ตอนปี 51 พี่ๆ มีวิธีคิดอย่างไร ที่ทำให้กล้าซื้อสวนเข้าไป คับ
-
- Verified User
- โพสต์: 168
- ผู้ติดตาม: 0
ตอนปี 51 พี่ๆ มีวิธีคิดอย่างไร ที่ทำให้กล้าซื้อสวนเข้าไป คับ
โพสต์ที่ 1
ตอนปี 51 set ตกจาก 800 ลงมา 400
พี่ๆ มีวิธีคิดอย่างไร ที่ทำให้กล้าซื้อสวนเข้าไป
เผื่ออนาคต มีตกมาแบบนี้อีก ผมจะได้กล้าซื้อ
เช่น หุ้น abc ตอนราคา 90 เรายังซื้อ นี้ราคาตกลงมาเหลือ 40 ทำไมเราจะไม่ซื้อ
ขอบคุณครับ
พี่ๆ มีวิธีคิดอย่างไร ที่ทำให้กล้าซื้อสวนเข้าไป
เผื่ออนาคต มีตกมาแบบนี้อีก ผมจะได้กล้าซื้อ
เช่น หุ้น abc ตอนราคา 90 เรายังซื้อ นี้ราคาตกลงมาเหลือ 40 ทำไมเราจะไม่ซื้อ
ขอบคุณครับ
- jek ae
- Verified User
- โพสต์: 899
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ตอนปี 51 พี่ๆ มีวิธีคิดอย่างไร ที่ทำให้กล้าซื้อสวนเข้าไป
โพสต์ที่ 2
ตอน 51 ผมไม่ทราบเหมือนกัน เพราะเริ่มเข้าตลาดมาเมื่อปี 52
แต่ถ้าจะอธิบายตามแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่าโดยอาศัยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน มันก็คงประมาณว่าเราต้องทำความเข้าใจในตัวธุรกิจที่ลงทุน ผ่านการศึกษาวิเคราะห์ทั้งเชิงคุณภาพ และปริมาณ การวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนทำให้เราพอมีแนวทางการหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นได้ ในภาวะที่ตลาดตกต่ำก็เป็นโอกาสให้เราได้ลงทุนในหุ้นดีๆที่ผ่านการคัดกรองมาแล้วในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ยิ่งต่ำมากก็ทำให้เรามีส่วนเผื่อความปลอดภัยมากขึ้น สำหรับนักลงทุนวีไอแล้ว ในวิกฤติมีโอกาสแน่นอนครับ เพียงแต่ต้องขยันทำการบ้านหาข้อมูลให้เยอะไว้เท่านั้นพอ
แต่ถ้าจะอธิบายตามแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่าโดยอาศัยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน มันก็คงประมาณว่าเราต้องทำความเข้าใจในตัวธุรกิจที่ลงทุน ผ่านการศึกษาวิเคราะห์ทั้งเชิงคุณภาพ และปริมาณ การวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนทำให้เราพอมีแนวทางการหามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นได้ ในภาวะที่ตลาดตกต่ำก็เป็นโอกาสให้เราได้ลงทุนในหุ้นดีๆที่ผ่านการคัดกรองมาแล้วในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ยิ่งต่ำมากก็ทำให้เรามีส่วนเผื่อความปลอดภัยมากขึ้น สำหรับนักลงทุนวีไอแล้ว ในวิกฤติมีโอกาสแน่นอนครับ เพียงแต่ต้องขยันทำการบ้านหาข้อมูลให้เยอะไว้เท่านั้นพอ
เหลือขุนเขาแมกไม้ มิต้องวิตกไร้ฟืนไฟ
- Hisoka
- Verified User
- โพสต์: 175
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ตอนปี 51 พี่ๆ มีวิธีคิดอย่างไร ที่ทำให้กล้าซื้อสวนเข้าไป
โพสต์ที่ 3
ตอนนั้นผมก็เพิ่งเริ่มเข้าตลาดแบบจริงจัง เข้ามาแบบไม่ค่อยรู้อะไร ก็อาศัยดูปันผลเอาครับ
ตอนนั้นพบว่าบริษัทแห่งหนึ่งจ่ายปันผล 50% ของกำไรสุทธิมาตลอด
แล้วกำไรของงวดที่จะมาจ่ายปันผลนั้นเยอะมาก ผมดูเทียบกับมูลค่าบริษัทแล้ว
รู้ได้ในทันทีด้วยสามัญสำนึกว่าบริษัทนี้มันถูกจริงๆ (มาดูรู้ตอนหลังว่า PE ตอนนั้นมันต่ำมาก)
พอดีตอนนั้นไม่รู้อะไรมาก ไม่รู้ว่าควรจะกลัวบริษัทแบบไหน
ขอแค่ได้ผลตอบแทนมากกว่าฝากธนาคารก็โอเคแล้ว
ตอนนั้นพบว่าบริษัทแห่งหนึ่งจ่ายปันผล 50% ของกำไรสุทธิมาตลอด
แล้วกำไรของงวดที่จะมาจ่ายปันผลนั้นเยอะมาก ผมดูเทียบกับมูลค่าบริษัทแล้ว
รู้ได้ในทันทีด้วยสามัญสำนึกว่าบริษัทนี้มันถูกจริงๆ (มาดูรู้ตอนหลังว่า PE ตอนนั้นมันต่ำมาก)
พอดีตอนนั้นไม่รู้อะไรมาก ไม่รู้ว่าควรจะกลัวบริษัทแบบไหน
ขอแค่ได้ผลตอบแทนมากกว่าฝากธนาคารก็โอเคแล้ว
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 443
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตอนปี 51 พี่ๆ มีวิธีคิดอย่างไร ที่ทำให้กล้าซื้อสวนเข้าไป
โพสต์ที่ 4
วัฏจักรครับ
มีขึ้นก็ต้องมีลง พอทหลักๆเลือกบริษัทที่มั่นคงสูงๆ มีศักยภาพพอและแน่นอนที่จะกลับไปได้
เช่น PTT PTTEP หรือกลุ่มแบงค์ต่าง
มีขึ้นก็ต้องมีลง พอทหลักๆเลือกบริษัทที่มั่นคงสูงๆ มีศักยภาพพอและแน่นอนที่จะกลับไปได้
เช่น PTT PTTEP หรือกลุ่มแบงค์ต่าง
-
- Verified User
- โพสต์: 334
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตอนปี 51 พี่ๆ มีวิธีคิดอย่างไร ที่ทำให้กล้าซื้อสวนเข้าไป
โพสต์ที่ 5
เราต้องแยกให้ออกด้วยน่ะครับ ว่าการเอามือไปรับมีด กับ การกลัวในตอนที่คนอื่นกำลังโลภ และโลภในตอนที่คนอื่นกำลังกลัว
ทั้งสองอย่างมันต่างกัน
การเอามือไปรับมีด ตัวอย่างเช่นหุ้นพื้นฐานแย่ ราคาลดกระหน่ำ Summer Sale แล้วเราก็เข้ารับซื้อ เพราะคิดว่ามันถูกกว่าวันก่อน เดือนก่อน หรือปีก่อน แต่อันที่จริง ราคามันก็ควรแล้วที่จะลง ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่าก้นเหวมันจะลึกเท่าใด
ส่วนกลัวในตอนที่คนอื่นกำลังโลภ และโลภในตอนที่คนอื่นกำลังกลัว ก็จะเป็นหุ้นที่ยังพื้นฐานดีอยู่ครับ
ทั้งสองอย่างมันต่างกัน
การเอามือไปรับมีด ตัวอย่างเช่นหุ้นพื้นฐานแย่ ราคาลดกระหน่ำ Summer Sale แล้วเราก็เข้ารับซื้อ เพราะคิดว่ามันถูกกว่าวันก่อน เดือนก่อน หรือปีก่อน แต่อันที่จริง ราคามันก็ควรแล้วที่จะลง ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่าก้นเหวมันจะลึกเท่าใด
ส่วนกลัวในตอนที่คนอื่นกำลังโลภ และโลภในตอนที่คนอื่นกำลังกลัว ก็จะเป็นหุ้นที่ยังพื้นฐานดีอยู่ครับ
ตลาดมีประสิทธิภาพ(เป็นบางตัว)
-
- Verified User
- โพสต์: 411
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตอนปี 51 พี่ๆ มีวิธีคิดอย่างไร ที่ทำให้กล้าซื้อสวนเข้าไป
โพสต์ที่ 6
ผมซื้อหุ้น ชนิดที่เรียกว่า มีเงินทุ่มเงิน
เพราะ เชื่อมั่นหลังจาก ศึกษามาและ อ่านแล้วอ่านอีก
ดูแล้วว่ายังไงก็คุ้มที่จะลงทุนระยะยาวๆ ทั้งผลที่จะได้จาก
เงินปันผล เงินคืนจากภาษี (Credit ภาษี) และหาก ราคา
ซื้อขาย ขึ้นก็จะได้ Capital Gain อีก
ปี 2551 ดัชนีลงต่ำมาก ก็ไม่ส่งผลอะไรมาก เพราะผมดูแล้ว
ว่าบริษัท ไม่ล้มแน่ ยังคงทำกำไรได้ดี
อีกอย่าง อ่านมากๆ จากประสบการณ์ดีๆ แล้วทำให้ไม่ตื่นกลัว
ตั้งใจศึกษา ผลประกอบการดูว่า ผลที่ได้ตรงกับที่คิดไว้หรือเปล่า
และแล้ว ผลที่ได้ นับว่าน่าพอใจมากครับ
เพราะ เชื่อมั่นหลังจาก ศึกษามาและ อ่านแล้วอ่านอีก
ดูแล้วว่ายังไงก็คุ้มที่จะลงทุนระยะยาวๆ ทั้งผลที่จะได้จาก
เงินปันผล เงินคืนจากภาษี (Credit ภาษี) และหาก ราคา
ซื้อขาย ขึ้นก็จะได้ Capital Gain อีก
ปี 2551 ดัชนีลงต่ำมาก ก็ไม่ส่งผลอะไรมาก เพราะผมดูแล้ว
ว่าบริษัท ไม่ล้มแน่ ยังคงทำกำไรได้ดี
อีกอย่าง อ่านมากๆ จากประสบการณ์ดีๆ แล้วทำให้ไม่ตื่นกลัว
ตั้งใจศึกษา ผลประกอบการดูว่า ผลที่ได้ตรงกับที่คิดไว้หรือเปล่า
และแล้ว ผลที่ได้ นับว่าน่าพอใจมากครับ
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ตอนปี 51 พี่ๆ มีวิธีคิดอย่างไร ที่ทำให้กล้าซื้อสวนเข้าไป
โพสต์ที่ 7
ในตอนนั้น
ผมไม่ได้ใช้ความกล้าอะไร
ปกติลงทุนหุ้น 100% อยู่แล้ว
ไม่มีเงินสด
การจะซื้อหุ้นได้
ต้องขายหุ้นตัวเก่าออกไปก่อน
ก็ใช้หลักการเดิมๆ
ขายหุ้นผลตอบแทนต่ำ
ไปซื้อหุ้นผลตอบแทนสูง
เป็นการปรับพอร์ตธรรมดา
ไม่ได้คิดว่าต้องมีวิธีคิดที่พิเศษอะไร ...
ผมไม่ได้ใช้ความกล้าอะไร
ปกติลงทุนหุ้น 100% อยู่แล้ว
ไม่มีเงินสด
การจะซื้อหุ้นได้
ต้องขายหุ้นตัวเก่าออกไปก่อน
ก็ใช้หลักการเดิมๆ
ขายหุ้นผลตอบแทนต่ำ
ไปซื้อหุ้นผลตอบแทนสูง
เป็นการปรับพอร์ตธรรมดา
ไม่ได้คิดว่าต้องมีวิธีคิดที่พิเศษอะไร ...
"วิถีรักษ์โลก บ้าน 1 หลัง รถ 1 คัน สาว 1 คน กางเกงใน 1 ตัว" <( ̄︶ ̄)> ...
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตอนปี 51 พี่ๆ มีวิธีคิดอย่างไร ที่ทำให้กล้าซื้อสวนเข้าไป
โพสต์ที่ 9
หาปัจจัยที่จะทำให้ผลประกอบการออกมาเลวร้ายเท่าราคาหุ้นไม่เจอ
บวกกับปัจจัยภายนอกเป็นใจให้ต้นทุนลดลง เช่นค่าเงิน และราคาน้ำมัน
มองที่ภายใน PE ตอนนั้นเทียบกับผลประกอบการที่คำนวณได้ ไม่เกิน 3 เท่า เท่ากับกำไรต่อปีคืนทุนใน 3 ปี
Dividend Yield ประมาณ 15-20% ไม่รวมเครดิตภาษี .. เอาแต่ปันผลอย่างเดียว ไม่เกิน 5 ปีคืนทุน
Upside Gain จาก Fair Value อย่างต่ำ ๆ 300% ถ้าคิดจะขายเมื่อเศรษฐกิจฟื้น (ตอนนั้นคาดไว้ 3 ปี)
แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ขายบ้านขายรถมาซื้อหุ้นได้อย่างไรครับ ?
สุดท้าย มันก็กลับมาภายใน 2 ปี
แล้วก็เป็นโอกาสที่เก็บเอาไว้เล่า ๆ ให้ใคร ๆ ฟัง
ว่ามี 1 ล้านแรกยังไม่ทันเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ 8 หลักซะแล้ว
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ในวิกฤติมีโอกาสเสมอ ถ้าเรามีสติ
บวกกับปัจจัยภายนอกเป็นใจให้ต้นทุนลดลง เช่นค่าเงิน และราคาน้ำมัน
มองที่ภายใน PE ตอนนั้นเทียบกับผลประกอบการที่คำนวณได้ ไม่เกิน 3 เท่า เท่ากับกำไรต่อปีคืนทุนใน 3 ปี
Dividend Yield ประมาณ 15-20% ไม่รวมเครดิตภาษี .. เอาแต่ปันผลอย่างเดียว ไม่เกิน 5 ปีคืนทุน
Upside Gain จาก Fair Value อย่างต่ำ ๆ 300% ถ้าคิดจะขายเมื่อเศรษฐกิจฟื้น (ตอนนั้นคาดไว้ 3 ปี)
แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ขายบ้านขายรถมาซื้อหุ้นได้อย่างไรครับ ?
สุดท้าย มันก็กลับมาภายใน 2 ปี
แล้วก็เป็นโอกาสที่เก็บเอาไว้เล่า ๆ ให้ใคร ๆ ฟัง
ว่ามี 1 ล้านแรกยังไม่ทันเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ 8 หลักซะแล้ว
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ในวิกฤติมีโอกาสเสมอ ถ้าเรามีสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 87
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตอนปี 51 พี่ๆ มีวิธีคิดอย่างไร ที่ทำให้กล้าซื้อสวนเข้าไป
โพสต์ที่ 10
รู้สึกว่าพื้นฐานมันไม่เปลื่อน แต่ราคาหุ้นมันเซลสุด ๆ ครับ ผมเข้าตลอดตอนปี 52 ตอนหุ้นมัน 800 กว่า แล้วร่วงลงมาเหลือ 400 กว่า ตอนนั้นก็เครียดไปทั้งวันเหมือนกัน แต่คิดว่ายังไงระยะยาวมันก็ต้องเติบโตได้ ตอนนี้มันแค่ร่วงชั่วคราว คิดได้อย่างน้้นแล้วก็เลยปรับพอร์ตและพยายามเก็บเงินมาซื้อให้ได้มากที่สุด จนถึงทุกวันนี้ดีใจมากที่แข็งใจไปซื้อตอนนั้น อีกอย่างทำให้เราค้นพตัวเองว่าเราเป็นนักลงทุนระยะยาว ผลตอบแทนเป็นที่น่าดีใจของตัวเอง จนถึงทุกวันนี้ยังมีอีกสองตัวยังไม่ได้ขายเลยครับ :lol:
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ตอนปี 51 พี่ๆ มีวิธีคิดอย่างไร ที่ทำให้กล้าซื้อสวนเข้าไป
โพสต์ที่ 11
ตอนนั้นราคามันถูกจริงๆ นะ
แต่ผมไม่ได้ซื้อสวน
ผมค่อยๆ เก็บตอนที่มันนิ่งแล้ว
เสียดายหลังจากนั้นไม่กี่เดือนขายหมูซะหมด
แต่ผมไม่ได้ซื้อสวน
ผมค่อยๆ เก็บตอนที่มันนิ่งแล้ว
เสียดายหลังจากนั้นไม่กี่เดือนขายหมูซะหมด
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ตอนปี 51 พี่ๆ มีวิธีคิดอย่างไร ที่ทำให้กล้าซื้อสวนเข้าไป
โพสต์ที่ 12
มูลค่ากิจการอยู่ที่เท่าไหร่ล่ะ?
ถ้า Upside มันเยอะจริงๆ ... มันจะทำให้เราโลภ ในขณะที่คนอื่นกลัวหนีตาย แล้วความโลภจะทำให้เราอยากซื้อจนหักห้ามใจเอาไว้ไม่ได้...
ถ้า Upside มันเยอะจริงๆ ... มันจะทำให้เราโลภ ในขณะที่คนอื่นกลัวหนีตาย แล้วความโลภจะทำให้เราอยากซื้อจนหักห้ามใจเอาไว้ไม่ได้...
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 44
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตอนปี 51 พี่ๆ มีวิธีคิดอย่างไร ที่ทำให้กล้าซื้อสวนเข้าไป
โพสต์ที่ 13
คิดตามหลัก vi ก็จะเห็นว่าของดีราคาถูกล้นตลาด อุอุ
จนไม่รู้จะซื้ออะไรดี (อยากขายบ้านมาซื้อ แต่ไม่มี อุอุ อยากขายรถแต่ผ่อนยังไม่หมด)
แต่ก็มีของย้อมแมวเหมือนกัน ก็ต้องระวัง อุอุ
จนไม่รู้จะซื้ออะไรดี (อยากขายบ้านมาซื้อ แต่ไม่มี อุอุ อยากขายรถแต่ผ่อนยังไม่หมด)
แต่ก็มีของย้อมแมวเหมือนกัน ก็ต้องระวัง อุอุ
- atsu
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1220
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ตอนปี 51 พี่ๆ มีวิธีคิดอย่างไร ที่ทำให้กล้าซื้อสวนเข้าไป
โพสต์ที่ 14
ของผมก็ไม่เชิงซื้อสวนอ่ะครับ เพราะปกติผมถนัดการถือหุ้น 100% มากกว่าถือเงิน
เลยเป็นการปรับพอร์ทมากกว่า
ก็พยายามคิดไปตามเหตุผลง่ายๆที่ผมเข้าใจอ่ะครับ
โดยมีธีมหลักคือ "หุ้นที่จะรอดวิกฤตไปได้คือหุ้นที่กำไรไม่ตกใน 2-3 ปีข้างหน้า"
แล้วก็เริ่มกรองหุ้นที่เราถืออยู่ว่าควรขายตัวไหนไปซื้อตัวไหน
1. วิกฤตครั้งนั้นเกิดเพราะฝรั่ง ดังนั้นห้ามถือหุ้นที่ขายของให้ฝรั่งเพราะมันจะไม่มีเงินมาซื้อของเรา
2. ดังนั้นต้องมองหาหุ้นที่ที่มีรายได้จากการบริโภคภายในประเทศ
3 .หุ้นที่ที่มีรายได้จากการบริโภคภายในประเทศ แต่เป็นของฟุ่มเฟือยหรือเป็นบริการฟุ่มเฟือย
ที่คนจะเลิกซื้อ ,ใช้น้อยลง หรือเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่นที่ถูกกว่าแทนตอนไม่มีเงิน ก็ห้ามถือ
4. ถ้าหุ้นมีปันผลพอสมควรก็ดีเลยเพราะ ตลาดน่าจะเดี้ยงไปอีกอย่างน้อยๆก็ 2-3 ปี(ความคิดตอนนั้นนะครับ)
5. สุดท้ายก็เลยได้หุ้นในพอร์ทอยู่ 2 ตัว ที่จะขายตัวอื่นมาซื้อ 2 ตัวนี้เพิ่ม เป็นหุ้นโมเดิร์นเทรดทั้งคู่
สุดท้ายก็รอดมาได้ครับ ถึงแม้ตอนที่ปรับพอร์ทเข้าซื้อ จะซื้อจนกลัวขี้หดตดหายเหมือนกัน
เพราะยิ่งซื้อราคามันยิ่งตกไปอีกเรื่อยๆ ยิ่งซื้อยิ่งลง
แต่พอมองย้อนกลับไปก็ไม่รู้ว่ารอดมาได้เพราะคิดถูกหรือฟลุ๊ค เพราะคิดผิดไปหลายอย่างเหมือนกัน
เลยเป็นการปรับพอร์ทมากกว่า
ก็พยายามคิดไปตามเหตุผลง่ายๆที่ผมเข้าใจอ่ะครับ
โดยมีธีมหลักคือ "หุ้นที่จะรอดวิกฤตไปได้คือหุ้นที่กำไรไม่ตกใน 2-3 ปีข้างหน้า"
แล้วก็เริ่มกรองหุ้นที่เราถืออยู่ว่าควรขายตัวไหนไปซื้อตัวไหน
1. วิกฤตครั้งนั้นเกิดเพราะฝรั่ง ดังนั้นห้ามถือหุ้นที่ขายของให้ฝรั่งเพราะมันจะไม่มีเงินมาซื้อของเรา
2. ดังนั้นต้องมองหาหุ้นที่ที่มีรายได้จากการบริโภคภายในประเทศ
3 .หุ้นที่ที่มีรายได้จากการบริโภคภายในประเทศ แต่เป็นของฟุ่มเฟือยหรือเป็นบริการฟุ่มเฟือย
ที่คนจะเลิกซื้อ ,ใช้น้อยลง หรือเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่นที่ถูกกว่าแทนตอนไม่มีเงิน ก็ห้ามถือ
4. ถ้าหุ้นมีปันผลพอสมควรก็ดีเลยเพราะ ตลาดน่าจะเดี้ยงไปอีกอย่างน้อยๆก็ 2-3 ปี(ความคิดตอนนั้นนะครับ)
5. สุดท้ายก็เลยได้หุ้นในพอร์ทอยู่ 2 ตัว ที่จะขายตัวอื่นมาซื้อ 2 ตัวนี้เพิ่ม เป็นหุ้นโมเดิร์นเทรดทั้งคู่
สุดท้ายก็รอดมาได้ครับ ถึงแม้ตอนที่ปรับพอร์ทเข้าซื้อ จะซื้อจนกลัวขี้หดตดหายเหมือนกัน
เพราะยิ่งซื้อราคามันยิ่งตกไปอีกเรื่อยๆ ยิ่งซื้อยิ่งลง
แต่พอมองย้อนกลับไปก็ไม่รู้ว่ารอดมาได้เพราะคิดถูกหรือฟลุ๊ค เพราะคิดผิดไปหลายอย่างเหมือนกัน
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 230
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตอนปี 51 พี่ๆ มีวิธีคิดอย่างไร ที่ทำให้กล้าซื้อสวนเข้าไป
โพสต์ที่ 15
มีคนเอาทองมาขายบาทละ หนึ่งหมื่นบาท ซื้อไหม
เพราะฉะนั้น ๑. คุณต้องรู้ว่า ทองที่คุณจะซื้อ เป็นทองจริงไม่ใช่ทองเก๊ นะครับ
๒. ราคาที่คุณซื้อ ถูกมากไหม อย่างที่บอก ถ้าบาทละ หมื่นตอนปี ๕๑ คงเฉยๆ เพราะไม่ถูก แต่ถ้าเทียบกับตอนนี้คงถูกมาก
ลองศึกษานะครับ
เพราะฉะนั้น ๑. คุณต้องรู้ว่า ทองที่คุณจะซื้อ เป็นทองจริงไม่ใช่ทองเก๊ นะครับ
๒. ราคาที่คุณซื้อ ถูกมากไหม อย่างที่บอก ถ้าบาทละ หมื่นตอนปี ๕๑ คงเฉยๆ เพราะไม่ถูก แต่ถ้าเทียบกับตอนนี้คงถูกมาก
ลองศึกษานะครับ
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ตอนปี 51 พี่ๆ มีวิธีคิดอย่างไร ที่ทำให้กล้าซื้อสวนเข้าไป
โพสต์ที่ 16
พูดถึงเรื่องทอง... ตอนเกิด Subprime ความโลภในมูลค่าหุ้นมันสูงมาก จนผมขอภรรยาขายทองที่ได้มาตอนแต่งงานทั้งหมดไปซื้อหุ้น...viหัดคลาน เขียน:มีคนเอาทองมาขายบาทละ หนึ่งหมื่นบาท ซื้อไหม
เพราะฉะนั้น ๑. คุณต้องรู้ว่า ทองที่คุณจะซื้อ เป็นทองจริงไม่ใช่ทองเก๊ นะครับ
๒. ราคาที่คุณซื้อ ถูกมากไหม อย่างที่บอก ถ้าบาทละ หมื่นตอนปี ๕๑ คงเฉยๆ เพราะไม่ถูก แต่ถ้าเทียบกับตอนนี้คงถูกมาก
ลองศึกษานะครับ
โชคดีทุกอย่างเป็นอย่างที่คิด... ทองที่ขายไปเมื่อวันนั้น ตอนนี้มูลค่าขึ้นมา 20 เท่า...
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- gradius173
- Verified User
- โพสต์: 198
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตอนปี 51 พี่ๆ มีวิธีคิดอย่างไร ที่ทำให้กล้าซื้อสวนเข้าไป
โพสต์ที่ 17
ราคามันลดลงมากผลประกอบการไม่เปลี่ยน
ไม่เห็นว่าจะมีใครขายของได้น้อยลงเลย อย่างมากเท่าเดิม ตกเล็กน้อย
ทยอยซื้อ แต่ยังไงก็ยึดหลักไม่ซื้อเฉลี่ยขาลง
แต่จริงๆต้องยอมรับว่ายึดติดราคาก่อนปี51จริงๆ เลยทำให้เห็นของตกมาครึ่งหนึ่งว่าถูกสุดๆ
ไม่เห็นว่าจะมีใครขายของได้น้อยลงเลย อย่างมากเท่าเดิม ตกเล็กน้อย
ทยอยซื้อ แต่ยังไงก็ยึดหลักไม่ซื้อเฉลี่ยขาลง
แต่จริงๆต้องยอมรับว่ายึดติดราคาก่อนปี51จริงๆ เลยทำให้เห็นของตกมาครึ่งหนึ่งว่าถูกสุดๆ