โพสต์
คือการลงเงินหรือสินทรัพย์ลงในอะไรบางอย่างเพื่อหวังผลตอบแทน
การลงทุนต่างกับการพนันอย่างไร?
การลงทุนจะต้องมีการวิเคราะห์คำนวณอย่างเป็นเหตุและผลก่อนทำการตัดสินใจ จึงมีโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนที่เป็นบวกได้ในระยะยาว ในขณะการพนันจะสร้างผลตอบแทนคาดหวังที่เป็นลบ เช่นการซื้อล๊อตเตอรี่ พูดง่ายๆคือจะพนันอย่างไรก็ไม่รวยเพราะสุดท้ายแล้วคนที่ได้ประโยชน์ไม่ใช่ ผู้เล่น แต่เป็นเจ้ามือ
ลงทุนในอะไรได้บ้าง?
จากนิยามข้างต้นแทบจะทุกอย่างถือว่าเป็นการลงทุน การลงทุนในธุรกิจ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนในทองคำ การลงทุนในงานศิลปะ และอื่นๆอีกมาก
ลงทุนให้หุ้นดีอย่างไร?
การลงทุนเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นได้เป็นเจ้าของบริษัทขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนอยู่ ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมีความหลากหลายในตัวธุรกิจ อีกทั้งหลายบริษัทเป็นบริษัทข้ามชาติระดับโลก โดยเราจะได้รับส่วนแบ่งจากกำไรที่บริษัททำได้ผ่านทางเงินปันผลและมูลค่าของ หุ้นที่เพิ่มขึ้น ข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือหุ้นมีสภาพคล่องที่สูงมาก (เทียบได้ใกล้เคียงกับเงินสด) คืออยากจะขายเมื่อไหร่ก็ขายได้ต่างกับที่ดินหรืองานศิลปะ และการลงทุนก็สามารถเริ่มต้นได้โดยใช้เงินลงทุนไม่มาก ใครก็สามารถที่จะลงทุนในหุ้นได้ ถ้าศึกษามันดีพอ
จะได้ผลตอบแทนได้เท่าไหร่?
ตลาดหุ้นในประเทศไทยให้ผลแทน (รวมกับเงินปันผล) เฉลี่ยย้อนหลังอยู่ที่ 12% แต่ผลตอบแทนของนักลงทุน (ตัวจริง) อาจจะมากหรือน้อยกว่านั้น ถ้าทำการบ้านดีๆมีโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 36% ในระยะยาว (ข้อมูลจากพอร์ตของดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร)
เคล็ดลับของความสำเร็จคืออะไร?
อ่าน อ่าน อ่าน Warren Buffett เชื่อว่าผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนเกิดจาก “การตัดสินใจ” ที่ถูกต้อง ฉะนั้น Buffett จะให้ความสำคัญกับการอ่านมาก มีคนเคยประเมินว่า Buffett ใช้เวลากับการอ่านไปทั้งชีวิตถึง 100,000 ชม. (เท่ากับการอ่านวันละ 8 ชม.เป็นเวลา 34 ปี) ซึ่งสิ่งที่ต้องอ่านจะรวมถึง รายงานประจำปีของบริษัท หนังสือเกี่ยวกับแนวทางในการลงทุนจากผู้ที่ประสบความสำเร็จ รวมถึงข่าวธุรกิจและข่าวเศรษฐกิจ
ทำไมคนส่วนมากเล่นหุ้นแล้วเจ๊ง?
หลายคนลงทุนในหุ้นโดยไม่ศึกษาอย่างถี่ถ้วนทำให้ “การลงทุน” กลายเป็น “การเล่นหุ้น” (หรือเรียกได้อีกอย่างว่า “การพนัน”) โดยที่ “นักพนัน” ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยทำการบ้านด้วยตัวเอง จะฟังมากจากเจ้าหน้าที่การตลาด (Marketing) หรือนักวิเคราะห์ แล้วก็นำข้อมูลที่ได้ยินไปลงทุนโดยไม่ได้พิจารณาด้วยตัวเองอีกทีหนึ่ง หลายคนซื้อหุ้นเพราะเหตุผลเพียงว่า “เพราะตอนนี้คนอื่นเค้าเล่นตัวนี้กัน” ซึ่งวิธีการเหล่านี้นับว่าเป็นวิธีการที่อันตรายมากเนื่องจากเป็นการลงทุน ที่ปราศจากหลักยึดหรือแก่นของมัน คนส่วนมากในกลุ่มนี้อาจจะได้ผลกำไรในระยะสั้นถ้าโชคดีที่ซื้อถูกตัว แต่ในระยะยาวจะไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอได้ จนต้องออกจากตลาดไป
ทำยังไงถึงไม่เจ๊งล่ะ?
เคยมีปราชญ์ชาวจีนกล่าวไว้ว่า “ศึกษาอดีตเพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคต” ฉะันั้นเราต้องเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของเรา ทุกครั้งที่ทำการซื้อขายหุ้นให้จดเหตุผลไว้สั้นๆว่าเราซื้อหรือขายเพราะอะไร แล้วก็กลับมาทบทวนว่าเราผิดพลาดที่ตรงไหนแล้วจะเรียนรู้อะไรจากมันได้บ้าง ถ้าเรายังไม่แน่ใจว่าเราจะทำได้รึเปล่าให้เริ่มที่เงินจำนวนน้อยๆก่อน ถ้าเราเริ่มสร้างผลตอบแทนที่เป็นบวกได้แล้วค่อยเพิ่มจำนวนเงินขึ้น
เริ่มตรงไหนดี?
หลายวิธีครับ แต่อยากให้เริ่มที่พื้นฐานก่อน จะเข้าใจหุ้นได้ดีเราต้องเข้าใจธุรกิจและเข้าใจคน (จิตวิทยาของตลาด) หลายๆคนเิริ่มต้นการลงทุนด้วยการนำเงินทั้งหมดไปซื้อหุ้นตัวที่เพื่อนเล่น หุ้นแนะนำมา และหวังว่ามันจะเปลี่ยนชีวิตเค้า แต่การทำแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการซื้อล๊อตเตอรี่ครับ ตรงกันข้ามผมอยากให้เริ่มต้นด้วยการเรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จครับ โดยปรกติคนที่อยู่ในตลาดหุ้นมักจะคิดว่าตัวเองเก่งครับ จะคอยแนะนำคนอื่นอยู่ตลอด แต่เก่งจริงหรือไม่ไม่มีใครรู้ครับ เพราะเวลาซื้อถูกตัวก็จะมาโม้ให้เราฟัง แต่เวลาขาดทุนก็หายเข้ากลีบเมฆ
แล้วจะเรียนรู้จากใครดี?
ถ้าคุณอยากเล่นกอล์ฟคุณอยากเรียนกับ Tiger Woods หรือป้า่ย่นหน้าปากซอยล่ะครับ? การลงทุนก็เช่นกัน ทำไมเราไม่เรียนจาก Tiger Woods ของโลกการลงทุนล่ะครับ? เดี๋ยวนี้โชคดีที่หนังสือดีๆระดับโลกที่เกี่ยวกับการลงทุนหลายเล่มได้ถูกแปล มาเป็นภาษาไทย และก็โชคดีอีกเช่นกันที่นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในเมืองไทยแคร์พอที่จะ แบ่งปันความรู้ให้กับเรา หนังสือที่ผมอยากจะแนะนำให้อ่านคือ แก่นแท้ของ Warren Buffett (Essential Buffett), ศาสตร์แห่ง Buffett (Buffettology), ตีแตก (ดร.นิเวศน์), One Up on Wall Street (Peter Lynch) ผมอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนมาหลายเล่มและผมเชื่อว่าแนวคิดของหนังสือ เหล่านี้จะเปลี่ยนชีวิตคุณได้
แล้วสำหรับคุณล่ะครับ การลงทุนคืออะไร?
ด้วยรักและพันล้าน
Road to Billion
บันทึกไม่สำเร็จ