ขอเชิญร่วมถกกันในหัวข้อ "ทำอย่างไรจึงจะเจ๊งหุ้น!!!!&quo
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 1
ขอเชิญร่วมถกกันในหัวข้อ "ทำอย่างไรจึงจะเจ๊งหุ้น!!!!&quo
โพสต์ที่ 1
:twisted:
มารอฟังความคิดดีๆจากพี่หมอสามัญชนครับ
มารอฟังความคิดดีๆจากพี่หมอสามัญชนครับ
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเชิญร่วมถกกันในหัวข้อ "ทำอย่างไรจึงจะเจ๊งหุ้น!!!!&quo
โพสต์ที่ 4
ประเดิมก่อนละกัน ลองใช้วิชาเทพ คิดลดกระแสเงินสด ด้วยประมาณการอันเลิศหรู การเติบโตแบบดูมๆ ด้วยผลตอบแทนที่ต้องการแค่4%
แล้วก็ซื้อให้มากกว่าราคานั้น ระยะสั้นไม่รู้ ระยะยาวเจ๊งแน่ๆๆๆ 555
แล้วก็ซื้อให้มากกว่าราคานั้น ระยะสั้นไม่รู้ ระยะยาวเจ๊งแน่ๆๆๆ 555
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 1
ขอเชิญร่วมถกกันในหัวข้อ "ทำอย่างไรจึงจะเจ๊งหุ้น!!!!&quo
โพสต์ที่ 5
555+
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเชิญร่วมถกกันในหัวข้อ "ทำอย่างไรจึงจะเจ๊งหุ้น!!!!&quo
โพสต์ที่ 6
ยากไปป่าวWarantact เขียน:ประเดิมก่อนละกัน ลองใช้วิชาเทพ คิดลดกระแสเงินสด ด้วยประมาณการอันเลิศหรู การเติบโตแบบดูมๆ ด้วยผลตอบแทนที่ต้องการแค่4%
แล้วก็ซื้อให้มากกว่าราคานั้น ระยะสั้นไม่รู้ ระยะยาวเจ๊งแน่ๆๆๆ 555
ผมก็แค่
เดินไปเปิดพอร์ต
แล้วซื้อหุ้นทันทีโดยไม่ต้องคิดลดอะไรให้ยาก(อาจจะซื้อNPARKที่0.02)
ตัวไหนชื่อดังๆก็ซื้อตัวนั้น
รับรองว่าไม่ต้องระยะยาวหรอกครับ
ดูอย่างกระทู้กำไร50บาทเป็นตัวอย่าง
ผ่านไปเดือนเดียว หายแว้บ
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเชิญร่วมถกกันในหัวข้อ "ทำอย่างไรจึงจะเจ๊งหุ้น!!!!&quo
โพสต์ที่ 9
ผมลองไปคิดจริงจังดู จึงตั้งทฤษฏี การลงทุนแบบไร้คุณค่าขึ้นมา
worthless investment
การลงทุนแนวนี้จะเน้นไปที่การทำการบ้านอย่างหนักเพื่อหาราคาหุ้นที่เกินมูลค่า
ไม่ว่าจะวัดด้วยตัววัดอะไรก็แพงไป
กลยุทธที่จะใช้คือ ซื้อหุ้นที่pe สูงๆ pb สูงๆ
โดย pe ถ้าเกิน 25 ขึ้นไปจะดีมาก pb ต้องเกิน 2 ถ้าต่ำกว่าสองจะอันตราย มันอาจมี upsind เหลือเยอะเกินไป
คุณจะต้องเข้าใจธุรกิจ โดยเสาะหาเฉพาะธุรกิจที่มีการก่อหนี้สูงๆมาเก็บไว้
ยิ่งถ้าเศรษฐกิจดีๆ แล้วธุรกิจก่อหนี้ขยายงานมากๆ ราคาวิ่งขึ้นไปสูงๆๆ นี่ใช่เลย
ถ้าไม่ซื้ออาจพลาดโอกาศขาดทุนเวลาฟองสบู่แตก
สำคัญที่ต้องมีคือ อัตราส่วนความอันตราย หรือ margin of danger สูงๆ คือเราประเมินมูลค่าที่แท้จริงได้เท่าไร ต้องใส่ premium เข้าไป มากๆ ยิ่งมากยิ่งดี
อย่าลืมการกระจายความเสี่ยง ซื้อหุ้นที่คิดว่าจะเจ๊ง กระจายกันไปหลายๆ อุตสาหกรรม เพราะปีเตอร์ลินซ์บอกว่า หุ้น 5 ตัวที่วิเคราะห์มาอย่างดี 3 ตัวจะเป็นตามคาด หนึ่งตัวดีกว่าที่คิด 1ตัวจะแย่กว่า
ถ้าคุณซื้อหุ้นน้อยตัวเกิน บริษัทอาจจะรอดมาได้ คุณต้องกระจายความเสียหายอย่างเหมาะสมด้วย ให้มั่นใจว่า คุณซื้อหุ้นยอดแย่ในอุตสาหกรรมยอดยุ่งได้สำเร็จ หุ้นประเภทเทคโนโลยี ก็ใช้ได้ ยิ่งถ้าบริษัทไม่มีกำไร ทำธุรกิจที่คุณไม่เข้าใจ แต่ราคาขึ้นไปสูงมากๆ นั่นหละใช่เลย
หุ้นสายการบินก็เป็นอีกหุ้นที่แนะนำ สายการบินทั่วไปทำกำไรได้แย่มาก ออกจะขาดทุนด้วยซ้ำ ถ้าคุณไม่โชคดีเกินไป คุณจะได้สายการบินแย่ๆมาแน่นอน
อีกกลุ่มที่น่าสนคือยานยนต์ ดูอย่าง GM ที่ต้องเอากำไรทั้งหมดไปลงทุนในเครื่องจักร เพื่อให้แข่งได้ จะได้มั่นใจได้ว่า จะไม่มีอะไรเหลือถึงผู้ถือหุ้น
เรื่องผู้บริหารก็เป็นเรื่องที่หมิ่นเหม่ ถ้าผู้บริหารไม่ดีราคาอาจต่ำ คุณอาจได้กำไรโดยไม่รุ้ตัวในระยะสั้นๆ แต่ระยะยาวมันไม่ไปไหนแน่ เพราะฉะนั้นให้พยายามหาบริษัทที่มีผู้บริหารแย่ๆเข้าไว้
ส่วน pe อยากแนะให้ระวังคือ พวกหุ้นวัฏจักร ถ้าคุณซื้อตอน pe สูงๆ คือบริษํททำกำไรได้แย่มากจวนเจ๊ง มันอาจเป็นกับดัก คือคุณอาจซื้อที่ก้นหลุมพอดี พอบริษัทกลับมาทำกำไรได้ คุณก็ติดหลุม อยากจะขายขาดทุนก็ทำไม่ได้ กว่าจุดสุดวัฏจักรจะกลับมาอีกคุณอาจต้องรอหลายปี
อย่าลืมทำตามอย่างเคร่งครัด คุณจะสามารถแพ้ตลาดได้งดงามกว่าหลายๆคน
อ่อเกือบลืม จงใช้ margin ให้เต็มที่ด้วย เวลาหุ้นตกมากๆ คุณไม่ยอมขายเพราะหวังให้มันตกลงไปอีก จะได้ขายก้นหลุม โบรคเกอร์จะเป็นตัวระวังให้คุณ ขายมันทิ้งก่อนมันจะรีบาวด์กลับมา กรณีนี้โบรคจะช่วยคุณได้อย่างงดงาม
worthless investment
การลงทุนแนวนี้จะเน้นไปที่การทำการบ้านอย่างหนักเพื่อหาราคาหุ้นที่เกินมูลค่า
ไม่ว่าจะวัดด้วยตัววัดอะไรก็แพงไป
กลยุทธที่จะใช้คือ ซื้อหุ้นที่pe สูงๆ pb สูงๆ
โดย pe ถ้าเกิน 25 ขึ้นไปจะดีมาก pb ต้องเกิน 2 ถ้าต่ำกว่าสองจะอันตราย มันอาจมี upsind เหลือเยอะเกินไป
คุณจะต้องเข้าใจธุรกิจ โดยเสาะหาเฉพาะธุรกิจที่มีการก่อหนี้สูงๆมาเก็บไว้
ยิ่งถ้าเศรษฐกิจดีๆ แล้วธุรกิจก่อหนี้ขยายงานมากๆ ราคาวิ่งขึ้นไปสูงๆๆ นี่ใช่เลย
ถ้าไม่ซื้ออาจพลาดโอกาศขาดทุนเวลาฟองสบู่แตก
สำคัญที่ต้องมีคือ อัตราส่วนความอันตราย หรือ margin of danger สูงๆ คือเราประเมินมูลค่าที่แท้จริงได้เท่าไร ต้องใส่ premium เข้าไป มากๆ ยิ่งมากยิ่งดี
อย่าลืมการกระจายความเสี่ยง ซื้อหุ้นที่คิดว่าจะเจ๊ง กระจายกันไปหลายๆ อุตสาหกรรม เพราะปีเตอร์ลินซ์บอกว่า หุ้น 5 ตัวที่วิเคราะห์มาอย่างดี 3 ตัวจะเป็นตามคาด หนึ่งตัวดีกว่าที่คิด 1ตัวจะแย่กว่า
ถ้าคุณซื้อหุ้นน้อยตัวเกิน บริษัทอาจจะรอดมาได้ คุณต้องกระจายความเสียหายอย่างเหมาะสมด้วย ให้มั่นใจว่า คุณซื้อหุ้นยอดแย่ในอุตสาหกรรมยอดยุ่งได้สำเร็จ หุ้นประเภทเทคโนโลยี ก็ใช้ได้ ยิ่งถ้าบริษัทไม่มีกำไร ทำธุรกิจที่คุณไม่เข้าใจ แต่ราคาขึ้นไปสูงมากๆ นั่นหละใช่เลย
หุ้นสายการบินก็เป็นอีกหุ้นที่แนะนำ สายการบินทั่วไปทำกำไรได้แย่มาก ออกจะขาดทุนด้วยซ้ำ ถ้าคุณไม่โชคดีเกินไป คุณจะได้สายการบินแย่ๆมาแน่นอน
อีกกลุ่มที่น่าสนคือยานยนต์ ดูอย่าง GM ที่ต้องเอากำไรทั้งหมดไปลงทุนในเครื่องจักร เพื่อให้แข่งได้ จะได้มั่นใจได้ว่า จะไม่มีอะไรเหลือถึงผู้ถือหุ้น
เรื่องผู้บริหารก็เป็นเรื่องที่หมิ่นเหม่ ถ้าผู้บริหารไม่ดีราคาอาจต่ำ คุณอาจได้กำไรโดยไม่รุ้ตัวในระยะสั้นๆ แต่ระยะยาวมันไม่ไปไหนแน่ เพราะฉะนั้นให้พยายามหาบริษัทที่มีผู้บริหารแย่ๆเข้าไว้
ส่วน pe อยากแนะให้ระวังคือ พวกหุ้นวัฏจักร ถ้าคุณซื้อตอน pe สูงๆ คือบริษํททำกำไรได้แย่มากจวนเจ๊ง มันอาจเป็นกับดัก คือคุณอาจซื้อที่ก้นหลุมพอดี พอบริษัทกลับมาทำกำไรได้ คุณก็ติดหลุม อยากจะขายขาดทุนก็ทำไม่ได้ กว่าจุดสุดวัฏจักรจะกลับมาอีกคุณอาจต้องรอหลายปี
อย่าลืมทำตามอย่างเคร่งครัด คุณจะสามารถแพ้ตลาดได้งดงามกว่าหลายๆคน
อ่อเกือบลืม จงใช้ margin ให้เต็มที่ด้วย เวลาหุ้นตกมากๆ คุณไม่ยอมขายเพราะหวังให้มันตกลงไปอีก จะได้ขายก้นหลุม โบรคเกอร์จะเป็นตัวระวังให้คุณ ขายมันทิ้งก่อนมันจะรีบาวด์กลับมา กรณีนี้โบรคจะช่วยคุณได้อย่างงดงาม
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเชิญร่วมถกกันในหัวข้อ "ทำอย่างไรจึงจะเจ๊งหุ้น!!!!&quo
โพสต์ที่ 10
ผมอยากขาดทุนมากๆ จะซื้อตัวไหนดีครับ ตอนนี้ตัวไหนก็เขียว อยากได้แดงบ้าง ไอ้จะไปเอาหุ้นชุดชั้นใน pe 100 เท่า สภาพคล่องก็ต่ำเกิน เวลาขาดทุนกลัวจะขายทำขาดทุนไม่ได้
เอาตัวไหนดี มาใบ้ให้หน่อยเร็ว
เอาตัวไหนดี มาใบ้ให้หน่อยเร็ว
- j21
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 690
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเชิญร่วมถกกันในหัวข้อ "ทำอย่างไรจึงจะเจ๊งหุ้น!!!!&quo
โพสต์ที่ 11
Warantact เขียน:ผมลองไปคิดจริงจังดู จึงตั้งทฤษฏี การลงทุนแบบไร้คุณค่าขึ้นมา
worthless investment
การลงทุนแนวนี้จะเน้นไปที่การทำการบ้านอย่างหนักเพื่อหาราคาหุ้นที่เกินมูลค่า
ไม่ว่าจะวัดด้วยตัววัดอะไรก็แพงไป
กลยุทธที่จะใช้คือ ซื้อหุ้นที่pe สูงๆ pb สูงๆ
โดย pe ถ้าเกิน 25 ขึ้นไปจะดีมาก pb ต้องเกิน 2 ถ้าต่ำกว่าสองจะอันตราย มันอาจมี upsind เหลือเยอะเกินไป
คุณจะต้องเข้าใจธุรกิจ โดยเสาะหาเฉพาะธุรกิจที่มีการก่อหนี้สูงๆมาเก็บไว้
ยิ่งถ้าเศรษฐกิจดีๆ แล้วธุรกิจก่อหนี้ขยายงานมากๆ ราคาวิ่งขึ้นไปสูงๆๆ นี่ใช่เลย
ถ้าไม่ซื้ออาจพลาดโอกาศขาดทุนเวลาฟองสบู่แตก
สำคัญที่ต้องมีคือ อัตราส่วนความอันตราย หรือ margin of danger สูงๆ คือเราประเมินมูลค่าที่แท้จริงได้เท่าไร ต้องใส่ premium เข้าไป มากๆ ยิ่งมากยิ่งดี
อย่าลืมการกระจายความเสี่ยง ซื้อหุ้นที่คิดว่าจะเจ๊ง กระจายกันไปหลายๆ อุตสาหกรรม เพราะปีเตอร์ลินซ์บอกว่า หุ้น 5 ตัวที่วิเคราะห์มาอย่างดี 3 ตัวจะเป็นตามคาด หนึ่งตัวดีกว่าที่คิด 1ตัวจะแย่กว่า
ถ้าคุณซื้อหุ้นน้อยตัวเกิน บริษัทอาจจะรอดมาได้ คุณต้องกระจายความเสียหายอย่างเหมาะสมด้วย ให้มั่นใจว่า คุณซื้อหุ้นยอดแย่ในอุตสาหกรรมยอดยุ่งได้สำเร็จ หุ้นประเภทเทคโนโลยี ก็ใช้ได้ ยิ่งถ้าบริษัทไม่มีกำไร ทำธุรกิจที่คุณไม่เข้าใจ แต่ราคาขึ้นไปสูงมากๆ นั่นหละใช่เลย
หุ้นสายการบินก็เป็นอีกหุ้นที่แนะนำ สายการบินทั่วไปทำกำไรได้แย่มาก ออกจะขาดทุนด้วยซ้ำ ถ้าคุณไม่โชคดีเกินไป คุณจะได้สายการบินแย่ๆมาแน่นอน
อีกกลุ่มที่น่าสนคือยานยนต์ ดูอย่าง GM ที่ต้องเอากำไรทั้งหมดไปลงทุนในเครื่องจักร เพื่อให้แข่งได้ จะได้มั่นใจได้ว่า จะไม่มีอะไรเหลือถึงผู้ถือหุ้น
เรื่องผู้บริหารก็เป็นเรื่องที่หมิ่นเหม่ ถ้าผู้บริหารไม่ดีราคาอาจต่ำ คุณอาจได้กำไรโดยไม่รุ้ตัวในระยะสั้นๆ แต่ระยะยาวมันไม่ไปไหนแน่ เพราะฉะนั้นให้พยายามหาบริษัทที่มีผู้บริหารแย่ๆเข้าไว้
ส่วน pe อยากแนะให้ระวังคือ พวกหุ้นวัฏจักร ถ้าคุณซื้อตอน pe สูงๆ คือบริษํททำกำไรได้แย่มากจวนเจ๊ง มันอาจเป็นกับดัก คือคุณอาจซื้อที่ก้นหลุมพอดี พอบริษัทกลับมาทำกำไรได้ คุณก็ติดหลุม อยากจะขายขาดทุนก็ทำไม่ได้ กว่าจุดสุดวัฏจักรจะกลับมาอีกคุณอาจต้องรอหลายปี
อย่าลืมทำตามอย่างเคร่งครัด คุณจะสามารถแพ้ตลาดได้งดงามกว่าหลายๆคน
อ่อเกือบลืม จงใช้ margin ให้เต็มที่ด้วย เวลาหุ้นตกมากๆ คุณไม่ยอมขายเพราะหวังให้มันตกลงไปอีก จะได้ขายก้นหลุม โบรคเกอร์จะเป็นตัวระวังให้คุณ ขายมันทิ้งก่อนมันจะรีบาวด์กลับมา กรณีนี้โบรคจะช่วยคุณได้อย่างงดงาม
- j21
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 690
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเชิญร่วมถกกันในหัวข้อ "ทำอย่างไรจึงจะเจ๊งหุ้น!!!!&quo
โพสต์ที่ 12
ว่ากันว่า ราคาหุ้นถูก drive ขึ้นด้วยกำไร
อย่างงี้ ก็ต้อง drive ลงด้วย ขาดทุน
งั้นผมเสนอ bliss ล่ะกันครับ เห็นขาดทุนแทบทุกปี
(ไม่ได้ดูละเอียดนะครับ ดูแค่แวบ ๆ เผื่อมีคนถือหุ้นอยู่ :D )
อย่างงี้ ก็ต้อง drive ลงด้วย ขาดทุน
งั้นผมเสนอ bliss ล่ะกันครับ เห็นขาดทุนแทบทุกปี
(ไม่ได้ดูละเอียดนะครับ ดูแค่แวบ ๆ เผื่อมีคนถือหุ้นอยู่ :D )
-
- Verified User
- โพสต์: 807
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเชิญร่วมถกกันในหัวข้อ "ทำอย่างไรจึงจะเจ๊งหุ้น!!!!&quo
โพสต์ที่ 13
+1Warantact เขียน:น่าสนนะ คิดแบบชาลีมังเจอร์ รู้ว่าจะตายตรงไหนจะได้ไม่ต้องไปตรงนั้น
+1Warantact เขียน:ผมลองไปคิดจริงจังดู จึงตั้งทฤษฏี การลงทุนแบบไร้คุณค่าขึ้นมา
worthless investment
ยอดเลย แค่ไม่ทำตามนี้ก็รวยได้ง่ายๆ แล้ว 55+
อย่ายอมแพ้
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเชิญร่วมถกกันในหัวข้อ "ทำอย่างไรจึงจะเจ๊งหุ้น!!!!&quo
โพสต์ที่ 14
ยังไม่หมดแค่นั้น
หากคุณใจร้อนมากๆ ทนเป็นนักขาดทุนระยะยาวไม่ได้ เรามีทางออกให้คุณสามารถขาดทุนได้มหาศาลในระยะสั้น
คือการทำเดย์เทรด จากการคำนวนขั้นเทพ โดยคณิตศาสตร์ระดับ ม ปลาย
ได้ว่า ค่าคอมซื้อขายแต่ละครั้ง 0.15 ซื้อขายวันเดียวกันก็ 0.3
ปีหนึ่งตลาดเปิดสัก 200 วัน เมื่อลองคำนวณดู
100*0.997^200 = 54.83169386
ผลการคำนวณของเราออกมาน่าประทับใจมาก คุณมีผลขาดทุนรออยู่ถึง
45%! โดยผลขาดทุนนี้เกิดจากการไหลของเงินสู่กระเป๋าโบรคล้วนๆ เย้ๆๆ
เดี๋ยวก่อน ถ้ายังดีไม่พอ เราสามารถเทรด สี่ครั้งต่อวันได้ ซื้อเช้าขายสาย
ซื้อบ่ายขายเย็น จะมีผลขาดทุนรอท่านอยู่ถึง70% โอ้เย!
ด้วยผลขาดทุนนี้โบรคเกอร์จะบูชาท่านดุจร่างท่านทำด้วยทองคำเปลว เขาจะดูแลท่านอย่างดี และยามที่ท่านจากโลกนี้ไป ท่านจะสามารถเดินเข้าไปในสวนสวรรค์อย่างภาคภูมิ อ้างจากคัมภียร์ที่ว่า โอกาสที่คนรวยจะได้ขึ้นสวรรค์น้อยกว่าเอาอูฐลอดรูเข็ม แต่จะกังวลอะไร หากทำตามนี้จะการันตีได้ว่าท่านจนแน่นอน
หากคุณใจร้อนมากๆ ทนเป็นนักขาดทุนระยะยาวไม่ได้ เรามีทางออกให้คุณสามารถขาดทุนได้มหาศาลในระยะสั้น
คือการทำเดย์เทรด จากการคำนวนขั้นเทพ โดยคณิตศาสตร์ระดับ ม ปลาย
ได้ว่า ค่าคอมซื้อขายแต่ละครั้ง 0.15 ซื้อขายวันเดียวกันก็ 0.3
ปีหนึ่งตลาดเปิดสัก 200 วัน เมื่อลองคำนวณดู
100*0.997^200 = 54.83169386
ผลการคำนวณของเราออกมาน่าประทับใจมาก คุณมีผลขาดทุนรออยู่ถึง
45%! โดยผลขาดทุนนี้เกิดจากการไหลของเงินสู่กระเป๋าโบรคล้วนๆ เย้ๆๆ
เดี๋ยวก่อน ถ้ายังดีไม่พอ เราสามารถเทรด สี่ครั้งต่อวันได้ ซื้อเช้าขายสาย
ซื้อบ่ายขายเย็น จะมีผลขาดทุนรอท่านอยู่ถึง70% โอ้เย!
ด้วยผลขาดทุนนี้โบรคเกอร์จะบูชาท่านดุจร่างท่านทำด้วยทองคำเปลว เขาจะดูแลท่านอย่างดี และยามที่ท่านจากโลกนี้ไป ท่านจะสามารถเดินเข้าไปในสวนสวรรค์อย่างภาคภูมิ อ้างจากคัมภียร์ที่ว่า โอกาสที่คนรวยจะได้ขึ้นสวรรค์น้อยกว่าเอาอูฐลอดรูเข็ม แต่จะกังวลอะไร หากทำตามนี้จะการันตีได้ว่าท่านจนแน่นอน
-
- Verified User
- โพสต์: 807
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเชิญร่วมถกกันในหัวข้อ "ทำอย่างไรจึงจะเจ๊งหุ้น!!!!&quo
โพสต์ที่ 15
เสียภาษีด้วยจิคุณ Warantact
ค่าคอม 0.15% * (1 + 7%) = 0.1605%
พอยกกำลัง 200 ค่าจะต่างกันเยอะเลยนะ เอิ๊กๆๆๆ
ค่าคอม 0.15% * (1 + 7%) = 0.1605%
พอยกกำลัง 200 ค่าจะต่างกันเยอะเลยนะ เอิ๊กๆๆๆ
อย่ายอมแพ้
-
- Verified User
- โพสต์: 206
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเชิญร่วมถกกันในหัวข้อ "ทำอย่างไรจึงจะเจ๊งหุ้น!!!!&quo
โพสต์ที่ 16
เลือกวอร์แรนที่ใกล้หมดอายุมา 1 ตัว
-มีเงินเท่าไหร่ทุ่มซื้อให้หมด
-มี่ที่ มีบ้าน มีรถ เอาไปจำนองมาแล้วก็ซื้ออีกให้เยอะที่สุด
-หลังจากซื้อแล้วไม่ต้องทำอะไรไม่ต้องขายให้ลำบากปล่อยใว้ให้หมดอายุ
หลังวันที่หมดอายุก็มาประเมินดูอีกที่ว่าเข้าเป้าหรือเปล่า
-มีเงินเท่าไหร่ทุ่มซื้อให้หมด
-มี่ที่ มีบ้าน มีรถ เอาไปจำนองมาแล้วก็ซื้ออีกให้เยอะที่สุด
-หลังจากซื้อแล้วไม่ต้องทำอะไรไม่ต้องขายให้ลำบากปล่อยใว้ให้หมดอายุ
หลังวันที่หมดอายุก็มาประเมินดูอีกที่ว่าเข้าเป้าหรือเปล่า
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเชิญร่วมถกกันในหัวข้อ "ทำอย่างไรจึงจะเจ๊งหุ้น!!!!&quo
โพสต์ที่ 18
อืมมมม ขาดทุนระยะสั้นมันง่ายอย่างนี้นี่เอง
มันไม่ท้าทาย มันทำง่ายเกินไป
เราระดับเทพกันแล้ว ต้องมุ่งเป้าไปที่การขาดทุนระยะยาว โดยที่กำไรไปถึงโบรคน้อยที่สุด
จะได้แบ่งความรวยให้ทั่วถึง
มันไม่ท้าทาย มันทำง่ายเกินไป
เราระดับเทพกันแล้ว ต้องมุ่งเป้าไปที่การขาดทุนระยะยาว โดยที่กำไรไปถึงโบรคน้อยที่สุด
จะได้แบ่งความรวยให้ทั่วถึง
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเชิญร่วมถกกันในหัวข้อ "ทำอย่างไรจึงจะเจ๊งหุ้น!!!!&quo
โพสต์ที่ 19
ผมบวกให้ร้อยเเต้มเลยนกขนโดก เขียน:เลือกวอร์แรนที่ใกล้หมดอายุมา 1 ตัว
-มีเงินเท่าไหร่ทุ่มซื้อให้หมด
-มี่ที่ มีบ้าน มีรถ เอาไปจำนองมาแล้วก็ซื้ออีกให้เยอะที่สุด
-หลังจากซื้อแล้วไม่ต้องทำอะไรไม่ต้องขายให้ลำบากปล่อยใว้ให้หมดอายุ
หลังวันที่หมดอายุก็มาประเมินดูอีกที่ว่าเข้าเป้าหรือเปล่า
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเชิญร่วมถกกันในหัวข้อ "ทำอย่างไรจึงจะเจ๊งหุ้น!!!!&quo
โพสต์ที่ 20
สนุกสุดๆ ครับ 555555555+
เขียนมันจริงๆ พี่
เขียนมันจริงๆ พี่
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเชิญร่วมถกกันในหัวข้อ "ทำอย่างไรจึงจะเจ๊งหุ้น!!!!&quo
โพสต์ที่ 23
เล่นให้เหมือนกับที่เล่นหวยก็ไม่น่ารอดนะครับ ได้เลขมาก็ซื้อเลย
แต่ในความเป็นจริง...ผมมองว่าเล่นให้เจ้งยากกว่าเล่นให้กำไรอีกนะครับ ถ้าคุณเล่นเองนะครับ เพราะส่วนมากที่เจ้งเพราะไปฟังคำเชียร์ซื้อก็ซื้อดอย ไปฟังคำเชียร์ขายก็ขายหมู/เหว ซึ่งถ้าไม่รวมการผิดพลาดด้วยจิตวิทยานะครับ
ผมมองว่าขาดทุนน่าจะยากกว่ากำไร(แต่ไม่ใช่จงใจขาดทุนนะครับ) เพราะว่าบริษัทส่วนมากมีเป้าหมายเดียวกันคือต้องทำกำไร ดังนั้นผมว่าโอกาศที่บริษัทจะกำไรมากกว่าขาดทุนนะครับ
ดังนั้นคนที่ขาดทุนผมมว่าต้องคิดหนักๆนะครับ ว่าเราพลาดที่อะไร?
แต่ในความเป็นจริง...ผมมองว่าเล่นให้เจ้งยากกว่าเล่นให้กำไรอีกนะครับ ถ้าคุณเล่นเองนะครับ เพราะส่วนมากที่เจ้งเพราะไปฟังคำเชียร์ซื้อก็ซื้อดอย ไปฟังคำเชียร์ขายก็ขายหมู/เหว ซึ่งถ้าไม่รวมการผิดพลาดด้วยจิตวิทยานะครับ
ผมมองว่าขาดทุนน่าจะยากกว่ากำไร(แต่ไม่ใช่จงใจขาดทุนนะครับ) เพราะว่าบริษัทส่วนมากมีเป้าหมายเดียวกันคือต้องทำกำไร ดังนั้นผมว่าโอกาศที่บริษัทจะกำไรมากกว่าขาดทุนนะครับ
ดังนั้นคนที่ขาดทุนผมมว่าต้องคิดหนักๆนะครับ ว่าเราพลาดที่อะไร?
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ