การคิดลดกระแสเงินสด คืออะไรครับ คิดยังไง
-
- Verified User
- โพสต์: 807
- ผู้ติดตาม: 0
การคิดลดกระแสเงินสด คืออะไรครับ คิดยังไง
โพสต์ที่ 2
อย่ายอมแพ้
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
การคิดลดกระแสเงินสด คืออะไรครับ คิดยังไง
โพสต์ที่ 3
เอาง่ายๆเท่าที่ผมพอจำได้นะ
มูลค่ากิจการปัจจุบัน ถ้าคิดแบบง่ายๆว่า บริษัททำกำไร
สม่ำเสมอ ทุกไตรมาสทุกปี เท่ากัน จะเป็นส่วนกลับของ
การคิืดกำไรแบบทบต้น
มาจากสมการคือ
ผลตอบแทนในอนาคต = เงินต้นx ( 1+r)ยกกำลัง n
r คืออัตตรา ผลตอบแทนเป็นแบบร้อยละ เช่น 10% ต่อปี คือ 0.1
ืn คือจำนวนปี
สมมติแทนก้อนนี้ทั้งก้อน ด้วยตัวแปร B
เขียนใหม่ เป็น
ผลตอบแทนในอนาคต = เงินต้นx B
ถ้าโยกสมการใหม่เป็น
เงินต้น = ผลตอบแทนในอนาคต / B
อันนี้ก็คือการทำ dcf
แต่สิ่งที่ต่างคือ ถ้าในรูปแบบซับซ้อน
มันจะอยู๋ในรูป ซิกม่า คือผลรวม
ยกตัวอย่าง ถ้า สมมติ เราคาดเดาว่า ในอนาคต
บ.จะต้องมีผลตอบแทน เท่ากับ x ซึ่งก็แล้วแต่ว่าจะ
ว่ากันไป แม่นจำต่างกัน
B ก็คือ จำนวนผลตอบแทนที่่เราคาดว่าจะได้รับ
ซึ่ง ใน B ก้อนนี้ก็จะมี r คือ อัตตราผลตอบแทนที่เราคาดหวัง
n คือจำนวนปี
พอได้ตัวเลขทั้งหมดมาเข้่าสมการ
เราก็จะได้เป็นมูลค่าที่เหมาะสมที่เราควรจะจ่าย
ซึ่งก็คือ ค่า x
ซึ่งเราจะใช้การเทียบบัญญัติไตรยางค์ธรรมดาไม่ได้
สรุป แบบง่าย คือส่วนกลับ ของ การหาผลตอบแทนแบบทบต้น
ซึ่งในความเป็นจริง การหาข้อมูลคำนวณความน่าจะเป็นมันจะซับซ้อนกว่านี้
มูลค่ากิจการปัจจุบัน ถ้าคิดแบบง่ายๆว่า บริษัททำกำไร
สม่ำเสมอ ทุกไตรมาสทุกปี เท่ากัน จะเป็นส่วนกลับของ
การคิืดกำไรแบบทบต้น
มาจากสมการคือ
ผลตอบแทนในอนาคต = เงินต้นx ( 1+r)ยกกำลัง n
r คืออัตตรา ผลตอบแทนเป็นแบบร้อยละ เช่น 10% ต่อปี คือ 0.1
ืn คือจำนวนปี
สมมติแทนก้อนนี้ทั้งก้อน ด้วยตัวแปร B
เขียนใหม่ เป็น
ผลตอบแทนในอนาคต = เงินต้นx B
ถ้าโยกสมการใหม่เป็น
เงินต้น = ผลตอบแทนในอนาคต / B
อันนี้ก็คือการทำ dcf
แต่สิ่งที่ต่างคือ ถ้าในรูปแบบซับซ้อน
มันจะอยู๋ในรูป ซิกม่า คือผลรวม
ยกตัวอย่าง ถ้า สมมติ เราคาดเดาว่า ในอนาคต
บ.จะต้องมีผลตอบแทน เท่ากับ x ซึ่งก็แล้วแต่ว่าจะ
ว่ากันไป แม่นจำต่างกัน
B ก็คือ จำนวนผลตอบแทนที่่เราคาดว่าจะได้รับ
ซึ่ง ใน B ก้อนนี้ก็จะมี r คือ อัตตราผลตอบแทนที่เราคาดหวัง
n คือจำนวนปี
พอได้ตัวเลขทั้งหมดมาเข้่าสมการ
เราก็จะได้เป็นมูลค่าที่เหมาะสมที่เราควรจะจ่าย
ซึ่งก็คือ ค่า x
ซึ่งเราจะใช้การเทียบบัญญัติไตรยางค์ธรรมดาไม่ได้
สรุป แบบง่าย คือส่วนกลับ ของ การหาผลตอบแทนแบบทบต้น
ซึ่งในความเป็นจริง การหาข้อมูลคำนวณความน่าจะเป็นมันจะซับซ้อนกว่านี้
show me money.
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
การคิดลดกระแสเงินสด คืออะไรครับ คิดยังไง
โพสต์ที่ 4
มันใช้ในการบอกว่า ถ้ามีคนมาชวนท่านลงทุน
ราคาที่ท่านควรจะจ่ายมันจะเป็นเท่าไหร่
เพราะ ราึคาที่เค้าาบอกหรือพูด มันเป็นราคาในอนาคต
เราต้องแปลงกลับมาเป็นราคาที่เหมาะสม ณ วันที่เราจะซื้อกิจการ
ยากตัวอย่างเพิ่มเติม
x หวังผลตอบแทนกลับมาหลังเลิกกิจการ ที่
100 ล้าน หลังจาก 5 ปี(ที่มาที่ไป ว่าตัวเลขมาได้อย่างไร
อันนี้ต้องถามพี่ๆที่เก่งว่า หามาอย่างไร มีวิธีคิดอย่างไร)
ถามว่า ท่่านต้องการผลตอบแทนเท่าไหร่
ใน 5 ปี (ค่าn)
ส่วนค่า r ก็คือค่าความโลภของเรา สมมติโลภจัด
ธุรกิจดีมาก กะว่าจะได้ซัก 40% ก็จะได้ค่า r= 0.4
ลองใส่เป็นสมการ
ดังนั้น ถามว่าเราจะซื้อกิจการนี้ ในราคาเท่าไหร่ดี
คำตอบคือ 18.59 ล้าน
เมื่อครบ 5 ปี เราก็ควรจะได้เงิน 100 ล้าน
มูลค่าปัจจุบัน = มูลค่าในอนาคต หาร ด้วย (1 + 0.4)ยกกำลัง 5
ภาพจะชัดเจนขึ้นเวลามีคนมาขายประกัน
เช่น จ่ายเท่านั้นเท่านี้ พอครบ กี่ปี ได้เงิน เท่านั้นเท่านี้ เราก็จะตาลุกวาวว่า โอ้โห มันเยอะแฮะ
เช่น กรมธรรม์สิบปี ครบกำหนด ได้ เงินคือทั้งหมด
ทั้งที่ทยอยจ่าย แต่รวมแล้วได้ ล้านนึง
ทีนี้ลองใส่สูตรแบบหยาบๆ
โดยที่เราตั้งเป้าว่า ขอดอกเบี้ยแค่ 4% ทบต้น(ให้ดีกว่าเงินฝาก) แล้วเราควรจ่าย ค่ากรมธรรเท่าไหร่ดี
เงินที่ควรจ่าย = 1 ล้าน หาร 1.04 ยกกำลัง 10
ก็จะได้ 675,564
ซึ่ง เวลา คนขายประกัน มันขายเรามันจะชอบพูดอีกแบบเช่น พี่พี่ได้คืนเป็น 100% เลยนะ ดีกว่าฝากเงินเยอะ ซึ่งผมคำนวณดูได้น้อยกว่าหรือเท่ากับฝากประจำนั่นแหละ
ถึงตรงนี้พอเข้าใจคร่าวๆไหมคับ
ถ้าไม่เข้าใจเด๋วผมไปค้นตัวอย่างชัดๆ
เพราะอ่านนานมาก แล้วก็คำนวณซับซ้อน
ต้องใช้เป็น แบบ zigmaของแต่ละปี
(ตอนนี้มีพี่ๆทำสำเร็จมาแล้ว) แต่หลักการคร่าวๆก็ประมาณนี้แหละคับ
ราคาที่ท่านควรจะจ่ายมันจะเป็นเท่าไหร่
เพราะ ราึคาที่เค้าาบอกหรือพูด มันเป็นราคาในอนาคต
เราต้องแปลงกลับมาเป็นราคาที่เหมาะสม ณ วันที่เราจะซื้อกิจการ
ยากตัวอย่างเพิ่มเติม
x หวังผลตอบแทนกลับมาหลังเลิกกิจการ ที่
100 ล้าน หลังจาก 5 ปี(ที่มาที่ไป ว่าตัวเลขมาได้อย่างไร
อันนี้ต้องถามพี่ๆที่เก่งว่า หามาอย่างไร มีวิธีคิดอย่างไร)
ถามว่า ท่่านต้องการผลตอบแทนเท่าไหร่
ใน 5 ปี (ค่าn)
ส่วนค่า r ก็คือค่าความโลภของเรา สมมติโลภจัด
ธุรกิจดีมาก กะว่าจะได้ซัก 40% ก็จะได้ค่า r= 0.4
ลองใส่เป็นสมการ
ดังนั้น ถามว่าเราจะซื้อกิจการนี้ ในราคาเท่าไหร่ดี
คำตอบคือ 18.59 ล้าน
เมื่อครบ 5 ปี เราก็ควรจะได้เงิน 100 ล้าน
มูลค่าปัจจุบัน = มูลค่าในอนาคต หาร ด้วย (1 + 0.4)ยกกำลัง 5
ภาพจะชัดเจนขึ้นเวลามีคนมาขายประกัน
เช่น จ่ายเท่านั้นเท่านี้ พอครบ กี่ปี ได้เงิน เท่านั้นเท่านี้ เราก็จะตาลุกวาวว่า โอ้โห มันเยอะแฮะ
เช่น กรมธรรม์สิบปี ครบกำหนด ได้ เงินคือทั้งหมด
ทั้งที่ทยอยจ่าย แต่รวมแล้วได้ ล้านนึง
ทีนี้ลองใส่สูตรแบบหยาบๆ
โดยที่เราตั้งเป้าว่า ขอดอกเบี้ยแค่ 4% ทบต้น(ให้ดีกว่าเงินฝาก) แล้วเราควรจ่าย ค่ากรมธรรเท่าไหร่ดี
เงินที่ควรจ่าย = 1 ล้าน หาร 1.04 ยกกำลัง 10
ก็จะได้ 675,564
ซึ่ง เวลา คนขายประกัน มันขายเรามันจะชอบพูดอีกแบบเช่น พี่พี่ได้คืนเป็น 100% เลยนะ ดีกว่าฝากเงินเยอะ ซึ่งผมคำนวณดูได้น้อยกว่าหรือเท่ากับฝากประจำนั่นแหละ
ถึงตรงนี้พอเข้าใจคร่าวๆไหมคับ
ถ้าไม่เข้าใจเด๋วผมไปค้นตัวอย่างชัดๆ
เพราะอ่านนานมาก แล้วก็คำนวณซับซ้อน
ต้องใช้เป็น แบบ zigmaของแต่ละปี
(ตอนนี้มีพี่ๆทำสำเร็จมาแล้ว) แต่หลักการคร่าวๆก็ประมาณนี้แหละคับ
show me money.
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
การคิดลดกระแสเงินสด คืออะไรครับ คิดยังไง
โพสต์ที่ 6
ขอบคุณคุณ nut776เช่นกันครับ
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
การคิดลดกระแสเงินสด คืออะไรครับ คิดยังไง
โพสต์ที่ 7
จิงๆที่ผมบอกมันเป็น แค่แนวคิดพื้นฐานแต่
ความเป็นจริงต้องคำนวณละเอียด
และอาศัยความเข้าใจมากกว่านี้เยอะ
เรียกว่า เขียนหนังสือบางๆได้เล่มนึงเลย
เด๋วมันจะไปเกี่ยวข้องกับ wacc อีก
แนะนำหาหนังสืออ่านคับ
เช่น อ่านงบการเงินให้เหมือนอ่านนิยาย
ของ ชาย กิตติคุณณากรณ์
อ่านง่ายหน่อยคับ
ความเป็นจริงต้องคำนวณละเอียด
และอาศัยความเข้าใจมากกว่านี้เยอะ
เรียกว่า เขียนหนังสือบางๆได้เล่มนึงเลย
เด๋วมันจะไปเกี่ยวข้องกับ wacc อีก
แนะนำหาหนังสืออ่านคับ
เช่น อ่านงบการเงินให้เหมือนอ่านนิยาย
ของ ชาย กิตติคุณณากรณ์
อ่านง่ายหน่อยคับ
show me money.
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 56
- ผู้ติดตาม: 0
การคิดลดกระแสเงินสด คืออะไรครับ คิดยังไง
โพสต์ที่ 8
ขอบคุณมากครับ :D ผมจะลองไปหามาอ่านศึกษาดูnut776 เขียน:จิงๆที่ผมบอกมันเป็น แค่แนวคิดพื้นฐานแต่
ความเป็นจริงต้องคำนวณละเอียด
และอาศัยความเข้าใจมากกว่านี้เยอะ
เรียกว่า เขียนหนังสือบางๆได้เล่มนึงเลย
เด๋วมันจะไปเกี่ยวข้องกับ wacc อีก
แนะนำหาหนังสืออ่านคับ
เช่น อ่านงบการเงินให้เหมือนอ่านนิยาย
ของ ชาย กิตติคุณณากรณ์
อ่านง่ายหน่อยคับ
ขอให้บวกๆนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 8
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การคิดลดกระแสเงินสด คืออะไรครับ คิดยังไง
โพสต์ที่ 10
ผมขอลองสรุปตามความเข้าใจแบบลูกทุ่งๆของคนไม่เคยเรียนการเงินแบบผมดูนะครับ
สรุปก็คือการคาดการณ์มูลค่าในอนาคต โดยการเอาผลการดำเนินงานในอดีตมาเป็นตัวคำนวน
จากนั้นคิดย้อนกลับมาปัจจุบัน ว่าถ้าต้องการผลตอบแทนต่อปีเท่านั้นเท่านี้ ควรจะจ่ายที่เท่าไหร่
เช่น(สมมติที่ P/E = 1 นะครับ) หุ้น x ตอนนี้มีกำไร 100 บาท/หุ้น จากผลการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมานั้น กำไรของบริษัทนี้จะโตประมาณปีละ 10% เราก็คาดการณ์ว่าปีหน้าน่าจะเป็น 110 บาท ... ปีที่สิบน่าจะเป็น 259.37 บาท (จะใช้ Excel คำนวนหรือกดเครื่องคิดเลขธรรมดาก็ได้ครับ)
เราก็จะได้ผลกำไรต่อหุ้นที่คาดการณ์ไว้ในอีก 10 ปีข้างหน้าแล้วว่าน่าจะเป็น 259.37 บาท/หุ้น
ทีนี้เราก็ย้อนกลับมาคิดถึงปัจจุบัน ว่าเรายินดีจ่ายเท่าไหร่เพื่อให้ได้รับสิทธิ์กำไรต่อหุ้น 259.37 บาทในอีก 10 ปีข้างหน้า
โดยราคาที่เรายินดีจ่าย จะเป็นตัวกำหนดอัตราผลตอบแทนของเรา
ถ้าเราจ่ายที่ 100 บาท เราก็จะคิดได้ว่าได้รับผลตอบแทนทบต้นเป็นจำนวน 10% ต่อปีตลอด 10 ปี
ถ้าเราจ่ายที่ 120 บาท เราก็จะคิดได้ว่าได้รับผลตอบแทนทบต้นเป็นจำนวน 8% ต่อปีตลอด 10 ปี
ถ้าเราจ่ายที่ 80 บาท เราก็จะคิดได้ว่าได้รับผลตอบแทนทบต้นเป็นจำนวน 12.48% ต่อปีตลอด 10 ปี
ดังนั้นด้วยอัตราผลตอบแทนที่เราต้องการได้รับ จะเป็นตัวกำหนดราคาที่เราควรจะจ่ายครับ (พูดสับกันไปมา >,,<)
*แต่ประเด็นสำคัญของการจะคำนวนแบบนี้ก็คือ บริษัทที่จะเอามาคิดแบบนี้ต้องเป็นบริษัทที่สามารถคาดการณ์ผลกำไรในอนาคตได้อย่างค่อนข้างแม่นยำนะครับ ถ้าเป็นบริษัทที่สามปีดีสี่ปีไข้ จะทำให้ผลการคาดการณ์ที่ได้ไม่น่าเชื่อถือ
สรุปก็คือการคาดการณ์มูลค่าในอนาคต โดยการเอาผลการดำเนินงานในอดีตมาเป็นตัวคำนวน
จากนั้นคิดย้อนกลับมาปัจจุบัน ว่าถ้าต้องการผลตอบแทนต่อปีเท่านั้นเท่านี้ ควรจะจ่ายที่เท่าไหร่
เช่น(สมมติที่ P/E = 1 นะครับ) หุ้น x ตอนนี้มีกำไร 100 บาท/หุ้น จากผลการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมานั้น กำไรของบริษัทนี้จะโตประมาณปีละ 10% เราก็คาดการณ์ว่าปีหน้าน่าจะเป็น 110 บาท ... ปีที่สิบน่าจะเป็น 259.37 บาท (จะใช้ Excel คำนวนหรือกดเครื่องคิดเลขธรรมดาก็ได้ครับ)
เราก็จะได้ผลกำไรต่อหุ้นที่คาดการณ์ไว้ในอีก 10 ปีข้างหน้าแล้วว่าน่าจะเป็น 259.37 บาท/หุ้น
ทีนี้เราก็ย้อนกลับมาคิดถึงปัจจุบัน ว่าเรายินดีจ่ายเท่าไหร่เพื่อให้ได้รับสิทธิ์กำไรต่อหุ้น 259.37 บาทในอีก 10 ปีข้างหน้า
โดยราคาที่เรายินดีจ่าย จะเป็นตัวกำหนดอัตราผลตอบแทนของเรา
ถ้าเราจ่ายที่ 100 บาท เราก็จะคิดได้ว่าได้รับผลตอบแทนทบต้นเป็นจำนวน 10% ต่อปีตลอด 10 ปี
ถ้าเราจ่ายที่ 120 บาท เราก็จะคิดได้ว่าได้รับผลตอบแทนทบต้นเป็นจำนวน 8% ต่อปีตลอด 10 ปี
ถ้าเราจ่ายที่ 80 บาท เราก็จะคิดได้ว่าได้รับผลตอบแทนทบต้นเป็นจำนวน 12.48% ต่อปีตลอด 10 ปี
ดังนั้นด้วยอัตราผลตอบแทนที่เราต้องการได้รับ จะเป็นตัวกำหนดราคาที่เราควรจะจ่ายครับ (พูดสับกันไปมา >,,<)
*แต่ประเด็นสำคัญของการจะคำนวนแบบนี้ก็คือ บริษัทที่จะเอามาคิดแบบนี้ต้องเป็นบริษัทที่สามารถคาดการณ์ผลกำไรในอนาคตได้อย่างค่อนข้างแม่นยำนะครับ ถ้าเป็นบริษัทที่สามปีดีสี่ปีไข้ จะทำให้ผลการคาดการณ์ที่ได้ไม่น่าเชื่อถือ
มีอุปสรรค... แต่ไม่มีปัญหา...