เอเจนซี/เอเอฟพี - ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX) และตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย (ASX) ร่วมกันแถลงวันจันทร์(25) ว่า ทางฝ่ายสิงคโปร์ได้ยื่นข้อเสนอเทคโอเวอร์มูลค่า 8,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา และทางฝ่ายออสซี่ก็ตอบตกลงแล้ว โดยเล็งกันว่าการควบรวมกิจการคราวนี้จะสถาปนาให้เป็นตลาดหลักทรัพย์ขนาดใหญ่โตอันดับ 5 ของโลกที่จะใช้ชื่อใหม่ว่าตลาด SGX-ASX
การผนวกรวมตลาด SGX กับ ASX เข้าด้วยกันครั้งนี้ จะเป็นการรวมตัวครั้งใหญ่ครั้งแรกสำหรับวงการหลักทรัพย์ย่านเอเชียแปซิฟิก โดยมุ่งจะป้องกันภัยคุกคามจากระบบการซื้อขายทางเลือกต่างๆ และเปิดทางแก่การเติบโตใหม่ๆ ตลอดจนหั่นต้นทุนต่างๆ
แผนดังกล่าวนี้จะต้องผ่านอุปสรรคหลายประการทีเดียวกว่าจะสำเร็จได้ ซึ่งรวมถึงการที่ว่ารัฐสภาออสเตรเลียจะต้องยกเลิกกฎจำกัดเพดานความเป็นเจ้าของหุ้นในตลาด ASX ไม่เกิน 15% นอกจากนั้น ยังจะต้องได้ไฟเขียวจากคณะกรรมการทบทวนการลงทุนต่างชาติ หรือ Foreign Investment Review Board (FIRB) ด้วย
ในการนี้ FIRB คงจะมีคำถามไม่น้อย เพราะผู้ถือหุ้นรายใหญ่รายหนึ่งของ SGX โดยถือหุ้นอยู่ 23% คือ กองทุนเพื่อการพัฒนาภาคการเงิน (Financial Sector Development Fund) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่อยู่ใต้การกำกับดูแลของธนาคารกลางแห่งสิงคโปร์
อุปสรรคเชิงกฎระเบียบค่อนข้างเยอะประมาณนี้เอง ทำให้ ทอม อีเลียต กรรมการผู้จัดการของค่าย MM&E Capital ฟันธงว่างานนี้รอนานแน่นอน และอะไรๆ ก็ล้วนแต่ไม่มีความแน่นอน
อย่างไรก็ตาม โรเบิร์ต เอลสันโตน กรรมการผู้จัดการ และซีอีโอ ของ ASX กลับมีความมั่นใจมากโดยกล่าวว่า ผมไม่คิดว่าเราจะประกาศเรื่องนี้ออกมา ถ้าหากเราไม่เชื่อว่าเรากำลังจะได้รับอนุมัติ
ส่วนเอบีซี สื่อวิทยุและทีวีของทางการออสเตรเลียก็รายงานคำพูดของ แกรม ซามูเอล ประธานคณะกรรมการการแข่งขันและผู้บริโภคของออสเตรเลีย (ACCC) ที่กล่าวว่า ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์และตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย และผมไม่เห็นว่าสำหรับเราแล้วจะมีประเด็นด้านการแข่งขันที่จะต้องหยิบยกขึ้นมาพิจารณา
ในดีลมูลค่า 8,400 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (เท่ากับ 8,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)นี้ SGX เสนอซื้อด้วยแพ็คเก็จอันได้แก่ เงินสดหุ้นละ 22.00 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ผนวกด้วยหุ้น 3.473 หุ้นของ SGX โดยเท่ากับตีมูลค่าหุ้น ASX ที่ 48.00 ดอลลาร์ออสเตรเลีย
ทั้งนี้ ราคาหุ้น ASX ที่เทรดวันวาน (25) พุ่งขึ้นมาตั้ง 25% อยู่ที่ 43.89 ดอลลาร์ออสเตรเลีย และปิดตลาดในพื้นที่สีเขียว 20% แต่ราคาหุ้นของ SGX ร่วงระหว่างวัน 6.7% ก่อนจะปิดตลาดติดลบ 5% อยู่ที่ 9.06 ดอลลาร์สิงคโปร์
**ผนวกรวมเพื่อขยายแสนยานุภาพเพราะ
ศูนย์การเติบโตโลกอยู่ที่เอเชียแปซิฟิก**
ผู้บริหารตลาดหุ้นทั้งสองย้ำความสำคัญของการผนวกรวมครั้งประวัติศาสตร์นี้ว่า จะเป็นการสถาปนาเวทีให้แก่ลูกค้าทั่วโลกที่สนใจจะเข้ามาใช้ประโยชน์จากโอกาสที่จะได้จดทะเบียนหลักทรัพย์ ซื้อขายหลักทรัพย์ ตลอดจนทำการชำระบัญชีทั้งปวงภายในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งปัจจุบันเป็นกลจักรขับเคลื่อนการฟื้นตัวของโลก
ตลาดใหม่จะเป็นการรวมจุดแข็งทั้งปวงขึ้นมาเสนอเป็นบริการครบวงจรแก่นักลงทุนโลก โดยที่ตลาดหุ้นออสเตรเลียซึ่งอุดมด้วยทรัพยากร จะถูกเติมเต็มด้วยศักยภาพระดับโลกของตลาดฝั่งสิงคโปร์ ซึ่งยังเป็นตลาดที่มีสายสัมพันธ์แข็งแกร่งอยู่กับตลาดในจีนที่กำลังโตอย่างไม่หยุดยั้ง
เป็นที่คาดหวังว่า ตลาด ASX-SGX จะเปิดโอกาสให้เข้าถึงฐานของนักลงทุนระดับสถาบันขนาดใหญ่ยักษ์ทั้งปวงที่ตั้งอยู่นอกสหรัฐอเมริกา
**ขยับหนนี้เพื่อปกป้องศักยภาพการแข่งขัน**
การแจ้งเกิดของตลาดหุ้น SGX-ASX ซึ่งปัจจุบันเป็นตลาดใหญ่เบอร์ 2 และ 3 ของเอเชีย จะกลายเป็นตลาดเมกกะไซส์ ที่ต้องดูแลผลิตภัณฑ์มูลค่ารวมกันราว 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ซึ่งจะทำให้ตลาดใหม่เจ้านี้มีอันดับใหญ๋โตเบอร์ 5 ของโลก ตามหลังตลาดโตเกียว ตลาดฮ่องกง ตลาดเซี่ยงไฮ้ และตลาดมุมไบ ตามข้อมูลของสหพันธ์ตลาดหุ้นโลก หรือ World Federation of Exchanges.
อย่างไรก็ดี ตลาดจะมองการรวมตัวของ SGX-ASX ว่าเป็นกลยุทธ์ป้องกันตนเอง เพราะทั้งคู่ต่างเป็นตลาดเก่าที่ถึงภาวะอิ่มตัวไม่มากก็น้อยในแง่ของโอกาสที่จะเติบโต โดยที่ตลาดหุ้นออสเตรเลียกำลังจะสูญเสียสถานภาพการผูกขาดในขณะที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านราคาที่ทะยานสูงขึ้น ในขณะที่ตลาดหุ้นทางเลือกอื่นๆ กับพื้นที่เพื่อการเทรดอื่นๆ นับวันแต่จะสามารถแย่งชิงส่วนแบ่งไปได้เรื่อยๆ นั่นเป็นคอมเมนท์ของโรเบิร์ต กง นักวิเคราะห์ค่ายซิตี้กรุ๊ป ที่เขียนเผยแพร่ในหมู่ลูกค้า
ในการนี้ ตลาด ASX จะเสียสถานภาพผูกขาดในประเทศในปีหน้า โดยจะมีตลาดใหม่แจ้งเกิดและเริ่มทำการในปี 2011 โดยเป็นของบริษัทจากยุโรปชื่อ Chi-X Australia Pty
ตลาดใหม่นี้จะเป็นกลุ่มของตลาดหลักทรัพย์ที่มีศักยภาพการแข่งขันสูงภายในโลกที่มีความโลกาภิวัตน์มากขึ้นเรื่อยๆ ประธานตลาดหุ้นสิงคโปร์ เจ. วาย. พิลเลย์ ระบุไว้อย่างนั้นในแถลงการณ์
ดีลยักษ์ตัวนี้อุบัติขึ้นในรอบ 10 เดือนหลังจากที่แมกนัส บอคเกอร์ อดีตนายใหญ่ของ NASDAQ OMX เข้ามารับงานเป็นซีอีโอของตลาด SGX และบอคเกอร์จะขึ้นเป็นซีอีโอของเครือ SGX-ASX ด้วย
ผลกระทบสำคัญประการหนึ่งหากดีลผนวกกิจการครั้งนี้เป็นจริงขึ้นมาคือ ตลาดการเงินสิงคโปร์จะตอกย้ำแสนยานุภาพให้เป็นที่ประจักษ์ว่า สิงคโปร์นั้นคือศูนย์การเงินและการบริหารความมั่งคั่งระดับนำของเอเชีย