5 ล้าน

ปีแรกเราเอาไปจ่ายธนาคารก่อน 5 ล้าน

ปีที่สองได้เงินกลับมา 5 ล้าน

ปีที่สามได้เงินมาอีก 5 ล้าน

รวมแล้ว 3 ปี ก็คืนทุนครับ

เวลาเทียบเป็น ratio ง่ายก็เอา market cap + หนี้สินธนาคาร
หารด้วยกระแสเงินสดอิสระ

ได้เป็น (10 + 5)/5 = 3 เท่า หรือก็คือ 3 ปีคืนทุนครับ

คิดเป็นผลตอบแทนก็กลับส่วนกัน

สูตรก็คือผลตอบแทนหารเงินลงทุน (รวมหนี้สินด้วย เพราะเป็นเจ้าของเหมือนกัน)

= 5/ (10+5) = 33% ครับ

เวลากรอง ผมก็กรองตัวที่มี return สูงๆ เอามาดูก่อนครับ แล้วค่อยปรับ
กระแสเงินสดเอา หลังจากอ่านข้อมูลเชิงคุณภาพอื่นๆประกอบ

มีกระทู้ของพี่ฉัตรที่เข้าใจง่ายเหมือนกันครับ ในห้องคลังกระทู้คุณค่า

http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=526
Inactive investor
ภาพประจำตัวสมาชิก
unnop.t
Verified User
โพสต์: 924
ผู้ติดตาม: 1

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 25

โพสต์

ขออนุญาติเสริมนิดหนึ่งนะครับ เรื่องหนึ่งที่ควรพิจารณาเพิ่มก็ืคือ การใช้ไปของกระแสเงินสดว่าเหมาะสมหรือเปล่า

เงินลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์ถาวร = เงินทุนจากการจัดหาระยะยาว + กำไรบางส่วนจากการดำเินินงาน

ถ้าทำได้ลงตัวแสดงว่าการใช้เงินทุนระยะยาวทำได้ถูกประเภท ถ้าดูแล้ว 2 ส่วนด้านขวามือนี้ไม่พอ แสดงว่ามีการดึงเงินหมุนเวียนมาช่วยด้วย แสดงว่ามีการใช้เงินผิดประเภท ต้องระวังอย่างแรงว่าอาจจะมีปัญหาสภาพคล่องเกิดขึ้นได้

กิจการที่มีลักษณการใช้เงินแบบนี้ การเพิ่มขึ้นของหนี้สินหมุนเวียนจะเร็วกว่าสินทรัพย์หมุนเวียน (แต่ถ้าเป็นพวก modern trade อาจจะถือว่าไม่ผิดปรกติ เพราะเป็นธรรมชาติของธุรกิจ)

จขท. เขียนอธิบายได้ดีนะครับ

:o
ตลาดหุ้นมักจะหลอกเราด้วย ความโลภ และความกลัว.....
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10548
ผู้ติดตาม: 1

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 26

โพสต์

ผมตามไปดู ใน blog ดู อารมณ์ดีจริงๆครับ

มุขเยอะมาก  :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
Sorgios
Verified User
โพสต์: 368
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 27

โพสต์

ขอบคุณครับ อ่านเพลินเลย

แล้วตัวไหนเป็นอย่างอั้ม (เซ็กซี่ สอ หนี้น้อย) แต่ยังไม่มีคนจีบบ้างเนี่ย?

:lol:  :lol:  :lol:
CHIN UP, Do not give up !!!
ภาพประจำตัวสมาชิก
m_mummie
Verified User
โพสต์: 218
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 28

โพสต์

doodeemak เขียน: เวลาเทียบเป็น ratio ง่ายก็เอา market cap + หนี้สินธนาคาร
หารด้วยกระแสเงินสดอิสระ

ได้เป็น (10 + 5)/5 = 3 เท่า หรือก็คือ 3 ปีคืนทุนครับ

คิดเป็นผลตอบแทนก็กลับส่วนกัน

สูตรก็คือผลตอบแทนหารเงินลงทุน (รวมหนี้สินด้วย เพราะเป็นเจ้าของเหมือนกัน)

= 5/ (10+5) = 33% ครับ
มีคำถามอีกแล้วคะ  :oops: คือว่า หนี้สินธนาคาร ตัวนี้
ถ้าบริษัทมีการกู้ยืมจากบริษัทร่วมหรือบริษัทย่อย หรือไปกู้มาจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่ธนาคาร อย่างนี้ต้องนำมาคำนวณร่วมกับหนี้สินธนาคารด้วยไหมคะ

เพราะไปดูงบของ se-ed มีทั้ง เงินกู้ยืมระยะสั้นจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง
เงินกู้ยืมระยะยาวจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง และ เงินกู้ยืมระยะยาว
อย่างนี้ต้องนำมาคำนวณด้วยไหมคะ
--->I Will Survive Yeah....Yeah....<---
ภาพประจำตัวสมาชิก
doodeemak
Verified User
โพสต์: 411
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 29

โพสต์

ต้องรวมด้วยครับ เพราะเป็นเงินกู้ที่มีภาระต้องเสียดอกเบี้ย

แต่ถ้าเป็นหนี้สินที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติของกิจการ เช่น เจ้าหนี้การค้า

หรือ ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย หรือภาษีค้างจ่าย พวกนี้จะไม่ต้องนำมารวมครับ  :D
Inactive investor
AleAle
Verified User
โพสต์: 2141
ผู้ติดตาม: 0

กฎการกรองหุ้นแบบ doodeemak (เหมาะกับนักลงทุนหน้าใหม่นะครับ)

โพสต์ที่ 30

โพสต์

มีประโยชน์สำหรับมือใหม่ดีจังคับ   :o
โพสต์โพสต์