ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ohmook
Verified User
โพสต์: 3
ผู้ติดตาม: 0

ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี

โพสต์ที่ 1

โพสต์

คือว่าเราก็พอจะศึกษามาเรื่อยๆว่าควรจะรู้อะไรบ้าง แต่พอมาเริ่มจริงๆ มันไปไม่ถูกอ่ะค่ะ พอจะไปดูหุ้นแต่ละตัวมันก็มีมากมายเหลือเกิน(ดูจาก Set ข้อมูลบริษัท) ไม่รู้ว่ามันจะมีอะไรที่จะเป็นตัวกรองให้หุ้นมันมีอยู่ในมือในปริมาณนึงได้ก่อนมั้ย (เช่นอาจจะ20 หรือ 30ตัว) แล้วก็มันต้องคอยเปิดดูหุ้นทีละตัวแบบนั้นเลยหรอค่ะ ถ้ามีตัวกรอง มันจะมีเวปไหนที่ช่วยสรุปให้มั้ย หากมีคนช่วยแนะนำก็ขอขอบคุณมากค่ะ

คำถามมันจะงงไปมั้ย คือว่ามือใหม่อ่ะค่ะ มันเริ่มไม่ถูกว่าเวลาจะเลือกหุ้นจิงๆมันต้องดูทั้งหมดที่จดทะเบียนเลยหรอ(คงต้องงงกับตัวเลขมากมายแน่ๆ) หรือถ้าไม่ใช่ จะใช้อะไรเลือกดี (ใครจะเคยเป็นแบบเราบ้างมั้ย)
ภาพประจำตัวสมาชิก
tradtrae
Verified User
โพสต์: 247
ผู้ติดตาม: 0

Re: ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ของผม ตั้งเป้าหมายไว้ที่ เงินปันผลเป็นหลักครับ ดูว่าหุ้นตัวไหนให้อัตราจ่ายเงินปันผลเยอะสุด เรียงตามลำดับ

ข้อมูลที่ไว้ดูว่า รายไหนจ่ายเงินปันผลเท่าไหร่ ถ้าเป็นช่วงแรกๆ ตอนนั้นจะใช้ข้อมูลจาก Richer Stock ครับ แต่ตอนนี้ ผมใช้ฐานข้อมูลจากเวปไซด์ของโบรคเกอร์ของผมครับ ซึ่งจะมีข้อมูลจำนวนเงินที่จ่าย และราคาตลาดก่อนขึ้น XD และ ราคาตลาดวันที่ขึ้น XD ครับ

จากนั้น ผมก็จะรวมจำนวนอัตราเงินปันผลที่จ่ายในปีว่าใครจ่ายให้เยอะสุด

ก็ไปไล่ดูข้อมูลข่าวจากเวปไซด์ของตลาดครับว่า เขาจ่ายด้วยเหตุผลใด อย่างเช่น ของหุ้น Shin บอกว่า เป็นการจ่ายเงินปันผลพิเศษ เป็นต้น ผมก็จะดูว่า ถ้าไม่มีปันผลพิเศษ จะเหลืออัตราเงินปันผลเท่าไหร่ แล้วยังน่าสนใจไหม (อันนี้เป็นเบื้องต้น)

สมมติว่า ได้หุ้นที่น่าสนใจแล้ว สิ่งที่ผมจะดูต่อมาคือ ราคาตลาด ณ ตอนนี้ น่าสนใจไหม

โดยผมจะเก็บรวมรวบข้อมูลกำไรต่อหุ้นในแต่ละไตรมาส เพื่อดูว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทเป็นอย่างไร และคำนวณว่า ถ้า PE = 8 เท่าแล้วราคาหุ้นควรเป็นเท่าไหร่

จากนั้นก็ทำการเปรียบเทียบว่า ราคาที่เราคำนวณได้ กับราคาซื้อขายหุ้นปัจจุบัน ตัวไหนสูงกว่า ถ้าราคาที่เราคำนวณได้สูงกว่าเยอะ ก็น่าสนใจลงทุน แต่ถ้าราคาปัจจุบันสูงกว่า ก็ยังไม่ซื้อครับ

หรืออีกวิธีนึงที่ใช้คือ คำนวณหาค่า PE ว่า ราคาตลาดปัจจุบัน เมื่อเทียบกับกำไรต่อหุ้นทั้งปี (บางไตรมาสก็ต้องใช้วิธีประมาณการครับ) มีค่า PE เท่าไหร่ ถ้าสูงกว่า 8 เท่า ก็จะดูข้อมูลอื่นประกอบครับ

สำหรับกำไรต่อหุ้นที่จะประมาณการนั้น ผมจะใช้ 3 วิธีครับ คือ หาค่าเฉลี่ยของปีนั้น อีกวิธีคือ ให้เท่ากับกำไรต่อหุ้นของปีที่แล้วครับ ส่วนวิธีสุดท้ายคือ กำหนดตัวเลขไปเลยครับ

หุ้นบางตัวเราอาจจะต้องใช้กำหนดตัวเลขไปเลย โดยอาศัยข้อมูลจากห้อง ร้อยคนร้อยหุ้น ครับ ซึ่งมีพี่ๆ บางท่านหาข้อมูลเชิงลึกมาว่า บริษัทมี back log ในการหารายได้เท่านั้นเท่านี้ อะไรทำนองนี้เป็นต้นครับ

อันนี้เป็นวิธีที่ผมใช้อยู่ปัจจุบัน โดยยึดเอาเรื่องอัตราการจ่ายเงินปันผลเป็นหลักครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
tradtrae
Verified User
โพสต์: 247
ผู้ติดตาม: 0

Re: ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอต่ออีกนิด เท่าที่ทราบ มีพี่ๆ บางท่านใช้วิธี Value Investment ครับ หลักการจะต่างกับผมตรงที่ ไม่เน้นอัตรการจ่ายเงินปันผลสูงๆ เป็นหลัก แต่ใช้วิธีดูมูลค่าของหุ้นนั้นๆ

วิธีนี้ จะทำให้ได้เก็บหุ้นที่ยังราคาต่ำๆ ที่มีโอกาสราคาสูงในอนาคต

ทั้งนี้ หลักการเลือก เท่าที่ผมเข้าใจในเบื้องต้น คือ น่าจะดูที่ค่า PE ของหุ้นเป็นหลัก แล้วหาข้อมูลเชิงลึกว่าบริษัทเหล่านั้นมีกิจกรรมในการสร้างกำไรให้เพิ่มขึ้นอย่างไรบ้าง

เมื่อวัดแล้วน่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ก็จะลงทุนในหุ้นเหล่านั้น

ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนในมูลค่าหุ้นอย่างมากมายในอนาคต

แต่ต้องใช้ความอดทนสูงในการหาข้อมูลและรอคอยผลสำเร็จของกิจกรรมของบริษัทครับ

เท่าที่เข้าใจ พี่ๆ เขาจะมีผลตอบแทนในมูลค่าของทรัพย์สิน สูงกว่าวิธีการของผมเยอะมากครับ

ปีที่แล้ว ผมได้ผลตอบแทนเพียง 20% แต่ของพี่ๆ เขา เท่าที่ทราบ ได้กันมากกว่า 50% ครับ
KriangL
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1487
ผู้ติดตาม: 0

Re: ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ลองคัดตัวที่มี PE ต่ำๆ หรือมี dividend yield สูงๆ แล้วค่อยๆศึกษาทีละตัวครับ ลองศึกษาสัก 4-5 ตัวคงเริ่มเห็นภาพและเห็นว่าตัวไหนที่ดีกว่าตัวอื่นครับ ตัวไหนที่ออก opp day ยิ่งเข้าใจง่ายครับ
Ery
Verified User
โพสต์: 53
ผู้ติดตาม: 0

Re: ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี

โพสต์ที่ 5

โพสต์

เคยเป็นเหมือนกับ จขกท เลยอ่ะ

แรกๆ เลยใช้วิธีอ่านข้อมูลของนักวิเคราะห์ตามโบรกต่างๆก่อน
แล้วค่อยๆย่อย ออกมา (อย่าเชื่อทั้งหมด) ...หาหุ้นตัวที่พอเป็นไปได้ในช่วงเวลานั้นๆ
ควรจะเป็นหุ้นพื้นฐานดี มีปันผลนั่นแหล่ะดีที่สุด

ข้อสำคัญ ...อย่าเข้าซื้อเมื่อราคาสูงขึ้นแล้ว น่าจะปลอดภัยที่สุดนะ
earthcu
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 348
ผู้ติดตาม: 0

Re: ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี

โพสต์ที่ 6

โพสต์

โดยส่วนตัวผม คิดว่าเริ่มจากศึกษาที่คุณรู้จักบริษัทก่อนครับ เช่นธุรกิจค้าปลีก, ธุรกิจโรงพยาบาล หรือบริษัทอื่นๆ เพราะเราจะได้วิเคราะห์ได้ว่าบริษัทนั้นรายได้มากจากไหน รายจ่ายบริษัทเป็นยังไง สินค้าของบริษัทเป็นที่นิยมหรือเปล่า ผมลองยกตัวอย่างหุ้นบริษัทต่างประเทศเช่นบริษัท Apple ซึ่งมี Product คือสินค้า Technology เช่น Ipod, Ipad, Iphone เป็นจุดแรกที่เราจะสนใจในตัวบริษัทจากนั้นเราก็มาลองดูว่า Business model ของบริษัทเป็นยังไง สินค้าดังกล่าว, กลยุทธ์ของบริษัทคิดว่าจะสามารถอยู่ได้ในอนาคตไหม (เราสามารถศึกษาข้อมูลเหล่านี้ได้จากแบบ Form 56-1 ของบริษัทรวมไปถึงรายงานประจำปี) รวมไปถึงดูว่าบริษัทเองมีความเสี่ยงอะไรบ้าง, มีคดีความฟ้องร้องที่อาจจะส่งผลกระทบต่อตัวบริษัทไหม, ดูว่าผู้บริหารของบริษัทเป็นยังไงโดยอาจจะลองอ่านข่าวย้อนหลังดูว่าที่เคยให้สัมภาษณ์นั้นสามารถทำได้ตามที่เคยพูดไหม จากนั้นถึงค่อยมาดูตัวเลขทางการเงิน เช่นงบการเงิน เพื่อ confirm ว่าสิ่งที่เราเข้าใจนั้นถูกต้องไหม เช่นธุรกิจห้าง modern trade มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นทุกปี , ยอดขายก็ควรจะเพิ่มขึ้น, กำไรก็ควรจะเพิ่มขึ้นทุกปี รวมไปถึงดูโครงสร้างทางการเงินว่าบริษัทเองมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเยอะไหม เพราะถ้าหนี้เยอะ เวลาเกิดอะไรที่ผิดพลาด บริษัทก็อาจจะล้มละลายได้ (แต่อย่างธุรกิจค้าปลีกนั้น หนี้สินบางบริษัทนั้นจะมาจากการยืมสินค้าจาก Supplier มาขายก่อนแล้วค่อยจ่ายเงินคืนทีหลัง ซึ่งความเสี่ยงจะน้อยกว่าหนี้สินจากการยืมธนาคาร) จากนั้นค่อยมาประเมินมูลค่าบริษัท ซึ่งตรงนี้ก็เป็นจุดที่ค่อนข้างลำบากสำหรับมือใหม่เหมือนกันครับ เพราะการประเมินมูลค่าก็มีหลายวิธี แต่ละวิธีก็อาจจะเหมาะกับอุตสาหกรรมที่ไม่เหมือนกัน (แนะนำให้ลองอ่านกระทู้พี่วิบูลย์ในห้องคลังกระทู้คุณค่าดู หรือว่าจะลองอ่านหนังสือวัดมูลค่าหุ้นของพี่สุมาอี้ดูก็ได้ครับ) จากนั้นถึงค่อยมาเปรียบเทียบมูลค่าที่เราประเมินกับราคาหุ้นของบริษัทดูครับ แล้วก็อย่าลืมคิดส่วนเผื่อความปลอดภัย Margin of safety ด้วยครับเพราะเราอาจจะมีโอกาสประเมินมูลค่าหุ้นผิดพลาดได้ครับ นอกจากนั้นแนะนำว่าให้พยายามฝึกอ่านงบการเงินด้วยครับ (มี Course ทีสอนเกี่ยวกับงบการเงินอยู่บ้างครับ เช่น P'Mon, อาจารย์วรศักดิ์ หรือจะลองอ่านจากหนังสือของอาจารย์ภาพร ก็ได้ครับ)
(อีกอย่างหนึ่งที่อยากแนะนำ ในห้องคลังกระทู้คุณค่ามีกระทู้ดีๆมากมายครับ อยากให้ลองไปอ่านดู มีประโยชน์มากๆครับ) หลังจากที่คุณเริ่มมีความชำนาญบ้างแล้วก็ลองไปศึกษาบริษัทอื่นดูเพิ่มเติม เพื่อขยายขอบเขตความเข้าใจในตัวธุรกิจครับ หวังว่าที่พิมพ์มาคงพอจะมีประโยชน์บ้างนะครับ
Life is beautiful + Financial freedom within 2015 by investment stock & real estate
ภาพประจำตัวสมาชิก
kopoko
Verified User
โพสต์: 383
ผู้ติดตาม: 0

Re: ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ผมว่าหาาก่อนว่า ธุรกิจกลุ่มไหนที่เราคิดว่ามันจะดี จากนั้นไปกรองค่า pe กับดูงบซะหน่อย จะเหลือไม่กี่ตัว
ไม่เป็นจึงต้องเรียน ไม่รู้จึงต้องถาม
ภาพประจำตัวสมาชิก
simplelife
Verified User
โพสต์: 756
ผู้ติดตาม: 0

Re: ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี

โพสต์ที่ 8

โพสต์

tradtrae เขียน:ขอต่ออีกนิด เท่าที่ทราบ มีพี่ๆ บางท่านใช้วิธี Value Investment ครับ หลักการจะต่างกับผมตรงที่ ไม่เน้นอัตรการจ่ายเงินปันผลสูงๆ เป็นหลัก แต่ใช้วิธีดูมูลค่าของหุ้นนั้นๆ
ใครบอกว่า Value Investing ดู Dividend ไม่ได้? Dividend เป็นหลัก อาจจะเข้าข่าย DDM ซึ่งเป็น Stock Valuation พื้นฐานที่เจอใน textbook ทั่วไป หรือลองไปเปิด security analysis ดูก็ได้ครับ เขาก็ดู dividend เทียบกับอัตราดอกเบี้ยเหมือนกัน

ในระยะหลังๆ กลายเป็นว่าการจ่ายปันผลโดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ ถือว่าบริษัทไม่เติบโต(หรืออย่างน้อยเติบโตแบบก้าวกระโดด)แล้ว เลยเลือกที่จะจ่ายปันผลออกมา นักลงทุนจำนวนมากเลยไปเลือกหุ้นที่โตไว แต่ไม่จ่ายปันผลแทน mentality แบบนี้ใครจะคิดว่าถูกหรือผิด ก็ตามแต่จะคิดครับ
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
ภาพประจำตัวสมาชิก
newbie_12
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2912
ผู้ติดตาม: 1

Re: ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ohmook เขียน:คือว่าเราก็พอจะศึกษามาเรื่อยๆว่าควรจะรู้อะไรบ้าง แต่พอมาเริ่มจริงๆ มันไปไม่ถูกอ่ะค่ะ พอจะไปดูหุ้นแต่ละตัวมันก็มีมากมายเหลือเกิน(ดูจาก Set ข้อมูลบริษัท) ไม่รู้ว่ามันจะมีอะไรที่จะเป็นตัวกรองให้หุ้นมันมีอยู่ในมือในปริมาณนึงได้ก่อนมั้ย (เช่นอาจจะ20 หรือ 30ตัว) แล้วก็มันต้องคอยเปิดดูหุ้นทีละตัวแบบนั้นเลยหรอค่ะ ถ้ามีตัวกรอง มันจะมีเวปไหนที่ช่วยสรุปให้มั้ย หากมีคนช่วยแนะนำก็ขอขอบคุณมากค่ะ

คำถามมันจะงงไปมั้ย คือว่ามือใหม่อ่ะค่ะ มันเริ่มไม่ถูกว่าเวลาจะเลือกหุ้นจิงๆมันต้องดูทั้งหมดที่จดทะเบียนเลยหรอ(คงต้องงงกับตัวเลขมากมายแน่ๆ) หรือถ้าไม่ใช่ จะใช้อะไรเลือกดี (ใครจะเคยเป็นแบบเราบ้างมั้ย)
แนะนำง่ายๆแบบนี้นะครับ

1. ไปงาน Investor day หรือวันตลาดนัดผู้ลงทุนไทย หลังเลิกงาน จะมีคนรุม ท่าน ดร นิเวศน์ ลองไปมุงดูครับ ว่าเค้าสอบถาม หรือ comment หุ้นตัวไหน ก็ไปจดๆมา แล้วมาทำการบ้านดูครับ

2. พยายามจองที่ในงานจิบเบียร์ให้ทัน แล้วพยายามทำความรู้จักเหล่านักลงทุนผู้มีประสบการณ์ สอบถามเรื่องการลงทุนเลยครับ ก็จะได้ list ตัวหุ้นมาอีกจำนวนหนึ่ง แล้วก็ไปทำการบ้านต่อ

ปล อย่าซื้อโดยไม่ได้ทำการบ้านนะครับ เพราะถ้าซื้อโดยไม่รู้อะไรเลย เวลาตลาดเน่า เราจะมีอาการเหมือนกับตาบอดเดินอยู่ในทะเลทราย ไม่รู้จะทำอย่างไรดี สุดท้ายจะเครียด หรือไม่ก็ปล่อยของหลุดมือหมดครับ
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง

----------------------------
ภาพประจำตัวสมาชิก
tradtrae
Verified User
โพสต์: 247
ผู้ติดตาม: 0

Re: ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี

โพสต์ที่ 10

โพสต์

simplelife เขียน:
tradtrae เขียน:ขอต่ออีกนิด เท่าที่ทราบ มีพี่ๆ บางท่านใช้วิธี Value Investment ครับ หลักการจะต่างกับผมตรงที่ ไม่เน้นอัตรการจ่ายเงินปันผลสูงๆ เป็นหลัก แต่ใช้วิธีดูมูลค่าของหุ้นนั้นๆ
ใครบอกว่า Value Investing ดู Dividend ไม่ได้? Dividend เป็นหลัก อาจจะเข้าข่าย DDM ซึ่งเป็น Stock Valuation พื้นฐานที่เจอใน textbook ทั่วไป หรือลองไปเปิด security analysis ดูก็ได้ครับ เขาก็ดู dividend เทียบกับอัตราดอกเบี้ยเหมือนกัน

ในระยะหลังๆ กลายเป็นว่าการจ่ายปันผลโดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ ถือว่าบริษัทไม่เติบโต(หรืออย่างน้อยเติบโตแบบก้าวกระโดด)แล้ว เลยเลือกที่จะจ่ายปันผลออกมา นักลงทุนจำนวนมากเลยไปเลือกหุ้นที่โตไว แต่ไม่จ่ายปันผลแทน mentality แบบนี้ใครจะคิดว่าถูกหรือผิด ก็ตามแต่จะคิดครับ
ด้วยความเคารพ ผมหมายถึงวิธีการคัดเลือกหุ้นครับ เท่าที่ติดตามพี่ๆ VI หลายๆ ท่าน ส่วนใหญ่เน้นการเติบโตของบริษัทมากกว่าอัตราการจ่ายเงินปันผลครับ

ซึ่งผลลัพธ์ของการลงทุนแนว VI ของพี่ๆ เหล่านี้ มักจะมีผลตอบแทนในมูลค่ามากกว่าแนวทางของผมครับ

ทั้งนี้ บริษัทเหล่านั้นจะจ่ายเงินปันผลสูงหรือไม่ แต่ผมเชื่อว่า เมื่อคำนวณกับต้นทุนที่พี่ๆ เหล่านี้ ถืออยู่ น่าจะไม่น้อยกว่า 50% ครับ

เว้นเสียแต่ว่า พี่ๆ บางคนอาจจะเป็นนักลงทุนแนว VI รุ่นใหม่ที่พึ่งสะสมหุ้น ครับ
โพสต์โพสต์