quality of earnings
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1575
- ผู้ติดตาม: 0
quality of earnings
โพสต์ที่ 1
หนึ่งในบทความที่อ่านง่ายและมีประโยชน์มาก อ่านได้ที่นี่
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=7&t=16119
แต่ที่ผมอยากจะเสนอให้พิจารณาคือ
quality of earnings ในอีกมุมมองครับ
ผมเชื่อว่าทุกคนคงเคยรู้สึกว่า
เงินที่หาได้จากหุ้นนั้น หาง่ายกว่าจากการทำงานเยอะ โดยเฉพาะจากเงินเดือน
ยิ่งเซียนมือดีๆ หรือ เข้าตลาดตอนจังหวะดีๆ สมารถทำกำไรเป็นล่ำเป็นสัน
เงินเดือนหรือรายได้จากการประกอบอาชีพเดิม เทียบไม่ได้เลย
บาทต่อบาท เหนื่อยยากกว่ากันมาก
พี่ๆ ที่เป็นสุดยอด เป็นเซียน หรือประสบความสำเร็จจะเป็นพยานได้อย่างดี
และความจริงส่วนนี้ ทำให้หลายๆคนเตรียมเป็นอิสระภาพทางการเงิน
เตรียมปลดภาระงานประจำ หันมาเป็นนักลงทุนอาชีพ
ว่าแต่ว่า เราเคยคิดกันไหมครับว่า
quality of earnings ที่เราหาได้ในทุกวันนี้
ระหว่างจากหุ้น กับงานที่ทำ
บาทต่อบาทเทียบกันได้หรือไม่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
หากบาทนั้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของงานที่สุจริต ของงานที่มีส่วนสร้างสรรค์ประโยชน์ให้ส่วนรวม
quality of earnings ของเงินในส่วนนี้ น่าจะมากกว่าจากกำไรหุ้นอย่างเทียบกันไม่ได้
แม้ว่าสำหรับคนนอก มันก็เงินเหมือนกัน บาทเหมือนกัน
เขียนมาถึงตรงนี้ก็อยากจะเรียนพี่ทั้งหลายที่ทำเงินจากอาชีพสุจริตอีกครั้งว่า
เงินรายได้เงินเดือนนั้น น่าจะมีค่าบาทต่อบาท สูงกว่ากำไรจากหุ้น
ขอคารวะในเงินที่มาจากนัำพักน้ำแรงครับ
ส่วนเงินที่มาจากกำไรหุ้น
ซึ่งก็เป็นเงินสุจริต ไม่ใช่เงินบาป
เพียงแต่ผมคิดว่า quality ไม่สูง
เราน่าจะสามารถเพิ่ม quality ให้กับเงินส่วนนี้ได้
โดยการใช้ให้เป็นประโยชน์
...ประโยชน์สำหรับส่วนรวม...
โดยเฉพาะส่วนที่เหลือจากการเป็นอิสระภาพทางการเงินแล้ว
พี่ๆคิดกันอย่างไรบ้างครับ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=7&t=16119
แต่ที่ผมอยากจะเสนอให้พิจารณาคือ
quality of earnings ในอีกมุมมองครับ
ผมเชื่อว่าทุกคนคงเคยรู้สึกว่า
เงินที่หาได้จากหุ้นนั้น หาง่ายกว่าจากการทำงานเยอะ โดยเฉพาะจากเงินเดือน
ยิ่งเซียนมือดีๆ หรือ เข้าตลาดตอนจังหวะดีๆ สมารถทำกำไรเป็นล่ำเป็นสัน
เงินเดือนหรือรายได้จากการประกอบอาชีพเดิม เทียบไม่ได้เลย
บาทต่อบาท เหนื่อยยากกว่ากันมาก
พี่ๆ ที่เป็นสุดยอด เป็นเซียน หรือประสบความสำเร็จจะเป็นพยานได้อย่างดี
และความจริงส่วนนี้ ทำให้หลายๆคนเตรียมเป็นอิสระภาพทางการเงิน
เตรียมปลดภาระงานประจำ หันมาเป็นนักลงทุนอาชีพ
ว่าแต่ว่า เราเคยคิดกันไหมครับว่า
quality of earnings ที่เราหาได้ในทุกวันนี้
ระหว่างจากหุ้น กับงานที่ทำ
บาทต่อบาทเทียบกันได้หรือไม่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
หากบาทนั้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของงานที่สุจริต ของงานที่มีส่วนสร้างสรรค์ประโยชน์ให้ส่วนรวม
quality of earnings ของเงินในส่วนนี้ น่าจะมากกว่าจากกำไรหุ้นอย่างเทียบกันไม่ได้
แม้ว่าสำหรับคนนอก มันก็เงินเหมือนกัน บาทเหมือนกัน
เขียนมาถึงตรงนี้ก็อยากจะเรียนพี่ทั้งหลายที่ทำเงินจากอาชีพสุจริตอีกครั้งว่า
เงินรายได้เงินเดือนนั้น น่าจะมีค่าบาทต่อบาท สูงกว่ากำไรจากหุ้น
ขอคารวะในเงินที่มาจากนัำพักน้ำแรงครับ
ส่วนเงินที่มาจากกำไรหุ้น
ซึ่งก็เป็นเงินสุจริต ไม่ใช่เงินบาป
เพียงแต่ผมคิดว่า quality ไม่สูง
เราน่าจะสามารถเพิ่ม quality ให้กับเงินส่วนนี้ได้
โดยการใช้ให้เป็นประโยชน์
...ประโยชน์สำหรับส่วนรวม...
โดยเฉพาะส่วนที่เหลือจากการเป็นอิสระภาพทางการเงินแล้ว
พี่ๆคิดกันอย่างไรบ้างครับ
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
- ^^
- Verified User
- โพสต์: 519
- ผู้ติดตาม: 1
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 2
เมื่อเงินไม่ใช่คำตอบของการดำรงอยู่
เพราะร่างกายเราต้องการแค่ปัจจัย 4?
แม้แต่ผู้รับก็ต้องการแค่ปัจจัย 4
-----------------------------------------
อย่างนี้ก็มีด้วย! หนุ่มใจบุญจ่ายค่าโจ๊กด้วยรถปอร์เช่
ทำเอาพ่อค้าขายโจ๊กกลางกรุงถึงกับมึนไปเลยทีเดียว เมื่อจู่ ๆ ลูกค้าหนุ่มใหญ่เกิดไม่มีเงินจ่ายค่าโจ๊ก ราคาเพียงแค่ 300 บาท เลยขอชดใช้ด้วยรถปอร์เช่สุดหรู ก่อนจะเรียกแท็กซี่หนีไปทันที
โดยเมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืน ของวันที่ 19 เมษายน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเรื่องราวสุดประหลาดดังกล่าว จากนายสุชาติ โพธาพิวัฒน์ พ่อค้าขายโจ๊กอยู่ที่ปากซอยประชาราษฎ์บำเพ็ญ 6/2 ซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กทม. โดยนายสุชาติ เล่าว่า ช่วงเช้าของวันที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมา มีหนุ่มใหญ่อายุประมาณ 40-45 ปี ได้ขับรถปอร์เช่มาจอดหน้าร้านพร้อมสั่งซื้อโจ๊กใส่ถุงกลับบ้านเป็นเงิน 300 บาท แต่เมื่อถึงเวลาจะจ่ายเงิน ชายคนดังกล่าวกลับบอกว่า ไม่มีเงิน ก่อนจะขอจ่ายเงินด้วยรถปอร์เช่คันดังกล่าวแทน แล้วรีบถือถุงโจ๊กเรียกรถแท็กซี่หนีไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ตนยืนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายสุชาติ เล่าต่อว่า หลังจากนั้นตนรออยู่นานแต่ไม่มีใครกลับมาเอารถปอร์เช่คันที่จอดอยู่หน้าร้าน จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ห้วยขวาง เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นรถที่ถูกโจรกรรมมา
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา นายธภัทร สุดอำพันธร เจ้าของบริษัทค้าเหล็กแห่งหนึ่งย่านบุคคโล ได้มาติดต่อขอรับรถปอร์เช่คันดังกล่าวคืน โดยระบุว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 18 เมษายน พี่ชายของตนซึ่งเป็นคนชอบทำบุญมากได้นำรถคันดังกล่าวไปขับ ก่อนจะกลับมาพร้อมกับถุงโจ๊ก แต่รถกลับหายไป ตนจึงได้สอบถามพี่ชายว่ารถหายไปไหน เจ้าตัวกลับบอกว่า ทำบุญไปแล้ว ตนจึงได้รีบกลับมาเอารถคืน และจ่ายค่าโจ๊กไป โดยส่วนตัวเชื่อว่า พี่ชายตั้งใจจ่ายค่าโจ๊กด้วยรถปอร์เช่จริง ๆ เพราะมีนิสัยชอบทำบุญ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบภายในรถ และเช็คประวัติแล้ว ไม่พบว่ารถคันดังกล่าวมีประวัติเกี่ยวข้องกับคดีความ หรือสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างไร และเมื่อตรวจสอบตามทะเบียนกรมการขนส่งก็มีชื่อตรงกับเจ้าของรถ จึงได้อนุญาตให้นายธภัทรนำรถคันดังกล่าวกลับไป
http://hilight.kapook.com/view/58090
เพราะร่างกายเราต้องการแค่ปัจจัย 4?
แม้แต่ผู้รับก็ต้องการแค่ปัจจัย 4
-----------------------------------------
อย่างนี้ก็มีด้วย! หนุ่มใจบุญจ่ายค่าโจ๊กด้วยรถปอร์เช่
ทำเอาพ่อค้าขายโจ๊กกลางกรุงถึงกับมึนไปเลยทีเดียว เมื่อจู่ ๆ ลูกค้าหนุ่มใหญ่เกิดไม่มีเงินจ่ายค่าโจ๊ก ราคาเพียงแค่ 300 บาท เลยขอชดใช้ด้วยรถปอร์เช่สุดหรู ก่อนจะเรียกแท็กซี่หนีไปทันที
โดยเมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืน ของวันที่ 19 เมษายน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเรื่องราวสุดประหลาดดังกล่าว จากนายสุชาติ โพธาพิวัฒน์ พ่อค้าขายโจ๊กอยู่ที่ปากซอยประชาราษฎ์บำเพ็ญ 6/2 ซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กทม. โดยนายสุชาติ เล่าว่า ช่วงเช้าของวันที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมา มีหนุ่มใหญ่อายุประมาณ 40-45 ปี ได้ขับรถปอร์เช่มาจอดหน้าร้านพร้อมสั่งซื้อโจ๊กใส่ถุงกลับบ้านเป็นเงิน 300 บาท แต่เมื่อถึงเวลาจะจ่ายเงิน ชายคนดังกล่าวกลับบอกว่า ไม่มีเงิน ก่อนจะขอจ่ายเงินด้วยรถปอร์เช่คันดังกล่าวแทน แล้วรีบถือถุงโจ๊กเรียกรถแท็กซี่หนีไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ตนยืนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายสุชาติ เล่าต่อว่า หลังจากนั้นตนรออยู่นานแต่ไม่มีใครกลับมาเอารถปอร์เช่คันที่จอดอยู่หน้าร้าน จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ห้วยขวาง เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นรถที่ถูกโจรกรรมมา
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา นายธภัทร สุดอำพันธร เจ้าของบริษัทค้าเหล็กแห่งหนึ่งย่านบุคคโล ได้มาติดต่อขอรับรถปอร์เช่คันดังกล่าวคืน โดยระบุว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 18 เมษายน พี่ชายของตนซึ่งเป็นคนชอบทำบุญมากได้นำรถคันดังกล่าวไปขับ ก่อนจะกลับมาพร้อมกับถุงโจ๊ก แต่รถกลับหายไป ตนจึงได้สอบถามพี่ชายว่ารถหายไปไหน เจ้าตัวกลับบอกว่า ทำบุญไปแล้ว ตนจึงได้รีบกลับมาเอารถคืน และจ่ายค่าโจ๊กไป โดยส่วนตัวเชื่อว่า พี่ชายตั้งใจจ่ายค่าโจ๊กด้วยรถปอร์เช่จริง ๆ เพราะมีนิสัยชอบทำบุญ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบภายในรถ และเช็คประวัติแล้ว ไม่พบว่ารถคันดังกล่าวมีประวัติเกี่ยวข้องกับคดีความ หรือสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างไร และเมื่อตรวจสอบตามทะเบียนกรมการขนส่งก็มีชื่อตรงกับเจ้าของรถ จึงได้อนุญาตให้นายธภัทรนำรถคันดังกล่าวกลับไป
http://hilight.kapook.com/view/58090
หุ้นมันอยู่รอบๆตัวเราเสมอ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1139
- ผู้ติดตาม: 0
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 3
เห็นด้วยกับพี่เด็กใหม่เป็นอย่างยิ่งเลยครับ
บัฟเฟตต์เองยังบอกว่า เค้าได้ผลตอบแทนเกินสัดส่วนที่ควรได้
คือทำประโยชน์นัอยแต่ได้มาก เค้าบอกว่าอย่างครูกับพยาบาล
ดีๆทำประโยชน์มากมาย แต่อย่างมากก็ได้แค่คำชมหรือการ์ดขอบคุณ
ถ้าผมจำไม่ผิด ชาร์ลี มังเกอร์ บอกว่า ที่บัฟเฟตต์ออกมาพูดสอนหลักการ
ลงทุนหรือการใช้ชีวิต ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากทำประโยชน์มากขึ้น (รู้สึกว่าเค้าใช้คำว่าไถ่บาป)
เดี๋ยวนี้ สังคมให้น้ำหนักกับเรื่องเงินเยอะมาก เยอะเกินไป ผมเคยอ่านเจอเรื่องนึง
ที่งานเลี้ยงแห่งหนึ่ง มีคนหลากหลายอาชีพ คุยกันไปคุยกันมาก็มาคุยเรื่องเงินเดือนกัน
ทนายความถามครูคนนึงว่าเขาได้เงินเดือนเท่าไร (How much do you make?)
ครูคนนั้นใช้คำว่า 'make' ตอบคำถามนี้ไปว่า:
คุณอยากรู้หรือครับว่าผมทำอะไร?
ผมทำให้เด็กๆนักเรียนทำงานหนักขึ้นกว่าที่พวกเขาคิดว่าตัวเองจะทำได้
ผมทำให้พ่อแม่ตระหนักว่าลูกๆของพวกเขาเป็นคนแบบไหนและมีศักยภาพอะไรบ้าง
ผมทำให้เด็กๆอยากรู้
ผมทำให้เด็กๆตั้งคำถาม
ผมทำให้พวกเขาใช้ความคิดวิพากษ์วิจารณ์
ผมทำให้พวกเขารู้จักกล่าวคำขอโทษด้วยใจจริง
ผมทำให้พวกเขาเขียน เขียน เขียน
และให้พวกเขาอ่าน
คุณอยากรู้ใช่ไหมว่าผมทำอะไร?
ผมก็สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นไง แล้วคุณล่ะทำอะไร?
บัฟเฟตต์เองยังบอกว่า เค้าได้ผลตอบแทนเกินสัดส่วนที่ควรได้
คือทำประโยชน์นัอยแต่ได้มาก เค้าบอกว่าอย่างครูกับพยาบาล
ดีๆทำประโยชน์มากมาย แต่อย่างมากก็ได้แค่คำชมหรือการ์ดขอบคุณ
ถ้าผมจำไม่ผิด ชาร์ลี มังเกอร์ บอกว่า ที่บัฟเฟตต์ออกมาพูดสอนหลักการ
ลงทุนหรือการใช้ชีวิต ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากทำประโยชน์มากขึ้น (รู้สึกว่าเค้าใช้คำว่าไถ่บาป)
เดี๋ยวนี้ สังคมให้น้ำหนักกับเรื่องเงินเยอะมาก เยอะเกินไป ผมเคยอ่านเจอเรื่องนึง
ที่งานเลี้ยงแห่งหนึ่ง มีคนหลากหลายอาชีพ คุยกันไปคุยกันมาก็มาคุยเรื่องเงินเดือนกัน
ทนายความถามครูคนนึงว่าเขาได้เงินเดือนเท่าไร (How much do you make?)
ครูคนนั้นใช้คำว่า 'make' ตอบคำถามนี้ไปว่า:
คุณอยากรู้หรือครับว่าผมทำอะไร?
ผมทำให้เด็กๆนักเรียนทำงานหนักขึ้นกว่าที่พวกเขาคิดว่าตัวเองจะทำได้
ผมทำให้พ่อแม่ตระหนักว่าลูกๆของพวกเขาเป็นคนแบบไหนและมีศักยภาพอะไรบ้าง
ผมทำให้เด็กๆอยากรู้
ผมทำให้เด็กๆตั้งคำถาม
ผมทำให้พวกเขาใช้ความคิดวิพากษ์วิจารณ์
ผมทำให้พวกเขารู้จักกล่าวคำขอโทษด้วยใจจริง
ผมทำให้พวกเขาเขียน เขียน เขียน
และให้พวกเขาอ่าน
คุณอยากรู้ใช่ไหมว่าผมทำอะไร?
ผมก็สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นไง แล้วคุณล่ะทำอะไร?
-
- Verified User
- โพสต์: 1601
- ผู้ติดตาม: 0
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 4
โดยส่วนตัวผม ตั้งใจไว้ว่า
ทุก 1 ล้านบาท ที่ได้มาจากตลาดหุ้น ผมจะคืนให้กับสังคม 1 แสนบาท
ถ้ามองว่าชีวิต คือการลงทุน
การลงทุนในตลาดหุน คือการลงทุนของปัจจุบัน
การบริจาคให้สังคม คือการลงทุนเพื่ออนาคต
ทุก 1 ล้านบาท ที่ได้มาจากตลาดหุ้น ผมจะคืนให้กับสังคม 1 แสนบาท
ถ้ามองว่าชีวิต คือการลงทุน
การลงทุนในตลาดหุน คือการลงทุนของปัจจุบัน
การบริจาคให้สังคม คือการลงทุนเพื่ออนาคต
"Be sure you put your feet in the right place, then stand firm"
Abraham Lincoln
Abraham Lincoln
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 5
โดยส่วนตัวผมมองว่า เงินก็คือเงิน งานก็คืองาน ไม่จำเป็นต้องผูกติดกัน เช่น
- หมอทำการรักษาคนไข้ ได้เงิน
- หมอทำการรักษาคนไข้ ไม่ได้เงิน (หมออาสาเพื่อการกุศล หรือว่า หมอโดนเบี้ยวไม่จ่ายเงิน)
กับ
- หมอรักษาคนไข้ ได้เงิน
- มือปืนฆ่าคน ได้เงิน
เงินแต่ละบาทที่ได้ โดยส่วนตัวผมไม่ได้แบ่งว่าเป็นเงินที่มีคุณภาพ เงินสกปรก หรือ เงินสะอาด แต่อย่างใด... เงิน 1 บาทก็คือเงิน 1 บาท
แต่คุณภาพสำหรับผม จะแบ่งที่จิตเจตนาขณะกระทำมากกว่า
- อย่างหมอรักษาคนไข้ ด้วยจิตเจตนาอยากจะให้คนที่กำลังเจ็บปวดได้หายจากโรค ด้วยใจเมตตากรุณา จะได้เงินไม่ได้เงิน คุณภาพน่าจะอยู่ที่ตรงนั้น
- แต่ถ้าหมอรักษาคนไข้การกุศล แต่ทำไป เพราะ ต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในสังคม ให้คนอื่นชื่นชม ชื่นชอบ ปราศจากความเมตตากรุณา อย่างนี้คงไม่น่าสรรเสริญสักเท่าไหร่
นอกจากนี้... การทำงาน ผมแยกเป็น 3 ประเด็น
1. ทำตามเหตุปัจจัยที่ควรทำ
2. ทำตามความรัก ความชอบ ความพึงพอใจ
3. ทำเพื่อเงิน
คนที่ได้ทำงานที่ที่จำเป็นต้องทำ และเป็นงานที่ทำแล้วมีความสุข แถมเงินดีอีกต่างหาก นี่... ก็ขอยินดีด้วยจริงๆ ครับ เพราะ คงจะมีน้อยคนที่ได้ปัจจัยทั้ง 3 อย่างที่ครบครัน
หลายๆ ครั้ง เรามักจะผูก 3 เรื่อง เข้าเป็นเรื่องเดียว... แต่สำหรับผม... การลงทุนในหุ้นในปัจจุบัน ผมทำแค่เพื่อให้มีเงินเลี้ยงครอบครัวให้ดำรงอยู่ได้ตามอัตภาพ และ เวลาไปมุ่งเน้นทำงานที่ควรทำตามเหตุปัจจัยซะมากกว่า
ส่วนการทำงานตามความรัก ความชอบ... เมื่อก่อนผมจะเน้นตรงนี้ที่สุด ให้เลือกทำงานที่เรารักเราชอบจริงๆ ... แต่พอผ่านชีวิตไป กลับพบว่าความรัก ความชอบ มันก็เป็นไปตามหลักไตรลักษณ์ คือ แรกๆ ตอนทำมันก็ชอบ มีความสุขดีอยู่ พอทำๆ ไปก็เบื่อ อยากเปลี่ยนไปทำอะไรอย่างอื่น สุดท้ายก็เริ่มไม่ชอบขึ้นมาเป็นทุกข์ แล้วก็กลับไปกลับมา เดี๋ยวก็กลับมาชอบ เดี๋ยวก็เบื่อ... หลังๆ ก็เลยพยายามไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ทำไปตามเหตุปัจจัยที่สมควรให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
สิ่งที่อันตรายที่สุดสำหรับผม คือ การเอา ข้อ 2 กับ 3 มาผูกกัน... ถ้าเมื่อไหร่ เงิน = ความรัก ความชอบ ความพึงพอใจ ผมจะรู้สึกว่าความโลภในใจของผม มันช่างร้อนรุ่มและเป็นทุกข์เสียเหลือเกิน...
สรุป ในมุมมองผม... quality of earning ไม่ได้อยู่ที่เม็ดเงิน แต่อยู่ที่จิตเจตนาในขณะกระทำมากกว่า
- หมอทำการรักษาคนไข้ ได้เงิน
- หมอทำการรักษาคนไข้ ไม่ได้เงิน (หมออาสาเพื่อการกุศล หรือว่า หมอโดนเบี้ยวไม่จ่ายเงิน)
กับ
- หมอรักษาคนไข้ ได้เงิน
- มือปืนฆ่าคน ได้เงิน
เงินแต่ละบาทที่ได้ โดยส่วนตัวผมไม่ได้แบ่งว่าเป็นเงินที่มีคุณภาพ เงินสกปรก หรือ เงินสะอาด แต่อย่างใด... เงิน 1 บาทก็คือเงิน 1 บาท
แต่คุณภาพสำหรับผม จะแบ่งที่จิตเจตนาขณะกระทำมากกว่า
- อย่างหมอรักษาคนไข้ ด้วยจิตเจตนาอยากจะให้คนที่กำลังเจ็บปวดได้หายจากโรค ด้วยใจเมตตากรุณา จะได้เงินไม่ได้เงิน คุณภาพน่าจะอยู่ที่ตรงนั้น
- แต่ถ้าหมอรักษาคนไข้การกุศล แต่ทำไป เพราะ ต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในสังคม ให้คนอื่นชื่นชม ชื่นชอบ ปราศจากความเมตตากรุณา อย่างนี้คงไม่น่าสรรเสริญสักเท่าไหร่
นอกจากนี้... การทำงาน ผมแยกเป็น 3 ประเด็น
1. ทำตามเหตุปัจจัยที่ควรทำ
2. ทำตามความรัก ความชอบ ความพึงพอใจ
3. ทำเพื่อเงิน
คนที่ได้ทำงานที่ที่จำเป็นต้องทำ และเป็นงานที่ทำแล้วมีความสุข แถมเงินดีอีกต่างหาก นี่... ก็ขอยินดีด้วยจริงๆ ครับ เพราะ คงจะมีน้อยคนที่ได้ปัจจัยทั้ง 3 อย่างที่ครบครัน
หลายๆ ครั้ง เรามักจะผูก 3 เรื่อง เข้าเป็นเรื่องเดียว... แต่สำหรับผม... การลงทุนในหุ้นในปัจจุบัน ผมทำแค่เพื่อให้มีเงินเลี้ยงครอบครัวให้ดำรงอยู่ได้ตามอัตภาพ และ เวลาไปมุ่งเน้นทำงานที่ควรทำตามเหตุปัจจัยซะมากกว่า
ส่วนการทำงานตามความรัก ความชอบ... เมื่อก่อนผมจะเน้นตรงนี้ที่สุด ให้เลือกทำงานที่เรารักเราชอบจริงๆ ... แต่พอผ่านชีวิตไป กลับพบว่าความรัก ความชอบ มันก็เป็นไปตามหลักไตรลักษณ์ คือ แรกๆ ตอนทำมันก็ชอบ มีความสุขดีอยู่ พอทำๆ ไปก็เบื่อ อยากเปลี่ยนไปทำอะไรอย่างอื่น สุดท้ายก็เริ่มไม่ชอบขึ้นมาเป็นทุกข์ แล้วก็กลับไปกลับมา เดี๋ยวก็กลับมาชอบ เดี๋ยวก็เบื่อ... หลังๆ ก็เลยพยายามไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ทำไปตามเหตุปัจจัยที่สมควรให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
สิ่งที่อันตรายที่สุดสำหรับผม คือ การเอา ข้อ 2 กับ 3 มาผูกกัน... ถ้าเมื่อไหร่ เงิน = ความรัก ความชอบ ความพึงพอใจ ผมจะรู้สึกว่าความโลภในใจของผม มันช่างร้อนรุ่มและเป็นทุกข์เสียเหลือเกิน...
สรุป ในมุมมองผม... quality of earning ไม่ได้อยู่ที่เม็ดเงิน แต่อยู่ที่จิตเจตนาในขณะกระทำมากกว่า
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 1187
- ผู้ติดตาม: 0
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 6
ผมก็เห็นด้วยกับพี่เด็กใหม่ครับ..แฮะๆ
อันนี้ยังไม่ต้องมองมุมอื่นนะครับแต่เรามองในมุมเราก่อน
การที่นับวันเรายิ่งมีทรัพย์สินมากขึ้นจากการลงทุนเป็นลำดับ
สิ่งที่จะเกิดตามมาคือความโลภที่ยากได้เพิ่มขึ้นอีกความหลงในทรัพย์
ความยึดติดในทรัพย์คิดอยู่เสมอทรัพย์นั้นจะเป็นของเราตลอดไปอันนี้
ยอมรับว่าตัวเองเคยเป็นแน่นอน...การที่เราได้บริจาคสินทรัพย์ส่วนตัว
มายังให้ประโยชน์ส่วนรวมให้เกิดประโยชน์นอกจากบุญกุศลที่เราได้
ทำในรูปแบบทานแล้ว...สิ่งที่ตามมาก็คือได้ทำการจาคะผ่องถ่ายความ
โลภความลุ่มหลงยึดติดในสิ่งต่างๆที่เรายึดติดออกไปด้วย..ยิ่งปฏิบัติจนเป็น
นิสัยติดตัวเราแล้ว..ความยึดมั่นถือมั่นเรื่องพวกนี้ก็เริ่มลดน้อยถอยลงเป็น
ลำดับลงทุนอย่างเดียวแถมได้ผลตอบแทนสองเด้งเป็นอย่างน้อยแน่นอน...
อันนี้ยังไม่ต้องมองมุมอื่นนะครับแต่เรามองในมุมเราก่อน
การที่นับวันเรายิ่งมีทรัพย์สินมากขึ้นจากการลงทุนเป็นลำดับ
สิ่งที่จะเกิดตามมาคือความโลภที่ยากได้เพิ่มขึ้นอีกความหลงในทรัพย์
ความยึดติดในทรัพย์คิดอยู่เสมอทรัพย์นั้นจะเป็นของเราตลอดไปอันนี้
ยอมรับว่าตัวเองเคยเป็นแน่นอน...การที่เราได้บริจาคสินทรัพย์ส่วนตัว
มายังให้ประโยชน์ส่วนรวมให้เกิดประโยชน์นอกจากบุญกุศลที่เราได้
ทำในรูปแบบทานแล้ว...สิ่งที่ตามมาก็คือได้ทำการจาคะผ่องถ่ายความ
โลภความลุ่มหลงยึดติดในสิ่งต่างๆที่เรายึดติดออกไปด้วย..ยิ่งปฏิบัติจนเป็น
นิสัยติดตัวเราแล้ว..ความยึดมั่นถือมั่นเรื่องพวกนี้ก็เริ่มลดน้อยถอยลงเป็น
ลำดับลงทุนอย่างเดียวแถมได้ผลตอบแทนสองเด้งเป็นอย่างน้อยแน่นอน...
ควรทุ่มเทเจริญให้มาก..ในงานที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง..
- Financeseed
- Verified User
- โพสต์: 1304
- ผู้ติดตาม: 0
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 8
มันขึ้นอยู่กับบุญเก่ากรรมเก่าครับ บางคนทำงานออกแรงแป็บเดียวได้เงินเป็นแสน เช่นดารา บางคนทำงานทั้งวันทั้งคืนได้เงินเดือนหนึ่งยังไม่ถึงสี่ห้าหมื่นเลย เช่นคนขายก๋วยเตี๋ยวบางเจ้า
ดังนั้นทำความดีไว้เยอะๆ แล้วบุญจะหนุนนำให้อนาคตเรา จะได้ดีเอง
ส่วนเรื่องเห็นค่าของเงินหรือไม่ ผมว่ามันขึ้นอยู่กับแต่ละคนมากกว่า ไม่เกี่ยวกับรวยหรือจน คนฉลาดที่รู้จักเก็บก็พอจะมีคนแบบนี้อยู่บ้างครับ ถึงเงินของเขาจะหาง่าย
ดังนั้นทำความดีไว้เยอะๆ แล้วบุญจะหนุนนำให้อนาคตเรา จะได้ดีเอง
ส่วนเรื่องเห็นค่าของเงินหรือไม่ ผมว่ามันขึ้นอยู่กับแต่ละคนมากกว่า ไม่เกี่ยวกับรวยหรือจน คนฉลาดที่รู้จักเก็บก็พอจะมีคนแบบนี้อยู่บ้างครับ ถึงเงินของเขาจะหาง่าย
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1223
- ผู้ติดตาม: 0
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 9
ผมเคยวางแผนไว้ว่าหากผมมีเงินในพอร์ตหุ้น20ล้านเมื่อไหร่
ผมจะนำเงินส่วนหนึ่งไปมอบเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กเรียนดีแต่ยากจน ตามโรงเรียนแถวบ้านเกิด
แต่หลังจากผมได้อ่านความเห็นของสมาชิกท่านหนึ่งในเวปทำให้ผมเปลี่ยนใจ
พี่ท่านนั้นแกมีความเห็นว่า เราไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงเป้าหมาย เราก็สามารถทยอยทำประโยชน์คืนต่อสังคมได้
ตอนนี้ผมกับแฟนเลยตัดสินใจนำเงินเดือนจากการทำงานประจำส่วนหนึ่ง
มอบเป็นทุนการศึกษาให้กับลูกของพนักงานในโรงงานปีละ4ทุน
แม้ว่าผมจะเริ่มให้ได้ไม่มากนัก แต่ผมก็มีความสุขที่ได้เริ่มทำมันตั้งแต่ตอนนี้ครับ
ปล.ไม่ได้มีเจตนาประกาศตัวเองน๊ะครับ แต่ทำแล้วผมรู้สึกได้ถึงความสุขทั้งของผู้ให้และผู้รับเลยครับ
(แฮ่...ตอบไม่ค่อยตรงคำถาม แต่ขอแจมกระทู้กับพี่เด็กใหม่ด้วยคนน๊ะครับ )
ผมจะนำเงินส่วนหนึ่งไปมอบเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กเรียนดีแต่ยากจน ตามโรงเรียนแถวบ้านเกิด
แต่หลังจากผมได้อ่านความเห็นของสมาชิกท่านหนึ่งในเวปทำให้ผมเปลี่ยนใจ
พี่ท่านนั้นแกมีความเห็นว่า เราไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงเป้าหมาย เราก็สามารถทยอยทำประโยชน์คืนต่อสังคมได้
ตอนนี้ผมกับแฟนเลยตัดสินใจนำเงินเดือนจากการทำงานประจำส่วนหนึ่ง
มอบเป็นทุนการศึกษาให้กับลูกของพนักงานในโรงงานปีละ4ทุน
แม้ว่าผมจะเริ่มให้ได้ไม่มากนัก แต่ผมก็มีความสุขที่ได้เริ่มทำมันตั้งแต่ตอนนี้ครับ
ปล.ไม่ได้มีเจตนาประกาศตัวเองน๊ะครับ แต่ทำแล้วผมรู้สึกได้ถึงความสุขทั้งของผู้ให้และผู้รับเลยครับ
(แฮ่...ตอบไม่ค่อยตรงคำถาม แต่ขอแจมกระทู้กับพี่เด็กใหม่ด้วยคนน๊ะครับ )
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
- unnop.t
- Verified User
- โพสต์: 924
- ผู้ติดตาม: 1
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 10
ว่ากันตามจริงผมไม่เคยพิจารณาเรื่อง quality of earning แบบนี้มาก่อน
ผมคิดแค่ว่าเงินที่ผมได้มาจากการทำงานโดยสุจริต ไม่ว่าจากการลงทุน หรือการทำงาน แค่นั้น
ผมยอมรับว่าทุกวันนี้ยังทำงานเพื่อเงินอยู่ ผมแบ่งปันเพื่อนมนุษย์ตามกำลังที่ทำได้
ส่วนตัวผมคิดว่าขอให้เป็นเงินสุจริตโดยชอบ ไม่ว่ามาจากไหนก็มีคุณภาพเหมือนกัน
ส่วนคุณภาพของเงินจริง ๆแล้วผมคิดว่า เราเอาเงินไปใช้อย่างไร น่าจะบอกถึงคุณภาพได้มากกว่า
บัฟเฟต์เป็นคนหนึ่งที่ ใช้เงินได้มีคุณภาพมาก เพราะเงินส่วนใหญ่ของเขาสร้างประโยชน์กลับไปให้สังคมมากกว่า
สร้างประโยชน์ให้กับตัวเขาเอง
ผมคิดแค่ว่าเงินที่ผมได้มาจากการทำงานโดยสุจริต ไม่ว่าจากการลงทุน หรือการทำงาน แค่นั้น
ผมยอมรับว่าทุกวันนี้ยังทำงานเพื่อเงินอยู่ ผมแบ่งปันเพื่อนมนุษย์ตามกำลังที่ทำได้
ส่วนตัวผมคิดว่าขอให้เป็นเงินสุจริตโดยชอบ ไม่ว่ามาจากไหนก็มีคุณภาพเหมือนกัน
ส่วนคุณภาพของเงินจริง ๆแล้วผมคิดว่า เราเอาเงินไปใช้อย่างไร น่าจะบอกถึงคุณภาพได้มากกว่า
บัฟเฟต์เป็นคนหนึ่งที่ ใช้เงินได้มีคุณภาพมาก เพราะเงินส่วนใหญ่ของเขาสร้างประโยชน์กลับไปให้สังคมมากกว่า
สร้างประโยชน์ให้กับตัวเขาเอง
ตลาดหุ้นมักจะหลอกเราด้วย ความโลภ และความกลัว.....
-
- Verified User
- โพสต์: 92
- ผู้ติดตาม: 0
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 11
ผมคิดว่า ถ้าเราจะเทียบระหว่างเงินที่ได้จากเงินเดือน กับเงินที่ได้จากหุ้น คุณภาพก็ไม่ต่างกันหรอกครับ
จริงอยู่ที่เงินที่ได้จากเงินเดือนมาจากการลงแรง แต่ปัจจัยหลักของคนส่วนใหญ่ที่อยากจะลงแรงก็เพราะต้องการเงินเดือน
ทีนี้เงินที่ได้มาจากการลงเงิน มันก็เป็นจัยจัยในการไปจ้างให้เกิดการลงแรง ถ้าขาดเงินไม่ก็ไม่มีการจ้างงาน
ถ้าขาดการจ้างงาน ก็ไม่มีการลงแรง
แต่ผมก็เห็นด้วย ถ้าเรามีมาก เราก็รู้จักแบ่งปัน ผมว่ายิ่งให้ยิ่งได้รับ
จำได้ว่าตอนสมัยเรียน ยิ่งติวให้เพื่อนมากเท่าไหร่ ตัวเองกลับรู้มากขึ้น
ทุกวันนี้ก็ทำบุญ บริจาคตามกำลังทรัพย์ ให้เท่าที่เรารู้สึกว่าให้แล้วไม่เดือนร้อนตัวเอง ไม่รู้สึกเสียดาย จบ
จริงอยู่ที่เงินที่ได้จากเงินเดือนมาจากการลงแรง แต่ปัจจัยหลักของคนส่วนใหญ่ที่อยากจะลงแรงก็เพราะต้องการเงินเดือน
ทีนี้เงินที่ได้มาจากการลงเงิน มันก็เป็นจัยจัยในการไปจ้างให้เกิดการลงแรง ถ้าขาดเงินไม่ก็ไม่มีการจ้างงาน
ถ้าขาดการจ้างงาน ก็ไม่มีการลงแรง
แต่ผมก็เห็นด้วย ถ้าเรามีมาก เราก็รู้จักแบ่งปัน ผมว่ายิ่งให้ยิ่งได้รับ
จำได้ว่าตอนสมัยเรียน ยิ่งติวให้เพื่อนมากเท่าไหร่ ตัวเองกลับรู้มากขึ้น
ทุกวันนี้ก็ทำบุญ บริจาคตามกำลังทรัพย์ ให้เท่าที่เรารู้สึกว่าให้แล้วไม่เดือนร้อนตัวเอง ไม่รู้สึกเสียดาย จบ
- DeepTVI
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 441
- ผู้ติดตาม: 1
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 12
เป็นความคิดที่ดีครับ ผมอยากบ้าง พอมีหลักเกณท์อะไรบ้างไหมครับที่จะคัดกลองผู้ที่เหมาะสมที่จะได้ทุนดังกล่าว ช่วยเล่าให้ฟังได้ไหมครับsaichon เขียน:ผมเคยวางแผนไว้ว่าหากผมมีเงินในพอร์ตหุ้น20ล้านเมื่อไหร่
ผมจะนำเงินส่วนหนึ่งไปมอบเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กเรียนดีแต่ยากจน ตามโรงเรียนแถวบ้านเกิด
แต่หลังจากผมได้อ่านความเห็นของสมาชิกท่านหนึ่งในเวปทำให้ผมเปลี่ยนใจ
พี่ท่านนั้นแกมีความเห็นว่า เราไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงเป้าหมาย เราก็สามารถทยอยทำประโยชน์คืนต่อสังคมได้
ตอนนี้ผมกับแฟนเลยตัดสินใจนำเงินเดือนจากการทำงานประจำส่วนหนึ่ง
มอบเป็นทุนการศึกษาให้กับลูกของพนักงานในโรงงานปีละ4ทุน
แม้ว่าผมจะเริ่มให้ได้ไม่มากนัก แต่ผมก็มีความสุขที่ได้เริ่มทำมันตั้งแต่ตอนนี้ครับ
ปล.ไม่ได้มีเจตนาประกาศตัวเองน๊ะครับ แต่ทำแล้วผมรู้สึกได้ถึงความสุขทั้งของผู้ให้และผู้รับเลยครับ
(แฮ่...ตอบไม่ค่อยตรงคำถาม แต่ขอแจมกระทู้กับพี่เด็กใหม่ด้วยคนน๊ะครับ )
- << New >>
- Verified User
- โพสต์: 1147
- ผู้ติดตาม: 0
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 13
มีส่วนที่เห็นด้วยและไม่เชิงไม่เห็นด้วยกับพี่เด็กใหม่นะครับ
ที่เห็นด้วยคือ เงินที่มาจากงานที่สร้างสรรค์ประโยชน์ให้กับสังคมนั้นมีประโยชน์มากกว่างานอย่างการซื้อขายหุ้น
แต่ลึกๆแล้วก็ไม่รู้จะสูงกว่ารึเปล่า .....คือ งานอย่างทหาร พนักงานดับเพลิง หมอ พยาบาล ครู อาจจะให้ประโยชน์ต่อสังคมสูง แต่ ถ้าสมมติว่าเกิดบัฟเฟตไปสมัครเป็นทหาร หรือพนักงานดับเพลิง ผลลัพธ์ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าได้มีพนักงานดับเพลิงที่ไม่ค่อยeffiecientคนนึงเท่าไหร่เพิ่มขึ้นมา
กลับกัน ถ้าBuffett เป็นนักลงทุนเหมือนในปัจจุบัน แล้วทำเงินได้มาก บริจาคเงินจ้างคนที่มีความสามารถในการดับเพลิงหรือไปซื้อรถดับเพลิง โดยภาพรวมแล้วอาจจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมมากกว่าการมีนักดับเพลิงเพิ่มขึ้นแค่คนเดียว
ที่ไม่เชิงไม่เห็นด้วยคือเงินที่ได้มาด้วยความเหนื่อยยากนั้นมีqualityสูงกว่าเงินที่ได้มาอย่างง่ายๆ
อันนี้มุมมองผมจะค่อนข้างกลับกับส่วนใหญ่คือผมมองว่าเงินที่ได้มาง่ายๆนั้นมีค่ามากกว่าเงินที่ได้มายากๆ
ยิ่งได้มาโดยง่ายมากๆจะยิ่งมีค่ามากกว่าเงินที่ได้มาโดยยากมากๆ
ถ้ามีนายจ้างให้เงินผม1000บาทโดยไม่ต้องทำอะไรเลย รับเงินเสร็จแล้วกลับบ้านได้
กลับมีนายจ้างอีกคนให้เงินผม 1000 บาท แล้วให้ไปยกของนู่นนี่นั่น ใช้งานอย่างหนักมาก
ถ้าให้เลือกผมจะเลือกอย่างทีหนึ่งครับ เพราะอย่างที่หนึ่งแม้เงิน 1000 บาทเท่ากันแต่อย่างที่หนึ่งดูจะเป็นพันบาทที่มีค่ามากกว่า
แต่ก็ไม่เชิงอย่างที่เห็นเพราะโดยปกติแล้ว งานอย่างที่หนึ่งในโลกนี้แทบจะไม่ค่อยมี หรือมีก็มีน้อยมาก นั่นคือกว่าจะได้อย่างที่หนึ่งมานั่นต้องยากมากทีเดียว
คือ เป็นการยากที่จะได้อะไรมาโดยง่ายๆ และก็เป็นการง่ายที่จะได้อะไรมาโดยยากๆ ...
เซียนหุ้นหลายคนทำเงินกันได้ง่ายมากๆ แต่ลึกๆแล้วกว่าจะเป็นเซียนก็คงจะยากมากๆไม่น่าง่ายอย่างที่เห็น
น่าจะคล้ายที่บัฟเฟตบอกว่า ที่เราเห็นคือมีร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ แต่เราไม่เห็นว่ากว่าเค้าจะปลูกกว่าจะรดน้ำให้ต้นไม้ใหญ่ได้ต้องพรากเพียรพอสมควร
โดยรวมๆก็มีความเห็นประมาณนี้ครับ
ที่เห็นด้วยคือ เงินที่มาจากงานที่สร้างสรรค์ประโยชน์ให้กับสังคมนั้นมีประโยชน์มากกว่างานอย่างการซื้อขายหุ้น
แต่ลึกๆแล้วก็ไม่รู้จะสูงกว่ารึเปล่า .....คือ งานอย่างทหาร พนักงานดับเพลิง หมอ พยาบาล ครู อาจจะให้ประโยชน์ต่อสังคมสูง แต่ ถ้าสมมติว่าเกิดบัฟเฟตไปสมัครเป็นทหาร หรือพนักงานดับเพลิง ผลลัพธ์ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าได้มีพนักงานดับเพลิงที่ไม่ค่อยeffiecientคนนึงเท่าไหร่เพิ่มขึ้นมา
กลับกัน ถ้าBuffett เป็นนักลงทุนเหมือนในปัจจุบัน แล้วทำเงินได้มาก บริจาคเงินจ้างคนที่มีความสามารถในการดับเพลิงหรือไปซื้อรถดับเพลิง โดยภาพรวมแล้วอาจจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมมากกว่าการมีนักดับเพลิงเพิ่มขึ้นแค่คนเดียว
ที่ไม่เชิงไม่เห็นด้วยคือเงินที่ได้มาด้วยความเหนื่อยยากนั้นมีqualityสูงกว่าเงินที่ได้มาอย่างง่ายๆ
อันนี้มุมมองผมจะค่อนข้างกลับกับส่วนใหญ่คือผมมองว่าเงินที่ได้มาง่ายๆนั้นมีค่ามากกว่าเงินที่ได้มายากๆ
ยิ่งได้มาโดยง่ายมากๆจะยิ่งมีค่ามากกว่าเงินที่ได้มาโดยยากมากๆ
ถ้ามีนายจ้างให้เงินผม1000บาทโดยไม่ต้องทำอะไรเลย รับเงินเสร็จแล้วกลับบ้านได้
กลับมีนายจ้างอีกคนให้เงินผม 1000 บาท แล้วให้ไปยกของนู่นนี่นั่น ใช้งานอย่างหนักมาก
ถ้าให้เลือกผมจะเลือกอย่างทีหนึ่งครับ เพราะอย่างที่หนึ่งแม้เงิน 1000 บาทเท่ากันแต่อย่างที่หนึ่งดูจะเป็นพันบาทที่มีค่ามากกว่า
แต่ก็ไม่เชิงอย่างที่เห็นเพราะโดยปกติแล้ว งานอย่างที่หนึ่งในโลกนี้แทบจะไม่ค่อยมี หรือมีก็มีน้อยมาก นั่นคือกว่าจะได้อย่างที่หนึ่งมานั่นต้องยากมากทีเดียว
คือ เป็นการยากที่จะได้อะไรมาโดยง่ายๆ และก็เป็นการง่ายที่จะได้อะไรมาโดยยากๆ ...
เซียนหุ้นหลายคนทำเงินกันได้ง่ายมากๆ แต่ลึกๆแล้วกว่าจะเป็นเซียนก็คงจะยากมากๆไม่น่าง่ายอย่างที่เห็น
น่าจะคล้ายที่บัฟเฟตบอกว่า ที่เราเห็นคือมีร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ แต่เราไม่เห็นว่ากว่าเค้าจะปลูกกว่าจะรดน้ำให้ต้นไม้ใหญ่ได้ต้องพรากเพียรพอสมควร
โดยรวมๆก็มีความเห็นประมาณนี้ครับ
อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1223
- ผู้ติดตาม: 0
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 14
ยินดีครับพี่ DeepDownDeepDown เขียน:เป็นความคิดที่ดีครับ ผมอยากบ้าง พอมีหลักเกณท์อะไรบ้างไหมครับที่จะคัดกลองผู้ที่เหมาะสมที่จะได้ทุนดังกล่าว ช่วยเล่าให้ฟังได้ไหมครับsaichon เขียน:ผมเคยวางแผนไว้ว่าหากผมมีเงินในพอร์ตหุ้น20ล้านเมื่อไหร่
ผมจะนำเงินส่วนหนึ่งไปมอบเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กเรียนดีแต่ยากจน ตามโรงเรียนแถวบ้านเกิด
แต่หลังจากผมได้อ่านความเห็นของสมาชิกท่านหนึ่งในเวปทำให้ผมเปลี่ยนใจ
พี่ท่านนั้นแกมีความเห็นว่า เราไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงเป้าหมาย เราก็สามารถทยอยทำประโยชน์คืนต่อสังคมได้
ตอนนี้ผมกับแฟนเลยตัดสินใจนำเงินเดือนจากการทำงานประจำส่วนหนึ่ง
มอบเป็นทุนการศึกษาให้กับลูกของพนักงานในโรงงานปีละ4ทุน
แม้ว่าผมจะเริ่มให้ได้ไม่มากนัก แต่ผมก็มีความสุขที่ได้เริ่มทำมันตั้งแต่ตอนนี้ครับ
ปล.ไม่ได้มีเจตนาประกาศตัวเองน๊ะครับ แต่ทำแล้วผมรู้สึกได้ถึงความสุขทั้งของผู้ให้และผู้รับเลยครับ
(แฮ่...ตอบไม่ค่อยตรงคำถาม แต่ขอแจมกระทู้กับพี่เด็กใหม่ด้วยคนน๊ะครับ )
ผมจะแจ้งให้พนักงานที่ต้องการขอทุน นำสำเนาเกรดเฉลี่ยของลูกในเทรอมที่ผ่านมา มายื่นที่ผมครับ
โดยตั้งเกณฑ์ว่าหากมีคนยื่นเกินจากจำนวนทุนที่ผมมีความสามารถให้ได้
ผมจะดูเกรดของลูกของพนักงานคนที่เกรดสูงที่สุด ตามจำนวนทุนที่ผมจะให้ เป็นผู้ได้รับทุน
หากลูกของใครได้เกรดเฉลี่ยเท่ากัน ผมจะยึดเอาคนที่มายื่นความประสงค์กับผมก่อน เป็นผู้ได้ทุนไปครับ
ง่ายๆแค่นี้แหละครับ
ลองดูครับ สนุกดีด้วย
(ที่ใช้เกรดเป็นเกณฑ์ เพราะผมต้องการส่งเสริมคนที่เรียนดีก่อนหน่ะครับ
ส่วนเรื่องความยากจนผมประเมินเอาว่า พนักงานที่ต้องทำงานโรงงานทุกคนฐานะเท่าเทียมกันครับ)
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 16
ดูสมาร์ทหล่อใสมากเลยครับsaichon เขียน: ตอนนี้ผมกับแฟนเลยตัดสินใจนำเงินเดือนจากการทำงานประจำส่วนหนึ่ง
มอบเป็นทุนการศึกษาให้กับลูกของพนักงานในโรงงานปีละ4ทุน
แม้ว่าผมจะเริ่มให้ได้ไม่มากนัก แต่ผมก็มีความสุขที่ได้เริ่มทำมันตั้งแต่ตอนนี้ครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1223
- ผู้ติดตาม: 0
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 17
ผมมีอาจารย์ดีหน่ะครับพี่ป้อมpor_jai เขียน:ดูสมาร์ทหล่อใสมากเลยครับsaichon เขียน: ตอนนี้ผมกับแฟนเลยตัดสินใจนำเงินเดือนจากการทำงานประจำส่วนหนึ่ง
มอบเป็นทุนการศึกษาให้กับลูกของพนักงานในโรงงานปีละ4ทุน
แม้ว่าผมจะเริ่มให้ได้ไม่มากนัก แต่ผมก็มีความสุขที่ได้เริ่มทำมันตั้งแต่ตอนนี้ครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 385
- ผู้ติดตาม: 0
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 18
อืม ไม่รู้สินะ กำลังคิดๆอยู่ว่า
เช่น พนักงานบริษัทเอกชนทั่วไป ในแต่ละเดือน ค่าเดินทางหลักพัน เงินเดือนหลักหมื่น คิดเป็นกำไรกี่ %
สมมติ เด็กจบใหม่ start 2 หมื่น ค่าเดินทาง 5 พัน คิดเป็นกำไร 400%
ทำงานประจำหรือลงทุน ก็ทำวันธรรมดาเหมือนกัน เวลาที่ใช้ก็ไม่ต่างกันมาก เพราะหลายคนไม่ทำงานประจำก็เฝ้าหน้าจอทั้งวัน หรือติดตามข่าวสาร วิเคราะห์ธุรกิจต่างๆ
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทุกคนต้องกิน อยากมีที่อยู่ อยากมีรถ จะทำงานประจำหรือลงทุนก็ไม่ต่างกัน
ต้องเก่งแค่ไหนถึงจะลงทุนได้ 400% แต่ละปีก็อาจจะได้ปรับเงินเดือน ได้ปรับระดับ ได้โบนัส ช่วยพยุงเงินเฟ้อ
แค่มองอีกมุมนึงของการทำงานประจำ เผื่อจะรู้สึกว่ามันมีค่าบ้างนะครับ
อันนี้ไม่พูดถึง คนทีทำธุรกิจรายได้สูงก็ยิ่งดี หรือ ทำงานวิชาชีพที่ช่วยเหลือสังคม ก็ยิ่งได้อะไรมากกว่าปกตินะครับ
ดังนั้นถ้ามองภาพรวมของสังคม การลงทุน ไม่ใช่การได้อะไรมาง่ายกว่าการทำงานอื่นเลย แค่มีส่วนช่วยให้เงินต่อเงิน
คนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน ก็ไม่ค่อยเห็นอยู่กันเฉยๆ สุดท้ายก็ต้องหาอะไรทำอยู่ดีนะผมว่า
เช่น พนักงานบริษัทเอกชนทั่วไป ในแต่ละเดือน ค่าเดินทางหลักพัน เงินเดือนหลักหมื่น คิดเป็นกำไรกี่ %
สมมติ เด็กจบใหม่ start 2 หมื่น ค่าเดินทาง 5 พัน คิดเป็นกำไร 400%
ทำงานประจำหรือลงทุน ก็ทำวันธรรมดาเหมือนกัน เวลาที่ใช้ก็ไม่ต่างกันมาก เพราะหลายคนไม่ทำงานประจำก็เฝ้าหน้าจอทั้งวัน หรือติดตามข่าวสาร วิเคราะห์ธุรกิจต่างๆ
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทุกคนต้องกิน อยากมีที่อยู่ อยากมีรถ จะทำงานประจำหรือลงทุนก็ไม่ต่างกัน
ต้องเก่งแค่ไหนถึงจะลงทุนได้ 400% แต่ละปีก็อาจจะได้ปรับเงินเดือน ได้ปรับระดับ ได้โบนัส ช่วยพยุงเงินเฟ้อ
แค่มองอีกมุมนึงของการทำงานประจำ เผื่อจะรู้สึกว่ามันมีค่าบ้างนะครับ
อันนี้ไม่พูดถึง คนทีทำธุรกิจรายได้สูงก็ยิ่งดี หรือ ทำงานวิชาชีพที่ช่วยเหลือสังคม ก็ยิ่งได้อะไรมากกว่าปกตินะครับ
ดังนั้นถ้ามองภาพรวมของสังคม การลงทุน ไม่ใช่การได้อะไรมาง่ายกว่าการทำงานอื่นเลย แค่มีส่วนช่วยให้เงินต่อเงิน
คนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน ก็ไม่ค่อยเห็นอยู่กันเฉยๆ สุดท้ายก็ต้องหาอะไรทำอยู่ดีนะผมว่า
- OutOfMyMind
- Verified User
- โพสต์: 1242
- ผู้ติดตาม: 0
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 20
ผมมองว่าหากเราลงทุนในหุ้นแล้วได้กำไร แต่มองว่ากำไรนี้มี quality น้อยกว่าการทำงานด้วยน้ำพักน้ำแรง นั่นแสดงว่า เราเล่นหุ้น แต่ไม่ได้ลงทุนครับ
ลองพิจารณาดูเถอะครับ
นักลงทุนรายย่อยอย่างพวกเรา มีส่วนร่วมในการสร้างสภาพคล่องใน secondary market
เมื่อตลาดมันคล่อง คนก็กล้าเอาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัยพ์เพราะเขามองว่า เขามีโอกาสรวยขึ้น เมื่อนำธุรกิจเข้าตลาด ต้นทุนบริษัทก็ถูกลง
ด้วยกฏระเบียยในตลาดบริษัทก็มีธรรมาภิบาลมากขึ้น
Stakeholder ทั้งหมดก็ได้ประโยชน์
ผู้ถือหุ้นรวยขึ้น
ลูกค้าได้สินคาที่ดีขึ้น
พนักงานก็มีงานทำ เติบโตไปตามสายงาน
จ่ายภาษีก็มากขึ้น ไปพัฒนาบ้านเมือง การศึกษา สังคมก็ดีขึ้น
นอกจากนี้ หากเราลงทุน ไม่ได้เล่นห้น
เราจะ scrutinize บริษัทอย่างเข้มข้น
ผู้บริหารก็ไม่กล้ามั่ว
โบรกก็ไม่กล้ามั่ว
เจ้าก็ไม่กล้าปั่น
มันยิ่งย้อนกลับเข้าไปเสริมวงจรแห่งความดีข้างต้นขึ้นไปอีก
ผมจึงมองว่า การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ได้มี Quality น้อยกว่าการทำงาน
โดยเฉพาะการเป็นลูกจ้าง บ้างครั้งเราต้องยอมทำตามนาย หรือ เจ้าของ หรือ เอาใจลูกค้า
ซึ่งอาจมีบ้างที่ขัดกับคุณธรรมประจำใจ หรือ ไอเดียที่เราคิด
แต่เราต้องทำ อันนั้น ผมว่าบั่นทอน คุณภาพเหมือนกันนะครับ
ร่วมกันสนับสนุนการลงทุนแบบ VI ครับ มันช่วยประเทศชาติได้จริงๆ
ลองพิจารณาดูเถอะครับ
นักลงทุนรายย่อยอย่างพวกเรา มีส่วนร่วมในการสร้างสภาพคล่องใน secondary market
เมื่อตลาดมันคล่อง คนก็กล้าเอาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัยพ์เพราะเขามองว่า เขามีโอกาสรวยขึ้น เมื่อนำธุรกิจเข้าตลาด ต้นทุนบริษัทก็ถูกลง
ด้วยกฏระเบียยในตลาดบริษัทก็มีธรรมาภิบาลมากขึ้น
Stakeholder ทั้งหมดก็ได้ประโยชน์
ผู้ถือหุ้นรวยขึ้น
ลูกค้าได้สินคาที่ดีขึ้น
พนักงานก็มีงานทำ เติบโตไปตามสายงาน
จ่ายภาษีก็มากขึ้น ไปพัฒนาบ้านเมือง การศึกษา สังคมก็ดีขึ้น
นอกจากนี้ หากเราลงทุน ไม่ได้เล่นห้น
เราจะ scrutinize บริษัทอย่างเข้มข้น
ผู้บริหารก็ไม่กล้ามั่ว
โบรกก็ไม่กล้ามั่ว
เจ้าก็ไม่กล้าปั่น
มันยิ่งย้อนกลับเข้าไปเสริมวงจรแห่งความดีข้างต้นขึ้นไปอีก
ผมจึงมองว่า การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ได้มี Quality น้อยกว่าการทำงาน
โดยเฉพาะการเป็นลูกจ้าง บ้างครั้งเราต้องยอมทำตามนาย หรือ เจ้าของ หรือ เอาใจลูกค้า
ซึ่งอาจมีบ้างที่ขัดกับคุณธรรมประจำใจ หรือ ไอเดียที่เราคิด
แต่เราต้องทำ อันนั้น ผมว่าบั่นทอน คุณภาพเหมือนกันนะครับ
ร่วมกันสนับสนุนการลงทุนแบบ VI ครับ มันช่วยประเทศชาติได้จริงๆ
บทความดีดีสำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่า
https://www.facebook.com/OutOfMyMindOnValueInvestment
https://www.facebook.com/OutOfMyMindOnValueInvestment
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 21
ส่วนตัวผมคิดว่า
ค่าของเงินบาท มันขึ้นอยู่กับที่มา กับที่ไป ครับ
ที่มาอย่างสุจริต ไม่ได้มาอย่างเอาเปรียบ คิดโกง
ที่ไปไปใช้อย่างสุจริต เป็นประโยชน์สุจริตกรรมต่อตน ต่อส่วนรวม
ผมคิดว่าค่าของเงินมันอยู่ตรงนี้ครับ
ค่าของเงินบาท มันขึ้นอยู่กับที่มา กับที่ไป ครับ
ที่มาอย่างสุจริต ไม่ได้มาอย่างเอาเปรียบ คิดโกง
ที่ไปไปใช้อย่างสุจริต เป็นประโยชน์สุจริตกรรมต่อตน ต่อส่วนรวม
ผมคิดว่าค่าของเงินมันอยู่ตรงนี้ครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 1
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 22
ได้อ่านคำถามของพี่เด็กใหม่ ทำให้ผมได้กลับมามองตนเองเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ผมมีคุณค่ามากเพียงใด
การได้ทำงานประจำในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา การหาเงินของผมใช้นโยบายสร้างคน สร้างงาน สร้างเงิน
การสร้างคน คือเป้าหมายพัฒนาพนักงานต้องเป็นคนมีศีล พยายามให้เขาละลดอบายมุข ไม่มีการเลี้ยงแอลกอฮอลล์ในงานฉลองของร้าน ไม่มีการส่งเสริมให้เอาเปรียบลูกค้า เลี้ยงพนักงาน เหมือนเลี้ยงลูกสอนน้อง ไม่รังเกียจคนที่เคยติดยาเสพติด รับทำงานแม้กระทั่งเขายังอยู่ในช่วงต้องไปรายงานความประพฤติ ลูกพนักงานก็ให้ทุนการศึกษา เมื่อพนักงานดี การฉ้อโกงก็ไม่มี การดูแลลูกค้าก็เต็มที่
การสร้างงาน นโยบายของที่ร้านเป็น นโยบายวินวินทั้งสองฝ่าย มีการหาสิ่งใหม่ๆมาช่วยสร้างอาชีพให้กับแม่ค้า ซึ่งเป็นการทำธุรกิจที่เขาโตเราโต เขาเดือดร้อน เราช่วยเหลือ
การสร้างเงิน เมื่อวัฒนธรรมองค์กรที่ดี พนักงานดี ธุรกิจที่พึ่งพิงกันวินวินทั้งสองฝ่าย ทำให้ผลกำไรตามมาทีหลัง และที่น่าภูมิใจคือ น่าจะเป็นโมเดลธุรกิจที่ดี คือได้ทั้งเงินได้ทั้งบุญ ที่เขียนรายละเอียดเพื่ออยากให้บางท่านที่คิดจะทำธุรกิจได้มองโมเดลธุรกิจที่ได้สร้างบุญกุศลและสร้างเงินไปร่วมกันครับ
แต่พอไม่ได้ทำงานประจำมาหนึ่งปี ความมีคุณค่าของผมลดน้อยถอยลง เหมือนที่พี่เด็กใหม่ได้เกริ่นไว้ข้างต้น ถ้าพี่เด็กใหม่ไม่ถามผมคงยังไม่ฉุกคิด ตอนนี้ผมคงต้องคิดที่จะกระจายโปรเจคเพื่อสังคมให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่นี้
ถ้าใครมีโปรเจคดีๆที่น่่าสนับสนุน อยากให้เสนอไอเดียด้วยครับ เผื่อผมจะได้ลอกการบ้านนำมาช่วยคนรอบๆตัวผมในจังหวังขอนแก่นได้
ขอบคุณครับ
การได้ทำงานประจำในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา การหาเงินของผมใช้นโยบายสร้างคน สร้างงาน สร้างเงิน
การสร้างคน คือเป้าหมายพัฒนาพนักงานต้องเป็นคนมีศีล พยายามให้เขาละลดอบายมุข ไม่มีการเลี้ยงแอลกอฮอลล์ในงานฉลองของร้าน ไม่มีการส่งเสริมให้เอาเปรียบลูกค้า เลี้ยงพนักงาน เหมือนเลี้ยงลูกสอนน้อง ไม่รังเกียจคนที่เคยติดยาเสพติด รับทำงานแม้กระทั่งเขายังอยู่ในช่วงต้องไปรายงานความประพฤติ ลูกพนักงานก็ให้ทุนการศึกษา เมื่อพนักงานดี การฉ้อโกงก็ไม่มี การดูแลลูกค้าก็เต็มที่
การสร้างงาน นโยบายของที่ร้านเป็น นโยบายวินวินทั้งสองฝ่าย มีการหาสิ่งใหม่ๆมาช่วยสร้างอาชีพให้กับแม่ค้า ซึ่งเป็นการทำธุรกิจที่เขาโตเราโต เขาเดือดร้อน เราช่วยเหลือ
การสร้างเงิน เมื่อวัฒนธรรมองค์กรที่ดี พนักงานดี ธุรกิจที่พึ่งพิงกันวินวินทั้งสองฝ่าย ทำให้ผลกำไรตามมาทีหลัง และที่น่าภูมิใจคือ น่าจะเป็นโมเดลธุรกิจที่ดี คือได้ทั้งเงินได้ทั้งบุญ ที่เขียนรายละเอียดเพื่ออยากให้บางท่านที่คิดจะทำธุรกิจได้มองโมเดลธุรกิจที่ได้สร้างบุญกุศลและสร้างเงินไปร่วมกันครับ
แต่พอไม่ได้ทำงานประจำมาหนึ่งปี ความมีคุณค่าของผมลดน้อยถอยลง เหมือนที่พี่เด็กใหม่ได้เกริ่นไว้ข้างต้น ถ้าพี่เด็กใหม่ไม่ถามผมคงยังไม่ฉุกคิด ตอนนี้ผมคงต้องคิดที่จะกระจายโปรเจคเพื่อสังคมให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่นี้
ถ้าใครมีโปรเจคดีๆที่น่่าสนับสนุน อยากให้เสนอไอเดียด้วยครับ เผื่อผมจะได้ลอกการบ้านนำมาช่วยคนรอบๆตัวผมในจังหวังขอนแก่นได้
ขอบคุณครับ
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- Verified User
- โพสต์: 201
- ผู้ติดตาม: 0
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 23
คุณ naris ออก pocketbook สักเล่ม สอนแนวทางการลงทุนสิครับnaris เขียน:ได้อ่านคำถามของพี่เด็กใหม่ ทำให้ผมได้กลับมามองตนเองเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ผมมีคุณค่ามากเพียงใด
การได้ทำงานประจำในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา การหาเงินของผมใช้นโยบายสร้างคน สร้างงาน สร้างเงิน
การสร้างคน คือเป้าหมายพัฒนาพนักงานต้องเป็นคนมีศีล พยายามให้เขาละลดอบายมุข ไม่มีการเลี้ยงแอลกอฮอลล์ในงานฉลองของร้าน ไม่มีการส่งเสริมให้เอาเปรียบลูกค้า เลี้ยงพนักงาน เหมือนเลี้ยงลูกสอนน้อง ไม่รังเกียจคนที่เคยติดยาเสพติด รับทำงานแม้กระทั่งเขายังอยู่ในช่วงต้องไปรายงานความประพฤติ ลูกพนักงานก็ให้ทุนการศึกษา เมื่อพนักงานดี การฉ้อโกงก็ไม่มี การดูแลลูกค้าก็เต็มที่
การสร้างงาน นโยบายของที่ร้านเป็น นโยบายวินวินทั้งสองฝ่าย มีการหาสิ่งใหม่ๆมาช่วยสร้างอาชีพให้กับแม่ค้า ซึ่งเป็นการทำธุรกิจที่เขาโตเราโต เขาเดือดร้อน เราช่วยเหลือ
การสร้างเงิน เมื่อวัฒนธรรมองค์กรที่ดี พนักงานดี ธุรกิจที่พึ่งพิงกันวินวินทั้งสองฝ่าย ทำให้ผลกำไรตามมาทีหลัง และที่น่าภูมิใจคือ น่าจะเป็นโมเดลธุรกิจที่ดี คือได้ทั้งเงินได้ทั้งบุญ ที่เขียนรายละเอียดเพื่ออยากให้บางท่านที่คิดจะทำธุรกิจได้มองโมเดลธุรกิจที่ได้สร้างบุญกุศลและสร้างเงินไปร่วมกันครับ
แต่พอไม่ได้ทำงานประจำมาหนึ่งปี ความมีคุณค่าของผมลดน้อยถอยลง เหมือนที่พี่เด็กใหม่ได้เกริ่นไว้ข้างต้น ถ้าพี่เด็กใหม่ไม่ถามผมคงยังไม่ฉุกคิด ตอนนี้ผมคงต้องคิดที่จะกระจายโปรเจคเพื่อสังคมให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่นี้
ถ้าใครมีโปรเจคดีๆที่น่่าสนับสนุน อยากให้เสนอไอเดียด้วยครับ เผื่อผมจะได้ลอกการบ้านนำมาช่วยคนรอบๆตัวผมในจังหวังขอนแก่นได้
ขอบคุณครับ
ให้ความรู้ได้กุศลมากมาย
รายได้ที่ได้จากการขายหนังสือ ก็นำไปทำการกุศลได้อีก
หรือถ้าเวลาไม่พอ ชวนคุณ chatchai ลูกอีสาน หมอบำรุง มาร่วมทำกุศลด้วยก็เยี่ยมไปเลย
แค่เสนอไอเดียนะครับ ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 551
- ผู้ติดตาม: 0
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 24
--------------------------------------------------tananan007 เขียน:คุณ naris ออก pocketbook สักเล่ม สอนแนวทางการลงทุนสิครับnaris เขียน:ได้อ่านคำถามของพี่เด็กใหม่ ทำให้ผมได้กลับมามองตนเองเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ผมมีคุณค่ามากเพียงใด
การได้ทำงานประจำในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา การหาเงินของผมใช้นโยบายสร้างคน สร้างงาน สร้างเงิน
การสร้างคน คือเป้าหมายพัฒนาพนักงานต้องเป็นคนมีศีล พยายามให้เขาละลดอบายมุข ไม่มีการเลี้ยงแอลกอฮอลล์ในงานฉลองของร้าน ไม่มีการส่งเสริมให้เอาเปรียบลูกค้า เลี้ยงพนักงาน เหมือนเลี้ยงลูกสอนน้อง ไม่รังเกียจคนที่เคยติดยาเสพติด รับทำงานแม้กระทั่งเขายังอยู่ในช่วงต้องไปรายงานความประพฤติ ลูกพนักงานก็ให้ทุนการศึกษา เมื่อพนักงานดี การฉ้อโกงก็ไม่มี การดูแลลูกค้าก็เต็มที่
การสร้างงาน นโยบายของที่ร้านเป็น นโยบายวินวินทั้งสองฝ่าย มีการหาสิ่งใหม่ๆมาช่วยสร้างอาชีพให้กับแม่ค้า ซึ่งเป็นการทำธุรกิจที่เขาโตเราโต เขาเดือดร้อน เราช่วยเหลือ
การสร้างเงิน เมื่อวัฒนธรรมองค์กรที่ดี พนักงานดี ธุรกิจที่พึ่งพิงกันวินวินทั้งสองฝ่าย ทำให้ผลกำไรตามมาทีหลัง และที่น่าภูมิใจคือ น่าจะเป็นโมเดลธุรกิจที่ดี คือได้ทั้งเงินได้ทั้งบุญ ที่เขียนรายละเอียดเพื่ออยากให้บางท่านที่คิดจะทำธุรกิจได้มองโมเดลธุรกิจที่ได้สร้างบุญกุศลและสร้างเงินไปร่วมกันครับ
แต่พอไม่ได้ทำงานประจำมาหนึ่งปี ความมีคุณค่าของผมลดน้อยถอยลง เหมือนที่พี่เด็กใหม่ได้เกริ่นไว้ข้างต้น ถ้าพี่เด็กใหม่ไม่ถามผมคงยังไม่ฉุกคิด ตอนนี้ผมคงต้องคิดที่จะกระจายโปรเจคเพื่อสังคมให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่นี้
ถ้าใครมีโปรเจคดีๆที่น่่าสนับสนุน อยากให้เสนอไอเดียด้วยครับ เผื่อผมจะได้ลอกการบ้านนำมาช่วยคนรอบๆตัวผมในจังหวังขอนแก่นได้
ขอบคุณครับ
ให้ความรู้ได้กุศลมากมาย
รายได้ที่ได้จากการขายหนังสือ ก็นำไปทำการกุศลได้อีก
หรือถ้าเวลาไม่พอ ชวนคุณ chatchai ลูกอีสาน หมอบำรุง มาร่วมทำกุศลด้วยก็เยี่ยมไปเลย
แค่เสนอไอเดียนะครับ ขอบคุณครับ
เห็นด้วยครับ ผมคิดว่าการเล่าประสบการณ์เรื่องการลงทุนโดยผ่านการเขียนหนังสือของคนที่ประสบความสำเร็จแล้วจะเป็นคุณอนันต์อย่างมากกับผู้ที่มาทีหลัง ได้อานิสงค์มากมายครับ ผมคิดว่าคุณชงทำได้อยู่แล้ว ถ้าคิดว่าจะสามารถแบ่งเวลาได้บ้างครับ การถ่ายทอดความรู้ที่ถูกต้องของแนวคิดเรื่องการลงทุนแบบมีเหตุมีผลตามแนว Value investment ใน stock market ผมว่าเป็นสิ่งที่น่าทำครับ
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 25
ได้ข่าว แว่วๆว่า คุณนริศ กำลังเขียนหนังสืออยู่นะครับ
ไม่รู้เมื่อไหร่ แต่รอให้เจ้้าตัว มาเปิดตัวเองดีกว่า
ผมคนหนึงแหละ ที่รอคอยหนังสือเล่มนั้น
ไม่รู้เมื่อไหร่ แต่รอให้เจ้้าตัว มาเปิดตัวเองดีกว่า
ผมคนหนึงแหละ ที่รอคอยหนังสือเล่มนั้น
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- KGYF
- Verified User
- โพสต์: 399
- ผู้ติดตาม: 0
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 27
คิดคล้ายผมเลยครับ ปกติ ทุก 10 % จากกำไรหุ้นAccidental Hero เขียน:โดยส่วนตัวผม ตั้งใจไว้ว่า
ทุก 1 ล้านบาท ที่ได้มาจากตลาดหุ้น ผมจะคืนให้กับสังคม 1 แสนบาท
ถ้ามองว่าชีวิต คือการลงทุน
การลงทุนในตลาดหุน คือการลงทุนของปัจจุบัน
การบริจาคให้สังคม คือการลงทุนเพื่ออนาคต
ผมจะเอามาทำบุญครับ ไม่ว่าจะเป็นให้ขอทาน คนจน ฯลฯ
และที่สำคัญ ในฐานะชาวพุทธ ผมจะช่วยทำนุ บำรุง พระพุทธศาสนา
โดยการร่วมทำบุญทุกครั้ง ที่ไปวัด หรือมีงานบุญผ้าป่า กฐิน ฯลฯ
ผมรู้สึกว่า เราทำบุญแล้ว เรามีความสุข ก็เลยทำมาตลอดครับ
" สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ = การให้ธรรมะเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง "
" ทุกข์มี เพราะยึด ทุกข์ยืด เพราะอยาก ทุกข์มาก เพราะพลอย ทุกข์น้อย เพราะหยุด ทุกข์หลุด เพราะปล่อย"
" ทุกข์มี เพราะยึด ทุกข์ยืด เพราะอยาก ทุกข์มาก เพราะพลอย ทุกข์น้อย เพราะหยุด ทุกข์หลุด เพราะปล่อย"
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1085
- ผู้ติดตาม: 0
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 28
เงินทีี่มีมากเกินไปหรือหาได้ง่ายเกินไป ควรบริจาคเพื่อลดช่องว่างของสังคมที่มีมากเกินไปในยุคนี้ ทุกวันนี้ความแตกต่างในทุกด้านของสังคมเมืองและต่างจังหวัดมีมาก มากเกินไป ทั้งด้านชีวิตความเป็นอยู่และการศึกษา หากแต่ละท่านที่ทำเงินในตลาดหุ้นได้มากก จะมองกลับมาและช่วยสนับสนุนแม้เพียงเล็กน้อยทางด้านการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและช่วยยกระดับความคิด หรือลดช่องว่างของสังคมให้แคบลง จะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยมากค่ะ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 26
- ผู้ติดตาม: 0
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 29
ผมรู้สึกดีใจที่พวกเราคุยกันในเรื่องแบบนี้ ผมเห็นด้วยที่พวกเรามีศักยภาพสามารถทำประโยชน์ให้กับสังคมส่วนใหญ่ได้ เนื่องจากพวกเราส่วนใหญ่ถนัดเรื่องการลงทุน ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถสูงและส่วนหนึ่งได้เกษียณจากงานประจำทั้งๆที่ยังมีศักยภาพสามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศได้ ผมเสนอว่าพวกเราน่าจะสละเงินส่วนหนึ่งมารวมกันแล้วให้เหล่าบรรดาผู้เชี่ยวชาญใน thaivi มาบริหาร port โดยมีคณะกรรมการชุดหนึ่งคอยกำกับดูแล แล้วเรานำเม็ดเงินที่ได้จากเงินปันผลไปทำประโยชน์ ซึ่งผมเห็นด้วยกับหลายคนที่อยากทำประโยชน์ด้านการศึกษา ซึ่งผมเห็นว่าถ้าเป็นไปได้เราช่วยกันทำอะไรที่มากกว่าการบริจาคเงินได้เช่นสร้างโรงเรียน ห้องสมุดประชาชน จ้างครูดีๆสอนผ่าน teleconference ในถิ่นที่ห่างไกลความเจริญ หรือเมื่อเกิดภัยพิบัติเราก็นำเงินปันผลส่วนนี้มาบริจาค เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี 20 ปี ผมว่า port น่าจะเติบโตและทำประโยชน์ที่ใหญ่มากขึ้นได้เรื่อยๆ ผมมองว่ามันจะยั่งยืนและคงอยู่กับ thaivi ตลอดไปครับ
AAAA
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
Re: quality of earnings
โพสต์ที่ 30
ผมว่าไม่อาจจะไม่ชัด อาจจะเทาๆ ก็ได้นะpagzin เขียน:หมอรักษาคนไข้ ได้เงิน
มือปืนฆ่าคน ได้เงิน
สร้างภาพได้ชัดเจนมากครับ
หมอรักษาคนอาจจะรักษาด้วยความโลภ อยากได้เงิน พยายามรักษาทรราชย์ที่เข่นฆ่าประหารคนมากมาย
ในขณะที่มือปืนรับจ้างฆ่าเฉพาะคนชั่ว คนเลว แบบในการตูนก็ได้
ผมว่าสุดท้ายอยู่ที่จิตเจตนาของคนทำ มากกว่าการมองจากคนภายนอกนะ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?