เวลาซื้อหุ้น หุ้นขึ้นได้ลงได้ ฝากมือใหม่ครับ

[Jeng]

วิธีการซื้อ หากเรายังไม่ได้ซื้อ ให้ซื้อตอนข่าวร้ายที่ไม่ใช่ข่าวจริง

หรือต่อให้เป็นข่าวร้ายจริงๆ แต่ก็แก้ได้ และราคาหุ้นลงเกินจริง

หากเราไปซื้อตอนข่าวดี แล้วเห็นราคามันลง ก็เป็นธรรมดา ที่เขาเรียกว่า sell on fact

อย่างไรก็ตาม หุ้นจะขึ้นจะลง อย่าไปสนใจมาก เรื่องที่สำคัญคือ ราคานั้นๆ เราคำนวณกลับแล้วว่าเราได้

ผลการลงทุนคุ้มค่าหรือไม่

ผมยกตัวอย่างเช่น ผมซื้อ tks ราคา 6.55 ราคาก็วิ่งลงไป 5.70 ดูเหมือนขาดทุน 12.9 %

ต่อมา tks ก็วิ่งขึ้นไป 7.80 ดูเหมือนจะกำไร 19.08 %

แล้ว tks ก็วิ่งลงมา 6.05 แล้วก็วิ่งมาอยู่แถวๆ 6.60

ได้ปันผล .10

ทีนี้ถ้าเราซื้อเพราะต้องการขาย เวลาหุ้นขึ้น เราก็ดีใจ แล้วเราก็ขาย หากเราซื้อเพื่อขาย

เราก็ต้องเตรียมใจว่า ซื้อแล้วหุ้นก็ลงได้ครับ

สรุปคือหุ้นดี ขึ้นได้ลงได้ หุ้นไม่ดี ก็ขึ้นได้ลงได้

แต่หุ้นดี ถือได้ครับ หุ้นไม่ดี ถือไปหมดตัวได้ครับ

หรืออย่างเร็วๆนี้ snc ก็ลงมาจาก 32 เหลือ 23 ก็น่าจะเข้าไปทำการบ้าน

ว่าหุ้นลงอย่างนี้ เพราะอะไร และน่าซื้อหรือไม่

สักพัก snc ก็วิ่งไปปิด ประมาณ 25

หรืออย่าง uec ประกาศออกมาดี แต่ราคาก็ไหลลง ก็ควรไปศึกษาครับ

หากศึกษาแต่หุ้นจะขึ้น หรือไปซื้อหุ้นที่ขึ้นไปแล้ว และคิดว่า จะขึ้นไปอีก

ลองหันกลับมาศึกษาแบบ ไม่ต้องสนใจว่า หุ้นขึ้นมาเยอะ หรือลงมาเยอะ เอาว่าราคานั้นๆ

กำไรเท่าไร pe เท่าไร g ในอดีต เท่าไร g ในอนาคตเท่าไร กิจการมี คูเมือง ในการป้องกันคู่แข่งมากน้อยแค่ไหน

ผมคิดว่า ถ้าจะลงทุน ก็ต้องรับความเสี่ยงราคาหุ้นขึ้นลงได้ ถ้าเราคิดว่าหุ้นตัวนั้นดีจริงๆ ซื้อแล้วลง เราก็ควรดีใจ หาเงินมาซื้อเพิ่ม กรณีนี้ต้องตีราคาได้จริงๆนะครับ ถ้าไปเล่นหุ้นปั่น ซื้อแล้วลง มันก็ลงต่ออีก แบบนี้ตายเลยนะครับ

สำหรับตัวผมแล้ว ตลาดช่วงนี้เล่นยาก สำหรับมือใหม่ เพราะหุ้นมันขึ้นมาจาก 380 จุด มา 1100 จุด

มีทั้งข่าวดีแรงๆ ของประเทศไทย และข่าวร้ายแรงๆจากต่างประเทศ

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหุ้นจะขึ้นจะลง

แต่ไม่ต้องห่วงครับ ถึงแม้จะขึ้น ก็ต้องลง ถึงแม้หุ้นจะลงก็ต้องขึ้น

หน้าที่ของเรา รีบ ไปทำความเข้าใจว่า หุ้นที่เราจะซื้อ เขาทำกิจการอะไร ยอดขายเป็นอย่างไร กำไรโตมั๊ย และมีแนวโน้มโตต่อมั๊ย เมื่ออยากได้ ราคาที่ซื้อแพงมั๊ยสำหรับเรา ดูอย่างไรว่าแพง

ลองจินตนาการว่า เราจะซื้อทั้งบริษัท กับกำไรนั้นๆ และมีแนวโน้มเติบโตแบบนั้น เราเอามั๊ย ทั้งบริษัท

ถ้าเราเอา ราคานั้นแหละ คือราคา ที่เราคิดว่าแฟร์ สำหรับเรา

ต่อมาถ้าหุ้นลง เราก็ไม่ต้องคิดมาก เพราะมันไม่เกี่ยวกับ ผลที่เราจะได้รับในอนาคต เพราะระยะสั้น หุ้นก็ขึ้นๆลงๆ

แต่ระยะยาวแล้ว ราคาหุ้นก็น่าจะปรับไปตามผลประกอบการณ์

ฝากให้มือใหม่ครับ

[MYBIZ]

ขอบคุณครับ

[carbondale]

ขอบคุณครับ จะคอยเตือนตัวเองให้รอบคอบมากขึ้นครับ

[kabu]

ขอบคุณครับพี่เจ๋ง
เห็นด้วยทุกประการครับ

ข่าวร้ายหรือข่าวลือร้ายๆมักนำมาซึ่งโอกาส
ผลประกอบการขาดทุนบางอย่างก็นำมาซึ่งโอกาส ถ้าเราทราบความเป็นไปของบริษัทและดูงบการเงินอย่างละเอียด ว่าเป็นเพียงการขาดทุนแค่ชั่วคราวของบริษัท ผมชอบติดตามบริษัทที่ขาดทุนจากการตั้งหนี้สูญ
คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราเจอบริษัทพวกนี้ก่อนคนอื่นๆรึป่าว เท่านั้นเอง

[ziannoom]

ขอบคุณครับ สมกับที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ สำหรับฝั่งตรงข้ามผมไม่ได้เข้ามาอวยนะครับ พี่แกพูดดีให้แนวคิด ก็ชมกันไป
ได้แต่หวังว่าจะมีนักลงทุนหน้าใหม่มาสนใจเยอะๆ คนเก่าๆก็ตกผลึกไประดับนึงแล้ว แต่สงสารก็คนรุ่นใหม่ที่หวังรวยทางลัดนี่สิ พอผิดหวังก็เละครับ

[Factor_9]

ลองจินตนาการว่า เราจะซื้อทั้งบริษัท กับกำไรนั้นๆ และมีแนวโน้มเติบโตแบบนั้น เราเอามั๊ย ทั้งบริษัท
ถ้าเราเอา ราคานั้นแหละ คือราคา ที่เราคิดว่าแฟร์ สำหรับเรา

เห็นภาพเรื่องการประเมินราคาเลยครับงงๆมาพอควรแล้ว....ขอบคุณมากครับ

[Jeng]

ลองจินตนาการว่า เราจะซื้อทั้งบริษัท กับกำไรนั้นๆ และมีแนวโน้มเติบโตแบบนั้น เราเอามั๊ย ทั้งบริษัท
ถ้าเราเอา ราคานั้นแหละ คือราคา ที่เราคิดว่าแฟร์ สำหรับเรา

เห็นภาพเรื่องการประเมินราคาเลยครับงงๆมาพอควรแล้ว....ขอบคุณมากครับ

ครับ แล้วก็ต่อยอดอีกหน่อยว่า จริงๆ เราไม่ได้ซื้อทั้งบริษัท

วอเรน บอกว่า ได้เป็นเจ้าของเศษเสี้ยวของเพชร ยังดีกว่าได้เป็นเจ้าของก้อนหินทั้งก้อน

เพราะฉะนั้น เราคิดว่าซื้อทั้งบริษัท ราคานี้เราเอา แต่จริงๆเราซื้อนิดเดียว ก็ควรไปดูเรื่องธรรมาภิบาลยืนยันอีกครั้งว่าเราจะไม่เจอ เรื่องราวพลิกล๊อค เช่น แต่งบัญชี โยกย้ายเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง

จะว่าไปแล้ว เรื่องธรรมาภิบาลเราจะดูก่อน แต่

พอกำไรมันเพิ่มหลายปี ราคาหุ้นขึ้นสูงต่อเนื่อง บางทีเราก็ลืมเรื่องในอดีต ที่เคยยักย้าย ถ่ายเท เป็นข่าวครึกโครม

[Factor_9]

ลองจินตนาการว่า เราจะซื้อทั้งบริษัท กับกำไรนั้นๆ และมีแนวโน้มเติบโตแบบนั้น เราเอามั๊ย ทั้งบริษัท
ถ้าเราเอา ราคานั้นแหละ คือราคา ที่เราคิดว่าแฟร์ สำหรับเรา

เห็นภาพเรื่องการประเมินราคาเลยครับงงๆมาพอควรแล้ว....ขอบคุณมากครับ

ครับ แล้วก็ต่อยอดอีกหน่อยว่า จริงๆ เราไม่ได้ซื้อทั้งบริษัท

วอเรน บอกว่า ได้เป็นเจ้าของเศษเสี้ยวของเพชร ยังดีกว่าได้เป็นเจ้าของก้อนหินทั้งก้อน

เพราะฉะนั้น เราคิดว่าซื้อทั้งบริษัท ราคานี้เราเอา แต่จริงๆเราซื้อนิดเดียว ก็ควรไปดูเรื่องธรรมาภิบาลยืนยันอีกครั้งว่าเราจะไม่เจอ เรื่องราวพลิกล๊อค เช่น แต่งบัญชี โยกย้ายเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง

จะว่าไปแล้ว เรื่องธรรมาภิบาลเราจะดูก่อน แต่

พอกำไรมันเพิ่มหลายปี ราคาหุ้นขึ้นสูงต่อเนื่อง บางทีเราก็ลืมเรื่องในอดีต ที่เคยยักย้าย ถ่ายเท เป็นข่าวครึกโครม

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับพี่เจ๋ง อยากรู้อีกอย่างครับว่าพี่หาข้อมูลธรรมาภิบาลทั้งตัวบริษัทและผู้บริหารจากทางไหนบ้างครับ

[it]

ขอบคุณพี่เจ๋ง มากครับ
ตอนนี้กำลังฝึกฝนหาความรู้ การหาราคาที่เหมาะสม แต่ยังมองอนาคตอนาคตไม่ค่อยออก คงต้องอาศัยประสบการณ์อีกมาก มือใหม่อย่างเรา พอเห็นราคาขึ้นลง ก็อยากซื้อ อยากขาย เนื่องไม่รู้ว่าราคาควรจะอยู่ตรงไหนของปีนั้นๆ ปัญหาใหญ่มาก ตอนนี้ศึกษาต่อไปสักวันก็เป็นวันของเรา สู้ๆๆ

[วรันศ์ บัฟเฟต]

ถูกครับ หุ้นบางทีก็ปรับฐานแรง 30% แล้ววิ่งยาวเป็นเด้งๆ

จุดประสงค์หลักคือเอาราคามาวัดอะไรไม่ได้

[Sumeth6]

การประเมินราคาที่เหมาะสม เป็นเรื่องยากสำหรับมือใหม่ รวมทั้งตัวผมเองด้วย..

อย่างล่าสุดนี้เลย เพิ่งเจอบริษัทที่น่าลงทุนมากๆ เปลี่ยนจากบริษัทที่เคยขาดทุนมาก่อน
จนตอนนี้เปลี่ยน business model ใหม่ ได้ผู้บริหารใหม่ที่ฟังแนวคิดแล้ว ไม่ธรรมดา
และน่าจะมีแนวโน้มที่ดีในอนาคต น่าจะนะครับ

ปัญหาคือ ตอนนี้ราคาอัพขึ้นมาถึง 100-200 เปอร์เซ็นต์ไปแล้ว
เลยได้แต่กล้าๆกลัวๆที่จะเข้าไปลงทุน ...

[mincho]

ขอบคุณพี่เจ๋งมากครับ ที่ให้ความรู้ดีๆครับ

ขอยกตัวอย่างของผมที่เป็นมือใหม่เหมือนกันครับ
ช่วงต้นปี ขาดทุนไป 10% เพราะถือ PTL ตัวเดียวเกือบทั้งport ขาดทุนไป6หลักได้ครับ แต่ผมผิดผมก็ไม่ได้โทษใครนะครับ ผมถือว่าการที่เราผิดแล้วได้วิชาดีกว่าไปกำไรแล้วไปซื้อของสนองกิเลสตัวเองครับ แต่ตอนซื้อ PTL ผมก็อ่านตั้งแต่หน้า1 ไปไม่ต่ำกว่า2รอบนะครับ ไม่ได้ซื้อมั่วๆ(แต่ก็ไม่มีประสบการณ์อะไรเลยครับ เพิ่งเปิดพอร์ตช่วงครึ่งปีหลัง2010ด้วยซ้ำ) หลังจากนั้นผมก็ขยันขึ้นอ่านหุ้นหลายตัวมากขึ้น จนตอนนี้ที่ขาดทุนได้คืนมาแล้วและกำไรรวมปันผล30%ครับ (มีช่วงบางช่วงกำไร50%ด้วยซ้ำครับ)

รู้ลึกอย่างเดียวไม่พอ ต้องรู้กว้างและต้องรู้จักหุ้นหลายๆตัวด้วยครับ เพราะการรู้จักหุ้นตัวเดียวมันอาจจะทำให้เรา biasได้ เพราะเราไม่รู้จะสวิตช์ไปตัวไหนที่ดีกว่าครับ อย่างช่วงราคา BOPET ลงผมเช็คทุกวัน แต่ก็ไม่ได้คิดขาย PTL ไปเพราะคิดว่า อุตส่าอ่านมาตั้งนานขายไปแล้วก็ไม่รู้ไปเข้าตัวไหนครับ และช่วงแรกที่ PTL เขียวๆ ผมก็เคลิ้มมากครับ ไม่ได้ฟังคำเตือนของพวกพี่ๆครับ อย่างคุณฮงก็เตือน คุณnanchan ก็มีบอกทั้งเว็บนี้ทั้งเว็บเพื่อนบ้านครับ โชคดีที่ช่วงราคาลงแรงๆ ผมติดตามความเห็นคุณ leaderinshadow อยู่เสมอ ทั้งในเว็บนี้และในพันทิพครับ เลยรอดมาได้แบบยังเจ็บตัวไม่มากครับ

การขายหุ้นที่เราอ่านมาเยอะๆ มันทำใจยากจริงๆครับ ยิ่งเรารู้จักหุ้นน้อยๆยิ่งขายยาก เพราะไม่รู้จะสวิตช์ไปตัวไหน ซึงผมต้องกลับไปอ่านกระทู้ของคุณ invisible hand อันอันนี้หลายรอบมากครับ http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=35&t=28845


สุดท้ายขอบคุณพี่ๆ ที่ชวยแบ่งปันความรู้ครับ ซึ่งผมคิดว่าการที่เราจะประสบความสำเร็จ นอกจากการที่พี่ๆแบ่งปันความรู้ให้แล้ว ส่วนมากต้องอยู่ที่คนๆนั้นด้วยครับว่า ต้อง "พยายามใฝ่หาความรู้อยู่เสมอครับ"

ผมเชื่อว่ากระทู้ที่พี่เจ๋งเขียนอันนี้ มีประโยชน์สำหรับผมและมือใหม่มากครับ แต่ส่วนพวกตัวป่วนเว็บเค้าก็คงไม่ได้เข้ามาอ่านอยู่ดีครับ เพราะเค้าคิดแค่ว่า "ซื้อตามเซียนก็กำไรแล้ว"

[luangrit]

ขอบคุณพี่เจ๋งมากครับ เตือนสติได้ดีจริงๆ