โบรกเกอร์เป็นอย่างไรเมื่อเปิดเสรี
-
- Verified User
- โพสต์: 281
- ผู้ติดตาม: 0
โบรกเกอร์เป็นอย่างไรเมื่อเปิดเสรี
โพสต์ที่ 1
ในปีหน้าจะเปิดเสรี แต่ โบรกเกอร์ต่างแข่งขันการลงทุน เพื่อเปิดสาขามากมาย บางโบรกเกอร์ก็ถูกต่างชาติเข้ามา take over บางโบรกเกอร์ก็ถูกคนไทย take over ในราคาที่ล้วนสูงกว่าราคาหน้ากระดาน
มีเหตุผลใด จึงเป็นเช่นนั้น ทั้ง ๆ ที่ ปี หน้า นักลงทุนกลัวว่า เมื่อเปิดเสรี โบรกเกอร์รายได้จะหดหายไป แล้วทำไมนักลงทุนต่างชาติที่มีข้อมูลต่าง ๆ ดี แต่ความชำนาญในประเทศไทย ย่อมสู้คนไทยไม่ได้ ทำไมเขา ไม่กลัว กลับกล้าเข้ามา take over โบรกเกอร์ในไทย
สำหรับในความคิดเห็นของผม ไม่ต้องกังวล และเห็นว่ายังเป็นตัวที่น่าลงทุนอยู่
1. ลูกค้าจะใช้บริการที่ใด นั่นหมายความว่าเข้าต้องไว้วางใจ โบรอกเกอร์นั้น ๆ ในระดับหนึ่ง การจะเปลี่ยนเพียงเพราะลดค่าคอม นิดหน่อย ผมว่าไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยงกับเงินลงทุน อันเป็นสาเหตุที่เมื่อพนักงานย้ายโบรกฯ เราก็จะย้ายตาม
2. แต่ละโบรกเกอร์ก็มีจุดเด่นของตนเอง ดีหน่อยลูกค้าก็มากหน่อย แต่ทุกบริษัทก็มีลูกค้า มีลูกค่าน้อยค่าใช้จ่ายเขาก็น้อย แต่ก็ยังมีกำไร ซึ่งนักลงทุนบางคนชอบเสียอีกลูกค้าน้อย ๆ เวลาสั่งซื้อขายจะได้ทันท่วงที และมีเวลาคุยกับนายหน้าได้นานขึ้น
3. การแข่งขัน สินค้าทุกอย่างก็ต้องมีการแข่งขัน เช่น เปปซี่ กับโค้ก ซึ่งแถบไม่มีอะไรแตกต่าง เขาก็แข่งขัน แต่ไม่มีการแข่งขันลดราคา เพราะต้นทุนกับกำไร เป็นจุดที่ต้องคำนึกถึง หากการลดราคา แล้วสามารถทำให้คู่แข่งขันตาย นั่นหมายความว่าเราต้องมีทุนมากพอที่อยู่ได้จนคู่แข่งอื่นตาย จึงจะทำได้ ซึ่งผมเห็นว่า ใครจะกล้าเสี่ยง เพราะปัจจุบัน โบรก์ใหญ่พอ ๆ กันก็มี หากแข่งกันลด ทำไปทำมาตายทั้งคู่ ดังนั้นการที่จะทำการค้าขาดทุน สู้ตัดลูกค้ารายนั้น ๆ ออกไป ไม่ดีกว่าหรือ
4. ในตลาดมีลูกค้ารายใหญ่ ๆ กี่ราย รายย่อยกี่ราย มูลค่าเป็นอย่างไร ผมยังเชื่อว่ารายย่อย รวม ๆ กันน่าจะมีมูลค่าซื้อขายมากกว่ารายใหญ๋
5. และ ในไตรมาส 4/54 จะเพิ่มเวลาการเทรดเพิ่มขึ้นอีก นั่นหมายความว่ารายได้แต่ละโบรกเกอร์ น่าจะเพิ่มขึ้นด้วย
เพื่อน ๆ มีความคิดเห็นอย่างบ้างครับ ช่วยกันให้คำแนะนำหน่อย
มีเหตุผลใด จึงเป็นเช่นนั้น ทั้ง ๆ ที่ ปี หน้า นักลงทุนกลัวว่า เมื่อเปิดเสรี โบรกเกอร์รายได้จะหดหายไป แล้วทำไมนักลงทุนต่างชาติที่มีข้อมูลต่าง ๆ ดี แต่ความชำนาญในประเทศไทย ย่อมสู้คนไทยไม่ได้ ทำไมเขา ไม่กลัว กลับกล้าเข้ามา take over โบรกเกอร์ในไทย
สำหรับในความคิดเห็นของผม ไม่ต้องกังวล และเห็นว่ายังเป็นตัวที่น่าลงทุนอยู่
1. ลูกค้าจะใช้บริการที่ใด นั่นหมายความว่าเข้าต้องไว้วางใจ โบรอกเกอร์นั้น ๆ ในระดับหนึ่ง การจะเปลี่ยนเพียงเพราะลดค่าคอม นิดหน่อย ผมว่าไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยงกับเงินลงทุน อันเป็นสาเหตุที่เมื่อพนักงานย้ายโบรกฯ เราก็จะย้ายตาม
2. แต่ละโบรกเกอร์ก็มีจุดเด่นของตนเอง ดีหน่อยลูกค้าก็มากหน่อย แต่ทุกบริษัทก็มีลูกค้า มีลูกค่าน้อยค่าใช้จ่ายเขาก็น้อย แต่ก็ยังมีกำไร ซึ่งนักลงทุนบางคนชอบเสียอีกลูกค้าน้อย ๆ เวลาสั่งซื้อขายจะได้ทันท่วงที และมีเวลาคุยกับนายหน้าได้นานขึ้น
3. การแข่งขัน สินค้าทุกอย่างก็ต้องมีการแข่งขัน เช่น เปปซี่ กับโค้ก ซึ่งแถบไม่มีอะไรแตกต่าง เขาก็แข่งขัน แต่ไม่มีการแข่งขันลดราคา เพราะต้นทุนกับกำไร เป็นจุดที่ต้องคำนึกถึง หากการลดราคา แล้วสามารถทำให้คู่แข่งขันตาย นั่นหมายความว่าเราต้องมีทุนมากพอที่อยู่ได้จนคู่แข่งอื่นตาย จึงจะทำได้ ซึ่งผมเห็นว่า ใครจะกล้าเสี่ยง เพราะปัจจุบัน โบรก์ใหญ่พอ ๆ กันก็มี หากแข่งกันลด ทำไปทำมาตายทั้งคู่ ดังนั้นการที่จะทำการค้าขาดทุน สู้ตัดลูกค้ารายนั้น ๆ ออกไป ไม่ดีกว่าหรือ
4. ในตลาดมีลูกค้ารายใหญ่ ๆ กี่ราย รายย่อยกี่ราย มูลค่าเป็นอย่างไร ผมยังเชื่อว่ารายย่อย รวม ๆ กันน่าจะมีมูลค่าซื้อขายมากกว่ารายใหญ๋
5. และ ในไตรมาส 4/54 จะเพิ่มเวลาการเทรดเพิ่มขึ้นอีก นั่นหมายความว่ารายได้แต่ละโบรกเกอร์ น่าจะเพิ่มขึ้นด้วย
เพื่อน ๆ มีความคิดเห็นอย่างบ้างครับ ช่วยกันให้คำแนะนำหน่อย
บุญมี ดวงมา ได้เงินทอง !
-
- Verified User
- โพสต์: 1070
- ผู้ติดตาม: 0
Re: โบรกเกอร์เป็นอย่างไรเมื่อเปิดเสรี
โพสต์ที่ 2
มันเคยเปิดเสรี มารอบนึงแล้ว ปรากฏว่า มีการตัดราคาค่าคอมกัน จนขาดทุน เป็นทิวแถว กลต เลยเข้ามากำหนดขั้นต่ำใหม่ เลยอยู่รอดกันมา
ตอนนี้เปิดเสรี หมายความว่า ต่างชาติสามารถมาเปิดบริษัทได้เลย ค่าไลเซนต์ถูกลงออกได้ตามเงื่อนไข คนส่วนใหญ่เลยกลัวในสิ่งที่ไม่แน่นอนไง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ถ้า Big Broker ระดับโลกมาเปิด บริษัท Logal จะสู้ไหวมะ มันอยู่ที่มุมมอง มองไม่ชัดก้อเสี่ยง เสี่ยงก้อกดราคาและหลีกเลี่ยงครับ
ตอนนี้เปิดเสรี หมายความว่า ต่างชาติสามารถมาเปิดบริษัทได้เลย ค่าไลเซนต์ถูกลงออกได้ตามเงื่อนไข คนส่วนใหญ่เลยกลัวในสิ่งที่ไม่แน่นอนไง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ถ้า Big Broker ระดับโลกมาเปิด บริษัท Logal จะสู้ไหวมะ มันอยู่ที่มุมมอง มองไม่ชัดก้อเสี่ยง เสี่ยงก้อกดราคาและหลีกเลี่ยงครับ
The One
- koh
- Verified User
- โพสต์: 273
- ผู้ติดตาม: 0
Re: โบรกเกอร์เป็นอย่างไรเมื่อเปิดเสรี
โพสต์ที่ 4
เชื่อว่าความกลัวสะท้อนเข้าไปในราคาเรียบร้อยแล้วครับ ลองเข้าไปดูราคาหุ้นกลุ่มนี้ย้อนหลังไป10ถึง15ปีสิครับ
แล้วถ้ามันไม่เป็นอย่างที่คนส่วนใหญ่กลัวกัน สถานการณ์จะเป็นไงครับ
ความเสี่ยงต่ำ ความไม่แน่นอนสูง
แล้วถ้ามันไม่เป็นอย่างที่คนส่วนใหญ่กลัวกัน สถานการณ์จะเป็นไงครับ
ความเสี่ยงต่ำ ความไม่แน่นอนสูง
-
- Verified User
- โพสต์: 1070
- ผู้ติดตาม: 0
Re: โบรกเกอร์เป็นอย่างไรเมื่อเปิดเสรี
โพสต์ที่ 5
ที่ VI ไม่สนใจหุ้นกลุ่มนี้เป็นเพราะ เค้ามีหุ้นตัวอื่นที่ มีอนาคตที่คาดเดาได้ง่ายกว่า ความเสี่ยงต่ำกว่า และ MoS ที่สูงกว่า กลุ่มนี้ เค้าเลยไม่ได้ให้ความสนใจในหุ้นกลุ่มนี้ครับ.
ตอนนี้ถือว่า ตลาดหลักทรัพย์บูมมาก ปริมาณการซื้อขายสูง ถ้าตลาดกลับมาซบเซา อะไรจะเกิดขึ้นกับหุ้น หลักทรัพย์ครับ แถมยังมีการเปิดเสรีอีก....
คำถามคือแล้วเรามาสนใจหุ้นเหล่านี้ทำไมกัน..
หมายเหตุเพิ่งเข้าหุ้น PHATRA ไป ยังงงอยู่เลย นะนี่... เอาไงดี....
ความรู้สึกผมคือถือแล้วไม่สบายใจนะ...
ตอนนี้ถือว่า ตลาดหลักทรัพย์บูมมาก ปริมาณการซื้อขายสูง ถ้าตลาดกลับมาซบเซา อะไรจะเกิดขึ้นกับหุ้น หลักทรัพย์ครับ แถมยังมีการเปิดเสรีอีก....
คำถามคือแล้วเรามาสนใจหุ้นเหล่านี้ทำไมกัน..
หมายเหตุเพิ่งเข้าหุ้น PHATRA ไป ยังงงอยู่เลย นะนี่... เอาไงดี....
ความรู้สึกผมคือถือแล้วไม่สบายใจนะ...
The One
-
- Verified User
- โพสต์: 281
- ผู้ติดตาม: 0
Re: โบรกเกอร์เป็นอย่างไรเมื่อเปิดเสรี
โพสต์ที่ 6
ตลาดซบเซา ก็ไม่มีหุ้นตัวไหนดีหลอกครับpornchal เขียน:ที่ VI ไม่สนใจหุ้นกลุ่มนี้เป็นเพราะ เค้ามีหุ้นตัวอื่นที่ มีอนาคตที่คาดเดาได้ง่ายกว่า ความเสี่ยงต่ำกว่า และ MoS ที่สูงกว่า กลุ่มนี้ เค้าเลยไม่ได้ให้ความสนใจในหุ้นกลุ่มนี้ครับ.
ตอนนี้ถือว่า ตลาดหลักทรัพย์บูมมาก ปริมาณการซื้อขายสูง ถ้าตลาดกลับมาซบเซา อะไรจะเกิดขึ้นกับหุ้น หลักทรัพย์ครับ แถมยังมีการเปิดเสรีอีก....
คำถามคือแล้วเรามาสนใจหุ้นเหล่านี้ทำไมกัน..
หมายเหตุเพิ่งเข้าหุ้น PHATRA ไป ยังงงอยู่เลย นะนี่... เอาไงดี....
ความรู้สึกผมคือถือแล้วไม่สบายใจนะ...
บุญมี ดวงมา ได้เงินทอง !
- todsapon
- Verified User
- โพสต์: 1137
- ผู้ติดตาม: 0
Re: โบรกเกอร์เป็นอย่างไรเมื่อเปิดเสรี
โพสต์ที่ 7
ขายpornchal เขียน:ที่ VI ไม่สนใจหุ้นกลุ่มนี้เป็นเพราะ เค้ามีหุ้นตัวอื่นที่ มีอนาคตที่คาดเดาได้ง่ายกว่า ความเสี่ยงต่ำกว่า และ MoS ที่สูงกว่า กลุ่มนี้ เค้าเลยไม่ได้ให้ความสนใจในหุ้นกลุ่มนี้ครับ.
ตอนนี้ถือว่า ตลาดหลักทรัพย์บูมมาก ปริมาณการซื้อขายสูง ถ้าตลาดกลับมาซบเซา อะไรจะเกิดขึ้นกับหุ้น หลักทรัพย์ครับ แถมยังมีการเปิดเสรีอีก....
คำถามคือแล้วเรามาสนใจหุ้นเหล่านี้ทำไมกัน..
หมายเหตุเพิ่งเข้าหุ้น PHATRA ไป ยังงงอยู่เลย นะนี่... เอาไงดี....
ความรู้สึกผมคือถือแล้วไม่สบายใจนะ...
ผลตอบแทน 15% ต่อปีก็พอ
กำไรเมื่อซื้อ มิใช่กำไรเมื่อขาย
การได้ทำอะไรที่ตนเองชอบและมีปัจจัยสี่พร้อมเพียงคือสุดยอดแห่งความสุข
ขอยืมเงินหน่อยครับ
กำไรเมื่อซื้อ มิใช่กำไรเมื่อขาย
การได้ทำอะไรที่ตนเองชอบและมีปัจจัยสี่พร้อมเพียงคือสุดยอดแห่งความสุข
ขอยืมเงินหน่อยครับ