รู้ได้อย่างไรจากงบ ว่าบริษัทใช้แผนลดต้นทุนเป็นหลัก
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
รู้ได้อย่างไรจากงบ ว่าบริษัทใช้แผนลดต้นทุนเป็นหลัก
โพสต์ที่ 1
พอดีผมมาลองศึกษาเรื่อง เราจะสังเกตได้อย่างไรว่า บริษัทที่เราสนใจมีแผนธุรกิจด้วยการ "ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆเป็นหลัก"
จึงเป็นที่มาของข้อสรุปนี้นะครับ ซึ่งผมได้สมมติทดลองเปลี่ยนตัวแปรต่างๆในหลายๆสถานการณ์ดู
ถ้าผิดพลาดตรงไหนช่วยชี้แนะด้วยครับ
โดย
ยอดขาย
หมายถึง ยอดขายรวม
คำว่า "ต้นทุน" ในที่นี้
หมายถึง "ต้นทุนขายและบริการ (COGS)+ค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร (SG&A)+ค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหาร" มารวมกัน
กำไร ในที่นี้
หมายถึง กำไร EBIT
operation margin
หมายถึง (EBIT / ยอดขาย) x 100 (หน่วยเป็น%)
รูปที่ 1-4 กรณีเป็นต้นทุนผันแปรทั้งหมด(ผันแปรตามจำนวนสินค้าที่ขายได้)
รูปที่ 5-7 กรณีเป็นต้นทุนคงที่(แทบ)ทั้งหมด (ไม่ขึ้นกับจำนวนสินค้าที่ขายได้)
รูปที่ 8 เป็นแบบผสม ทั้งลดต้นทุน และ ขึ้นราคาขาย
จึงเป็นที่มาของข้อสรุปนี้นะครับ ซึ่งผมได้สมมติทดลองเปลี่ยนตัวแปรต่างๆในหลายๆสถานการณ์ดู
ถ้าผิดพลาดตรงไหนช่วยชี้แนะด้วยครับ
โดย
ยอดขาย
หมายถึง ยอดขายรวม
คำว่า "ต้นทุน" ในที่นี้
หมายถึง "ต้นทุนขายและบริการ (COGS)+ค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร (SG&A)+ค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหาร" มารวมกัน
กำไร ในที่นี้
หมายถึง กำไร EBIT
operation margin
หมายถึง (EBIT / ยอดขาย) x 100 (หน่วยเป็น%)
รูปที่ 1-4 กรณีเป็นต้นทุนผันแปรทั้งหมด(ผันแปรตามจำนวนสินค้าที่ขายได้)
รูปที่ 5-7 กรณีเป็นต้นทุนคงที่(แทบ)ทั้งหมด (ไม่ขึ้นกับจำนวนสินค้าที่ขายได้)
รูปที่ 8 เป็นแบบผสม ทั้งลดต้นทุน และ ขึ้นราคาขาย
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รู้ได้อย่างไรจากงบ ว่าบริษัทใช้แผนลดต้นทุนเป็นหลัก
โพสต์ที่ 2
ได้ข้อสรุปคือ
1. ถ้าต้นทุนทั้งหมดเป็นต้นทุนผันแปรมากๆ
ถึงจะขายของได้จำนวนชิ้นมากขึ้น หรือ น้อยลง แต่ operation margin จะไม่เปลี่ยนแปลง (รูปที่ 1-2)
(operation margin เปลี่ยนแปลงได้จาก การตั้งราคาขาย หรือ การควบคุมต้นทุน เท่านั้น)
กรณีถ้าเป็นต้นทุนคงที่มากๆ
ขายของได้จำนวนชิ้นมากขึ้น หรือ น้อยลง จะทำให้ operation margin เปลี่ยนแปลงได้ด้วย (รูปที่ 7)
2. สัดส่วน "ต้นทุน / ยอดขาย" ไม่ได้บอกอะไร ค่านี้จะลดลงได้จากทั้ง 2 อย่าง คือ การขึ้นราคาสินค้า และ การลดต้นทุน
3. สรุปอีกครั้ง ถ้า operation margin เพิ่มขึ้น แสดงว่า ไม่ขึ้นราคาขาย ก็ ลดต้นทุนได้ดี หรือ ถ้าต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ ก็จะมีสาเหตุจาก ขายของได้จำนวนชิ้นมากขึ้น ได้ด้วย
4. ถ้าจำนวนลูกค้าไม่ลดลง การขึ้นราคาสินค้ามีผลกระทบต่อEBIT มากกว่า การลดต้นทุนมีผลต่อEBIT
กรณีเป็นต้นทุนผันแปรซะทั้งหมด รูปที่ 3 การขึ้นราคาสินค้า เทียบกับ รูปที่ 4 การลดต้นทุน
กรณีต้นทุนทั้งหมดเป็นคงที่ รูปที่ 5 การขึ้นราคาสินค้า เทียบกับ รูปที่ 6 การลดต้นทุน
(เช่น การขึ้นราคาสินค้า เพียง 10% ทำให้บริษัทได้กำไร EBIT มากกว่า การลดต้นทุน 50% ด้วยซ้า)
จึงอาจมองว่าแผนลดต้นทุนไม่ใช่แผนที่ดีนัก สู้การปรับปรุงคุณภาพแล้วตั้งราคาขายให้ได้สูงขึ้นโดยลูกค้าไม่หนีหายยังจะดีกว่า
ตรงนี้จึงเป็นข้อสรุปได้อีกอย่างว่า กลยุทธ์การตัดราคาคือการฆ่าตัวตายแน่นอน ถ้าผู้เล่นทุกรายเล่นเกมส์นี้หมด เพื่อแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด (การลดราคาสินค้าเพียง 10% จะทำให้กำไรหดหายไปได้มาก แม้ว่าจะลดต้นทุนตามได้ถึง 50%ก็ตาม > เป็นตรรกะตรงข้ามกับข้างบน)
1. ถ้าต้นทุนทั้งหมดเป็นต้นทุนผันแปรมากๆ
ถึงจะขายของได้จำนวนชิ้นมากขึ้น หรือ น้อยลง แต่ operation margin จะไม่เปลี่ยนแปลง (รูปที่ 1-2)
(operation margin เปลี่ยนแปลงได้จาก การตั้งราคาขาย หรือ การควบคุมต้นทุน เท่านั้น)
กรณีถ้าเป็นต้นทุนคงที่มากๆ
ขายของได้จำนวนชิ้นมากขึ้น หรือ น้อยลง จะทำให้ operation margin เปลี่ยนแปลงได้ด้วย (รูปที่ 7)
2. สัดส่วน "ต้นทุน / ยอดขาย" ไม่ได้บอกอะไร ค่านี้จะลดลงได้จากทั้ง 2 อย่าง คือ การขึ้นราคาสินค้า และ การลดต้นทุน
3. สรุปอีกครั้ง ถ้า operation margin เพิ่มขึ้น แสดงว่า ไม่ขึ้นราคาขาย ก็ ลดต้นทุนได้ดี หรือ ถ้าต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ ก็จะมีสาเหตุจาก ขายของได้จำนวนชิ้นมากขึ้น ได้ด้วย
4. ถ้าจำนวนลูกค้าไม่ลดลง การขึ้นราคาสินค้ามีผลกระทบต่อEBIT มากกว่า การลดต้นทุนมีผลต่อEBIT
กรณีเป็นต้นทุนผันแปรซะทั้งหมด รูปที่ 3 การขึ้นราคาสินค้า เทียบกับ รูปที่ 4 การลดต้นทุน
กรณีต้นทุนทั้งหมดเป็นคงที่ รูปที่ 5 การขึ้นราคาสินค้า เทียบกับ รูปที่ 6 การลดต้นทุน
(เช่น การขึ้นราคาสินค้า เพียง 10% ทำให้บริษัทได้กำไร EBIT มากกว่า การลดต้นทุน 50% ด้วยซ้า)
จึงอาจมองว่าแผนลดต้นทุนไม่ใช่แผนที่ดีนัก สู้การปรับปรุงคุณภาพแล้วตั้งราคาขายให้ได้สูงขึ้นโดยลูกค้าไม่หนีหายยังจะดีกว่า
ตรงนี้จึงเป็นข้อสรุปได้อีกอย่างว่า กลยุทธ์การตัดราคาคือการฆ่าตัวตายแน่นอน ถ้าผู้เล่นทุกรายเล่นเกมส์นี้หมด เพื่อแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด (การลดราคาสินค้าเพียง 10% จะทำให้กำไรหดหายไปได้มาก แม้ว่าจะลดต้นทุนตามได้ถึง 50%ก็ตาม > เป็นตรรกะตรงข้ามกับข้างบน)
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รู้ได้อย่างไรจากงบ ว่าบริษัทใช้แผนลดต้นทุนเป็นหลัก
โพสต์ที่ 3
5. กำไรจะมากขึ้นโดย 3 วิธีต่อไปนี้ ขายสินค้าให้ได้มากขึ้น, ขึ้นราคาขาย, และ ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ จึงลองทดสอบเปลี่ยนตัวแปรต่างๆ
ถ้าเป็นจากจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น (ขายสินค้าได้จำนวนชิ้นมากขึ้น)
- น่าจะดูจาก asset turnover เพิ่มขึ้น, operation margin เพิ่มไม่มาก แต่ยอดขายเพิ่มอีกมาก**(ดูข้อ 1. อีกที), และ จำนวนหมุนรอบของสินค้าคงเหลือที่มากขึ้น
ถ้ากำไรที่เพิ่มขึ้น เป็นจากการขึ้นราคาขายเป็นหลัก
- รายได้จากการขายและบริการ หรือ ยอดขาย น่าจะเพิ่มขึ้นอีกมาก ร่วมด้วย
- การตั้งราคาขายให้สูงขึ้น ไม่ได้ทำให้ การเพิ่มของ EBIT / การเพิ่มของยอดขาย เปลี่ยนแปลง
แม้ EBITจะเพิ่มมากกว่า ยอดขาย แต่ สัดส่วน การเพิ่มของ EBIT / การเพิ่มของยอดขาย จะคงที่เสมอ ถึงจะขึ้นราคาขายเพิ่มอีก หรือ ลดราคาขาย
และสัดส่วน "การเพิ่มของ EBIT / การเพิ่มของยอดขาย" นี้ จะไม่สูงมาก เช่น จะอยู่ในช่วง 2-6 เท่า
ถ้ากำไรที่เพิ่มขึ้น เน้นลดต้นทุนเป็นหลัก
- ยอดขายจะเพิ่มไม่มาก หรือดูจาก ยอดขายเพิ่มน้อยกว่าการเพิ่มของEBITมากๆ หรือ ง่ายๆ ดูว่าต้นทุนเพิ่มกี่% แล้วยอดขายเพิ่มกี่% (ยอดขายเพิ่มากโดยที่ต้นทุนเพิ่มนิดหน่อยหรืออาจจะลดลง)
- สรุป บริษัทไหนใช้แผน "ลดต้นทุน" เป็นหลัก ต้องมีหน้าตาแบบ D หรือ E
คือทำให้ การเพิ่มของ EBIT / การเพิ่มของยอดขาย เปลี่ยนแปลง โดย EBITนั้นจะเพิ่มมากกว่าการเพิ่มของยอดขายเป็นอย่างน้อย 10 เท่าจึงจะแน่นอนว่าเกิดจากการลดต้นทุน
- ระวัง กรณี C จะคล้ายกับ D ได้มาก ความแตกต่าง คือ การลดต้นทุนเป็นหลักนั้น การเพิ่มของ EBITจะมากกว่าการเพิ่มของยอดขาย "หลายๆเท่า" มากจริงๆ เป็นอย่างน้อย 10-20 เท่า อย่างที่กล่าวข้างต้น หรือ อาจจะถึง 100 เท่า แตถ้าต่างกันไม่มาก อาจเกิดจากตั้งราคาแพงขึ้นจำนวนลูกค้าเลยน้อยลง > ขายของ (จำนวนชิ้น) ได้น้อยลงก็ได้
6. งบการเงินที่เกิดจากการผสมผสานวิธีการต่างๆด้วยกันจะดูยากขึ้น เช่น ถ้ามีทั้ง การลดต้นทุน ขึ้นราคาขาย และ เพิ่มจำนวนลูกค้า เช่น S, T, U, V (รูปที่ 8)
สรุป เอามาใช้วิเคราะห์จริงคงยากมากแต่ก็พอมีทางบ้าง และ ที่สำคัญพบว่าการลดต้นทุนไม่ค่อยมีประโยชน์ เมื่อ เทียบกับการขึ้นราคาขายสินค้า
ถ้าเป็นจากจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น (ขายสินค้าได้จำนวนชิ้นมากขึ้น)
- น่าจะดูจาก asset turnover เพิ่มขึ้น, operation margin เพิ่มไม่มาก แต่ยอดขายเพิ่มอีกมาก**(ดูข้อ 1. อีกที), และ จำนวนหมุนรอบของสินค้าคงเหลือที่มากขึ้น
ถ้ากำไรที่เพิ่มขึ้น เป็นจากการขึ้นราคาขายเป็นหลัก
- รายได้จากการขายและบริการ หรือ ยอดขาย น่าจะเพิ่มขึ้นอีกมาก ร่วมด้วย
- การตั้งราคาขายให้สูงขึ้น ไม่ได้ทำให้ การเพิ่มของ EBIT / การเพิ่มของยอดขาย เปลี่ยนแปลง
แม้ EBITจะเพิ่มมากกว่า ยอดขาย แต่ สัดส่วน การเพิ่มของ EBIT / การเพิ่มของยอดขาย จะคงที่เสมอ ถึงจะขึ้นราคาขายเพิ่มอีก หรือ ลดราคาขาย
และสัดส่วน "การเพิ่มของ EBIT / การเพิ่มของยอดขาย" นี้ จะไม่สูงมาก เช่น จะอยู่ในช่วง 2-6 เท่า
ถ้ากำไรที่เพิ่มขึ้น เน้นลดต้นทุนเป็นหลัก
- ยอดขายจะเพิ่มไม่มาก หรือดูจาก ยอดขายเพิ่มน้อยกว่าการเพิ่มของEBITมากๆ หรือ ง่ายๆ ดูว่าต้นทุนเพิ่มกี่% แล้วยอดขายเพิ่มกี่% (ยอดขายเพิ่มากโดยที่ต้นทุนเพิ่มนิดหน่อยหรืออาจจะลดลง)
- สรุป บริษัทไหนใช้แผน "ลดต้นทุน" เป็นหลัก ต้องมีหน้าตาแบบ D หรือ E
คือทำให้ การเพิ่มของ EBIT / การเพิ่มของยอดขาย เปลี่ยนแปลง โดย EBITนั้นจะเพิ่มมากกว่าการเพิ่มของยอดขายเป็นอย่างน้อย 10 เท่าจึงจะแน่นอนว่าเกิดจากการลดต้นทุน
- ระวัง กรณี C จะคล้ายกับ D ได้มาก ความแตกต่าง คือ การลดต้นทุนเป็นหลักนั้น การเพิ่มของ EBITจะมากกว่าการเพิ่มของยอดขาย "หลายๆเท่า" มากจริงๆ เป็นอย่างน้อย 10-20 เท่า อย่างที่กล่าวข้างต้น หรือ อาจจะถึง 100 เท่า แตถ้าต่างกันไม่มาก อาจเกิดจากตั้งราคาแพงขึ้นจำนวนลูกค้าเลยน้อยลง > ขายของ (จำนวนชิ้น) ได้น้อยลงก็ได้
6. งบการเงินที่เกิดจากการผสมผสานวิธีการต่างๆด้วยกันจะดูยากขึ้น เช่น ถ้ามีทั้ง การลดต้นทุน ขึ้นราคาขาย และ เพิ่มจำนวนลูกค้า เช่น S, T, U, V (รูปที่ 8)
สรุป เอามาใช้วิเคราะห์จริงคงยากมากแต่ก็พอมีทางบ้าง และ ที่สำคัญพบว่าการลดต้นทุนไม่ค่อยมีประโยชน์ เมื่อ เทียบกับการขึ้นราคาขายสินค้า
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รู้ได้อย่างไรจากงบ ว่าบริษัทใช้แผนลดต้นทุนเป็นหลัก
โพสต์ที่ 4
pic 01
แนบไฟล์
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รู้ได้อย่างไรจากงบ ว่าบริษัทใช้แผนลดต้นทุนเป็นหลัก
โพสต์ที่ 5
pic 02
แนบไฟล์
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รู้ได้อย่างไรจากงบ ว่าบริษัทใช้แผนลดต้นทุนเป็นหลัก
โพสต์ที่ 6
pic 03
แนบไฟล์
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รู้ได้อย่างไรจากงบ ว่าบริษัทใช้แผนลดต้นทุนเป็นหลัก
โพสต์ที่ 7
pic 04
แนบไฟล์
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รู้ได้อย่างไรจากงบ ว่าบริษัทใช้แผนลดต้นทุนเป็นหลัก
โพสต์ที่ 8
pic 05
แนบไฟล์
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รู้ได้อย่างไรจากงบ ว่าบริษัทใช้แผนลดต้นทุนเป็นหลัก
โพสต์ที่ 9
pic 06
แนบไฟล์
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รู้ได้อย่างไรจากงบ ว่าบริษัทใช้แผนลดต้นทุนเป็นหลัก
โพสต์ที่ 10
pic 07
แนบไฟล์
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รู้ได้อย่างไรจากงบ ว่าบริษัทใช้แผนลดต้นทุนเป็นหลัก
โพสต์ที่ 11
pic 08
แนบไฟล์
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- erickiros
- Verified User
- โพสต์: 415
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รู้ได้อย่างไรจากงบ ว่าบริษัทใช้แผนลดต้นทุนเป็นหลัก
โพสต์ที่ 12
มายืนยันกับพี่หมอว่ากลยุทธ์ตัดราคาเป็นกลยุทธ์รอวันตายสถานเดียว
แต่ถ้าทุนหนาทนรอให้เจ้าอื่นตายไปแล้วลูกค้ากลับมาซื้อของเราได้ก็จะกลายเป็นธุรกิจผูกขาด
ช่วงที่แข่งกันตัดราคาลูกค้าจะมึนๆงงๆไม่รู้จะตัดสินใจซื้อเจ้าไหนดี เพราะลูกค้าคิดว่าเดี๋ยวก็มีการตัดราคากันอีก
แต่ถ้าทุนหนาทนรอให้เจ้าอื่นตายไปแล้วลูกค้ากลับมาซื้อของเราได้ก็จะกลายเป็นธุรกิจผูกขาด
ช่วงที่แข่งกันตัดราคาลูกค้าจะมึนๆงงๆไม่รู้จะตัดสินใจซื้อเจ้าไหนดี เพราะลูกค้าคิดว่าเดี๋ยวก็มีการตัดราคากันอีก
ว่างๆแวะไปเยี่ยมชม blog ของซันได้นะคะ Economics Blog
เนื้อหาของบล็อกนี้จะเกี่ยวกับการนำทฤษฎีเศรษฐศาสตร์มาอธิบายเรื่องราวต่างๆค่ะ
เนื้อหาของบล็อกนี้จะเกี่ยวกับการนำทฤษฎีเศรษฐศาสตร์มาอธิบายเรื่องราวต่างๆค่ะ