ส่งออกปีหน้าออร์เดอร์หลุดซ้ำ
-
- Verified User
- โพสต์: 73
- ผู้ติดตาม: 0
ส่งออกปีหน้าออร์เดอร์หลุดซ้ำ
โพสต์ที่ 1
Home ข่าวหน้า1 ข่าวหน้า1 ส่งออกปีหน้าออร์เดอร์หลุดซ้ำ
Air conditioners
ส่งออกปีหน้าออร์เดอร์หลุดซ้ำ
วันพุธที่ 19 ตุลาคม 2011 เวลา 09:44 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ ข่าวหน้า1 - ข่าวหน้า1
User Rating: / 1
แย่ดีที่สุด
ส่งออกไทยทรุดส่งท้ายปี ม.หอการค้าไทยประเมิน น้ำท่วมใหญ่กระแทก ส่งออกไตรมาสสุดท้ายวูบแน่กว่าแสนล้านบาท เด้งสองห่วงปีหน้าออร์เดอร์หลุด ส้มหล่นเพื่อนบ้าน หากการฟื้นฟูการผลิตของโรงงานนับพันลากยาว รถยนต์ฟันธงยอดส่งออกปีนี้หายเกือบ 5 หมื่นคัน อิเล็กทรอนิกส์รอสำรวจความเสียหายหลังน้ำลด แต่เชื่อสูญไม่ต่ำกว่าแสนล้านเช่นกัน จับตารัฐสั่งปรับค่าจ้างซ้ำเติมน้ำท่วม ฟางเส้นสุดท้ายค่ายยักษ์ใหญ่จ่อย้ายฐาน
ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า จากน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่ส่งผลให้โรงงานอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรม/เขตอุตสาหกรรม 5 แห่งในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี เกือบ 1,000 โรงได้รับความเสียหาย ไม่สามารถผลิตสินค้าส่งมอบให้กับลูกค้าได้ คาดจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ มูลค่าประมาณ 70,000-100,000 ล้านบาท
จากเดิมที่ยังไม่มีเหตุการณ์น้ำท่วม ทางศูนย์ได้ประเมินการส่งออกในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ จะลดลงประมาณ 60,000-63,000 ล้านบาท จากผลกระทบวิกฤติหนี้สาธารณะของยุโรป ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกที่จะลดลงไปจากผลกระทบน้ำท่วม ส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารและเครื่องมือแพทย์ ที่มีโรงงานตั้งอยู่ในนิคม/เขตอุตสาหกรรม ที่ได้รับความเสียหายเป็นหลัก
-เพื่อนบ้านรอส้มหล่น
ขณะเดียวกันจากที่บางโรงงาน เช่น โรงงานผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ของบริษัท เวสเทิร์นดิจิตอล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ใหญ่ระดับโลก โรงงานประกอบรถยนต์ค่ายฮอนด้าที่ถูกน้ำท่วม จะส่งผลกระทบถึงโรงงานผลิตชิ้นส่วนในจังหวัดอื่นของประเทศ ที่อยู่ในระบบห่วงโซ่การผลิต หรือซัพพลายเชนที่เกี่ยวเนื่อง จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย รวมถึงโรงงานผลิตเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนรถยนต์ในอีกหลายประเทศ ที่ต้องนำเข้าชิ้นส่วนดังกล่าวไปผลิตเพื่อส่งออกต่ออีกทอดหนึ่ง จะได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่เช่นกัน
"ที่น่าจับตามองคือ การฟื้นฟูธุรกิจของแต่ละบริษัทจะใช้เวลานานแค่ไหน หากต้องใช้เวลานาน ลูกค้าจะเริ่มเกิดความไม่มั่นใจ อาจหันไปสั่งซื้อสินค้าจากประเทศอื่น ที่สามารถทดแทนกันได้แทน เช่น จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และอื่น ๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกในไตรมาสแรกของปีหน้า"
-ส่งออกรถวูบ 5 หมื่นคัน
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า จากน้ำท่วมโรงงานประกอบรถยนต์ของค่ายฮอนด้า รวมถึงโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ร่วม 50 โรง ที่ป้อนให้กับทุกค่ายรถยนต์ในประเทศ ได้รับความเสียหาย คาดจะส่งผลกระทบต่อยอดการผลิต และการส่งออกรถยนต์ของไทย ที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศของทุกโรงงาน ที่จะลดลงรวมกันประมาณ 50,000 คัน ซึ่งส่วนใหญ่มองว่าเป็นรุ่นที่ผลิตเพื่อส่งออก
"หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น เมื่อต้นปี ทางกลุ่มประเมินว่า ปีนี้ไทยจะผลิตรถยนต์ได้ที่ 1.8 ล้านคัน แบ่งเป็นส่งออก 9 แสนคัน และขายในประเทศ 9 แสนคัน แต่จากน้ำท่วมทำให้การผลิตและการส่งมอบมีปัญหา ยอดการผลิตรถยนต์ปีนี้คงต่ำกว่าที่ประเมินไว้ และยอดการส่งออกคงไม่ถึง 9 แสนคัน แต่จะต่ำกว่าที่ประเมินมากน้อยแค่ไหน ยังไม่สามารถประเมินได้ คงต้องรอให้น้ำลด และต้องรอเวลาให้แต่ละโรงงานเข้าไปฟื้นฟูธุรกิจ ซ่อมแซมเครื่องจักร เพื่อให้สามารถกลับมาประกอบการได้อีกครั้ง ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน หากใช้เวลาฟื้นฟูนานอาจส่งผลให้ลูกค้าต่างประเทศ หันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทนได้"
-อิเล็กทรอนิกส์โดนแสนล.
นายศุภชัย สิทธิพงษ์ชัย ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ส.อ.ท. กล่าวว่า จากน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้มีผลให้โรงงานในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เพราะพื้นที่น้ำท่วมถือเป็นฐานการผลิตระดับโลก ซึ่งทางกลุ่มยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายของสินค้าที่ผลิต รวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับการส่งออกได้ เนื่องจากแต่ละโรงงานยังไม่ทราบความเสียหายที่ชัดเจน เพราะน้ำท่วมยังไม่คลี่คลาย หลายโรงงานยังมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเพิ่มอีก ดังนั้น จึงยังไม่สามารถเข้าไปสำรวจความเสียหายได้ แต่เชื่อว่าจะมูลค่านับแสนล้านบาทเช่นกัน
อนึ่ง นักวิเคราะห์ชี้ว่า การที่ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ ไดรฟ์ รายใหญ่หลายราย ที่มีฐานการผลิตในไทย ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เช่น เวสเทิร์น ดิจิตอล ,ซีเกต เทคโนโลยี,ฮัทชิสัน เทคโนโลยี ,โตชิบา จะส่งผลให้ราคาฮาร์ดดิสก์ อาจปรับตัวสูงขึ้น และอาจเกิดปัญหาปริมาณซัพพลายโลกขาดแคลนได้ในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ซึ่งอาจเลวร้ายกว่าปัญหาซัพพลายชิ้นส่วนรถยนต์ จากเหตุแผ่นดินไหว และสึนามิในญี่ปุ่น
-โวยปรับค่าจ้างซ้ำจ่อย้ายฐาน
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า สิ่งที่ที่น่าห่วง และน่าจับตามองจากนี้ไปคือ บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ มีโอกาสที่บริษัทแม่จะพิจารณาย้ายฐานการผลิตจากประเทศไทย เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงที่เป็นองค์ประกอบหลายประการ ที่สำคัญคือ ปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่โรงงานเหล่านี้ต้องการใช้แรงงานในการผลิตสินค้าเป็นจำนวนมาก บางโรงใช้เป็นหมื่นคน แต่ไม่สามารถหาแรงงานได้ อีกทั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ยังห้ามบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมใช้แรงงานต่างด้าว ถัดมาคือเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ทำให้โรงงานได้รับความเสียหายอย่างสิ้นเชิง และล่าสุด (17 ต.ค.2554) คณะกรรมการค่าจ้างกลาง ที่มีรัฐเป็นแกนนำ ยังได้มีมติปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศตามที่หาเสียงไว้อีก อาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่เขาต้องพิจารณาย้ายฐาน
"การย้ายฐานไม่ใช่พูดกันลอย ๆ เพราะที่ฟังมาจากนักลงทุนต่างชาติ เขาบ่นกันมาก เพราะรัฐไม่สนใจว่าเขาเดือดร้อนอย่างไร แถมยังมาปรับค่าจ้างขึ้นอีก โดยไม่ดูความเหมาะสมของสถานการณ์ ซึ่งหากเขาย้ายฐานจะส่งผลต่อตัวเลขการส่งออกที่จะหายไปอีกมหาศาล"
-อาหารยันไม่กระทบมาก
ด้านนายคึกฤทธิ์ อารีปกรณ์ ผู้จัดการสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย กล่าวว่า ในเขตภาคกลางมีหลายจังหวัดที่เลี้ยงไก่เนื้อ เช่น นครสวรรค์ เลี้ยงและมีผลผลิตเดือนละ 2-3 ล้านตัว อุทัยธานีเดือนละประมาณ 2 แสนตัว อยุธยา 1 ล้านตัว อ่างทอง 6-7 แสนตัว แต่แหล่งเลี้ยงใหญ่ เช่น ลพบุรี 10 ล้านตัวต่อเดือน ชลบุรี 12 ล้านตัวต่อเดือน ได้รับผลกระทบไม่มาก ความเสียหายทางสมาคมอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล เบื้องต้นคาดว่าคงไม่กระทบมาก ดังนั้น จึงยังตั้งเป้าหมายการส่งออกไก่แปรรูปในปีนี้ ที่ 4.5 แสนตันเช่นเดิม
ส่วนนายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ส.อ.ท. กล่าวว่า จากน้ำท่วมครั้งนี้ มีโรงงานในกลุ่มอาหารได้รับความเสียหายไม่มาก ที่ทราบมีโรงงานของบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะฯ ที่ผลิตผงชูรสขายในประเทศและส่งออก รวมถึงโรงงานของบริษัทนิปปอนฯ ซึ่งผลิตอาหารแช่แข็งได้รับความเสียหาย ขณะที่โรงงานผลิตน้ำผลไม้ และผลไม้กระป๋อง ส่วนใหญ่ตั้งอยู่แถบภาคเหนือ โรงงานปลาทูน่า อาหารทะเลกระป๋อง และโรงงานแปรรูปกุ้ง ส่วนใหญ่ตั้งอยู่แถบจังหวัดสมุทรสาคร และทางภาคใต้ ซึ่งยังไม่มีปัญหาน้ำท่วม ดังนั้น จึงยังมั่นใจว่า การส่งออกสินค้าอาหารของไทยในปีนี้จะยังทำได้ที่ 9 แสนล้านบาทตามเป้าหมาย
-พาณิชย์เร่งช่วยฟื้นฟู
ด้านนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการส่งออก ไปรวบรวมผลกระทบน้ำท่วมต่อของอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงสิ่งที่อุตสาหกรรมต้องการให้ช่วยเหลือ จากนั้นจะรวบรวมปัญหา เพื่อนำเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ช่วยเหลือ ทั้งนี้ เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบฟื้นตัวได้โดยเร็ว เพราะไม่เช่นนั้นภาคการส่งออกไทยจะได้รับผลกระทบแน่
ขณะที่นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า ยังมั่นใจการส่งออกของไทยในปี 2554 จะขยายตัวที่ 15 % มูลค่าประมาณ 224,608 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพราะช่วง 8 เดือนแรกขยายตัวแล้วถึง 26.4% ส่วนใหญ่เดือนที่เหลือของปีนี้ ได้มีคำสั่งซื้อล่วงหน้ากันไปเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงการส่งมอบที่บางสินค้าอาจมีปัญหาล่าช้าบ้าง จากภาวะน้ำท่วม ซึ่งได้มอบหมายทูตพาณิชย์ทั่วโลก ทำความเข้าใจกับคู่ค้าแล้ว
"ที่น่าเป็นห่วงคือ การส่งออกในไตรมาสแรกของปี 2555 อาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมอย่างชัดเจน ทำให้การส่งออกขยายตัวลดลง เพราะเท่าที่ได้รับรายงานผลกระทบของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ส่วนใหญ่ให้ข้อมูลตรงกันว่า ไม่สามารถเดินเครื่องผลิตสินค้าได้ มีปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ ไม่สามารถจัดส่งวัตถุดิบไปยังโรงงานได้ แรงงานไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ และไม่สามารถจัดส่งสินค้าตามคำสั่งซื้อตรงเวลาได้ ซึ่งความเสียหายจากน้ำท่วมต่อภาคการผลิตและการส่งออกที่ชัดเจน อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล แต่ที่จะกระทบมากในเบื้องต้น อยู่ในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และรถยนต์"
-บิ๊กบ.จดทะเบียนแจ้งตลาด
ขณะเดียวกันบริษัทที่ได้รับผลกระทบทยอยแจ้งตลาดแล้ว จากการรวบรวมของ "ฐานเศรษฐกิจ" ช่วง 3-18 ตุลาคมที่ผ่านมา มีบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และแจ้งตลาดแล้ว 25 บริษัท จากจำนวนบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ 43 บริษัท ทั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ฯ บริษัทประกัน ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ นิคมอุตสาหกรรม กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม โรงผลิตเหล็ก ถ่านหิน สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องดื่ม โรงไฟฟ้า เป็นต้น
ทั้งนี้ นายยรรยงค์ สวัสดิ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงินและบริการ บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯขอปิดทำการชั่วคราว เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมในบริเวณโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และจะเปิดทำการปกติในวันที่ 17 ตุลาคม 2554 แล้ว เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมรุนแรงเกินกว่าที่จะสามารถควบคุมได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ทำประกันภัยครอบคลุมทุกความเสี่ยง มูลค่ารวม 3,854 ล้านบาทไว้แล้ว
-18รายเฝ้าระวังเข้ม
ขณะที่นายเย็บ ซู ซาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาปิโก ไฮเทค แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯเช่นกันว่า โรงงานของบริษัทในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค จ.พระนครศรีอยุธยา ได้หยุดการผลิตและปิดโรงงานชั่วคราว ในส่วนของความเสียหายไม่สามารถประเมินได้ เป็นต้น
ส่วนบริษัทจดทะเบียนที่ยังเฝ้าระวังผลกระทบเวลานี้มี 18 บริษัท ในธุรกิจถ่านหิน ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตเหล็กและกองทุนรวมอสังหาฯ อาทิ บมจ.ลานนารีซอร์สเซส บมจ. อิโนเว รับเบอร์ บมจ.ร้อกเวิธ บมจ.กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) บมจ.พรพรหมเม็ททอล บมจ.ไทยคูน เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) บมจ.เอ็ม.ซี.เอส.สตีล บมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี และ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อีก 4 แห่ง เป็นต้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,680 20 - 22 ตุลาคม พ.ศ. 2554
Air conditioners
ส่งออกปีหน้าออร์เดอร์หลุดซ้ำ
วันพุธที่ 19 ตุลาคม 2011 เวลา 09:44 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ ข่าวหน้า1 - ข่าวหน้า1
User Rating: / 1
แย่ดีที่สุด
ส่งออกไทยทรุดส่งท้ายปี ม.หอการค้าไทยประเมิน น้ำท่วมใหญ่กระแทก ส่งออกไตรมาสสุดท้ายวูบแน่กว่าแสนล้านบาท เด้งสองห่วงปีหน้าออร์เดอร์หลุด ส้มหล่นเพื่อนบ้าน หากการฟื้นฟูการผลิตของโรงงานนับพันลากยาว รถยนต์ฟันธงยอดส่งออกปีนี้หายเกือบ 5 หมื่นคัน อิเล็กทรอนิกส์รอสำรวจความเสียหายหลังน้ำลด แต่เชื่อสูญไม่ต่ำกว่าแสนล้านเช่นกัน จับตารัฐสั่งปรับค่าจ้างซ้ำเติมน้ำท่วม ฟางเส้นสุดท้ายค่ายยักษ์ใหญ่จ่อย้ายฐาน
ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า จากน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่ส่งผลให้โรงงานอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรม/เขตอุตสาหกรรม 5 แห่งในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี เกือบ 1,000 โรงได้รับความเสียหาย ไม่สามารถผลิตสินค้าส่งมอบให้กับลูกค้าได้ คาดจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ มูลค่าประมาณ 70,000-100,000 ล้านบาท
จากเดิมที่ยังไม่มีเหตุการณ์น้ำท่วม ทางศูนย์ได้ประเมินการส่งออกในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ จะลดลงประมาณ 60,000-63,000 ล้านบาท จากผลกระทบวิกฤติหนี้สาธารณะของยุโรป ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกที่จะลดลงไปจากผลกระทบน้ำท่วม ส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารและเครื่องมือแพทย์ ที่มีโรงงานตั้งอยู่ในนิคม/เขตอุตสาหกรรม ที่ได้รับความเสียหายเป็นหลัก
-เพื่อนบ้านรอส้มหล่น
ขณะเดียวกันจากที่บางโรงงาน เช่น โรงงานผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ของบริษัท เวสเทิร์นดิจิตอล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ใหญ่ระดับโลก โรงงานประกอบรถยนต์ค่ายฮอนด้าที่ถูกน้ำท่วม จะส่งผลกระทบถึงโรงงานผลิตชิ้นส่วนในจังหวัดอื่นของประเทศ ที่อยู่ในระบบห่วงโซ่การผลิต หรือซัพพลายเชนที่เกี่ยวเนื่อง จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย รวมถึงโรงงานผลิตเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนรถยนต์ในอีกหลายประเทศ ที่ต้องนำเข้าชิ้นส่วนดังกล่าวไปผลิตเพื่อส่งออกต่ออีกทอดหนึ่ง จะได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่เช่นกัน
"ที่น่าจับตามองคือ การฟื้นฟูธุรกิจของแต่ละบริษัทจะใช้เวลานานแค่ไหน หากต้องใช้เวลานาน ลูกค้าจะเริ่มเกิดความไม่มั่นใจ อาจหันไปสั่งซื้อสินค้าจากประเทศอื่น ที่สามารถทดแทนกันได้แทน เช่น จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และอื่น ๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกในไตรมาสแรกของปีหน้า"
-ส่งออกรถวูบ 5 หมื่นคัน
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า จากน้ำท่วมโรงงานประกอบรถยนต์ของค่ายฮอนด้า รวมถึงโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ร่วม 50 โรง ที่ป้อนให้กับทุกค่ายรถยนต์ในประเทศ ได้รับความเสียหาย คาดจะส่งผลกระทบต่อยอดการผลิต และการส่งออกรถยนต์ของไทย ที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศของทุกโรงงาน ที่จะลดลงรวมกันประมาณ 50,000 คัน ซึ่งส่วนใหญ่มองว่าเป็นรุ่นที่ผลิตเพื่อส่งออก
"หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น เมื่อต้นปี ทางกลุ่มประเมินว่า ปีนี้ไทยจะผลิตรถยนต์ได้ที่ 1.8 ล้านคัน แบ่งเป็นส่งออก 9 แสนคัน และขายในประเทศ 9 แสนคัน แต่จากน้ำท่วมทำให้การผลิตและการส่งมอบมีปัญหา ยอดการผลิตรถยนต์ปีนี้คงต่ำกว่าที่ประเมินไว้ และยอดการส่งออกคงไม่ถึง 9 แสนคัน แต่จะต่ำกว่าที่ประเมินมากน้อยแค่ไหน ยังไม่สามารถประเมินได้ คงต้องรอให้น้ำลด และต้องรอเวลาให้แต่ละโรงงานเข้าไปฟื้นฟูธุรกิจ ซ่อมแซมเครื่องจักร เพื่อให้สามารถกลับมาประกอบการได้อีกครั้ง ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน หากใช้เวลาฟื้นฟูนานอาจส่งผลให้ลูกค้าต่างประเทศ หันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทนได้"
-อิเล็กทรอนิกส์โดนแสนล.
นายศุภชัย สิทธิพงษ์ชัย ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ส.อ.ท. กล่าวว่า จากน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้มีผลให้โรงงานในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เพราะพื้นที่น้ำท่วมถือเป็นฐานการผลิตระดับโลก ซึ่งทางกลุ่มยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายของสินค้าที่ผลิต รวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับการส่งออกได้ เนื่องจากแต่ละโรงงานยังไม่ทราบความเสียหายที่ชัดเจน เพราะน้ำท่วมยังไม่คลี่คลาย หลายโรงงานยังมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเพิ่มอีก ดังนั้น จึงยังไม่สามารถเข้าไปสำรวจความเสียหายได้ แต่เชื่อว่าจะมูลค่านับแสนล้านบาทเช่นกัน
อนึ่ง นักวิเคราะห์ชี้ว่า การที่ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ ไดรฟ์ รายใหญ่หลายราย ที่มีฐานการผลิตในไทย ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เช่น เวสเทิร์น ดิจิตอล ,ซีเกต เทคโนโลยี,ฮัทชิสัน เทคโนโลยี ,โตชิบา จะส่งผลให้ราคาฮาร์ดดิสก์ อาจปรับตัวสูงขึ้น และอาจเกิดปัญหาปริมาณซัพพลายโลกขาดแคลนได้ในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ซึ่งอาจเลวร้ายกว่าปัญหาซัพพลายชิ้นส่วนรถยนต์ จากเหตุแผ่นดินไหว และสึนามิในญี่ปุ่น
-โวยปรับค่าจ้างซ้ำจ่อย้ายฐาน
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า สิ่งที่ที่น่าห่วง และน่าจับตามองจากนี้ไปคือ บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ มีโอกาสที่บริษัทแม่จะพิจารณาย้ายฐานการผลิตจากประเทศไทย เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงที่เป็นองค์ประกอบหลายประการ ที่สำคัญคือ ปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่โรงงานเหล่านี้ต้องการใช้แรงงานในการผลิตสินค้าเป็นจำนวนมาก บางโรงใช้เป็นหมื่นคน แต่ไม่สามารถหาแรงงานได้ อีกทั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ยังห้ามบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมใช้แรงงานต่างด้าว ถัดมาคือเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ทำให้โรงงานได้รับความเสียหายอย่างสิ้นเชิง และล่าสุด (17 ต.ค.2554) คณะกรรมการค่าจ้างกลาง ที่มีรัฐเป็นแกนนำ ยังได้มีมติปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศตามที่หาเสียงไว้อีก อาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่เขาต้องพิจารณาย้ายฐาน
"การย้ายฐานไม่ใช่พูดกันลอย ๆ เพราะที่ฟังมาจากนักลงทุนต่างชาติ เขาบ่นกันมาก เพราะรัฐไม่สนใจว่าเขาเดือดร้อนอย่างไร แถมยังมาปรับค่าจ้างขึ้นอีก โดยไม่ดูความเหมาะสมของสถานการณ์ ซึ่งหากเขาย้ายฐานจะส่งผลต่อตัวเลขการส่งออกที่จะหายไปอีกมหาศาล"
-อาหารยันไม่กระทบมาก
ด้านนายคึกฤทธิ์ อารีปกรณ์ ผู้จัดการสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย กล่าวว่า ในเขตภาคกลางมีหลายจังหวัดที่เลี้ยงไก่เนื้อ เช่น นครสวรรค์ เลี้ยงและมีผลผลิตเดือนละ 2-3 ล้านตัว อุทัยธานีเดือนละประมาณ 2 แสนตัว อยุธยา 1 ล้านตัว อ่างทอง 6-7 แสนตัว แต่แหล่งเลี้ยงใหญ่ เช่น ลพบุรี 10 ล้านตัวต่อเดือน ชลบุรี 12 ล้านตัวต่อเดือน ได้รับผลกระทบไม่มาก ความเสียหายทางสมาคมอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล เบื้องต้นคาดว่าคงไม่กระทบมาก ดังนั้น จึงยังตั้งเป้าหมายการส่งออกไก่แปรรูปในปีนี้ ที่ 4.5 แสนตันเช่นเดิม
ส่วนนายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ส.อ.ท. กล่าวว่า จากน้ำท่วมครั้งนี้ มีโรงงานในกลุ่มอาหารได้รับความเสียหายไม่มาก ที่ทราบมีโรงงานของบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะฯ ที่ผลิตผงชูรสขายในประเทศและส่งออก รวมถึงโรงงานของบริษัทนิปปอนฯ ซึ่งผลิตอาหารแช่แข็งได้รับความเสียหาย ขณะที่โรงงานผลิตน้ำผลไม้ และผลไม้กระป๋อง ส่วนใหญ่ตั้งอยู่แถบภาคเหนือ โรงงานปลาทูน่า อาหารทะเลกระป๋อง และโรงงานแปรรูปกุ้ง ส่วนใหญ่ตั้งอยู่แถบจังหวัดสมุทรสาคร และทางภาคใต้ ซึ่งยังไม่มีปัญหาน้ำท่วม ดังนั้น จึงยังมั่นใจว่า การส่งออกสินค้าอาหารของไทยในปีนี้จะยังทำได้ที่ 9 แสนล้านบาทตามเป้าหมาย
-พาณิชย์เร่งช่วยฟื้นฟู
ด้านนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการส่งออก ไปรวบรวมผลกระทบน้ำท่วมต่อของอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงสิ่งที่อุตสาหกรรมต้องการให้ช่วยเหลือ จากนั้นจะรวบรวมปัญหา เพื่อนำเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ช่วยเหลือ ทั้งนี้ เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบฟื้นตัวได้โดยเร็ว เพราะไม่เช่นนั้นภาคการส่งออกไทยจะได้รับผลกระทบแน่
ขณะที่นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า ยังมั่นใจการส่งออกของไทยในปี 2554 จะขยายตัวที่ 15 % มูลค่าประมาณ 224,608 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพราะช่วง 8 เดือนแรกขยายตัวแล้วถึง 26.4% ส่วนใหญ่เดือนที่เหลือของปีนี้ ได้มีคำสั่งซื้อล่วงหน้ากันไปเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงการส่งมอบที่บางสินค้าอาจมีปัญหาล่าช้าบ้าง จากภาวะน้ำท่วม ซึ่งได้มอบหมายทูตพาณิชย์ทั่วโลก ทำความเข้าใจกับคู่ค้าแล้ว
"ที่น่าเป็นห่วงคือ การส่งออกในไตรมาสแรกของปี 2555 อาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมอย่างชัดเจน ทำให้การส่งออกขยายตัวลดลง เพราะเท่าที่ได้รับรายงานผลกระทบของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ส่วนใหญ่ให้ข้อมูลตรงกันว่า ไม่สามารถเดินเครื่องผลิตสินค้าได้ มีปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ ไม่สามารถจัดส่งวัตถุดิบไปยังโรงงานได้ แรงงานไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ และไม่สามารถจัดส่งสินค้าตามคำสั่งซื้อตรงเวลาได้ ซึ่งความเสียหายจากน้ำท่วมต่อภาคการผลิตและการส่งออกที่ชัดเจน อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล แต่ที่จะกระทบมากในเบื้องต้น อยู่ในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และรถยนต์"
-บิ๊กบ.จดทะเบียนแจ้งตลาด
ขณะเดียวกันบริษัทที่ได้รับผลกระทบทยอยแจ้งตลาดแล้ว จากการรวบรวมของ "ฐานเศรษฐกิจ" ช่วง 3-18 ตุลาคมที่ผ่านมา มีบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และแจ้งตลาดแล้ว 25 บริษัท จากจำนวนบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ 43 บริษัท ทั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ฯ บริษัทประกัน ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ นิคมอุตสาหกรรม กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม โรงผลิตเหล็ก ถ่านหิน สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องดื่ม โรงไฟฟ้า เป็นต้น
ทั้งนี้ นายยรรยงค์ สวัสดิ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงินและบริการ บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯขอปิดทำการชั่วคราว เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมในบริเวณโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และจะเปิดทำการปกติในวันที่ 17 ตุลาคม 2554 แล้ว เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมรุนแรงเกินกว่าที่จะสามารถควบคุมได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ทำประกันภัยครอบคลุมทุกความเสี่ยง มูลค่ารวม 3,854 ล้านบาทไว้แล้ว
-18รายเฝ้าระวังเข้ม
ขณะที่นายเย็บ ซู ซาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาปิโก ไฮเทค แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯเช่นกันว่า โรงงานของบริษัทในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค จ.พระนครศรีอยุธยา ได้หยุดการผลิตและปิดโรงงานชั่วคราว ในส่วนของความเสียหายไม่สามารถประเมินได้ เป็นต้น
ส่วนบริษัทจดทะเบียนที่ยังเฝ้าระวังผลกระทบเวลานี้มี 18 บริษัท ในธุรกิจถ่านหิน ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตเหล็กและกองทุนรวมอสังหาฯ อาทิ บมจ.ลานนารีซอร์สเซส บมจ. อิโนเว รับเบอร์ บมจ.ร้อกเวิธ บมจ.กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) บมจ.พรพรหมเม็ททอล บมจ.ไทยคูน เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) บมจ.เอ็ม.ซี.เอส.สตีล บมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี และ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อีก 4 แห่ง เป็นต้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,680 20 - 22 ตุลาคม พ.ศ. 2554
-
- Verified User
- โพสต์: 73
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ส่งออกปีหน้าออร์เดอร์หลุดซ้ำ
โพสต์ที่ 2
โลกป่วน ไทยหยุดผลิตฮาร์ดดิสก์ ปิด6นิคมไม่มีกำหนด ลงทุน3.4แสนล้านเคว้งShare49
น้ำท่วม 6 นิคมอุตสาหกรรม โรงงาน 799 แห่ง มูลค่าการลงทุนมากกว่า 341,623 ล้านบาท จมไปกับสายน้ำ พร้อมแรงงาน 317,285 คน เผยอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เสียหายหนักที่สุดกว่า 70 โรงงาน รองลงมาได้แก่ โรงงานรถยนต์และชิ้นส่วน โรงฉีดขึ้นรูปพลาสติก กระทบต่อเนื่องในฐานะซัพพลายเชนลามไปถึงโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอื่นต้องหยุดผลิตตามไปด้วย ภาคเอกชนวอนรัฐตั้งกองทุนอุตสาหกรรม ฟื้นฟูหลังน้ำลด เรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา
เพียงไม่ถึง 2 สัปดาห์มีนิคมอุตสาหกรรมถึง 6 แห่งที่ได้รับผลกระทบและจมอยู่ใต้กระแสน้ำที่ไหลบ่าลงมาจากจังหวัดนครสวรรค์-ลพบุรี-อยุธยา ได้แก่
นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร พื้นที่ 905 ไร่ จำนวนโรงงาน 43 แห่ง แรงงาน 16,000 คน มูลค่าการลงทุน 19,000 ล้านบาท, นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) พื้นที่ 4,858 ไร่ จำนวนโรงงาน 143 แห่ง แรงงาน 51,185 คน มูลค่าการลงทุน 65,312 ล้านบาท, นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน พื้นที่ 1,386 ไร่ โรงงาน 89 แห่ง แรงงาน 60,000 คน มูลค่าการลงทุน 60,000 ล้านบาท
สวนอุตสาหกรรมโรจนะ พื้นที่ 12,000 ไร่ โรงงาน 198 แห่ง แรงงาน 90,000 คน มูลค่าการลงทุน 58,000 ล้านบาท, สวนอุตสาหกรรมแฟคตอรี่แลนด์ พื้นที่ 130 ไร่ โรงงาน 572 แห่ง แรงงาน 99 คน มูลค่าการลงทุน 11,000 ล้านบาท และสวนอุตสาหกรรมนวนคร พื้นที่ 6,500 ไร่ โรงงาน 227 แห่ง แรงงาน 100,000 คน มูลค่าการลงทุน 128,311 ล้านบาท (พื้นที่นิคมถูกน้ำท่วมมากกว่า 50% ไปแล้ว)
รวมโรงงานที่ได้รับผลกระทบจนต้องหยุดการผลิตเป็นการชั่วคราว 799 แห่ง จำนวนแรงงานที่ได้รับผลกระทบ 317,285 คน คิดเป็นมูลค่าการลงทุนที่ได้รับความเสียหายมากกว่า 341,623 ล้านบาท
รง.อิเล็กทรอนิกส์เสียหายหนักสุด
"ประชาชาติธุรกิจ" ได้สำรวจรายชื่อโรงงานที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 6 แห่งเป็นรายหมวดอุตสาหกรรม พบว่าโรงงานผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จะได้รับความเสียหายจากวิกฤตน้ำท่วมในครั้งนี้มากที่สุดถึง 70 แห่ง รองลงมาได้แก่ โรงงานประกอบรถยนต์/ชิ้นส่วนอุปกรณ์ 65 แห่ง, โรงงานผลิตภัณฑ์พลาสติกแลพชิ้นส่วนหล่อขึ้นรูป-โรงฉีดและเม็ดพลาสติก 42 แห่ง, โรงงานผลิตอาหารและเครื่องดื่ม 31 แห่ง และโรงงานแม่พิมพ์ 30 แห่ง ครอบคลุมบริษัทสำคัญ ๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นของนักลงทุนญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ผลจากน้ำท่วม 6 นิคมในขณะนี้ถือว่าเป็นแหล่งรวมคลัสเตอร์ของอุตสาห กรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะในจังหวัดอยุธยา มีมูลค่าการผลิตคิดเป็นสัดส่วน 30-40% ของทั้งประเทศ รวมทั้งมีการเชื่อมโยงกับซัพพลายเชนในจังหวัดอื่น ๆ ทั้งปทุมธานี นครราชสีมา และปราจีนบุรี
นอกจากนี้วอลล์สตรีต เจอร์นัล รายงานว่า ปัญหาอุทกภัยในประเทศไทยนั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของโลก รวมทั้งอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ เนื่องจากประเทศไทยถือว่าเป็นฐานผลิตฮาร์ดดิสก์ ไดร์ฟที่สำคัญราว 40% ของโลก โดยเฉพาะ "เวสเทิร์น ดิจิตอล" (WD) ซึ่งมีฐานการผลิตในเมืองไทยอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอินและนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ขณะนี้ต้องหยุดการผลิตทั้ง 2 โรงงาน โดยไตรมาสที่ผ่านมาเวสเทิร์น ดิจิตอลส่งฮาร์ดดิสก์ออกสู่ตลาดโลก 54 ล้านชิ้น ซึ่งในจำนวนนี้ 60% เป็นผลผลิตจากโรงงานในไทย ส่งผลให้เกิดความกังวลกันว่า ในไตรมาส 4 ที่จะถึงอาจเกิดเหตุการณ์ฮาร์ดดิสก์ขาดแคลนขึ้นได้
และนอกจากเวสเทิร์น ดิจิตอลแล้ว ยังมีซัพพลายเชนของฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ต้องหยุดชะงักจากวิกฤตน้ำท่วมในไทย ทั้งฮัทชินสัน เทคโนโลยี, โอเอ็นเซมิคอนดักเตอร์ และไมโครเซมิ ผู้ผลิตชิปก็โดนหางเลขด้วย ซึ่งในส่วนของซีเกทเทคโนโลยี แม้ว่าโรงงานจะไม่ถูกผลกระทบแต่ก็ประสบปัญหาเรื่องซัพพลายเชน ทำให้น้ำท่วมในไทยเป็นการซ้ำเติมบริษัทเหล่านี้ที่ต้องประสบปัญหาซัพพลายขาดแคลนมาแล้วจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่นเมื่อมีนาคมที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์มองว่า อุทกภัยในไทยซึ่งเป็นแหล่งส่งออกฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์อันดับสองของโลกอาจกดดันให้ราคาในตลาดโลกสูงขึ้นและจะมีปัญหาซัพพลายที่จะป้อนให้ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ ขาดแคลนตั้งแต่ปลายปีนี้ไปจนถึงต้นปีหน้า
โรงฉีดพลาสติกจมไปกับสายน้ำ
นายสมศักดิ์ บริสุทธกุล ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า พื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมใน นิคมอุตสาหกรรมขณะนี้มีโรงงานพลาสติกเป็นจำนวนมากที่ได้รับความเสียหาย โดยส่วนใหญ่จะเป็นโรงงาน ฉีดขึ้นรูปพลาสติกที่จะนำไปประกอบเป็นชิ้นส่วนไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์ ในขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายที่ชัดเจนได้
แต่ผลของความเสียหายในขณะนี้ นอกจากโรงงานที่ถูกน้ำท่วมโดยตรงจะไม่สามารถผลิตสินค้าได้แล้ว ยังส่งผลกระทบต่อโรงงานอื่น ๆ ที่ไม่ถูกน้ำท่วมด้วย เนื่องจากซัพพลายเชนต่อเนื่องกัน เมื่อไม่มีชิ้นส่วนมาประกอบเป็นสินค้าก็ไม่สามารถผลิตได้อยู่ดี ตัวอย่างเช่น โรงงานผลิตขวดพลาสติกน้ำดื่มขนาดใหญ่ของบริษัทอินโดรามาที่ลพบุรีถูก น้ำท่วม ไม่สามารถผลิตขวดพลาสติกได้ ส่งผลให้เป๊ปซี่ที่เป็นลูกค้าก็ต้องลดการผลิตลง เป็นต้น
ค่ายรถเสนอตั้งกองทุนอุตฯ
ขณะที่นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด และ กรรมการบริหาร บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทแม่ยังมั่นใจประเทศไทย และทราบดีว่า เป็นเรื่องสุดวิสัยจริง ๆ รัฐบาลต้องเร่งเข้ามาฟื้นฟู ทางฮอนด้าเสนอให้ตั้ง "กองทุนอุตสาหกรรม" ขึ้นมา เพื่อช่วยผู้ประกอบการขนาดย่อมหรือขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี)
ผลิตรถชะลอตัวกว่า 3 เดือน
ด้านนางเพียงใจ แก้วสุวรรณ นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ และรอง ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผู้ผลิตชิ้นส่วนกระทบเป็นจำนวนมากจากเหตุการณ์น้ำท่วม ย่อมต้องส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์แน่นอน เพราะการผลิตรถยนต์ชิ้นส่วนเดียวก็มีผล ทำให้เชื่อว่าตลาดโดยรวมชะลอตัวลงไปอย่างน้อย 3 เดือน จึงจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้
"แม้ว่าจะมีโรงงานผู้ผลิตชิ้นส่วนอีกหลายแห่งน้ำไม่ท่วม แต่ผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะและนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนลำดับที่ 1 (1 Tier) แค่ 10 ราย ก็ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก ซึ่งตอนนี้ผู้ผลิตรถยนต์แต่ละรายก็จำเป็นต้องหาแหล่งชิ้นส่วนจากหลาย ๆ แหล่งมาทดแทนส่วนที่ขาดหายไป"
นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่ยังคงส่งผลกระทบต่อบริษัท ผู้ผลิตชิ้นส่วน บริษัทจำป็นต้องหยุดการผลิตของโรงงานทั้ง 3 แห่งต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 17-22 ตุลาคม 2554
ร้านอาหารแห่ปิดตัววัตถุดิบขาด
สถานการณ์น้ำท่วมในนิคมอุตสาหกรรมนวนครล่าสุด ทำให้ "ครัวกลาง" ของร้านอาหารดังได้รับผลกระทบไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น เอ็มเค เรสเตอรองต์ส, ฮาจิบัง ราเมน, โออิชิ, บาร์บีคิว พลาซ่า ทำให้เชนร้านอาหารเหล่านี้จะประสบปัญหาเรื่องการขาดแคลนวัตถุดิบ หากสถานการณ์ไม่คลี่คลายลงในเร็ววัน โดยโออิชิขณะนี้มี สต๊อกอาหารเหลืออยู่ 11-14 วัน หลังจากนั้นหากซัพพลายเออร์ไม่สามารถ ส่งสินค้า และครัวกลางไม่สามารถกลับมาผลิตได้ ก็ต้องปิดสาขาทั้งหมด 120 แห่งลง
ส่วนเอ็มเคฯได้ย้ายการผลิตมายังครัวกลางย่านถนนบางนา-ตราดเป็นการชั่วคราว แต่รายที่หนักที่สุดคือฮาจิบัง ราเมน ที่ต้องปิดตัวลงทันทีตั้งแต่หยุดการผลิตที่นวนครตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา
เพิ่มขาดดุล 5 หมื่น ล.กู้น้ำท่วม
ล่าสุด นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมหน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการป้องกันสถานการณ์อุทกภัย โดย นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง กล่าวว่า มีความชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลจะทำการขาดดุลงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม
นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เห็นชอบการขาดดุลงบประมาณประจำปี 2555 เพิ่มอีก 5 หมื่นล้านบาท ทำให้งบขาดดุลเพิ่มขึ้นเป็น 4 แสนล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ที่ 3.5 แสนล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในการฟื้นฟูด้านอุทกภัยเพิ่มเติม ทำให้มีวงเงินงบประมาณเพิ่มขึ้นเป็น 1.3 แสนล้านบาท จากเดิม 8 หมื่นล้านบาท
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เห็นชอบในหลักการที่รัฐบาลเตรียมจัดทำร่าง พรก.กู้เงินเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบน้ำ ป้องกันปัญหาน้ำท่วมในระยะยาว คาดว่าวงเงินจะอยู่ที่หลายแสนล้านบาท โดยแหล่งเงินกู้คาดว่าจะมาจากต่างประเทศ
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... &subcatid=
น้ำท่วม 6 นิคมอุตสาหกรรม โรงงาน 799 แห่ง มูลค่าการลงทุนมากกว่า 341,623 ล้านบาท จมไปกับสายน้ำ พร้อมแรงงาน 317,285 คน เผยอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เสียหายหนักที่สุดกว่า 70 โรงงาน รองลงมาได้แก่ โรงงานรถยนต์และชิ้นส่วน โรงฉีดขึ้นรูปพลาสติก กระทบต่อเนื่องในฐานะซัพพลายเชนลามไปถึงโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอื่นต้องหยุดผลิตตามไปด้วย ภาคเอกชนวอนรัฐตั้งกองทุนอุตสาหกรรม ฟื้นฟูหลังน้ำลด เรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา
เพียงไม่ถึง 2 สัปดาห์มีนิคมอุตสาหกรรมถึง 6 แห่งที่ได้รับผลกระทบและจมอยู่ใต้กระแสน้ำที่ไหลบ่าลงมาจากจังหวัดนครสวรรค์-ลพบุรี-อยุธยา ได้แก่
นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร พื้นที่ 905 ไร่ จำนวนโรงงาน 43 แห่ง แรงงาน 16,000 คน มูลค่าการลงทุน 19,000 ล้านบาท, นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) พื้นที่ 4,858 ไร่ จำนวนโรงงาน 143 แห่ง แรงงาน 51,185 คน มูลค่าการลงทุน 65,312 ล้านบาท, นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน พื้นที่ 1,386 ไร่ โรงงาน 89 แห่ง แรงงาน 60,000 คน มูลค่าการลงทุน 60,000 ล้านบาท
สวนอุตสาหกรรมโรจนะ พื้นที่ 12,000 ไร่ โรงงาน 198 แห่ง แรงงาน 90,000 คน มูลค่าการลงทุน 58,000 ล้านบาท, สวนอุตสาหกรรมแฟคตอรี่แลนด์ พื้นที่ 130 ไร่ โรงงาน 572 แห่ง แรงงาน 99 คน มูลค่าการลงทุน 11,000 ล้านบาท และสวนอุตสาหกรรมนวนคร พื้นที่ 6,500 ไร่ โรงงาน 227 แห่ง แรงงาน 100,000 คน มูลค่าการลงทุน 128,311 ล้านบาท (พื้นที่นิคมถูกน้ำท่วมมากกว่า 50% ไปแล้ว)
รวมโรงงานที่ได้รับผลกระทบจนต้องหยุดการผลิตเป็นการชั่วคราว 799 แห่ง จำนวนแรงงานที่ได้รับผลกระทบ 317,285 คน คิดเป็นมูลค่าการลงทุนที่ได้รับความเสียหายมากกว่า 341,623 ล้านบาท
รง.อิเล็กทรอนิกส์เสียหายหนักสุด
"ประชาชาติธุรกิจ" ได้สำรวจรายชื่อโรงงานที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 6 แห่งเป็นรายหมวดอุตสาหกรรม พบว่าโรงงานผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จะได้รับความเสียหายจากวิกฤตน้ำท่วมในครั้งนี้มากที่สุดถึง 70 แห่ง รองลงมาได้แก่ โรงงานประกอบรถยนต์/ชิ้นส่วนอุปกรณ์ 65 แห่ง, โรงงานผลิตภัณฑ์พลาสติกแลพชิ้นส่วนหล่อขึ้นรูป-โรงฉีดและเม็ดพลาสติก 42 แห่ง, โรงงานผลิตอาหารและเครื่องดื่ม 31 แห่ง และโรงงานแม่พิมพ์ 30 แห่ง ครอบคลุมบริษัทสำคัญ ๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นของนักลงทุนญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ผลจากน้ำท่วม 6 นิคมในขณะนี้ถือว่าเป็นแหล่งรวมคลัสเตอร์ของอุตสาห กรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะในจังหวัดอยุธยา มีมูลค่าการผลิตคิดเป็นสัดส่วน 30-40% ของทั้งประเทศ รวมทั้งมีการเชื่อมโยงกับซัพพลายเชนในจังหวัดอื่น ๆ ทั้งปทุมธานี นครราชสีมา และปราจีนบุรี
นอกจากนี้วอลล์สตรีต เจอร์นัล รายงานว่า ปัญหาอุทกภัยในประเทศไทยนั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของโลก รวมทั้งอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ เนื่องจากประเทศไทยถือว่าเป็นฐานผลิตฮาร์ดดิสก์ ไดร์ฟที่สำคัญราว 40% ของโลก โดยเฉพาะ "เวสเทิร์น ดิจิตอล" (WD) ซึ่งมีฐานการผลิตในเมืองไทยอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอินและนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ขณะนี้ต้องหยุดการผลิตทั้ง 2 โรงงาน โดยไตรมาสที่ผ่านมาเวสเทิร์น ดิจิตอลส่งฮาร์ดดิสก์ออกสู่ตลาดโลก 54 ล้านชิ้น ซึ่งในจำนวนนี้ 60% เป็นผลผลิตจากโรงงานในไทย ส่งผลให้เกิดความกังวลกันว่า ในไตรมาส 4 ที่จะถึงอาจเกิดเหตุการณ์ฮาร์ดดิสก์ขาดแคลนขึ้นได้
และนอกจากเวสเทิร์น ดิจิตอลแล้ว ยังมีซัพพลายเชนของฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ต้องหยุดชะงักจากวิกฤตน้ำท่วมในไทย ทั้งฮัทชินสัน เทคโนโลยี, โอเอ็นเซมิคอนดักเตอร์ และไมโครเซมิ ผู้ผลิตชิปก็โดนหางเลขด้วย ซึ่งในส่วนของซีเกทเทคโนโลยี แม้ว่าโรงงานจะไม่ถูกผลกระทบแต่ก็ประสบปัญหาเรื่องซัพพลายเชน ทำให้น้ำท่วมในไทยเป็นการซ้ำเติมบริษัทเหล่านี้ที่ต้องประสบปัญหาซัพพลายขาดแคลนมาแล้วจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่นเมื่อมีนาคมที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์มองว่า อุทกภัยในไทยซึ่งเป็นแหล่งส่งออกฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์อันดับสองของโลกอาจกดดันให้ราคาในตลาดโลกสูงขึ้นและจะมีปัญหาซัพพลายที่จะป้อนให้ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ ขาดแคลนตั้งแต่ปลายปีนี้ไปจนถึงต้นปีหน้า
โรงฉีดพลาสติกจมไปกับสายน้ำ
นายสมศักดิ์ บริสุทธกุล ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า พื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมใน นิคมอุตสาหกรรมขณะนี้มีโรงงานพลาสติกเป็นจำนวนมากที่ได้รับความเสียหาย โดยส่วนใหญ่จะเป็นโรงงาน ฉีดขึ้นรูปพลาสติกที่จะนำไปประกอบเป็นชิ้นส่วนไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์ ในขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายที่ชัดเจนได้
แต่ผลของความเสียหายในขณะนี้ นอกจากโรงงานที่ถูกน้ำท่วมโดยตรงจะไม่สามารถผลิตสินค้าได้แล้ว ยังส่งผลกระทบต่อโรงงานอื่น ๆ ที่ไม่ถูกน้ำท่วมด้วย เนื่องจากซัพพลายเชนต่อเนื่องกัน เมื่อไม่มีชิ้นส่วนมาประกอบเป็นสินค้าก็ไม่สามารถผลิตได้อยู่ดี ตัวอย่างเช่น โรงงานผลิตขวดพลาสติกน้ำดื่มขนาดใหญ่ของบริษัทอินโดรามาที่ลพบุรีถูก น้ำท่วม ไม่สามารถผลิตขวดพลาสติกได้ ส่งผลให้เป๊ปซี่ที่เป็นลูกค้าก็ต้องลดการผลิตลง เป็นต้น
ค่ายรถเสนอตั้งกองทุนอุตฯ
ขณะที่นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด และ กรรมการบริหาร บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทแม่ยังมั่นใจประเทศไทย และทราบดีว่า เป็นเรื่องสุดวิสัยจริง ๆ รัฐบาลต้องเร่งเข้ามาฟื้นฟู ทางฮอนด้าเสนอให้ตั้ง "กองทุนอุตสาหกรรม" ขึ้นมา เพื่อช่วยผู้ประกอบการขนาดย่อมหรือขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี)
ผลิตรถชะลอตัวกว่า 3 เดือน
ด้านนางเพียงใจ แก้วสุวรรณ นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ และรอง ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผู้ผลิตชิ้นส่วนกระทบเป็นจำนวนมากจากเหตุการณ์น้ำท่วม ย่อมต้องส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์แน่นอน เพราะการผลิตรถยนต์ชิ้นส่วนเดียวก็มีผล ทำให้เชื่อว่าตลาดโดยรวมชะลอตัวลงไปอย่างน้อย 3 เดือน จึงจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้
"แม้ว่าจะมีโรงงานผู้ผลิตชิ้นส่วนอีกหลายแห่งน้ำไม่ท่วม แต่ผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะและนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนลำดับที่ 1 (1 Tier) แค่ 10 ราย ก็ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก ซึ่งตอนนี้ผู้ผลิตรถยนต์แต่ละรายก็จำเป็นต้องหาแหล่งชิ้นส่วนจากหลาย ๆ แหล่งมาทดแทนส่วนที่ขาดหายไป"
นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่ยังคงส่งผลกระทบต่อบริษัท ผู้ผลิตชิ้นส่วน บริษัทจำป็นต้องหยุดการผลิตของโรงงานทั้ง 3 แห่งต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 17-22 ตุลาคม 2554
ร้านอาหารแห่ปิดตัววัตถุดิบขาด
สถานการณ์น้ำท่วมในนิคมอุตสาหกรรมนวนครล่าสุด ทำให้ "ครัวกลาง" ของร้านอาหารดังได้รับผลกระทบไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น เอ็มเค เรสเตอรองต์ส, ฮาจิบัง ราเมน, โออิชิ, บาร์บีคิว พลาซ่า ทำให้เชนร้านอาหารเหล่านี้จะประสบปัญหาเรื่องการขาดแคลนวัตถุดิบ หากสถานการณ์ไม่คลี่คลายลงในเร็ววัน โดยโออิชิขณะนี้มี สต๊อกอาหารเหลืออยู่ 11-14 วัน หลังจากนั้นหากซัพพลายเออร์ไม่สามารถ ส่งสินค้า และครัวกลางไม่สามารถกลับมาผลิตได้ ก็ต้องปิดสาขาทั้งหมด 120 แห่งลง
ส่วนเอ็มเคฯได้ย้ายการผลิตมายังครัวกลางย่านถนนบางนา-ตราดเป็นการชั่วคราว แต่รายที่หนักที่สุดคือฮาจิบัง ราเมน ที่ต้องปิดตัวลงทันทีตั้งแต่หยุดการผลิตที่นวนครตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา
เพิ่มขาดดุล 5 หมื่น ล.กู้น้ำท่วม
ล่าสุด นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมหน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการป้องกันสถานการณ์อุทกภัย โดย นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง กล่าวว่า มีความชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลจะทำการขาดดุลงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม
นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เห็นชอบการขาดดุลงบประมาณประจำปี 2555 เพิ่มอีก 5 หมื่นล้านบาท ทำให้งบขาดดุลเพิ่มขึ้นเป็น 4 แสนล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ที่ 3.5 แสนล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในการฟื้นฟูด้านอุทกภัยเพิ่มเติม ทำให้มีวงเงินงบประมาณเพิ่มขึ้นเป็น 1.3 แสนล้านบาท จากเดิม 8 หมื่นล้านบาท
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เห็นชอบในหลักการที่รัฐบาลเตรียมจัดทำร่าง พรก.กู้เงินเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบน้ำ ป้องกันปัญหาน้ำท่วมในระยะยาว คาดว่าวงเงินจะอยู่ที่หลายแสนล้านบาท โดยแหล่งเงินกู้คาดว่าจะมาจากต่างประเทศ
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... &subcatid=
-
- Verified User
- โพสต์: 73
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ส่งออกปีหน้าออร์เดอร์หลุดซ้ำ
โพสต์ที่ 3
เจโทร"อัดรัฐอ่อนหัดกู้วิกฤติ
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 20 ตุลาคม 2554 21:50 น. Share
ASTVผู้จัดการรายวัน – “เจโทร” อัดรัฐบาลปูไหลยับ จี้ถามหาความชัดเจนในการฟื้นฟูและช่วยเหลือธุรกิจของญี่ปุ่นที่จมบาดาลครั้งนี้ ย้ำไทยยังน่าสนใจลงมุนในสายตายญี่ปุ่น แต่ต้องมีมาตรการจัดการแก้ปัญหาที่ดีจากนี้ไป
นายเซตสึโอะ อิอูจิ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ต้องการให้รัฐบาลไทยออกมาอธิบายและชี้แจงให้ละเอียดถึงการเตรียมการรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นว่าเป็นอบย่งไร เพระหากกมีแผนการที่ดีก็ยังถือว่าประเทศไทยยังเป็นประเทศที่น่าลงทุนในสายตาของนักลงทุนญี่ปุ่น เนื่องจากที่ผ่านมาปริมาณน้ำทว่วมที่รุนแรงบริษทัและธุรกิจของญี่ปุ่นได้รับบผลกระทบและเสียหายมากมายแล้ว
รวมทั้งต้องการให้รัฐบาลไทยให้ข้อมูลที่เป็นภาษาอังกฤษที่ถุกต้องด้วย เพื่อความเข้าใจในการสื่อสารกับชาวต่างชาติในไทย พร้อมกับมาตรการที่ชัดเจนสำหรับช่วยเหลือธุรกิจของญี่ปุ่นที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยครั้งใหญ่นี้อย่างไรด้วย เพื่อให้แผนการฟื้นฟูเกิดขึ้นโดยเร็ว ตลอดจนความช่วยเหลือบริษัทญี่ปุ่นที่ไม่ได้ถูกน้ำท่วมมแต่ได้รับผลกระทบทางอ้อมจากเหตุการณ์นี่อย่างไร
“จริงๆแล้วในมุมมองของนักธุรกิจญี่ปุ่นตอนนี้ที่มีต่อประเทศไทยก็ยังเป็นมุมบวก เป็นประเทศที่น่าสนใจอยู่เหมือนเดิม และยังคงดึงดูดนักลงทุนญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี แต่จากเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบอ่ย่าใงหญ่หลวง อยากให้รัฐบาลออกมาชี้แจงว่าจะรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร ซึ่งหากมีการเตรียมการรับมือที่ดีประเทศไทยก็ยังเป็นประเทศที่น่าลงทุนของนักธุรกิจญี่ปุ่น”
ทั้งนี้บริษัทจากญี่ปุ่นได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยที่ผ่านมาเป็นจำนวนมากหรือคิดเป็น 40% ของการลงทุนในต่างประเทศของญี่ปุ่นแล้ว และล่าสุดปีนี้ได้ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 50% ซึ่งถือเป็นข้อมูลที่ชัดเจนและตอกย้ำว่าปรเทศญี่ปุ่นยังคงสนใจ ละมีความพร้อาที่จะลงทุนในไทยต่อไปหากทุกอย่างมีความชัดเจน ทั้งนี้ธุรกิจอาหารญี่ปุ่นในไทยเฉพาะตลาดในกรุงเทพฯมีเปิดรวมกันมากว่า 1,000 แห่งแล้ว
นายมาซาโตะ โอทากะ อัครราชทูตฝ่ายเศรษฐกิจ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทญี่ปุ่นอยากขอร้องให้รัฐบาลไทยเร่งออกมาแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เพราะเป็นภัยพิบัติกรณีพิเศษที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และอยากให้รัฐบาลไทยหาวิธีการแก้ไขปัญหาใหม่ๆ ไม่ใช่ใช้วิธีการแก้ไขปัญหาแบบเดิมๆ เพราะไม่เช่นนั้นภัยพิบัติเดิมๆก็จะเกิดขึ้นอีก
“ปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ทางบริษัทญี่ปุ่นหวังว่ารัฐบาลน่าจะมีวิธีการว่าทำอย่างไรจะให้อุทกภัยเกิดขึ้นน้อยที่สุด ซึ่งในส่วนของนักลงทุนญี่ปุ่นโดยรวมเข้าใจปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น เพราะเป็นปัญหาที่ยากลำบากและเป็นปัญหาใหญ่ที่ยากจะแก้ไข “
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 20 ตุลาคม 2554 21:50 น. Share
ASTVผู้จัดการรายวัน – “เจโทร” อัดรัฐบาลปูไหลยับ จี้ถามหาความชัดเจนในการฟื้นฟูและช่วยเหลือธุรกิจของญี่ปุ่นที่จมบาดาลครั้งนี้ ย้ำไทยยังน่าสนใจลงมุนในสายตายญี่ปุ่น แต่ต้องมีมาตรการจัดการแก้ปัญหาที่ดีจากนี้ไป
นายเซตสึโอะ อิอูจิ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ต้องการให้รัฐบาลไทยออกมาอธิบายและชี้แจงให้ละเอียดถึงการเตรียมการรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นว่าเป็นอบย่งไร เพระหากกมีแผนการที่ดีก็ยังถือว่าประเทศไทยยังเป็นประเทศที่น่าลงทุนในสายตาของนักลงทุนญี่ปุ่น เนื่องจากที่ผ่านมาปริมาณน้ำทว่วมที่รุนแรงบริษทัและธุรกิจของญี่ปุ่นได้รับบผลกระทบและเสียหายมากมายแล้ว
รวมทั้งต้องการให้รัฐบาลไทยให้ข้อมูลที่เป็นภาษาอังกฤษที่ถุกต้องด้วย เพื่อความเข้าใจในการสื่อสารกับชาวต่างชาติในไทย พร้อมกับมาตรการที่ชัดเจนสำหรับช่วยเหลือธุรกิจของญี่ปุ่นที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยครั้งใหญ่นี้อย่างไรด้วย เพื่อให้แผนการฟื้นฟูเกิดขึ้นโดยเร็ว ตลอดจนความช่วยเหลือบริษัทญี่ปุ่นที่ไม่ได้ถูกน้ำท่วมมแต่ได้รับผลกระทบทางอ้อมจากเหตุการณ์นี่อย่างไร
“จริงๆแล้วในมุมมองของนักธุรกิจญี่ปุ่นตอนนี้ที่มีต่อประเทศไทยก็ยังเป็นมุมบวก เป็นประเทศที่น่าสนใจอยู่เหมือนเดิม และยังคงดึงดูดนักลงทุนญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี แต่จากเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบอ่ย่าใงหญ่หลวง อยากให้รัฐบาลออกมาชี้แจงว่าจะรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร ซึ่งหากมีการเตรียมการรับมือที่ดีประเทศไทยก็ยังเป็นประเทศที่น่าลงทุนของนักธุรกิจญี่ปุ่น”
ทั้งนี้บริษัทจากญี่ปุ่นได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยที่ผ่านมาเป็นจำนวนมากหรือคิดเป็น 40% ของการลงทุนในต่างประเทศของญี่ปุ่นแล้ว และล่าสุดปีนี้ได้ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 50% ซึ่งถือเป็นข้อมูลที่ชัดเจนและตอกย้ำว่าปรเทศญี่ปุ่นยังคงสนใจ ละมีความพร้อาที่จะลงทุนในไทยต่อไปหากทุกอย่างมีความชัดเจน ทั้งนี้ธุรกิจอาหารญี่ปุ่นในไทยเฉพาะตลาดในกรุงเทพฯมีเปิดรวมกันมากว่า 1,000 แห่งแล้ว
นายมาซาโตะ โอทากะ อัครราชทูตฝ่ายเศรษฐกิจ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทญี่ปุ่นอยากขอร้องให้รัฐบาลไทยเร่งออกมาแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เพราะเป็นภัยพิบัติกรณีพิเศษที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และอยากให้รัฐบาลไทยหาวิธีการแก้ไขปัญหาใหม่ๆ ไม่ใช่ใช้วิธีการแก้ไขปัญหาแบบเดิมๆ เพราะไม่เช่นนั้นภัยพิบัติเดิมๆก็จะเกิดขึ้นอีก
“ปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ทางบริษัทญี่ปุ่นหวังว่ารัฐบาลน่าจะมีวิธีการว่าทำอย่างไรจะให้อุทกภัยเกิดขึ้นน้อยที่สุด ซึ่งในส่วนของนักลงทุนญี่ปุ่นโดยรวมเข้าใจปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น เพราะเป็นปัญหาที่ยากลำบากและเป็นปัญหาใหญ่ที่ยากจะแก้ไข “
-
- Verified User
- โพสต์: 73
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ส่งออกปีหน้าออร์เดอร์หลุดซ้ำ
โพสต์ที่ 4
เวิลด์แบงก์ชี้น้ำท่วมไทยทำศก.ติดลบ
20 ตุลาคม 2554 เวลา 14:34 น. | เปิดอ่าน 1,095 | ความคิดเห็น 4 ประเด็น: วิกฤตน้ำท่วม ,
เวิลด์แบงก์เชื่อน้ำพัดเศรษฐกิจไทยไตรมาส4ติดลบกระทบภาคธุรกิจอุตสาหกรรมมูลค่าเสียหายกว่าแสนล้าน
น.ส.กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ธนาคารโลกได้ประเมินความเสียหายของเศรษฐกิจไทยจากปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่ในปีนี้เอาไว้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท และจะส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายอยู่ในระดับติดลบ เนื่องจากความเสียหายได้ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ
อย่างไรก็ตาม มองว่าการลงทุนเพื่อฟื้นฟูความเสียหายจะส่งผลให้เศรษฐกิจในปีหน้าเติบโตได้สูงกว่าระดับ 4.4 % ซึ่งเป็นระดับที่ธนาคารโลกได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า
“ในช่วงต้นปี เราได้ปรับลดตัวเลขประมาณการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงมาอยู่ที่ 3.6 % แล้ว จากปัจจัยความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้น เมื่อรวมความเสียหายจากน้ำท่วมล่าสุดเข้าไปด้วยจะทำให้การเติบโตลดต่ำลงอีก นอกจากนี้ยังส่งผลโดยตรงให้ราคาข้าวในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น จากผลผลิตที่หายไป 6-7 ล้านตัน ไม่รวมความเสียหายของประเทศผู้ส่งออกข้าวรายอื่นที่ประสบภัยธรรมชาติเช่นเดียวกัน ” น.ส.กิริฎา กล่าว
http://goo.gl/M3TfV
20 ตุลาคม 2554 เวลา 14:34 น. | เปิดอ่าน 1,095 | ความคิดเห็น 4 ประเด็น: วิกฤตน้ำท่วม ,
เวิลด์แบงก์เชื่อน้ำพัดเศรษฐกิจไทยไตรมาส4ติดลบกระทบภาคธุรกิจอุตสาหกรรมมูลค่าเสียหายกว่าแสนล้าน
น.ส.กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ธนาคารโลกได้ประเมินความเสียหายของเศรษฐกิจไทยจากปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่ในปีนี้เอาไว้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท และจะส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายอยู่ในระดับติดลบ เนื่องจากความเสียหายได้ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ
อย่างไรก็ตาม มองว่าการลงทุนเพื่อฟื้นฟูความเสียหายจะส่งผลให้เศรษฐกิจในปีหน้าเติบโตได้สูงกว่าระดับ 4.4 % ซึ่งเป็นระดับที่ธนาคารโลกได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า
“ในช่วงต้นปี เราได้ปรับลดตัวเลขประมาณการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงมาอยู่ที่ 3.6 % แล้ว จากปัจจัยความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้น เมื่อรวมความเสียหายจากน้ำท่วมล่าสุดเข้าไปด้วยจะทำให้การเติบโตลดต่ำลงอีก นอกจากนี้ยังส่งผลโดยตรงให้ราคาข้าวในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น จากผลผลิตที่หายไป 6-7 ล้านตัน ไม่รวมความเสียหายของประเทศผู้ส่งออกข้าวรายอื่นที่ประสบภัยธรรมชาติเช่นเดียวกัน ” น.ส.กิริฎา กล่าว
http://goo.gl/M3TfV
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2603
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ส่งออกปีหน้าออร์เดอร์หลุดซ้ำ
โพสต์ที่ 5
ผมเป็นเเฟนพันธุ์เเท้พี่คร้าบบบ ตามอ่านด้วยคน เเต่ไม่ต้องเปลี่ยนLog in ก็ได้
torpongpak เขียน: ไอซ์ฮิฮิ...
เฮ้อ...พอtrendy Post ครั้งสุดท้าย Tue Oct 18, 2011 5:32 am
ก็จุติดาวดวงใหม่...ชื่อ ไอซ์ฮิฮิ...Joined: Tue Oct 18, 2011 5:36 am สมัครเสร็จPostยิก ซึ่งผิดวิสัยของคนมีLogin ในThaiVIครั้งเเรก
อันนี้คือผลงานใหม่ๆ
http://board.thaivi.org/search.php?auth ... 6&sr=posts
อาจไม่ใช่คนเดียวกันก็ได้ครับเเต่...ความ กะเรียน เหมือนกัน
ขอโทษทีครับขอ Add คุณไอซ์ เป็นFoeอีกท่านครับและขอทำเเบบเปิดเผย...จากนี้คุณPostผมจะไม่เห็น
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2603
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ส่งออกปีหน้าออร์เดอร์หลุดซ้ำ
โพสต์ที่ 6
ขอชื่นชมว่าPostได้ดีขึ้นกว่าตอนเป็น Kloysri, Thai...เเลน..Handsome, หนุ่มล่ำ ชาวเร๊ามาก
แต่ตอนเป็นtrendy Post ดีสุดเพราะPostเเต่ข่าว
ว่าเเต่จำPasswordได้ยังไงไหว Log in ตั้งเยอะ
ขอบคุณครับ...จบ
แต่ตอนเป็นtrendy Post ดีสุดเพราะPostเเต่ข่าว
ว่าเเต่จำPasswordได้ยังไงไหว Log in ตั้งเยอะ
ขอบคุณครับ...จบ
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o