โบรกคาดตลาดหุ้นทรุดดัชนีใกล้ 1 พันจุด ด้านผู้จัดการกองทุนมั่นใจตลาดหุ้นสหรัฐรับข่าวถูกหั่นอันดับเครดิตเรียบร้อย โอกาสตลาดปรับลงแรงไม่มากดาวน์ไซด์ไม่เกิน 5% แต่จะผันผวนต่อเนื่อง ประเมินสหรัฐดูแลเศรษฐกิจได้ไม่มีปัญหาถดถอยซ้ำซ้อนแน่นอน แนะนักลงทุนเล่นรอบตามกรอบแนวรับ-แนวต้านเป็นหลัก ส่วนตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงถือเป็นจังหวะเข้าลงทุน เชื่อแนวรับ 1,050 จุด แข็งแกร่ง
นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บลจ.ทิสโก้ เปิดเผยว่า การที่สหรัฐถูกปรับลดอันดับเครดิตลงนั้นเป็นสิ่งที่ตลาดคาดการณ์ไว้อยู่แล้วแม้ว่าจะสามารถขอขยายเพดานหนี้ได้ก็ตาม ซึ่งตลาดหุ้นสหรัฐเองก็ปรับตัวลงรับข่าวนี้ไปล่วงหน้ามาระยะหนึ่งแล้ว
ล่าสุดตลาดหุ้นก็ไม่ได้แย่ลงเหมือนหลายวันที่ผ่านมา จึงเชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐคงจะลงมาถึงแนวรับสำคัญแล้วและไม่น่าจะปรับตัวลงไปอีก นอกจากจะเกิดการถดถอยทางเศรษฐกิจรอบใหม่ (Double Dip) ซึ่งปัจจุบันโอกาสที่จะเกิดขึ้นก็ยังค่อนข้างน้อย แล้วหากเศรษฐกิจสหรัฐมีสัญญาณที่อ่อนแอจริงทางธนาคารกลางสหรัฐและรัฐบาลก็ต้องมีนโยบายเข้ามาแก้ไขก่อนอยู่แล้วคงไม่ปล่อยให้สถานการณ์นั้นเกิดขึ้น ดังนั้น หากตลาดหุ้นทั่วโลกจะมีการปรับตัวลงไปมากกว่านี้ น่าจะมาจากปัจจัยในเรื่องหนี้ในกลุ่มยุโรปมากกว่าในประเด็นของสหรัฐคิดว่าคงจะไม่มีผลกระทบอะไรที่กระทบต่อตลาดไปมากกว่านี้แล้ว
สำหรับอันดับเครดิตที่ถูกปรับลดลงมา 1 ขั้น จาก AAAเหลือ AA+ นั้น ก็น่าจะอยู่ในระดับนี้ต่อไปอีก 2-3 ปีข้างหน้า คงจะไม่มีการปรับลดตามลงมาอีก ถ้าหากไม่มีปัจจัยอะไรใหม่ๆ เข้ามากระทบในเชิงลบต่อความสามารถในการจัดการหนี้ของสหรัฐ การปรับตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นทั่วโลกน่าจะเป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้น และหากมองตัวบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐเองในแง่ของรายได้ก็คาดว่ายังคงเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งคงต้องติดตามดูเศรษฐกิจกิจของตลาดเกิดใหม่และเศรษฐกิจโลก ประกอบด้วย แต่ในแง่ของต้นทุนทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐก็อาจมีต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบมากต่อตัวกำไรบริษัทจดทะเบียนที่รายได้ยังมีแนวโน้มเติบโตดี ซึ่งจะตรงข้ามกับภาพของเศรษฐกิจที่น่าจะเติบโตช้าลงเช่นเดียวกับยุโรป
"ดังนั้น มองไปในระยะกลางถึงยาวตลาดหุ้นสหรัฐเองยังคงน่าสนใจลงทุนอยู่ และเชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนต่างชาติในที่สุดจะไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดเกิดใหม่และเอเชียที่ยังมีแนวโน้มสดใสในอีก 1-2 ปี ข้างหน้า รวมทั้งตลาดหุ้นไทยด้วย การที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงในช่วงที่ผ่านมา ก็ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจมากขึ้นจากที่เคยอยู่ในระดับที่ค่อนข้างแพง บริษัทยังคงเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยไว้ที่ระดับ 1,200 จุด เท่าเดิม สำหรับหุ้นไทยหากตลาดปรับตัวลงมาจนมีโอกาสในขาขึ้นประมาณ 15% ก็ถือเป็นระดับที่เข้าลงทุนได้ ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าตลาดหุ้นไทยจะไม่หลุดระดับ 1,000 จุด ลงไป"
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.แอสเซท พลัส กล่าวว่า ตลาดรับข่าวในเรื่องการถูกลดอันดับเครดิตไปบ้างแล้วทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐที่เคยซื้อขายที่สัดส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) ที่ 14.5 เท่า ลดลงมาเหลือ 13.0 เท่า ในปัจจุบัน ถือว่าเป็นระดับที่น่าสนใจมากและเชื่อว่าผลกระทบจากการปรับลดอันดับเครดิตคงจะไม่ส่งผลกระทบในระยะยาวต่อตลาดหุ้นสหรัฐแต่จะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจสหรัฐมากกว่าแล้วว่าตัวเลขต่างๆ จะออกมาเป็นอย่างไร แต่ในระยะสั้นเชื่อว่าผลกระทบทางจิตวิทยาต่อตลาดหุ้นยังคงมีอยู่ทำให้ตลาดยังจะคงผันผวนต่อไปแต่มีโอกาสในขาลง เหลือประมาณ 5.0%
"เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทยเองที่แนวรับ 1,050 จุด ถือเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง เมื่อวันศุกร์ (5 ส.ค. 2554) ที่ผ่านมา จะเห็นว่าเมื่อตลาดลงไปแตะ 1,080 จุด ก็จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาตลอด โดยบริษัทยังมองเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยที่ 1,200 จุด เหมือนเดิม แต่ตลาดหุ้นในช่วงนี้เหมาะกับการลงทุนในลักษณะเล่นรอบโดยเลือกหุ้นที่ดีเพื่อลงทุนเป็นหลักมากกว่า ส่วนนักลงทุนต่างชาติเองก็คงยังไม่หนีตลาดหุ้นไทยไปไหนแต่คงจะเข้ามาในลักษณะซื้อขายเล่นรอบมากขึ้น เพราะตัวเลขเศรษฐกิจไทยก็ยังดี กำไรบริษัทจดทะเบียนก็ยังดี เงินที่ขายไปเป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น"
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์ คาดว่าน่าจะมีผลกระทบต่อภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลกและส่งผลมาถึงตลาดหุ้นไทยด้วย และคาดว่าจะมีแรงเทขายของนักลงทุนออกมา ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลดลงมาถึงต่ำสุดที่ระดับ 1,040 จุด
"แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะยังคงอ่อนตัวลงต่อเนื่อง คาดว่านักลงทุนต่างชาติน่าจะเทขายหุ้นออกมา แต่การปรับตัวลงคงไม่รุนแรงเพราะที่ผ่านมา ได้มีการคาดการณ์ไว้แล้ว ซึ่งครั้งนี้มีความชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากดัชนีอ่อนตัวลงมาก็น่าจะมีแรงรับซื้อ เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยในระยะยาวยังอยู่ในทิศทางที่ดี ดังนั้น ดัชนีน่าจะมีการดีดตัวกลับขึ้นมาได้บ้าง" นายสมบัติกล่าว
เขากล่าวว่า สมาคมวิเคราะห์หลักทรัพย์ยังไม่มีแนวคิดที่จะทบทวนประมาณการดัชนีปีนี้ใหม่ เนื่องจากเป็นปัจจัยภายนอกประเทศที่เข้ามากดดัน และนักวิเคราะห์ได้ประเมินแนวรับต่ำสุดไว้ที่ 995 จุดแล้ว แต่เชื่อว่าดัชนีไม่น่าจะอ่อนตัวลงไปหลุดกว่า 1 พันจุดได้ง่าย เพราะปัจจัยภายในประเทศเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะปัจจัยทางการเมือง
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนลูกค้าบุคคล สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยเมื่อเปิดทำคาดว่าจะอ่อนตัวลงมาแต่ไม่น่าจะรุนแรงมากนัก เนื่องจากมีการรับรู้และคาดการณ์เรื่องการถูกลดเครดิตไว้แล้ว ดัชนีหุ้นน่าจะสะท้อนไปบางส่วนแล้ว จึงประเมินว่าดัชนีจะอ่อนตัวแต่คงไม่ต่ำกว่าระดับ 1,050 จุด ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เหมาะสมหากเปรียบเทียบกับปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจในปัจจุบัน--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ