หุ้นตกเข้าซื้อเลยดีไหม?

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
peacedev
Verified User
โพสต์: 668
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นตกเข้าซื้อเลยดีไหม?

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เคยเห็นพี่สุมาอี้เขียนเกี่ยวกับ Anchoring เอาไว้นานมากแล้ว
คราวนี้เป็น Anchoring อีกเวอร์ชั่นครับ

Anchoring หรือ การผูกติด เป็นคำศัพท์ทางจิตวิทยา ถูกคิดขึ้นครั้งแรกโดย Amos Tversky และ Daniel Kahneman มีความหมายถึงอคติของมนุษย์ที่มักไปผูกติดกับข้อมูลบางอย่างมากจนเกินไป มักเกิดขึ้นเมื่อเราใช้สามัญสำนึกไปตัดสินใจในเรื่องใด ๆ โดยปราศจากการวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน

ตัวอย่างแรกในการทดลอง “การผูกติด” นี้ ผู้ทดลองได้ตั้งคำถามขึ้นมาว่ามีชนชาติอาฟริกันจำนวนเท่าใดในสหรัฐอเมริกา ผู้เข้าร่วมการทดลองที่ถูกตั้งคำถามต่อว่า “มากหรือน้อยกว่า 10 %” มักจะตอบอยู่ในค่าเฉลี่ยที่ 25%
ส่วนผู้เข้าร่วมการทดลองที่ถูกตั้งคำถามต่อว่า “มากหรือน้อยกว่า 65 %” มักจะให้ตอบอยู่ในค่าเฉลี่ยที่ 45%

ตัวอย่าง ในการทดลองที่สอง ผู้เข้าร่วมการทดลองจะถูกขอให้เขียนเลขท้ายสองตัวหลังของบัตรประกันสังคม จากนั้นผู้เข้าร่วมการทดลองก็ถูกขอให้ประมูลสิ่งของที่ตนเองไม่รู้มูลค่า เช่น ไวน์ ช็อคโกแล็ต หรือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
ผลปรากฎว่า ผู้ที่มีเลขท้ายสองตัวหลังของบัตรประกันสังคมที่สูง ๆ จะให้มูลค่าประมูลสูงกว่าผู้ที่มีเลขท้ายสองตัวหลังของบัตรประกันสังคมต่ำ ๆ ถึง 60-120%

ความผิดปกติเหล่านี้ เกิดจาก “การผูกติด” นั่นเองครับโดยในการทดลองแรก ผู้เข้าร่วมทดลองไปผูกติดกับคำถาม ที่ถามนำ ส่วนการทดลองหลัง ผู้เข้าร่วมทดลองดันไปผูกติดกับหมายเลขประกันสังคมของตัวเองซึ่งไม่ได้ เกี่ยวอะไรกับมูลค่าของ สิ่งของที่ใช้ประมูลเลย

ตัวอย่างการผูกติด นี้เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันได้บ่อย ๆ แต่บางครั้งถ้าเราเอาการผูกติดนี้มาใช้ประเมินสถานการณ์สำคัญ ๆ อย่างการลงทุนนั้น อาจก่อให้เกิดความเสียหายได้อย่างมหาศาล

ตัวอย่าง ที่ผมพึ่งเจอมาจาก การผูกติดในการลงทุนอย่างสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้คือ ช่วงนี้มีคนมาถามเยอะมากว่า “หุ้นตกแล้ว เข้าซื้อเลยดีไหม”
อัน ที่จริงผมไม่ได้คิดว่าการลงทุนเฉลี่ยต้นทุนจะเป็นวิธีที่ไม่ดีอะไร เพียงแต่ การตัดสินใจลงทุนนั้นต้องมาจากการวิเคราะห์อย่างรอบคอบแล้วเท่านั้น ไม่ใช่ลงทุนจากการที่เราจะเอาอคติการการผูกติดนี้มาใช้

ปรากฎการณ์นี้เกิด ขึ้นเมื่อ หลังจากปรากฎการณ์ January Effect เกิดขึ้นมาได้ไม่นาน ดัชนีหุ้นไทยขึ้นไปถึงราว ๆ 1050 จุด หลังจากนั้นก็ปรับฐานตกลงมาถึงราว ๆ 30 จุด เป็นการตกลง ถึง30 จุดภายในวันเดียว ก่อนจะทำการรีบาวน์จากจุดต่ำสุดเล็กน้อย อันที่จริงแล้วการปรับฐานหลังจากที่ดัชนีพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นเป็น เรื่องธรรมดามากในตลาดหุ้น
และตอนที่มันตกแรง ๆ นี่เองที่เริ่มเห็นชาวสวนบางท่าน กระตือรือล้นรีบเตรียมการที่จะเข้าซื้อ

อนิจจา หุ้นตก กับ หุ้นถูก นั้น มีความแตกต่างกันอยู่ไม่น้อย
หาก เราลองพิจารณาดูให้ดี ลองมองดูภาพที่ใหญ่ขึ้น การตกของดัชนีจากประมาณ 1050 มาที่ประมาณ 1020 หรือราว ๆ -2.85% นั้นเทียบไม่ได้เลยกับการที่ ดัชนี set ไต่ขึ้นมาจาก 736.66 เมื่อต้นปีที่แล้ว ดังนั้นคนที่ซื้อหุ้นขาขึ้นเมื่อปีที่แล้วจะมีกำไรและมีต้นทุนที่ต่ำกว่าคน ที่รอซื้อเฉพาะตอนที่หุ้นกำลังตกมาก มาถึงตอนนี้เรายังไม่ได้พิจารณาถึงหุ้นรายตัวสำหรับลงทุน หรือ การตรวจหามูลค่ากันเลย ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญมาก แต่ในบทความนี้อยากจะสื่อ ว่าหากท่านเลือกเข้าซื้อเพียงเพราะหุ้นตกลงมานั้น ท่านกำลังเป็นเหยื่อของ การผูกติดกับราคา new high เข้าให้แล้ว

ขอย้ำอีกครั้งว่าผมไม่ได้คิดว่าการซื้อหุ้นตอนหุ้นตกจะเป็นวิธีที่ไม่ดี อะไร เพราะผมเองก็ใช้เป็นโอกาสในการปรับพอร์ตอยู่บ้างเหมือนกันครับ

ช่วงนี้มีคนเข้ามาถามเรื่องทำนองนี้กันมากเลยครับ ที่จริงช่วงหลัง ๆ มานี้ผมไม่ค่อยจะได้เข้ามาเขียนบทความใหม่ ๆ เลย แต่ช่วงนี้ต้องขอเขียนบ่อยหน่อยด้วยความเป็นห่วงครับ

สุดท้ายนี้ขอฝากพิชัยยุทธ์ซุนวู ฉบับนักลงทุนผู้เฉียบแหลมไว้อีกเช่นเคยครับ

ซุนวู ตื้นลึกหนาบาง บทที่ 6
ผู้ สันทัดการรบ จึงกระทำต่อผู้อื่นใช่ถูกผู้อื่นกระทำ ที่สามารถทำให้ข้าศึกมาเอง ก็เพราะล่อด้วยประโยชน์ การเผยรูปลักษณ์ชั้นเลิศ นั้นปราศจากเค้าเงื่อน เมื่อปราศจากเค้าเงื่อน จารชนที่แฝงตัวก็มิอาจรู้เห็น ผู้มีสติปัญญาก็มิอาจใช้อุบาย การรบไม่มีรูปลักษณ์ตายตัว
SI นายตลาดและข่าววงใน
นักลงทุนผู้เฉียบ แหลม จะรู้จักใช้ประโยชน์จาก นายตลาด ไม่ใช่ถูก นายตลาด ชี้นำ ไม่เชื่อในข่าวลือหรือ ข่าววงใน เพราะอีกฝ่ายอาจใช้กลล่อด้วยประโยชน์ พึงระวังว่า นายตลาด นั้นไม่มีรูปลักษณ์ตายตัว เคลื่อนไหวปราศจากเค้าเงื่อน แม้แต่ผู้มีสติปัญญาก็อาจออกอุบายเพื่อเอาชนะได้ยาก

อ้างอิง http://en.wikipedia.org/wiki/Anchoring



ที่มา: http://peacedev.wordpress.com/2011/01/1 ... %e0%b8%99/
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3352
ผู้ติดตาม: 1

Re: หุ้นตกเข้าซื้อเลยดีไหม?

โพสต์ที่ 2

โพสต์

:cool: :cool: :cool:
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
ภาพประจำตัวสมาชิก
Berkaizer
Verified User
โพสต์: 19
ผู้ติดตาม: 0

Re: หุ้นตกเข้าซื้อเลยดีไหม?

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ถ้าเป็นผม ตอนมันตกผมจะกะราคาที่รับได้ไว้ แล้วเขาไปซื้อเลยคับ
เพราะเมื่อก่อนผมมีบทเรียนไม่ดีสองอย่างเกี๋ยวกับการเก็บหุ้นตก คือ

1.พอซื้อปุ๊ปตกต่อปั๊บ หรือไปรับมีดที่ยังร่วงอยู่ เสียดายรอบแรก แล้วมาคิดทีหลัง ถ้ารอนานก่านี้หน่อยได้หุ้นเยอะกว่านี้แล้วเรา :lol:
2.พอรอซื้อหุ้นและก็อยากรอซื้อโดยหวังว่าจะได้ราคาถูกเข้าไปอีก เหมือนจะรอมีดให้ปักก่อนคับ แล้วจะซื้อ ทีนี้แหละเอาแต่รอ ราคาแพงกว่าเดิม เสียดายรอบสอง :wall:

สุดท้ายเลยคิดราคาหุ้นไว้ พอถึงราคานั้นที่รับได้ก็เอาเลย จะเกิดไรต่อช่างหัวมัน ก่อนซื้อก็สัญญากะตัวเองไว้ว่าห้ามขาย ถ้าคิดจะขายอย่าซื้อแต่ทีแรกดีกว่า พอจะทำอะไรแบบเก็งกำไรตามสัญชาติญาณ จะหยิบหนังสือของเบนเกรแฮมมาอ่านในหน้าสัญญาที่เขาร่างไว้ และรู้สึกเหมือนกำลังเหมือนโดนเบนด่า สุดท้ายเลยทำใจซื้อครั้งเดียวจบได้คับ ของแบบนี้สำหรับผมมันพูดง่ายทำยาก ต้องเอาหนังสือมาเปิดทุกที จะได้ไม่ตาบอด
ภาพประจำตัวสมาชิก
peacedev
Verified User
โพสต์: 668
ผู้ติดตาม: 0

Re: หุ้นตกเข้าซื้อเลยดีไหม?

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณพี่ Picatos ที่แวะเข้ามาอ่านครับ
รู้สึกชื่นชมกับคำสอนที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของพี่ Picatos มานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้คุยกันสักที

ขอบคุณพี่ Berkaizer ที่เข้ามาแชร์ความเห็นครับ

ปล. พี่ Berkaizer ตัวจริงต้องไม่ธรรมดาแน่เลย อุตส่าห์สมัครสมาชิกแล้วเข้ามาโพสตอบกระทู้ผม ขอบคุณมากเลยครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3352
ผู้ติดตาม: 1

Re: หุ้นตกเข้าซื้อเลยดีไหม?

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ไหนๆ คุณ peacedev ก็ชวนคุยแล้ว... ก็ขอแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมดังนี้ครับ...

ผมเชื่อว่าระบบสมองของคนเราไม่สามารถประเมินมูลค่าเป็นค่าสัมบูรณ์ (absolute value) ได้ ความสามารถของสมองมนุษย์ทำได้แค่การให้มูลค่าเชิงเปรียบเทียบ (relative value) เท่านั้น

ผมมองว่า Anchoring ของคุณ peacedev ในตลาดขาขึ้นจะยังไม่ค่อยอันตรายเท่าไหร่ เพราะ ซื้อสวนตอนตลาดปรับฐาน.... จะอันตรายจริงๆ ตอนก็ฟองสบู่แตก... แต่... มีคนบอกว่าเราไม่มีทางรู้เหรอว่าเราอยู่ในฟองสบู่รึเปล่า จนกว่าฟองสบู่จะแตก... ซึ่งไอ้การที่เราไม่รู้ว่ามันเป็นฟองสบู่รึเปล่า เหล่านี้ก็แสดงถึงผลของ Anchoring เช่นกัน...

อย่างในตลาดหุ้น เมื่อตลาดปรับขึ้นมาเยอะๆ... เราจะทำการปรับจุดอ้างอิงในการให้มูลค่าใหม่อยู่ตลอดเวลา อาจจะเรียกมั่วๆ ว่า rebalance anchor ... เรามักจะมีข้ออ้างให้กับตัวเองอยู่เสมอว่าหุ้นยังไม่แพง... ทำให้เราหาหุ้นถือได้ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะบ่นกันหนัก กันหนาว่า ดัชนีปรับขึ้นมาเยอะแล้ว ตลาดแพงแล้ว... แต่สุดท้ายเราก็หาหุ้นมาถือได้อยู่ดี ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจาก Anchoring

คนที่อยู่ในฟองสบู่จะไม่รู้ตัวหรอกว่าอยู่ในฟองสบู่... เพราะ มนุษย์มีความสามารถในการปรับจุดอ้างอิง หาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง... จะรู้ตัวว่าเป็นฟองสบู่ก็ต่อเมื่อ ฟองสบู่แตกไปแล้วจริงๆ ถึงจะบางอ้อว่า... นั่นมันฟองสบู่นี่หว่า...

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราจะรู้ว่าเราอยู่ในฟองสบู่... แต่การจะกระโดดออกจากฟองสบู่ก่อนเวลาอันควร ก็ทำให้เสียโอกาสมากมาย... เพราะ ช่วงเวลาที่ทำกำไรให้กับพอร์ตของเรามากที่สุด ก็ช่วงที่มันเป็นฟองสบู่นี่แหละ...

คำถามก็คือ แล้วเราควรที่จะทำยังไงดี? ปล่อยให้ฟองสบู่แตกก็ตาย กระโดดออกมาก่อนฟองสบู่แตกก็เสียโอกาสมากมาย... มันช่างเป็นภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเป็นอย่างยิ่ง

และ แต่ละคนมีคำตอบที่แตกต่างกันไป... ไม่มีคำตอบตายตัว... สุดท้ายแล้วขอให้ทุกท่านลงทุนอย่างมีสติ พร้อมที่จะรับกับเหตุที่ดีและร้ายที่จะผ่านเข้ามาครับ...
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
blueplanet
Verified User
โพสต์: 1155
ผู้ติดตาม: 0

Re: หุ้นตกเข้าซื้อเลยดีไหม?

โพสต์ที่ 6

โพสต์

คุณ picatos นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ
ผมเห็นด้วย ที่บอกว่าหุ้นเป็นเรื่องของการเปรียบเทียบ
จริงๆแล้วเราไม่จำเป็นต้องรู้ด้วยซ้ำว่า หุ้นแต่ละตัวมีมูลค่าที่แท้จริงเท่าไหร่
"หุ้นตกเข้าซื้อเลยดีไหม?"
ขอตอบว่า ดีมากเลย มีตัง ถ้าคิดและพิจารณาดีแล้วก็ซื้อเลย
แต่อย่ากู้เงินมาซื้อหุ้น
อย่าเล่นมาร์จิ้น
อย่าชวนญาติพี่น้องเพื่อนฝูงมาเล่นหุ้นโดยไม่มีความรู้
Blueplanet
ภาพประจำตัวสมาชิก
peacedev
Verified User
โพสต์: 668
ผู้ติดตาม: 0

Re: หุ้นตกเข้าซื้อเลยดีไหม?

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาแชร์มุมมองเพิ่มเติมครับ
รู้สึกเป็นเกียรติมากครับที่ได้รับการขยายมุมมองจากพี่ ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุมมองที่เป็นเหตุเป็นผลและเป็นกลางของพี่ picatos

ผมพอจะสรุปได้คร่าว ๆ ว่ามนุษย์เรายังไง ๆ ก็ต้องการการเปรียบเทียบ

ผมคิดต่อว่าน่าจะเป็นการดีที่เราเปรียบเทียบหลาย ๆ สิ่งพร้อมกันอย่างสมเหตุสมผลยิ่งขึ้น มากกว่าการเปรียบเทียบราคาเปิดปิด ราคา High หรือ Low ซึ่งมีแต่ความไม่แน่นอนและไม่มีจุดยืนที่ตายตัว
เช่น เปรียบเทียบอัตราปันผลเฉลี่ยในตลาดกับอัตราดอกเบี้ยพันธบัตร และ ผลตอบแทนจากการลงทุนอื่น ๆ (ถ้าเป็นไปได้ต้องเปรียบเทียบความเสี่ยงด้วย) พอทำแบบนี้แล้วน่าจะได้อัตราความความน่าลงทุนได้คร่าว ๆ ครับ
และเมื่อเราไม่รู้ว่าเราอยู่จุดไหนของฟองสบู่ โดยส่วนตัวแล้วจะประเมินทั้งด้านบวกที่สุด และ ด้านลบที่สุดเอาไว้ในคราวเดียวกัน
ถ้าเรายอมรับกับปัจจัยลบที่สุดได้น้อย เมื่อเทียบกันปัจจัยบวกที่สุดที่เกิดขึ้นได้ เราก็เสี่ยงน้อยลง เช่น อาจจะกันเงินส่วนใหญ่ออกไปลงทุนในสิ่งที่มีความเสี่ยงต่ำน้อยลงหรือฝากธนาคาร แบบนี้เป็นต้นครับ



อย่างเช่นสมัยหุ้นตกไปแรง ๆ ไปถึงสามร้อยปลาย ๆ ผมประเมินได้ว่าด้านลบยังมีอยู่แต่ก็สู้โอกาสฟื้นตัวที่สามารถสร้างมูลค่าได้อีกมาก (ณ ตอนนี้อัตราปันผลเฉลี่ยในตลาดถือว่าสูงมากเทียบกับอัตราดอกเบี้ยพันธบัตร) พอคิดได้อย่างนี้ในช่วงนั้นเลยลุยซื้อลูกเดียวเลยครับตกลงไปอีกก็ไม่เป็นไรเพราะเราประเมินได้มูลค่าตามความพอใจอย่างเต็มที่แล้ว

ตอนนี้ดัชนีฟื้นขึ้นมามากแล้ว ถ้าเอาอัตราปันผลเฉลี่ยในตลาดมาเปรียบเทียบกับอัตราผลตอบแทนดอกเบี้ยพันธบัตร จะได้ค่าที่น้อยลง
แบบนี้ผมก็จะลดความเสี่ยงลงมากแล้ว (ซึ่งวิธีลดความเสี่ยงของแต่ละคนก็คงจะต่าง ๆ กันออกไปครับ)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Skyforever
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1221
ผู้ติดตาม: 0

Re: หุ้นตกเข้าซื้อเลยดีไหม?

โพสต์ที่ 8

โพสต์

blueplanet เขียน:คุณ picatos นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ
ผมเห็นด้วย ที่บอกว่าหุ้นเป็นเรื่องของการเปรียบเทียบ
จริงๆแล้วเราไม่จำเป็นต้องรู้ด้วยซ้ำว่า หุ้นแต่ละตัวมีมูลค่าที่แท้จริงเท่าไหร่
"หุ้นตกเข้าซื้อเลยดีไหม?"
ขอตอบว่า ดีมากเลย มีตัง ถ้าคิดและพิจารณาดีแล้วก็ซื้อเลย
แต่อย่ากู้เงินมาซื้อหุ้น
อย่าเล่นมาร์จิ้น
อย่าชวนญาติพี่น้องเพื่อนฝูงมาเล่นหุ้นโดยไม่มีความรู้
ผมเห็นด้วยกับคุณ Picatos เป็นอย่างยิ่งครับ ติดตามอ่านผลงานของคุณ Picatos มาพอสมควรแล้ว รู้สึกนับถือในมุมมองจริงๆ
แต่ผมขอเห็นตรงข้ามกับคุณ blueplanet นะครับ ในเรื่องความจำเป็นในการรู้มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น คือคุณ blueplanet บอกว่าไม่จำเป็นต้องไปรู้มูลค่าที่แท้จริงของหุ้น แต่ผมว่ายิ่งจำเป็นต้องรู้

ผมขอเปรียบแบบนี้นะครับ ถ้าเราอยู่บนเรือที่ลอยอยู่บนน้ำ แล้วสายตาเราจ้องมองแต่ระดับน้ำ เวลาน้ำขึ้นมาเรื่อยๆ เราก็ไม่ค่อยรู้สึกว่าเรือลอยสูงขึ้นไปมาก เปรียบเสมือนกับการที่เรามีหุ้นอยู่ แล้วมัวแต่จับจ้องราคาหุ้น เห็นหุ้นขึ้นมาเรื่อยๆ รวมทั้งหุ้นตัวอื่นๆด้วยพร้อมทั้งข่าวดีต่างๆ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราสร้างฐานราคาที่สูงขึ้นๆในใจเราใหม่เรื่อยๆ อย่างไม่สิ้นสุด จนกระทั่งฟองสบู่แตก

แต่ถ้าก่อนจะขึ้นเรือ เรามีจุดสังเกตุ เช่นสังเกตุตอไม้ที่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ เราจะสามารถตระหนักในใจได้ว่า ถ้าเรือสูงกว่าตอไม้นี้ แสดงว่าเรือขึ้นมามากไปแล้ว เราต้องลงจากเรือ และเราจะรู้ตัวเราเองเสมอว่า ระดับความสูงของเรือนั้น สูงขึ้นมามากน้อยเพียงไรเทียบกับตอไม้

ตอไม้ที่ผมว่าก็เปรียบเหมือนมูลค่าของหุ้นตัวนั้นๆ ซึ่งถ้าเราไม่รู้มูลค่าหุ้นก่อนจะซื้อ เราก็ผิดซะแล้ว เราจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่า เมื่อไหร่ควรจะสละเรือเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย
ชนะเพราะไม่คิดเอาชนะ กำไรเพราะไม่โลภ ลงทุนอย่างมีความสุขเพราะจิตใจอยู่เหนืออารมณ์ตลาด
"ทรัพย์ศฤงคารที่ได้มาอย่างเร่งร้อนจะยอบแยบลง แต่บุคคลที่ส่ำสมทีละเล็กละน้อยจะได้เพิ่มพูนขึ้น" สุภาษิต 13:11
ภาพประจำตัวสมาชิก
Berkaizer
Verified User
โพสต์: 19
ผู้ติดตาม: 0

Re: หุ้นตกเข้าซื้อเลยดีไหม?

โพสต์ที่ 9

โพสต์

หลังจากที่เขามาอ่านอีกทีมีความรู้เยอะมากที่ทุกคนให้ไว้ อ่านแล้วรู้สึกมั่นใจขึ้นเหมือนกันคับ

ผมเองก็เจอปัญหาอย่างที่เคยเล่าไปแล้ว และคิดว่ายังมีอีกหลายคนที่กำลังเจอปัญหาเช่นเดียวกันจนทำให้ลังเลที่จะตัดสินใจ

ตอนได้กำไรผมไม่ขอพูดถึง แต่ตอนผมขาดทุนเพราะเก็บหุ้นช่วงที่มันลงเนี่ยสิ ผมปลอบใจตัวเองเสมอว่า ยังไงสุดท้ายถ้าบริษัทที่เราเลือกมาเป็นธุรกิจที่เราพิจารณาแล้วว่าผ่านและมีเหตุผลมากพอที่จะรับประกันว่าเป็นธุรกิจที่ดีจริง สุดท้ายราคาของมันจะไปหาเส้นกำไรจริงๆอย่างในหนังสือว่าไว้คับ

เพราะviมักแต่งงานกับหุ้นเสมอ ถึงได้รับอะไรดีๆจากมันมากกว่านักเก็งกำไรทั่วไป

เราคงไม่โชคร้ายขนาดขาดทุนทุกรอบหรอกคับผม สู้ๆคับ อกหักกับมันจนชิน รับรองว่าจะได้เจอรักแท้จริงๆสักวัน :lovl:
ภาพประจำตัวสมาชิก
knupp
Verified User
โพสต์: 128
ผู้ติดตาม: 0

Re: หุ้นตกเข้าซื้อเลยดีไหม?

โพสต์ที่ 10

โพสต์

มันเซ็งตรงที่หุ้นตัวอื่นตกหมด ตัวที่เราถืออยู่ก็ตก แต่ตัวที่เราอยากซื้อมันดันไม่ตก :wall:
ภาพประจำตัวสมาชิก
jek ae
Verified User
โพสต์: 899
ผู้ติดตาม: 1

Re: หุ้นตกเข้าซื้อเลยดีไหม?

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ช่วงหลังมานี่ผมซื้อหุ้นทีไร ในพอร์ตจะต้องโชว์ตัวแดงทุกครั้งเป็นเรื่องปกติครับ แล้วก็ชอบซื้อถัวเฉลี่ยขาลงนอกตำราเอาทุกครั้งด้วย
เหลือขุนเขาแมกไม้ มิต้องวิตกไร้ฟืนไฟ
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3352
ผู้ติดตาม: 1

Re: หุ้นตกเข้าซื้อเลยดีไหม?

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ผมเห็นด้วยกับ คุณ peacedev และคุณ Skyforever ในการหาจุดอ้างอิงที่เชื่อถือได้ ที่มีค่าที่ไม่แกว่งมากเพื่อใช้ในการเปรียบเทียบ เพื่อไม่ให้เราหลงไปกับอารมณ์ตลาด

ซึ่งเมื่อเราเทียบหุ้นโดยรวม กับจุดอ้างอิงแล้วเริ่มรู้สึกว่าแพง นั่นคงเป็นสัญญาณ เป็นเครื่องเตือนสติ ให้เราไม่ประมาท และให้เพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน ยิ่งสูงเท่าไหร่ ยิ่งต้องระมัดระวัง

การระมัดระวังของแต่ละคนก็แตกต่างไป... บางคนระมัดระวังโดยการปรับ Asset Allocation บางคนอาจจะเลือกหุ้นกลุ่มที่ปลอดภัยขึ้น บางคนอาจจะให้ความสำคัญกับสัญญาณทางเทคนิคมากขึ้น อันนี้แล้วแต่ความถนัดส่วนบุคคล

แต่สิ่งที่อันตรายที่สุด คือ การที่ไม่รู้ว่าตลาด หรือ หุ้น ณ ขณะนี้ ถูก หรือ แพง... เราควรตั้งการ์ด หรือควรเข้าคลุกวงใน และการที่ไม่มีกลยุทธรองรับสิ่งที่ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้น

ถัดจากการมีกลยุทธแล้ว คือ การมีสติควบคุมใจตัวเองให้ดำเนินการตามกลยุทธให้ได้... ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่ยากที่สุด... เพราะ โดยธรรมชาติแล้วเราชอบเข้าข้างตัวเอง... บางทีสัญญาณทุกอย่างที่เรากำหนดเอาไว้ บอกว่าให้ขายแล้ว... แต่การทำจริงนั้นยากมาก...

ณ จุดที่สัญญาณขายที่เรากำหนดเอาไว้มาหมด... มักจะเป็นจุดที่อารมณ์มันพลุ่งพลาน สับสนเป็นที่สุด... ตัวเรามักจะหลอกตัวเองในรูปแบบต่างๆ... ซึ่งในการจะดำเนินการตามแผน ตามกลยุทธได้นั้นต้องใช้ใจที่กล้าหาญ กล้าทำ กล้ารับ ผลของการกระทำ... ณ จุดนั้น... ให้เชื่อเถอะว่า... สิ่งที่เราคิดอย่างมีเหตุผลจนกลายมาเป็นแผนแล้ว ย่อมดีกว่า ปัจจุบันขณะ ที่มีแต่อารมณ์... สงบจิตใจลงให้ได้ แล้วทำตามกลยุทธที่เราวางเอาไว้...

ผิดก็คือผิด... ผิดก็เอามาเป็นบทเรียน เอามาใช้ในการปรับกลยุทธ ในคราวหน้า...
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
โพสต์โพสต์