มิตซูบิชิทุ่ม 1.5 หมื่นลบ.ผุดโรงงานอีโคคาร์
- คนอุดร
- Verified User
- โพสต์: 3386
- ผู้ติดตาม: 0
มิตซูบิชิทุ่ม 1.5 หมื่นลบ.ผุดโรงงานอีโคคาร์
โพสต์ที่ 1
มิตซูบิชิทุ่ม 1.5 หมื่นลบ.ผุดโรงงานอีโคคาร์ กำลังผลิต 2 แสนคัน/ปี
นายโอซามุ มาสุโกะ ประธานมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า มิตซูบิชิจะลงทุนในประเทศอีก 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็กประหยัดพลังงาน(อีโคคาร์)โดย เริ่มก่อสร้างปีนี้และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 55 โครงการ Global Small Car นี้จะมีกำลังการผลิต 2 แสนคันต่อปี ซึ่งในปีแรกจะสามารถผลิตได้ 5 หมื่นคัน
“ความสำเร็จในครั้งนี้ ถือเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยซึ่งมีความ พร้อมทั้งในด้านของฝีมือแรงงาน รวมไปถึงการให้การสนับสนุนอย่างดีโดยรัฐบาลไทยจึงทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ต่างๆ รวมทั้ง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ไว้วางใจเลือกประเทศไทยฐานการผลิตรถ ยิ่งไปกว่านั้นด้วยนโยบายของภาครัฐที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมยาน ยนต์และการให้สนับสนุนมาด้วยดีตลอดมา ทำให้ผมมั่นใจว่าทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะมีอัตราการเติบโตต่อไป และทำให้มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจและเป็นยุทธศาสตร์การผลิตที่สำคัญของมิ ตซูบิชิ มอเตอร์ส ต่อไป" มร.มาสุโกะ กล่าว
นอกจากนี้ หากโครงการนี้สำเร็จจะทำให้ประเทศไทย เป็นฐานการผลิตที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับสองของมิตซูบิชิ รองจากประเทศญี่ปุ่น
ในวันนี้ นายโอซามุ มาสุโกะ ประธาน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น พร้อมด้วย นายโนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมจัดงานฉลองการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิในประเทศไทย ครบ 2 ล้านคัน โดยได้รับเกียรติจาก นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธี ที่โรงงานประกอบรถยนต์มิตซูบิชิ ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยยอดการผลิต 2 ล้านคันดังกล่าวเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก 1,246,480 คัน หรือ ประมาณ 62% และเพื่อการจำหน่ายในประเทศ 753,520 คัน หรือ 38%
นายโนบุยูกิ กล่าวว่า ตลาดรถยนต์ของไทยปีนี้น่าจะทำได้ถึง 7 แสนคัน ซึ่งบริษัทตั้งเป้าจะมีอัตราการเติบโตสูงถึง 50% มียอดขายอยู่ที่ 32,000 คัน และมีมาร์เก็ตแชร์ที่ 5% ทั้งนี้ ในเดือน มิ.ย.ที่ผ่าน มิตซูบิชิทำยอดขายได้ถึง 3,474 คัน ซึ่งเป็นตัวเลขการขายที่สูงสุดนับตั้งแต่ปี 49 เป็นต้นมา
http://www.ryt9.com/s/iq03/935037
นายโอซามุ มาสุโกะ ประธานมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า มิตซูบิชิจะลงทุนในประเทศอีก 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็กประหยัดพลังงาน(อีโคคาร์)โดย เริ่มก่อสร้างปีนี้และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 55 โครงการ Global Small Car นี้จะมีกำลังการผลิต 2 แสนคันต่อปี ซึ่งในปีแรกจะสามารถผลิตได้ 5 หมื่นคัน
“ความสำเร็จในครั้งนี้ ถือเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยซึ่งมีความ พร้อมทั้งในด้านของฝีมือแรงงาน รวมไปถึงการให้การสนับสนุนอย่างดีโดยรัฐบาลไทยจึงทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ต่างๆ รวมทั้ง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ไว้วางใจเลือกประเทศไทยฐานการผลิตรถ ยิ่งไปกว่านั้นด้วยนโยบายของภาครัฐที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมยาน ยนต์และการให้สนับสนุนมาด้วยดีตลอดมา ทำให้ผมมั่นใจว่าทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะมีอัตราการเติบโตต่อไป และทำให้มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจและเป็นยุทธศาสตร์การผลิตที่สำคัญของมิ ตซูบิชิ มอเตอร์ส ต่อไป" มร.มาสุโกะ กล่าว
นอกจากนี้ หากโครงการนี้สำเร็จจะทำให้ประเทศไทย เป็นฐานการผลิตที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับสองของมิตซูบิชิ รองจากประเทศญี่ปุ่น
ในวันนี้ นายโอซามุ มาสุโกะ ประธาน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น พร้อมด้วย นายโนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมจัดงานฉลองการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิในประเทศไทย ครบ 2 ล้านคัน โดยได้รับเกียรติจาก นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธี ที่โรงงานประกอบรถยนต์มิตซูบิชิ ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยยอดการผลิต 2 ล้านคันดังกล่าวเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก 1,246,480 คัน หรือ ประมาณ 62% และเพื่อการจำหน่ายในประเทศ 753,520 คัน หรือ 38%
นายโนบุยูกิ กล่าวว่า ตลาดรถยนต์ของไทยปีนี้น่าจะทำได้ถึง 7 แสนคัน ซึ่งบริษัทตั้งเป้าจะมีอัตราการเติบโตสูงถึง 50% มียอดขายอยู่ที่ 32,000 คัน และมีมาร์เก็ตแชร์ที่ 5% ทั้งนี้ ในเดือน มิ.ย.ที่ผ่าน มิตซูบิชิทำยอดขายได้ถึง 3,474 คัน ซึ่งเป็นตัวเลขการขายที่สูงสุดนับตั้งแต่ปี 49 เป็นต้นมา
http://www.ryt9.com/s/iq03/935037
"มันไม่ใช่หุ้นหรอกที่จะทำให้เรารวย แต่สิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับหุ้นต่างหากที่จะทำให้เราร่ำรวยได้"
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1223
- ผู้ติดตาม: 0
มิตซูบิชิทุ่ม 1.5 หมื่นลบ.ผุดโรงงานอีโคคาร์
โพสต์ที่ 4
หวังว่า อย่าให้ลุงเหมเราได้ไปแล้วกันครับpicklife เขียน:นิคมไหนได้ไปครับ
คราวที่แล้วได้ของฟอร์ดไป ราคาหุ้นร่วงใหญ่เลย ฮ่า... :lol: :lol:
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 1
มิตซูบิชิทุ่ม 1.5 หมื่นลบ.ผุดโรงงานอีโคคาร์
โพสต์ที่ 5
ยานยนตร์มีเฮ อีกแล้วครับ
จำได้ว่าตอนฟอร์ท แถลงข่าววิ่งกันใหญ่
จำได้ว่าตอนฟอร์ท แถลงข่าววิ่งกันใหญ่
- คนอุดร
- Verified User
- โพสต์: 3386
- ผู้ติดตาม: 0
มิตซูบิชิทุ่ม 1.5 หมื่นลบ.ผุดโรงงานอีโคคาร์
โพสต์ที่ 9
[quote="madam"]ECO car ทุกค่าย
จะมีกำลังการผลิตต่อปีรวมกัน (ภายในปี 2556) เกือบเท่ากำลังการผลิตรถกระบะในปัจจุบัน
บริษัทไหนได้ประโยชน์ที่สุดเอ่ยยย
จะมีกำลังการผลิตต่อปีรวมกัน (ภายในปี 2556) เกือบเท่ากำลังการผลิตรถกระบะในปัจจุบัน
บริษัทไหนได้ประโยชน์ที่สุดเอ่ยยย
"มันไม่ใช่หุ้นหรอกที่จะทำให้เรารวย แต่สิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับหุ้นต่างหากที่จะทำให้เราร่ำรวยได้"
- คนอุดร
- Verified User
- โพสต์: 3386
- ผู้ติดตาม: 0
มิตซูบิชิทุ่ม 1.5 หมื่นลบ.ผุดโรงงานอีโคคาร์
โพสต์ที่ 11
โอ ซามุ มาสุโกะ "ไทย" คือฐานผลิต "Global Small Car" ของมิตซูบิชิ
สัมภาษณ์
ถือเป็นอีกขั้นการประกาศความสำเร็จของ บริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นับย้อนหลังไปเมื่อ 23 ปีก่อนหน้าที่ตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย พร้อมกันนั้นเมื่อปี 2546 ที่ผ่านมามิตซูบิชิได้ตัดสินใจลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ที่มีกำลังการผลิต สูงถึง 2 แสนคัน เพื่อรองรับตลาดในประเทศและตลาด ส่งออกไปกว่า 140 ประเทศทั่วโลก จนกระทั่งวันนี้ "โอซามุ มาสุโกะ" กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้เดินทางมาประกาศความสำเร็จยอดการผลิตรถยนต์จากประเทศไทยครบ 2 ล้านคันแล้ว ยังถือ
เป็นการประกาศความมั่นใจและนัยที่ต้อง การผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นฐานการผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ของมิตซูบิชิที่มี ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากประเทศญี่ปุ่น ด้วยการเทเม็ดเงินลงทุนครั้งใหญ่ มูลค่า 1.5 หมื่นล้าน
- ลงทุน 1.5 หมื่นล้าน สำหรับอีโคคาร์
การ ลงทุนมูลค่า 1.5 หมื่นล้านของเราครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของ "มิตซูบิชิ" โดยเป็นการลงทุนเพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ที่จะรองรับ โครงการ อีโคคาร์ รถขนาดเล็กประหยัดพลังงาน ราคาเหมาะสม ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างพิจารณา รายละเอียดการลงทุน โดยโรงงานแห่งใหม่คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในปีนี้และเริ่มผลิตได้ก่อนสิ้น ปี 2555 อย่างแน่นอน
- เงินลงทุน 1.5 หมื่นล้านเพื่ออีโคคาร์โครงการเดียว
นอกจากเราใช้ในการก่อสร้างโรง งานแห่งใหม่เล้ว ต้องบอกด้วยว่า มิตซูบิชิได้ตัดสินใจซื้อที่ดินแห่งใหม่ซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงกับโรงงาน แห่งเดิม อยู่ทางตะวันออกของโรงงาน (เก่า) และกำลังเตรียมก่อสร้างอยู่ เพื่อใช้สำหรับก่อตั้งโรงงานใหม่ และคาดว่าโรงงานแห่งนี้จะมีกำลังการผลิต 2 แสนคันต่อปี
และถ้ามิตซูบิชิลงทุนตามเงื่อนไขของโครงการอีโคคา ร์แล้ว เราไม่จำเป็นจะต้องมีการลงทุนใหญ่ขนาดนี้ แต่มิตซูบิชิได้ปรับไลน์การผลิตจากเงื่อนไข 1 แสนคันเป็น 2 แสนคัน กับโรงงานใหม่และการพัฒนารถ อีโคคาร์ของมิตซูบิชิ
ทั้งนี้มิตซูบิชิ มองว่าอนาคตตลาดของรถยนต์นั่งขนาดเล็กจะมีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง โดยเฉพาะตลาดในภูมิภาคอาเซียนที่มีโอกาสขยายตัวมาก โดยประเทศ กลุ่มนี้ยังสามารถใช้สิทธิประโยชน์จาก "เอฟทีเอ" ได้ด้วย และบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะส่งรถรุ่นนี้กลับไปจำหน่ายที่ญี่ปุ่น ด้วย
- รถในโปรเจ็กต์ "Global Small Car" พัฒนาใหม่หมด
แน่ นอน รถยนต์รุ่นนี้ของมิตซูบิชิจะเป็นรถยนต์ที่พัฒนาขึ้นมาจากแพลตฟอร์มใหม่ทั้ง หมด
- ฐานผลิตของมิตซูบิชิในอาเซียน
สำหรับฐานการผลิตของมิ ตซูบิชิในภูมิภาคนี้มีอยู่ 4 แห่ง คือในไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ซึ่งเรามองว่าประเทศในภูมิภาคนี้ทั้งสภาวะทางเศรษฐกิจ และความต้องการของอุตสาหกรรมยานยนต์จะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสูงกว่าภูมิภาคอื่น ๆ มิตซูบิชิจึงได้หันมารวมศูนย์กลางการพัฒนา น่าจะมีความต้องการมากขึ้น น่าจะมีการรวมศูนย์ พร้อมทั้งพัฒนา ในภูมิภาคนี้มากขึ้น
เพราะฉะนั้น "ไทย" จะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค เนื่องจากมิตซูบิชิรู้จักประเทศไทยและมีประสบการณ์ค่อนข้างยาวนานถึง 23 ปี ในการใช้ประเทศไทยเป็นฐานผลิต จำหน่าย และส่งออกรถยนต์ไปทั่วโลก และมิตซูบิชิมั่นใจว่า จากประสบการณ์ดังกล่าวจะทำให้มิตซูบิชิพัฒนาโครงการ "Global Small Car" ให้ประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
- นโยบายด้านพลังงานทางเลือก
สำหรับพลังงานทางเลือกโดยเฉพาะน้ำมันอี 85 นั้น ต้องบอกว่า วันนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยเป็นอย่างดี พร้อมกันนี้มิตซูบิชิยังมีรถพลังงานทางเลือกที่หลากหลายไว้ตอบสนองความต้อง การของลูกค้าชาวไทย ตั้งแต่แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ อี 85 แลนเซอร์ ซีเอ็นจี และไทรทัน ซีเอ็นจี ส่วนรถยนต์รุ่นอื่น ๆ นั้นบริษัทจำเป็นจะต้องพิจารณาจากความต้องการของตลาดและความต้องการของผู้ บริโภคเป็นหลัก ถ้าตลาดต้องการมากขึ้นบริษัทก็พร้อมจะมีการออกสินค้าใหม่ตามมา อย่าง "อี 85" ปัจจุบันรัฐบาลช่วยด้วยการลดภาษีลงไป 3% ก็ถือเป็นการสนับสนุนที่ดี
- แผนผลิตของโรงงานใหม่
สำหรับโรงงานแห่งใหม่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการ ผลิตได้ในปี 2555 โดยในปีแรกจะมีกำลังการผลิตที่ 50,000 คัน จากนั้นบริษัทจะค่อยเพิ่มกำลังการผลิตตามความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและ ส่งออก ทั้งนี้บริษัทขอยืนยันว่า บริษัทไม่มีแผนที่จะส่งโครงการ "Global Small Car" ไปทำยังฐานผลิตอื่นในอาเซียนอย่างแน่นอน
- พอใจกับการสนับสนุนภาษี 3% ของอี 85
สำหรับการสนับสนุนและส่งเสริม จากรัฐบาลเรื่องอี 85 ที่ 3% นั้น ถือเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลให้การสนับสนุนที่เข้มแข็ง อย่างมาก และเชี่อว่าจะได้รับการสนับสนุนต่อไป ส่วนที่หลายคนมองว่าการสนับสนุนตรงนี้ จะไปทับซ้อนหรือส่งผลกระทบกับรถ "อีโคคาร์" นั้น จากภาษีของอีโคคาร์ ที่ 17% เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มรถยนต์นั่งนั้นถือว่าภาษีที่ได้ค่อนข้างถูกที่สุด และ ภาษีที่ 17% มิตซูบิชิก็ถือว่าน่าพอใจแล้ว แต่หากจะมีค่ายรถยนต์บางค่ายเรียกร้องให้ลดภาษีอีโคคาร์ลงไปอีก มิตซูบิชิก็ถือเป็นเรื่องดี และเราก็จะดีใจที่ได้รับอานิสงส์ ตรงนี้ด้วย
- การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่
ใช่ เป็นการลงทุนครั้งสำคัญ และเป็น การลงทุนสูงที่สุดครั้งหนึ่งของมิตซูบิชิ เพราะเราต้องการสร้างโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ ซึ่งโรงงานนี้จะมีการจ้างแรงงานเพิ่มอีกถึง 3,000 คน และยังจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศฐานการผลิตที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 2 ของมิตซูบิชิ รองจากประเทศญี่ปุ่นด้วย
http://www.prachachat.net/view_news.php ... 2010-07-08
สัมภาษณ์
ถือเป็นอีกขั้นการประกาศความสำเร็จของ บริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นับย้อนหลังไปเมื่อ 23 ปีก่อนหน้าที่ตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย พร้อมกันนั้นเมื่อปี 2546 ที่ผ่านมามิตซูบิชิได้ตัดสินใจลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ที่มีกำลังการผลิต สูงถึง 2 แสนคัน เพื่อรองรับตลาดในประเทศและตลาด ส่งออกไปกว่า 140 ประเทศทั่วโลก จนกระทั่งวันนี้ "โอซามุ มาสุโกะ" กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้เดินทางมาประกาศความสำเร็จยอดการผลิตรถยนต์จากประเทศไทยครบ 2 ล้านคันแล้ว ยังถือ
เป็นการประกาศความมั่นใจและนัยที่ต้อง การผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นฐานการผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ของมิตซูบิชิที่มี ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากประเทศญี่ปุ่น ด้วยการเทเม็ดเงินลงทุนครั้งใหญ่ มูลค่า 1.5 หมื่นล้าน
- ลงทุน 1.5 หมื่นล้าน สำหรับอีโคคาร์
การ ลงทุนมูลค่า 1.5 หมื่นล้านของเราครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของ "มิตซูบิชิ" โดยเป็นการลงทุนเพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ที่จะรองรับ โครงการ อีโคคาร์ รถขนาดเล็กประหยัดพลังงาน ราคาเหมาะสม ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างพิจารณา รายละเอียดการลงทุน โดยโรงงานแห่งใหม่คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในปีนี้และเริ่มผลิตได้ก่อนสิ้น ปี 2555 อย่างแน่นอน
- เงินลงทุน 1.5 หมื่นล้านเพื่ออีโคคาร์โครงการเดียว
นอกจากเราใช้ในการก่อสร้างโรง งานแห่งใหม่เล้ว ต้องบอกด้วยว่า มิตซูบิชิได้ตัดสินใจซื้อที่ดินแห่งใหม่ซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงกับโรงงาน แห่งเดิม อยู่ทางตะวันออกของโรงงาน (เก่า) และกำลังเตรียมก่อสร้างอยู่ เพื่อใช้สำหรับก่อตั้งโรงงานใหม่ และคาดว่าโรงงานแห่งนี้จะมีกำลังการผลิต 2 แสนคันต่อปี
และถ้ามิตซูบิชิลงทุนตามเงื่อนไขของโครงการอีโคคา ร์แล้ว เราไม่จำเป็นจะต้องมีการลงทุนใหญ่ขนาดนี้ แต่มิตซูบิชิได้ปรับไลน์การผลิตจากเงื่อนไข 1 แสนคันเป็น 2 แสนคัน กับโรงงานใหม่และการพัฒนารถ อีโคคาร์ของมิตซูบิชิ
ทั้งนี้มิตซูบิชิ มองว่าอนาคตตลาดของรถยนต์นั่งขนาดเล็กจะมีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง โดยเฉพาะตลาดในภูมิภาคอาเซียนที่มีโอกาสขยายตัวมาก โดยประเทศ กลุ่มนี้ยังสามารถใช้สิทธิประโยชน์จาก "เอฟทีเอ" ได้ด้วย และบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะส่งรถรุ่นนี้กลับไปจำหน่ายที่ญี่ปุ่น ด้วย
- รถในโปรเจ็กต์ "Global Small Car" พัฒนาใหม่หมด
แน่ นอน รถยนต์รุ่นนี้ของมิตซูบิชิจะเป็นรถยนต์ที่พัฒนาขึ้นมาจากแพลตฟอร์มใหม่ทั้ง หมด
- ฐานผลิตของมิตซูบิชิในอาเซียน
สำหรับฐานการผลิตของมิ ตซูบิชิในภูมิภาคนี้มีอยู่ 4 แห่ง คือในไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ซึ่งเรามองว่าประเทศในภูมิภาคนี้ทั้งสภาวะทางเศรษฐกิจ และความต้องการของอุตสาหกรรมยานยนต์จะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสูงกว่าภูมิภาคอื่น ๆ มิตซูบิชิจึงได้หันมารวมศูนย์กลางการพัฒนา น่าจะมีความต้องการมากขึ้น น่าจะมีการรวมศูนย์ พร้อมทั้งพัฒนา ในภูมิภาคนี้มากขึ้น
เพราะฉะนั้น "ไทย" จะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค เนื่องจากมิตซูบิชิรู้จักประเทศไทยและมีประสบการณ์ค่อนข้างยาวนานถึง 23 ปี ในการใช้ประเทศไทยเป็นฐานผลิต จำหน่าย และส่งออกรถยนต์ไปทั่วโลก และมิตซูบิชิมั่นใจว่า จากประสบการณ์ดังกล่าวจะทำให้มิตซูบิชิพัฒนาโครงการ "Global Small Car" ให้ประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
- นโยบายด้านพลังงานทางเลือก
สำหรับพลังงานทางเลือกโดยเฉพาะน้ำมันอี 85 นั้น ต้องบอกว่า วันนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยเป็นอย่างดี พร้อมกันนี้มิตซูบิชิยังมีรถพลังงานทางเลือกที่หลากหลายไว้ตอบสนองความต้อง การของลูกค้าชาวไทย ตั้งแต่แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ อี 85 แลนเซอร์ ซีเอ็นจี และไทรทัน ซีเอ็นจี ส่วนรถยนต์รุ่นอื่น ๆ นั้นบริษัทจำเป็นจะต้องพิจารณาจากความต้องการของตลาดและความต้องการของผู้ บริโภคเป็นหลัก ถ้าตลาดต้องการมากขึ้นบริษัทก็พร้อมจะมีการออกสินค้าใหม่ตามมา อย่าง "อี 85" ปัจจุบันรัฐบาลช่วยด้วยการลดภาษีลงไป 3% ก็ถือเป็นการสนับสนุนที่ดี
- แผนผลิตของโรงงานใหม่
สำหรับโรงงานแห่งใหม่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการ ผลิตได้ในปี 2555 โดยในปีแรกจะมีกำลังการผลิตที่ 50,000 คัน จากนั้นบริษัทจะค่อยเพิ่มกำลังการผลิตตามความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและ ส่งออก ทั้งนี้บริษัทขอยืนยันว่า บริษัทไม่มีแผนที่จะส่งโครงการ "Global Small Car" ไปทำยังฐานผลิตอื่นในอาเซียนอย่างแน่นอน
- พอใจกับการสนับสนุนภาษี 3% ของอี 85
สำหรับการสนับสนุนและส่งเสริม จากรัฐบาลเรื่องอี 85 ที่ 3% นั้น ถือเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลให้การสนับสนุนที่เข้มแข็ง อย่างมาก และเชี่อว่าจะได้รับการสนับสนุนต่อไป ส่วนที่หลายคนมองว่าการสนับสนุนตรงนี้ จะไปทับซ้อนหรือส่งผลกระทบกับรถ "อีโคคาร์" นั้น จากภาษีของอีโคคาร์ ที่ 17% เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มรถยนต์นั่งนั้นถือว่าภาษีที่ได้ค่อนข้างถูกที่สุด และ ภาษีที่ 17% มิตซูบิชิก็ถือว่าน่าพอใจแล้ว แต่หากจะมีค่ายรถยนต์บางค่ายเรียกร้องให้ลดภาษีอีโคคาร์ลงไปอีก มิตซูบิชิก็ถือเป็นเรื่องดี และเราก็จะดีใจที่ได้รับอานิสงส์ ตรงนี้ด้วย
- การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่
ใช่ เป็นการลงทุนครั้งสำคัญ และเป็น การลงทุนสูงที่สุดครั้งหนึ่งของมิตซูบิชิ เพราะเราต้องการสร้างโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ ซึ่งโรงงานนี้จะมีการจ้างแรงงานเพิ่มอีกถึง 3,000 คน และยังจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศฐานการผลิตที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 2 ของมิตซูบิชิ รองจากประเทศญี่ปุ่นด้วย
http://www.prachachat.net/view_news.php ... 2010-07-08
"มันไม่ใช่หุ้นหรอกที่จะทำให้เรารวย แต่สิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับหุ้นต่างหากที่จะทำให้เราร่ำรวยได้"
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4886
- ผู้ติดตาม: 0
มิตซูบิชิทุ่ม 1.5 หมื่นลบ.ผุดโรงงานอีโคคาร์
โพสต์ที่ 12
terati20 เขียน:ค่ายมิตซู นี่ SAT เต็มๆ เลย
SATฮุบออเดอร์มิตซูบิชิซื้อเก็บลุ้นปันผล0.30บ.
วันพฤหัสบดีที่ 08 กรกฏาคม 2010 SAT จ่ายปันผลครึ่งปี 30 สตางค์ วีระยุทธ การันตีถ้ามีกำไรพร้อมจ่ายแน่ ลั่นฟาดงานจากมิตซูบิชิเพิ่มมาแล้วอีก 1 โมเดล ชี้ความสัมพันธ์แน่น ช่วยหนุนมีสิทธิ์ได้ออเดอร์งานใหม่เพิ่มไม่หยุด มั่นใจยอดขายไตรมาส 2 พุ่งกระฉูดขานรับออเดอร์ล้น ฟากวงการเงินชี้หุ้นยานยนต์จ่ายปันผลระหว่างกาลแน่ AH มีสิทธิ์จ่ายงวดครึ่งปีขั้นต่ำ 8 สตางค์
ผู้สื่อข่าวรายงานแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลของบริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT โดยนายวีระยุทธ กิตะพาณิชย์ กรรมการบริษัท เปิดเผยว่า สำหรับการจ่ายเงินปันผลในงวดครึ่งปีแรก หากบริษัทสามารถทำกำไร และมีสภาพคล่องที่เพียงพอ บริษัทจะดำเนินการจ่ายให้การผู้ถือหุ้นตามนโยบายไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิ หลังจากช่วงปี 52 ที่ผ่านมาบริษัทไม่ได้ดำเนินการจ่ายเงินปันผล
เรื่องปันผล ถ้าบริษัทมีกำไร มีสภาพคล่องเพียงพอ บริษัทก็พร้อมที่จะดำเนินการจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีแรกให้กับผู้ถือหุ้นตามนโยบายไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิ นายวีระยุทธ กล่าว
ส่วนประเด็นการลงทุนสร้างโรงงานใหม่ของค่ายรถยนต์มิตซูบิชิและฟอร์ดด้วยวงเงินบริษัทละ 15,000 ล้านบาท เพื่อรองรับต่อการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ นายวีระยุทธกล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้รับออเดอร์งานมาจากทางมิตซูบิชิแล้วจำนวนหนึ่งโมเดล ขณะที่ฟอร์ดยังอยู่ในระหว่างการเจรจา
การลงทุนสร้างโรงงานใหม่ของค่ายรถยนต์ แน่นอนมีกลุ่มผู้ผลิตหลายเจ้าที่สนใจจะเข้ามารับ แต่กับมิตซูบิชิแล้วเรามีโอกาสการได้รับออเดอร์งานเพิ่มค่อนข้างสูง ซึ่งล่าสุด เราก็ได้ตกลงทางวาจากับมิตซูบิชิมาแล้ว 1 โมเดล ขณะที่ฟอร์ด SAT เองก็ได้ดำเนินการติดต่อแล้วเช่นกัน นายวีระยุทธกล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 นายวีระยุทธคาดการณ์ว่า จะมีแนวโน้มทำยอดขายเพิ่มขึ้น 60-70% ดีกว่าช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ทำได้อยู่ที่ระดับ 800 ล้าน ตามทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แต่จะปรับลดลงเล็กน้อย 5% จากไตรมาสแรกที่ทำยอดขายได้ 1,511 ล้านบาท หลังจากมีช่วงวันหยุดตามเทศกาล ขณะที่เรื่องการเพิ่มทุนอีกจำนวน 40 ล้านบาท ซึ่งจะต้องผ่านการพิจารณาในที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในช่วงปลายเดือนนี้ ประเมินว่าจะมีโอกาสได้รับการอนุมัติจากทางผู้ถือหุ้น
ยอดขายในไตรมาส 2 จะโตขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงปีก่อน ซึ่งถือเป็นช่วงที่ทำยอดขายได้ดร็อปลงไปค่อนข้างมาก โดยจะมีโอกาสโตขึ้นมากกว่าเดิมถึง 60-70% ส่วนเรื่องการขออนุมัติเพิ่มทุน ผมมองว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะถือเป็นการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทในอนาคตนายวีระยุทธ กล่าว
ทั้งนี้ SAT ได้มีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวน 40,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม จำนวน 300,000,000 บาท เป็น 340,000,000 บาท โดยการออกหุ้นสามัญจำนวน 40,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวม 40,000,000 บาท โดยจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 25,000,000 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้ ในอัตรา 12 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 15,000,000 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement)
http://www.kaohoon.com/daily/index.php? ... 9-17-57-26
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4886
- ผู้ติดตาม: 0
มิตซูบิชิทุ่ม 1.5 หมื่นลบ.ผุดโรงงานอีโคคาร์
โพสต์ที่ 13
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในงวดครึ่งปีแรก SAT จะมีโอกาสจ่ายเงินปันผลจำนวน 0.30 บาท และในช่วงครึ่งปีหลังจะมีโอกาสจ่ายเงินปันผลอีกจำนวน 0.39 บาท ส่วนแนวโน้มในไตรมาส 2 แม้ตามปกติจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของกลุ่มยานยนต์ เพราะมีช่วงวันหยุดยาว ทำให้จำนวนวันในการผลิตลดน้อยลง แต่ด้วยความต้องการรถยนต์ในตลาดที่ยังมีอยู่สูง อีกทั้งบริษัทมีออเดอร์ใหม่จากนิสสัน มาร์ช และคูโบต้า มาสร้างรายได้เพิ่ม ทำให้ยอดขายงวดไตรมาส 2 น่าจะอ่อนตัวเพียง 5% จากไตรมาส 1 มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1.4 พันล้านบาท และมีฐานกำไรในช่วง 150-180 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ได้ 1 ล้านบาท แต่ลดลงจากไตรมาสแรกที่ได้กำไรสุทธิ 203 ล้านบาท ประเมินยอดขายทั้งปีจำนวน 6,111 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ได้ 4,295 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 713 ล้านบาท สูงกว่าเดิมที่ได้ 314 ล้านบาท แนะนำ ซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 23.44 บาท
ขณะที่บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH จะมีโอกาสจ่ายเงินปันผลในงวดครึ่งปีแรกจำนวน 0.08-0.10 บาท มีโอกาสทำยอดขายในไตรมาส 2 ได้อย่างน้อย 2 พันล้านบาท และมีกำไร 30-50 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 38 ล้านบาท มีโอกาสทำยอดขายทั้งปี 8,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ได้ 7,114 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 185 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ขาดทุนสุทธิ 109 ล้านบาท แนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัวราคาเป้าหมาย 11.45 บาท
ขณะที่บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH จะมีโอกาสจ่ายเงินปันผลในงวดครึ่งปีแรกจำนวน 0.08-0.10 บาท มีโอกาสทำยอดขายในไตรมาส 2 ได้อย่างน้อย 2 พันล้านบาท และมีกำไร 30-50 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 38 ล้านบาท มีโอกาสทำยอดขายทั้งปี 8,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ได้ 7,114 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 185 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ขาดทุนสุทธิ 109 ล้านบาท แนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัวราคาเป้าหมาย 11.45 บาท
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4886
- ผู้ติดตาม: 0
มิตซูบิชิทุ่ม 1.5 หมื่นลบ.ผุดโรงงานอีโคคาร์
โพสต์ที่ 14
บล.ทิสโก้ : Auto Sector คงน้ำหนักการลงทุน มากกว่าปกติ ด้วยแนวโน้มที่สดใสในอีก 2 ปีข้างหน้า
AUTO : ฟอร์ดประกาศลงทุน 1.5 พันล้านบาทในประเทศไทย
Ford Motor ประกาศลงทุน 1.5 พันล้านบาทในประเทศไทยเพื่อสร้างโรง
งานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ในระยอง (750,000 ตารางเมตร) ด้วยกำลังการผลิตขั้นต้น
150,000 ยูนิตต่อปี โดยวางแผนที่จะสร้างรถยนต์นั่งส่วนบุคคล Ford Focus ตั้งแต่ปี
2555 เป็นต้นไป เพื่อการส่งออก 85% และขายภายในประเทศ 15%
โดยโรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานแห่งแรกในประเทศไทยที่ Ford ถือหุ้น 100%
โดย Ford ลงทุนประมาณ 5 หมื่นล้านบาทในประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วย
AutoAlliance Thailand เป็นการร่วมทุนกับ Mazda Motor ของญี่ปุ่น ในเดือน
กรกฎาคม 2552 บริษัทประกาศโรงงานรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 500 ล้านเหรียญฯ ใน
ประเทศไทยซึ่งเป็นการร่วมทุนกับ Mazda โรงงานแห่งนี้ยังตั้งอยู่ที่จังหวัดระยองเช่น
กัน อนึ่ง ฟอร์ดจะซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมของ HEMRAJ ซึ่งปัจจุบันเรามีคำแนะ
นำเป็น ซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.1 บาท
เรามีมุมมองที่ดีต่อการลงทุนของฟอร์ดในประเทศไทย เนื่องจากคาดว่าจะ
สร้างงาน 11,000 ตำแหน่ง โดย 2,200 ตำแหน่งจะจัดจ้างโดยตรงจากฟอร์ด ขณะที่
อีก 8,800 ตำแหน่งจะเป็นการจัดจ้างจากภายนอก (outsource) จากเครือข่ายดีเลอร์
และซัพพลายเออร์ของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทกำลังวางแผนที่จะซื้อชิ้นส่วนรถยนต์
จากผู้ผลิตภายในประเทศ ด้วยมูลค่า 2.6 หมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อ
SAT (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 23.50 บาท)และ STANLY (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 165 บาท) ด้วย upside จากการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ของฟอร์ด เราคงน้ำหนักการลงทุน มากกว่า
ปกติ ด้วยแนวโน้มที่สดใสในอีก 2 ปีข้างหน้า
เรียบเรียง โดย ประน้อม บุญร่วม
อีเมล์แสดงความคิดเห็น [email protected]
AUTO : ฟอร์ดประกาศลงทุน 1.5 พันล้านบาทในประเทศไทย
Ford Motor ประกาศลงทุน 1.5 พันล้านบาทในประเทศไทยเพื่อสร้างโรง
งานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ในระยอง (750,000 ตารางเมตร) ด้วยกำลังการผลิตขั้นต้น
150,000 ยูนิตต่อปี โดยวางแผนที่จะสร้างรถยนต์นั่งส่วนบุคคล Ford Focus ตั้งแต่ปี
2555 เป็นต้นไป เพื่อการส่งออก 85% และขายภายในประเทศ 15%
โดยโรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานแห่งแรกในประเทศไทยที่ Ford ถือหุ้น 100%
โดย Ford ลงทุนประมาณ 5 หมื่นล้านบาทในประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วย
AutoAlliance Thailand เป็นการร่วมทุนกับ Mazda Motor ของญี่ปุ่น ในเดือน
กรกฎาคม 2552 บริษัทประกาศโรงงานรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 500 ล้านเหรียญฯ ใน
ประเทศไทยซึ่งเป็นการร่วมทุนกับ Mazda โรงงานแห่งนี้ยังตั้งอยู่ที่จังหวัดระยองเช่น
กัน อนึ่ง ฟอร์ดจะซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมของ HEMRAJ ซึ่งปัจจุบันเรามีคำแนะ
นำเป็น ซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.1 บาท
เรามีมุมมองที่ดีต่อการลงทุนของฟอร์ดในประเทศไทย เนื่องจากคาดว่าจะ
สร้างงาน 11,000 ตำแหน่ง โดย 2,200 ตำแหน่งจะจัดจ้างโดยตรงจากฟอร์ด ขณะที่
อีก 8,800 ตำแหน่งจะเป็นการจัดจ้างจากภายนอก (outsource) จากเครือข่ายดีเลอร์
และซัพพลายเออร์ของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทกำลังวางแผนที่จะซื้อชิ้นส่วนรถยนต์
จากผู้ผลิตภายในประเทศ ด้วยมูลค่า 2.6 หมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อ
SAT (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 23.50 บาท)และ STANLY (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 165 บาท) ด้วย upside จากการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ของฟอร์ด เราคงน้ำหนักการลงทุน มากกว่า
ปกติ ด้วยแนวโน้มที่สดใสในอีก 2 ปีข้างหน้า
เรียบเรียง โดย ประน้อม บุญร่วม
อีเมล์แสดงความคิดเห็น [email protected]