ร่วมด้วยช่วยวิเคราะห์ #กลยุทธ์การเลือกหุ้นในปีหน้า@@
- BIG87
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 371
- ผู้ติดตาม: 0
ร่วมด้วยช่วยวิเคราะห์ #กลยุทธ์การเลือกหุ้นในปีหน้า@@
โพสต์ที่ 1
ณ ปี 2553
หากใครได้ฟังข่าว นับเป็นปีทองของยานยนต์และบรรดาอสังหาริมทรัพย์ ใครเป็นพนักงานในบริษัทดังกล่าวคงจะยิ่มแก้มปริ เพราะได้รับโบนัสกันไปไม่น้อยกว่า 6-8เดือน
เมื่อได้ฟังแล้วผมจึงขอวิเคราะห์ว่า
ยานยนต์และอสังหา นับว่าเป็นสินค้าคงทนต้นทุนสูง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วทั้งสองจะบูมในช่วงที่ผู้บริโภคมีความมั่นใจ และมีเงินทุนสูง
นับว่าปรากฏการ์ณดังกล่าว เป็นจุดที่ใกล้ถึงยอดของวัฏจักรเศรษฐกิจแล้ว
ซึ่งจะเห็นได้ว่าในอนาคตไม่ช้านี้ธนาคารจะต้องเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ย และจะเริ่มเข้าสู่วัฏจักรขาลง
โดยยังพอมีความหวังอยู่บ้างว่า วัฏจักรดังกล่าวยังคงไม่มาถึงแบบทันทีทันใดนัก
เพราะปราการด่านสุดท้ายที่จะเริ่มทำให้วัฏจักรหยุดความร้อนแรงคือราคา พวกพลังงาน และวัตถุดิบที่ต้องใช้ในการผลิตในพวกอุตสาหกรรมรถยนต์และสิ่งก่อสร้าง เช่นเหล็ก ปูนซีเมนต์ ยังไม่ขึ้นไปมากนัก (หากท่านใดมีข้อมูลราคาของสินทุนดังกล่าวรบกวน แชร์ข้อมูลด้วยครับ)
โดยปกติแล้ว วงจรอาจมาเป็นแบบนี้ คือ
กลุ่มธนาคาร (ปล่อยกู้)
> กลุ่มสินค้าของใช้สินเปลือง (เริ่มมีการจับจ่ายใช้สอย) + ประกัน + บันเทิง + กลุ่มวัสดุก่อสร้าง(เพื่อมาสร้างบ้านจัดสรร) > บ้านจัดสรร + กลุ่มสินเชื่อการบุคคล(บัตรเครดิต รูดปรืดมาช๊อป) + กลุ่มอิเล็คโทรนิค + การส่งออก + รถยนต์
> สินค้าทุนเช่น พลาสติก ปูน เหล็ก(วัตถุดิบราคาเริ่มแพงเพราะขยายกิจการและกำลังการผลิตกัน) > กลุ่มธนาคารขึ้นดอกเบี้ยเพื่อระงับความร้อนแรง+สินค้าทุนเริ่มมีราคาสูง > เศรษฐกิจขาลง และพวกที่จะได้รับผลน้อยสุดคือ การไฟฟ้า ปะปา อาหาร
และก็เริ่มตกกันหมด จน วนไปที่ ธนาคารใหม่อีกครั้ง
จากที่ผมพิจารณาด้วยความรู้ งูๆปลาๆแล้ว พบว่าใกล้ถึงจุด วกกลับเต็มที ซึ่งผมไม่รู้ว่าในปีนี้ พวกวัตถุดิบสินค้าทุนจะขึ้นไปได้หรือไม่ เพราะว่าการส่งออกในปีนี้ อาจชะงักชะงัน โดยดูจาก BDI http://www.dryships.com/pages/report.asp แสดงว่าการส่งออกก็ไม่ได้ร้อนแรงเท่าไหร
(หากท่านใดมีข้อมูลการส่งออกเป็นสินค้ารายตัว รบกวนแชร์ข้อมูลด้วยครับ)
และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจก็ได้หักหัวลงเป็นจุดที่สองแล้ว
http://www.bot.or.th/Thai/EconomicCondi ... _nov10.pdf
จึงอาจข้ามขั้นไปสู่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำ โดยข้ามขั้นตอนการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าทุน
และเริ่มตกลงเรื่อยๆ
นี่เป็นเพียงความกลัวเล็กๆที่"เวอร์เกินไป"ของผมหรือไม่ รบกวนช่วยวิเคราะห์ทีครับ
และสำหรับการลงทุนในช่วงนี้ ถึงเวลาที่ควรย้ายเงินลงทุน ไปลงทุนพวกสาธารณูปโภคได้แล้วหรือยังครับ
หากใช่ รบกวนวิเคราะห์ให้ทีครับว่า หุ้นตัวใดบ้างที่เข้าข่ายดังกล่าว และยังคงมีราคาถูกอยู่
เพราะตอนนี้ผมหาได้เพียง RATCH (ส่วน TTW และ EASTW ผมดูแล้วราคามันสวิงๆแปลกๆอยู่นะ)
หรือเวลานี้ไม่ควรลงทุนในหุ้นแต่ควรไปลงทุนใน ETF - Gold หรือ เตรียม Short Furture ไว้ดีครับ ?
ขอบคุณครับ
หากใครได้ฟังข่าว นับเป็นปีทองของยานยนต์และบรรดาอสังหาริมทรัพย์ ใครเป็นพนักงานในบริษัทดังกล่าวคงจะยิ่มแก้มปริ เพราะได้รับโบนัสกันไปไม่น้อยกว่า 6-8เดือน
เมื่อได้ฟังแล้วผมจึงขอวิเคราะห์ว่า
ยานยนต์และอสังหา นับว่าเป็นสินค้าคงทนต้นทุนสูง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วทั้งสองจะบูมในช่วงที่ผู้บริโภคมีความมั่นใจ และมีเงินทุนสูง
นับว่าปรากฏการ์ณดังกล่าว เป็นจุดที่ใกล้ถึงยอดของวัฏจักรเศรษฐกิจแล้ว
ซึ่งจะเห็นได้ว่าในอนาคตไม่ช้านี้ธนาคารจะต้องเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ย และจะเริ่มเข้าสู่วัฏจักรขาลง
โดยยังพอมีความหวังอยู่บ้างว่า วัฏจักรดังกล่าวยังคงไม่มาถึงแบบทันทีทันใดนัก
เพราะปราการด่านสุดท้ายที่จะเริ่มทำให้วัฏจักรหยุดความร้อนแรงคือราคา พวกพลังงาน และวัตถุดิบที่ต้องใช้ในการผลิตในพวกอุตสาหกรรมรถยนต์และสิ่งก่อสร้าง เช่นเหล็ก ปูนซีเมนต์ ยังไม่ขึ้นไปมากนัก (หากท่านใดมีข้อมูลราคาของสินทุนดังกล่าวรบกวน แชร์ข้อมูลด้วยครับ)
โดยปกติแล้ว วงจรอาจมาเป็นแบบนี้ คือ
กลุ่มธนาคาร (ปล่อยกู้)
> กลุ่มสินค้าของใช้สินเปลือง (เริ่มมีการจับจ่ายใช้สอย) + ประกัน + บันเทิง + กลุ่มวัสดุก่อสร้าง(เพื่อมาสร้างบ้านจัดสรร) > บ้านจัดสรร + กลุ่มสินเชื่อการบุคคล(บัตรเครดิต รูดปรืดมาช๊อป) + กลุ่มอิเล็คโทรนิค + การส่งออก + รถยนต์
> สินค้าทุนเช่น พลาสติก ปูน เหล็ก(วัตถุดิบราคาเริ่มแพงเพราะขยายกิจการและกำลังการผลิตกัน) > กลุ่มธนาคารขึ้นดอกเบี้ยเพื่อระงับความร้อนแรง+สินค้าทุนเริ่มมีราคาสูง > เศรษฐกิจขาลง และพวกที่จะได้รับผลน้อยสุดคือ การไฟฟ้า ปะปา อาหาร
และก็เริ่มตกกันหมด จน วนไปที่ ธนาคารใหม่อีกครั้ง
จากที่ผมพิจารณาด้วยความรู้ งูๆปลาๆแล้ว พบว่าใกล้ถึงจุด วกกลับเต็มที ซึ่งผมไม่รู้ว่าในปีนี้ พวกวัตถุดิบสินค้าทุนจะขึ้นไปได้หรือไม่ เพราะว่าการส่งออกในปีนี้ อาจชะงักชะงัน โดยดูจาก BDI http://www.dryships.com/pages/report.asp แสดงว่าการส่งออกก็ไม่ได้ร้อนแรงเท่าไหร
(หากท่านใดมีข้อมูลการส่งออกเป็นสินค้ารายตัว รบกวนแชร์ข้อมูลด้วยครับ)
และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจก็ได้หักหัวลงเป็นจุดที่สองแล้ว
http://www.bot.or.th/Thai/EconomicCondi ... _nov10.pdf
จึงอาจข้ามขั้นไปสู่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำ โดยข้ามขั้นตอนการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าทุน
และเริ่มตกลงเรื่อยๆ
นี่เป็นเพียงความกลัวเล็กๆที่"เวอร์เกินไป"ของผมหรือไม่ รบกวนช่วยวิเคราะห์ทีครับ
และสำหรับการลงทุนในช่วงนี้ ถึงเวลาที่ควรย้ายเงินลงทุน ไปลงทุนพวกสาธารณูปโภคได้แล้วหรือยังครับ
หากใช่ รบกวนวิเคราะห์ให้ทีครับว่า หุ้นตัวใดบ้างที่เข้าข่ายดังกล่าว และยังคงมีราคาถูกอยู่
เพราะตอนนี้ผมหาได้เพียง RATCH (ส่วน TTW และ EASTW ผมดูแล้วราคามันสวิงๆแปลกๆอยู่นะ)
หรือเวลานี้ไม่ควรลงทุนในหุ้นแต่ควรไปลงทุนใน ETF - Gold หรือ เตรียม Short Furture ไว้ดีครับ ?
ขอบคุณครับ
- BIG87
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 371
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร่วมด้วยช่วยวิเคราะห์ #กลยุทธ์การเลือกหุ้นในปีหน้า@@
โพสต์ที่ 2
เอ๊ะ พวกส่งออกสินค้า hi-tech ต้องดูค่า HRCI นี่นา (container)
ว่าแต่ พวกกราฟ HRCI เอามาจากไหนหว่า อันนี้ผม copy มาจากห้อง RCL
http://board.thaivi.org/download/file.php?id=151
ว่าแต่ พวกกราฟ HRCI เอามาจากไหนหว่า อันนี้ผม copy มาจากห้อง RCL
http://board.thaivi.org/download/file.php?id=151
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร่วมด้วยช่วยวิเคราะห์ #กลยุทธ์การเลือกหุ้นในปีหน้า@@
โพสต์ที่ 3
ผมความรู็น้อยครับอ่านแล้วไม่เข้าใจรบกวนถามข้อสงสัยหน่อยนะครับพี่BIG87 เขียน: เมื่อได้ฟังแล้วผมจึงขอวิเคราะห์ว่า
ยานยนต์และอสังหา นับว่าเป็นสินค้าคงทนต้นทุนสูง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วทั้งสองจะบูมในช่วงที่ผู้บริโภคมีความมั่นใจ และมีเงินทุนสูงนับว่าปรากฏการ์ณดังกล่าว เป็นจุดที่ใกล้ถึงยอดของวัฏจักรเศรษฐกิจแล้ว
ซึ่งจะเห็นได้ว่าในอนาคตไม่ช้านี้ธนาคารจะต้องเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ย และจะเริ่มเข้าสู่วัฏจักรขาลง
1.จากที่พี่บอกว่ายานยนต์และอสังหาจะบูมเพราะคนมั่นใจและมีเงิน แต่พี่วิเคราะห์ว่าหมดรอบเพราะธนาคารขึ้นดอก ผมว่ามันดูแย้งๆกันนะครับ ถ้าบอกว่าหมดรอบน่าจะให้เหตุผลว่าคนมั่นใจในเศรษฐกิจน้อยลง และเศรษฐกิจกำลังจะแย่ มากกว่าให้เหตุผลว่าขึ้นดอกเบี้ยปะครับ?
2.ผมเข้าใจว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเพราะเศรษกิจกำลังร้อนแรง จึงต้องเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อหยุดการร้อนแรงนี้ และเท่าที่สังเกตุช่วงเศรษกิจขาขึ้นจะต้องมาพร้อมกัยการขึ้นดอกเบี้ย ส่วนเศรษฐกิจขาลงก็ต้องมาพร้อมกับการลดดอกเบี้ย
ไม่รู้ว่าผมเข้าใจถูกผิดอย่างไรโปรดชี้แนะด้วยครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
-
- Verified User
- โพสต์: 807
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร่วมด้วยช่วยวิเคราะห์ #กลยุทธ์การเลือกหุ้นในปีหน้า@@
โพสต์ที่ 4
เท่าที่เคยอ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างดอกเบี้ยกับภาวะเศรษฐกิจตามความเข้าใจของผม (ซึ่งอาจจะมั่ว)
1. มองจากภาครัฐ
เศรษฐกิจแย่ -> อยากกระตุ้นเศรษฐกิจก็ต้องเพิ่มกำลังซื้อ -> ก็ต้องกระตุ้นให้ธนาคารปล่อยกู้ -> ก็ต้องมีนโยบายลดดอกเบี้ย -> เงินมากำลังก็ซื้อมา -> ค้าขายก็ง่าย -> เศรษฐกิจก็เริ่มดี -> พอมากไปก็กลัวจะเป็นฟองสบู่ (ประชาชนใช้จ่ายเงินกันเพลิน จนไม่มีปัญญาใช้หนี้) -> เลยอยากให้ปล่อยกู้น้อยลง -> ก็ต้องมีนโยบายขึ้นดอกเบี้ย -> เศรษฐกิจก็ชะลอตัว
2. มองจากมุมมองธนาคาร
พอความมั่นใจในสภาพเศรษฐกิจเริ่มมา -> ธนาคารก็มั่นใจที่จะปล่อยสินเชื่อ -> อยากปล่อยมากๆ -> ก็ต้องดึงดูดด้วยดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่ำ -> ก็ต้องอนุมัติง่าย -> เงินในระบบก็มีมาก -> กำลังซื้อก็เพิ่ม -> พอเริ่มปล่อยกู้เยอะไป -> ก็เริ่มกลัวเก็บหนี้ไม่ได้ -> ก็ต้องขึ้นดอกเบี้ย -> ก็ต้องอนุมัติยากขึ้น -> กำลังซื้อก็ต้องลด -> เศรษฐกิจก็ต้องชะลอตัว
ถ้าวงจรดำเนินไปด้วยดีอย่างสมดุล เศรษฐกิจก็จะโตสลับกับชะลอตัวไปเรื่อยๆ
ถ้าเสียสมดุลก็จะเป็นฟองสบู่ พอมันแตกก็จะเป็น crisis
จริงๆ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าการวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจนั้นมีสัญญาณอะไรที่ควรดูบ้าง ใครพอรู้ก็มาช่วยแชร์หน่อยนะครับ
1. มองจากภาครัฐ
เศรษฐกิจแย่ -> อยากกระตุ้นเศรษฐกิจก็ต้องเพิ่มกำลังซื้อ -> ก็ต้องกระตุ้นให้ธนาคารปล่อยกู้ -> ก็ต้องมีนโยบายลดดอกเบี้ย -> เงินมากำลังก็ซื้อมา -> ค้าขายก็ง่าย -> เศรษฐกิจก็เริ่มดี -> พอมากไปก็กลัวจะเป็นฟองสบู่ (ประชาชนใช้จ่ายเงินกันเพลิน จนไม่มีปัญญาใช้หนี้) -> เลยอยากให้ปล่อยกู้น้อยลง -> ก็ต้องมีนโยบายขึ้นดอกเบี้ย -> เศรษฐกิจก็ชะลอตัว
2. มองจากมุมมองธนาคาร
พอความมั่นใจในสภาพเศรษฐกิจเริ่มมา -> ธนาคารก็มั่นใจที่จะปล่อยสินเชื่อ -> อยากปล่อยมากๆ -> ก็ต้องดึงดูดด้วยดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่ำ -> ก็ต้องอนุมัติง่าย -> เงินในระบบก็มีมาก -> กำลังซื้อก็เพิ่ม -> พอเริ่มปล่อยกู้เยอะไป -> ก็เริ่มกลัวเก็บหนี้ไม่ได้ -> ก็ต้องขึ้นดอกเบี้ย -> ก็ต้องอนุมัติยากขึ้น -> กำลังซื้อก็ต้องลด -> เศรษฐกิจก็ต้องชะลอตัว
ถ้าวงจรดำเนินไปด้วยดีอย่างสมดุล เศรษฐกิจก็จะโตสลับกับชะลอตัวไปเรื่อยๆ
ถ้าเสียสมดุลก็จะเป็นฟองสบู่ พอมันแตกก็จะเป็น crisis
จริงๆ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าการวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจนั้นมีสัญญาณอะไรที่ควรดูบ้าง ใครพอรู้ก็มาช่วยแชร์หน่อยนะครับ
อย่ายอมแพ้
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1317
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร่วมด้วยช่วยวิเคราะห์ #กลยุทธ์การเลือกหุ้นในปีหน้า@@
โพสต์ที่ 5
ผมมองต่างนิดนะครับ เท่าที่ผมรู้หากสินค้ากลุ่มยานยนต์และอสังหาบูม น่าจะแปลว่าเป็นช่วงต้นของการพื้นตัวทางศก.มากกว่านะครับ ดูอย่างญี่ปุ่นหากศก.ดี ความเชื่อมั่นผู้บริโภคดี อย่างแรกที่มาก่อนคือ อสังหาBIG87 เขียน:ณ ปี 2553
ยานยนต์และอสังหา นับว่าเป็นสินค้าคงทนต้นทุนสูง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วทั้งสองจะบูมในช่วงที่ผู้บริโภคมีความมั่นใจ และมีเงินทุนสูง
นับว่าปรากฏการ์ณดังกล่าว เป็นจุดที่ใกล้ถึงยอดของวัฏจักรเศรษฐกิจแล้วซึ่งจะเห็นได้ว่าในอนาคตไม่ช้านี้ธนาคารจะต้องเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ย และจะเริ่มเข้าสู่วัฏจักรขาลง
และสังเกตุอีกอย่างช่วงฟองสบู่แตกหลายๆครั้งที่ผ่านมาที่แย่คือ ยานยนต์และอสังหา แต่พอศก.พื้น สิ่งแรกที่มาคือยานยนต์และอสังหานะครับ