ประกาศนโยบายแต่ไม่ทำตามนโยบาย

[lb]

ผมลงทุนหุ้นมานาน แล้วนักจะประสบปัญหาที่บริษัท จะไม่จ่ายปันผลตามนโยบายที่ประกาศไว้ บางบริษัทถูกต่อว่ามาก ๆ เปลี่ยนนโยบายจ่ายเงินปันผลจากไม่น้อยกว่า ..เป็นไม่มากกว่า.. เลย ประกาศแล้วใช้เลย เช่น CSC ในอคีตสามสี่ปีปีที่ผ่านมา ซึ่งเราลงทุนก็หวังรับปันผลตามที่เขาประกาศ แต่ผิดหวังบ่อย ๆ มาก ไม่ทราบจะทำอย่างไรกับบริษัทเช่นนี้ คิดจะฟ้องร้องต่อศาล ก็ไม่ได้ถือหุ้นมากจนถึงขนาดที่จะคุ้มค่ากับการเสียเวลา เพราะคิดว่าฟ้องอย่างไรก็ชนะ เพราะข้อมูลนโยบายเขาประกาศไว้ในหน้าที่สาธารณะหรือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ และเขาก็จ่ายค่าตอบแทนกรรมการเพิ่มขึ้น อันทำให้ข้ออ้างเหตุแห่งความจำเป็นทางการเงินไม่ได้ ในการไม่จ่ายเงินปันผลตามนโยบายที่ประกาศไว้

ซึ่งปกติผมก็จะขายหุ้นนั้นทิ้งทั้งหมด แม้ขาดทุนก็ยอม โดยถือเหตุไม่ชอบผู้บริหาร และไม่ซื้อหุ้นที่มีกลุ่ม ๆ นั้นนั่งเป็นกรรมการอยู่ด้วยอีกเลย

ไม่ทราบว่าทั้งหลายมีความคิดกับเรื่อง นโยบาบการจ่ายปันผลอย่างไรบ้าง

[OutOfMyMind]

แสดงว่าบริษัทของเราไม่ได้บริหารโดยผู้บริหารที่ไว้ใจได้ รวมทั้งผู้ถือหุ้นใหญ่ ๆ พวกนั้นอีกที่ไม่สนใจรายย่อยเลย แต่ทำไงได้ครับ การตัดสินใจเป็นไปแบบประชาธิปไตย ถือหุ้นมากมีสิทธิมาก เมื่อเจอบริษัทแบบนี้ ผมก็ทำเหมือนกับคุณ lb ครับ มองหาบริษัทอื่นที่ผถหใหญ่นิสัยน่าคบ ผู้จัดการทุ่มเทให้บริษัทจะดีกว่า

[kotaro]

ผมลงทุนหุ้นมานาน แล้วนักจะประสบปัญหาที่บริษัท จะไม่จ่ายปันผลตามนโยบายที่ประกาศไว้ บางบริษัทถูกต่อว่ามาก ๆ เปลี่ยนนโยบายจ่ายเงินปันผลจากไม่น้อยกว่า ..เป็นไม่มากกว่า.. เลย ประกาศแล้วใช้เลย เช่น CSC ในอคีตสามสี่ปีปีที่ผ่านมา ซึ่งเราลงทุนก็หวังรับปันผลตามที่เขาประกาศ แต่ผิดหวังบ่อย ๆ มาก ไม่ทราบจะทำอย่างไรกับบริษัทเช่นนี้ คิดจะฟ้องร้องต่อศาล ก็ไม่ได้ถือหุ้นมากจนถึงขนาดที่จะคุ้มค่ากับการเสียเวลา เพราะคิดว่าฟ้องอย่างไรก็ชนะ เพราะข้อมูลนโยบายเขาประกาศไว้ในหน้าที่สาธารณะหรือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ และเขาก็จ่ายค่าตอบแทนกรรมการเพิ่มขึ้น อันทำให้ข้ออ้างเหตุแห่งความจำเป็นทางการเงินไม่ได้ ในการไม่จ่ายเงินปันผลตามนโยบายที่ประกาศไว้

ซึ่งปกติผมก็จะขายหุ้นนั้นทิ้งทั้งหมด แม้ขาดทุนก็ยอม โดยถือเหตุไม่ชอบผู้บริหาร และไม่ซื้อหุ้นที่มีกลุ่ม ๆ นั้นนั่งเป็นกรรมการอยู่ด้วยอีกเลย

ไม่ทราบว่าทั้งหลายมีความคิดกับเรื่อง นโยบาบการจ่ายปันผลอย่างไรบ้าง

การเปลี่ยนแปลงนโยบายปันผล เข้าใจว่าต้องมีการขอมติบอร์ดผู้ถือหุ้นอยู่แล้ว จะฟ้องศาลได้อย่างไรครับ

[lb]

ผมลงทุนหุ้นมานาน แล้วนักจะประสบปัญหาที่บริษัท จะไม่จ่ายปันผลตามนโยบายที่ประกาศไว้ บางบริษัทถูกต่อว่ามาก ๆ เปลี่ยนนโยบายจ่ายเงินปันผลจากไม่น้อยกว่า ..เป็นไม่มากกว่า.. เลย ประกาศแล้วใช้เลย เช่น CSC ในอคีตสามสี่ปีปีที่ผ่านมา ซึ่งเราลงทุนก็หวังรับปันผลตามที่เขาประกาศ แต่ผิดหวังบ่อย ๆ มาก ไม่ทราบจะทำอย่างไรกับบริษัทเช่นนี้ คิดจะฟ้องร้องต่อศาล ก็ไม่ได้ถือหุ้นมากจนถึงขนาดที่จะคุ้มค่ากับการเสียเวลา เพราะคิดว่าฟ้องอย่างไรก็ชนะ เพราะข้อมูลนโยบายเขาประกาศไว้ในหน้าที่สาธารณะหรือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ และเขาก็จ่ายค่าตอบแทนกรรมการเพิ่มขึ้น อันทำให้ข้ออ้างเหตุแห่งความจำเป็นทางการเงินไม่ได้ ในการไม่จ่ายเงินปันผลตามนโยบายที่ประกาศไว้

ซึ่งปกติผมก็จะขายหุ้นนั้นทิ้งทั้งหมด แม้ขาดทุนก็ยอม โดยถือเหตุไม่ชอบผู้บริหาร และไม่ซื้อหุ้นที่มีกลุ่ม ๆ นั้นนั่งเป็นกรรมการอยู่ด้วยอีกเลย

ไม่ทราบว่าทั้งหลายมีความคิดกับเรื่อง นโยบาบการจ่ายปันผลอย่างไรบ้าง

การเปลี่ยนแปลงนโยบายปันผล เข้าใจว่าต้องมีการขอมติบอร์ดผู้ถือหุ้นอยู่แล้ว จะฟ้องศาลได้อย่างไรครับ[/quot


คืออย่างนี้นะครับ เวลาเราจะซื้อหุ้นตัวไหน เราต้องหาข้อมูล เพื่อตัดสินใจซื้อ เหมือนกับการขายของที่ผู้ขายต้องพรรณาสรรพคุณของสินค้าว่าสินค้ามีคุณสมบัติอย่างไร เหมือนซื้อหุ้นบริษัทต้องแจ้งนโยบายการจ่ายปันผลให้ตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ก็จะใส่ไว้ในหน้าแรกของประวัติย่อของบริษัทนั้น ๆ ว่ามีนโยบายจ่ายปันผลอย่างไร อันเป็นข้อสำคัญที่ทำให้เราตัดสินใจจะซื้อหุ้นตัวนั้นหรือไม่ เพราะการซื้อหุ้นไม่ใช่ประเด็นหลักอยู่ที่ซื้อแล้วราคาหุ้นขึ้นหรือลงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ซื้อหุ้นตัวนั้นแล้วเราจะได้ปันผลเท่าใดจากกำไรที่บริษัททำได้ เมื่อเราตัดสินใจซื้อแล้วบริษัทเปลี่ยนนโยบาย แล้วใช้เลย แม้จะขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น แต่ก็ไม่อาจจะย้อนหลังได้ ต้องประกาศและใช้ในปีถัดไป ไม่อาจจะประกาศแล้วใช้เลย เพราะเท่ากับการทำผิดการพรรณาสรรพคุณของสินค้า หรือไม่ทำตามนโยบายอันทำให้เราเสียหาย หรืออาจจะกล่าวได้ว่าเขาผิดสัญญา สามารถฟ้องศาลเพื่อบังคับให้บริษัทตจามสัญญาหรือนโยบายก่อน แล้วจะเปลี่ยนแปลงค่อยว่ากันใหม่ เหมือนการแจ้ง ขอแก้ไขสัญญาหรือแจ้งล่วงหน้าขอเปลี่ยนสรรพคุณสินค้า หรือนโยบายนั่นเอง

ดังนั้นในกรีณที่บริษัท ที่ไม่ทำตามนโยบาย แม้จะมีเงื่อนไขว่าสามารถเปลี่ยนแปลงได้หากมีเงื่อนไขข้อขัดข้องทางการเงิน ก็ต้องพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ เพราะหากจริงบริษัทมีเงื่อนไขการเงินไม่อาจจะจ่ายได้ บริษัทก็ไม่สามารถจ่ายค่าตอบแทนกรรมการนอกเหนือไปจากเงินเดือนหรือเบี้ยประชุมได้ หากจ่ายก็เท่ากับการเอาเปรียบผู้ถือหุ้น หรือการฉ้อฉลได้ในบางกรณี

ข้อความข้างต้นเป็นความเข้าใจส่วนตัว อาจจะผิดหรือถูกก็ได้ เพราะหากมีการฟ้องร้อง ศาลเท่านั้นจะบอกได้ว่าว่าใครผิดหรือถูก

[kotaro]

ผมลงทุนหุ้นมานาน แล้วนักจะประสบปัญหาที่บริษัท จะไม่จ่ายปันผลตามนโยบายที่ประกาศไว้ บางบริษัทถูกต่อว่ามาก ๆ เปลี่ยนนโยบายจ่ายเงินปันผลจากไม่น้อยกว่า ..เป็นไม่มากกว่า.. เลย ประกาศแล้วใช้เลย เช่น CSC ในอคีตสามสี่ปีปีที่ผ่านมา ซึ่งเราลงทุนก็หวังรับปันผลตามที่เขาประกาศ แต่ผิดหวังบ่อย ๆ มาก ไม่ทราบจะทำอย่างไรกับบริษัทเช่นนี้ คิดจะฟ้องร้องต่อศาล ก็ไม่ได้ถือหุ้นมากจนถึงขนาดที่จะคุ้มค่ากับการเสียเวลา เพราะคิดว่าฟ้องอย่างไรก็ชนะ เพราะข้อมูลนโยบายเขาประกาศไว้ในหน้าที่สาธารณะหรือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ และเขาก็จ่ายค่าตอบแทนกรรมการเพิ่มขึ้น อันทำให้ข้ออ้างเหตุแห่งความจำเป็นทางการเงินไม่ได้ ในการไม่จ่ายเงินปันผลตามนโยบายที่ประกาศไว้

ซึ่งปกติผมก็จะขายหุ้นนั้นทิ้งทั้งหมด แม้ขาดทุนก็ยอม โดยถือเหตุไม่ชอบผู้บริหาร และไม่ซื้อหุ้นที่มีกลุ่ม ๆ นั้นนั่งเป็นกรรมการอยู่ด้วยอีกเลย

ไม่ทราบว่าทั้งหลายมีความคิดกับเรื่อง นโยบาบการจ่ายปันผลอย่างไรบ้าง

การเปลี่ยนแปลงนโยบายปันผล เข้าใจว่าต้องมีการขอมติบอร์ดผู้ถือหุ้นอยู่แล้ว จะฟ้องศาลได้อย่างไรครับ[/quot


คืออย่างนี้นะครับ เวลาเราจะซื้อหุ้นตัวไหน เราต้องหาข้อมูล เพื่อตัดสินใจซื้อ เหมือนกับการขายของที่ผู้ขายต้องพรรณาสรรพคุณของสินค้าว่าสินค้ามีคุณสมบัติอย่างไร เหมือนซื้อหุ้นบริษัทต้องแจ้งนโยบายการจ่ายปันผลให้ตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ก็จะใส่ไว้ในหน้าแรกของประวัติย่อของบริษัทนั้น ๆ ว่ามีนโยบายจ่ายปันผลอย่างไร อันเป็นข้อสำคัญที่ทำให้เราตัดสินใจจะซื้อหุ้นตัวนั้นหรือไม่ เพราะการซื้อหุ้นไม่ใช่ประเด็นหลักอยู่ที่ซื้อแล้วราคาหุ้นขึ้นหรือลงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ซื้อหุ้นตัวนั้นแล้วเราจะได้ปันผลเท่าใดจากกำไรที่บริษัททำได้ เมื่อเราตัดสินใจซื้อแล้วบริษัทเปลี่ยนนโยบาย แล้วใช้เลย แม้จะขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น แต่ก็ไม่อาจจะย้อนหลังได้ ต้องประกาศและใช้ในปีถัดไป ไม่อาจจะประกาศแล้วใช้เลย เพราะเท่ากับการทำผิดการพรรณาสรรพคุณของสินค้า หรือไม่ทำตามนโยบายอันทำให้เราเสียหาย หรืออาจจะกล่าวได้ว่าเขาผิดสัญญา สามารถฟ้องศาลเพื่อบังคับให้บริษัทตจามสัญญาหรือนโยบายก่อน แล้วจะเปลี่ยนแปลงค่อยว่ากันใหม่ เหมือนการแจ้ง ขอแก้ไขสัญญาหรือแจ้งล่วงหน้าขอเปลี่ยนสรรพคุณสินค้า หรือนโยบายนั่นเอง

ดังนั้นในกรีณที่บริษัท ที่ไม่ทำตามนโยบาย แม้จะมีเงื่อนไขว่าสามารถเปลี่ยนแปลงได้หากมีเงื่อนไขข้อขัดข้องทางการเงิน ก็ต้องพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ เพราะหากจริงบริษัทมีเงื่อนไขการเงินไม่อาจจะจ่ายได้ บริษัทก็ไม่สามารถจ่ายค่าตอบแทนกรรมการนอกเหนือไปจากเงินเดือนหรือเบี้ยประชุมได้ หากจ่ายก็เท่ากับการเอาเปรียบผู้ถือหุ้น หรือการฉ้อฉลได้ในบางกรณี

ข้อความข้างต้นเป็นความเข้าใจส่วนตัว อาจจะผิดหรือถูกก็ได้ เพราะหากมีการฟ้องร้อง ศาลเท่านั้นจะบอกได้ว่าว่าใครผิดหรือถูก

ตามที่ผมเข้าใจคือ เรื่อง นโยบาย น่าจะอยู่ใน ระเบียบข้อบังคับของบริษัท ก่อนเปลี่ยนแปลงก็ต้องมีประชุมคณะกรรมการ ถ้าผ่านก็เปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งตรงนี้น่าจะเป็นอำนาจของคณะกรรมการ ผู้ถือหุ้นก็ vote เลือกคณะกรรมการตรวจสอบเข้าไป ตรงนี้ก็เป็นอำนาจของคณะกรรมการตรวจสอบ ที่จะรักษาสิทธิ์ผู้ถือหุ้นของตรวจการทำงานของคณะผุ้บริหาร

ส่วนเรื่องการจ่ายปันผลจริงๆ ก็ต้องขอมติประชุมผู้ถือหุ้นกันอีกที

ประเด็นที่หยิบยกขึ้นมา คือเรื่องหลอกลวงหรือไม่ ถ้าเป็นสินค้าทั่วไป ถ้ามีการโฆษณาชวนเชื่อ หลอกลวง ผู้บริโภคก็มีสิทธิ์ฟ้องบริษัทฯ ผ่านทาง สำนักงานคุ้มครองผุ้บริโภค หรือ สคบ ได้
แต่หุ้นไม่เหมือนสินค้า หุ้นเหมือนการซื้อสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทฯ ถ้าบริษัทฯ ปฏิบัติตามกฏบริษัทฯ ตรงนี้ที่ผมสงสัยว่าเราจะไปฟ้องศาลได้ยังไงครับ แล้วถ้าฟ้อง ก็น่าจะฟ้องไปที่ กลต น่าจะถูกกว่านะครับ

แต่ในฐานะผู้ถือหุ้นรายย่อย เจอแบบนี้ก็เซ็งแน่นอนครับ

[lb]

ผมต้องขอบคุณที่เข้ามาออกความคิดเห็น ถูกแล้วการซื้อหุ้นเป็นการซื้อสิทธิิ์ และการเจ้าของบริษัท แต่ก็ถือเป็นการซื้อสินค้าเช่นกัน เพียงแต่สินค้าตัวนี้เป็นสิทธิ์ ที่ระบุไว้ว่ามีนโยบายการจ่ายปันผลอย่างไร เพื่อให้เราได้เลือกซื้อว่าจะซื้อหุ้นตัวไหน ในช่วงไหน และ ณ ราคาไหน ที่คุ้มค่ากับการลงทุนของเรา

นโยบายการจ่ายเงินปันผล เป็นปัจจัยหลัก หรือรับประกันกับผู้ลงทุนว่า เมื่อบริษัทเขาได้กำไรเท่าใด แล้วเราควรจะได้ผลตอบแทนเท่าใด เพื่อพจิราณาว่า คุ้มหรือไม่คุ้มที่จะซื้อหุ้นตัวนั้น ๆ

หากเขามีนโยบายจ่ายปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 หมายความว่าหุ้นตัวนั้น ๆ กำไร 2.00บาทต่อหุ้น เขารับประกันต่อเราว่า เราต้องได้ปันผลอย่างน้อย 1.00บาท ต่อหุ้น ไม่ใช่จ่าย 0.50 บาท แต่เขาจ่ายมากกว่า 1.00 บาท ก็ถือว่ายังจ่ายตามนโยบายอยู่

หากเขามีนโยบายจ่ายปันไม่เกินร้อยละ 50 หมายความว่ากำไร 2.00 บาทต่อหุ้น เขาจ่ายเท่าใดก็ได้ ที่ไม่เกิน 1.00 บาท จ่าย 0.10 บาทก็ได้ เพียงแต่จ่ายเกิน 1.00 บาทต่อหุ้น ถือว่าจ่ายไม่เป็นไปตามนโยบาย

จากที่กล่าวทั้งสองกรณี เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เราต้องเลือกซื้อหุ้นในกรณีแรก ที่จ่ายปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 คงไม่เลือกกรณีที่สอง

ดังนั้นนโยบายการจ่ายปันผล จึงเป็นเรื่องที่บริษัทเขารับประกันต่อเราว่า หุ้นของเขา เมื่อซื้อแล้วจะได้อะไรตอบแทน ก็เป็นสเหมือนหนึ่งคำพรรณาว่าซื้อสินค้าของเขา คือหุ้น เมื่อซื้อแล้ว จะได้ประโยชน์อย่างไร

ซึ่งหลายบริษัทที่ประกาศจ่ายปันผลออกมา มีอีกหลายบริษัท ที่ไม่จ่ายเงินปันผลตามนโยบายที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ ในขณะที่จ่ายโบนัสก้อนโตให้กรรมการ รวมทั้งกรรมการตรวจสอบ ที่ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวแทนผู้ถือหุ้นรายย่อย แต่ทำหน้าแทนผู้ถือหุ้นใหญ่มากกว่า

และนับสิบปีที่ผ่านมา ก็ไม่เห็นตลาด หรือกลต.ที่มีหน้าที่กำกับดูแล จะเอาใจใส่ในการที่บริษัท ไม่ดำเนินการตามนโยบายที่แจ้งต่อตลาด อย่างไรเลย

ขอบคุณอีกทีครับ อย่างน้อยก็ให้ได้ระบายความเคลียดกับบริษัทที่เลือกผิด ไม่รักษานโยบายตนเอง