สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.รายงานเกี่ยวกับรายชื่อเมืองสร้างตึกระฟ้าจีน ระบุว่า จีนจะมีตึกระฟ้าเพิ่มขึ้นในทุก 5 วัน ในช่วงอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากการผลักดันให้เมืองใหญ่ต่าง ๆ ให้สร้างบ้านและสำนักงานให้แก่ชาวจีนที่หลั่งไหลเข้าสู่เมืองใหญ่ ๆ จากชนบทสู่กรุง ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยเมืองที่ติดอันดับมีตึกระฟ้าสูงสุดติดอันดับท๊อปเทนของโลกของจีน ประกอบด้วย ไทเป(ไต้หวัน) อันดับ 2 เซี่ยงไฮ้ อันดับ 3 ฮ่องกง อันดับ 4 นานกิง อันดับ 7 และกวางโจว อันดับ 9
รายงานระบุว่า แม้ว่าจีนจะไม่มีแผนที่จะสร้างตึกระฟ้าเพื่อทำลายโลกของอาคาร"บูรัจ กาลิฟ้า แห่งดูไบ ซึ่งมีความสูง 2,716 ฟุต แต่คาดว่า ก่อนปี 2015 จีนจะสามารถผงาดสร้างตึกระฟ้าอันดับ 2 และ 3 ของโลก จากการสร้างตึกระฟ้า"เซี่ยงไฮ้"ซึ่งจะมีความสูง 2,037 ฟุต และศูนย์กรีนแลนด์ในเมืองหวูฮั่น ที่ระดับความสูง 1,988 ฟุต ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลเหอเป่ย
การเติบโตดังกล่าวเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ปัจจุบัน ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลกได้เปลี่ยนขั้วจากตะวันตกมาสู่ตะวันออกแล้ว โดยคาดว่า จีนจะมีตึกระฟ้าเพิ่มขึ้นของทั่วโลกเกือบครึ่งของจำนวน 50 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 6 ปีข้างหน้า
ปัจจุบัน จีนมีตึกระฟ้ากว่า 200 แห่ง ในระดับความสูงกว่า 500 ฟุต ขึ้นไป ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง หรือเทียบเท่ากับจำนวนตึกระฟ้าของสหรัฐ และประเมินว่า ในช่วงปี 5 ปีข้างหน้า จีนจะมีตึกระฟ้าเป็นจำนวน 800 แห่ง อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจจีนยังคงเติบโตพัฒนาอย่างที่เป็นอยู่ คาดว่า จีนจะสามารถสร้างตึกระฟ้าซึ่งมีจำนวนชั้นมากกว่า 50 ชั้นได้กว่า 1,500 แห่ง ก่อนปี 2030
อย่างไรก็ตาม มีการเตือนเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ที่อาจเกิดขึ้นจากการตึกระฟ้าที่ไม่จำเป็นในเมืองต่างๆ ของจีน เช่น ไฮ่เก๋า,คุนหมิง นานกิง และดองกวน ซึ่งมีแผนจะสร้างตึกระฟ้าแม้ว่าจะไม่มีความต้องการบริโภคก็ตาม
ทั้งนี้ สำหรับการจัดอันดับเมือง 10 อันดับที่มีตึกระฟ้ามากที่สุดของจีน ประกอบด้วย 1.ฮ่องกง 58 แห่ง 2.เซี่ยงไฮ้ 51 แห่ง 3.เซิ่นเจ้น 46 แห่ง 4.กวางโจว 44 แห่ง 5.นานกิง 23 แห่ง 6.จงจิ้ง 18 แห่ง 7.เทียนจิน 15 แห่ง 8.หวูฮั่น 13 แห่ง 9.ปักกิ่ง 13 แห่ง และ 10.ดาเลียน 11 แห่ง