ความเชื่อที่ไม่จริงในตลาดหุ้น เพื่อนๆเห็นว่าไงบ้าง?

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4366
ผู้ติดตาม: 1

ความเชื่อที่ไม่จริงในตลาดหุ้น เพื่อนๆเห็นว่าไงบ้าง?

โพสต์ที่ 1

โพสต์

1. เล่นหุ้น/ลงทุนหุ้น ต้องคอยจับตาภาวะเศรษฐกิจใกล้ชิดตลอดเวลา ใครรู้ข่าวก่อนได้เปรียบ รู้ทีหลังเสียเปรียบ

*** ผมว่าไม่จริง ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นสถานการณ์เป็นยังไงอยู่ก่อน และข่าวนั้นๆเป็นปัจจัยส่งผลกระทบจริงๆกับกิจการมากน้อยแค่ไหน หลายครั้งการเทรดตามข่าวโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบกลับกลายเป็นการเสียโอกาสหรือไม่ก็ทำลายโอกาส
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4366
ผู้ติดตาม: 1

Re: ความเชื่อที่ไม่จริงในตลาดหุ้น เพื่อนๆเห็นว่าไงบ้าง?

โพสต์ที่ 2

โพสต์

2. การลงทุนในตลาดหุ้น โดยรวมแล้ว ควรมองเป็นการลงทุนระยะยาวๆ ยิ่งยาวยิ่งดี เพราะสถิติบอกว่าในระยะยาวให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าลงทุนชนิดอื่น

*** ผมว่าไม่จริง การลงทุนในหุ้นเป็นเรื่องของการตัดสินใจถูกที่ถูกเวลามากกว่า คล้ายกับการทำธุรกิจ ซึ่งไม่ใช่ว่าใครทำธุรกิจต้องทำนานๆเท่านั้นถึงจะรวยได้ ส่วนที่มักจะนำกราฟผลตอบแทนย้อนหลังหลายๆปีของการลงทุนในหุ้นมาเทียบกับการลงทุนอื่นแล้วบอกว่าให้ผลตอบแทนระยะยาวดีที่สุด ที่จริงเป็นทริกมากกว่า เพราะมักเริ่มวัดจากฐานต่ำเสมอ (ไม่เชื่อไปลองหาดู) ลองวัดจากฐานสูงดูบ้างสิ เช่น เริ่มจากปีก่อนต้มยำกุ้ง ดูว่าผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นไง
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4366
ผู้ติดตาม: 1

Re: ความเชื่อที่ไม่จริงในตลาดหุ้น เพื่อนๆเห็นว่าไงบ้าง?

โพสต์ที่ 3

โพสต์

3. ในช่วงตลาดขาลง จะได้ยินคำแนะนำว่า ให้เปลี่ยนไปลงทุนในหุ้นที่จ่ายปันผลสูง หุ้นที่กำไรสม่ำเสมอ

*** ผมว่าไม่จริง สำหรับคนที่ชอบลงทุนในหุ้นลักษณะดังกล่าว ลงทุนตอนไหนก็ได้ ไม่ต้องมารอตอนตลาดขาลงแล้วจึงลงทุน อันที่จริงแล้ว ถ้าตลาดเป็นขาลงชัดๆจริงๆ ทางเลือกการลงทุนที่ดีที่สุดตอนนั้น น่าจะเป็นถือเงินสดรอมากกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4366
ผู้ติดตาม: 1

Re: ความเชื่อที่ไม่จริงในตลาดหุ้น เพื่อนๆเห็นว่าไงบ้าง?

โพสต์ที่ 4

โพสต์

4. เวลาลงทุนในหุ้นไม่ควรใส่เงินทั้งหมดในหุ้นไม่กี่ตัว ควรกระจายการลงทุนในหุ้นหลายๆตัว หลายๆอุตสาหกรรม (อย่าใส่ไข่ทั้งหมดในตะกร้าใบเดียว)

*** ผมว่าไม่จริง สิ่งที่ควรกระจายคือความเสี่ยงภายหลังจากที่กำจัดความเสี่ยงส่วนใหญ่ออกไปด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญก่อนแล้ว แน่นอนว่าความเสี่ยง ความไม่แน่นอน เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น แต่เราสามารถศึกษาหาข้อมูลความรู้เพื่อกรองความเสี่ยงออกไปชั้นหนึ่งก่อน แล้วจากนั้นจึงค่อยกระจายการลงทุน การกระจายการลงทุนไปในหุ้นหรืออุตสาหกรรมที่เราไม่รู้ไม่ได้ศึกษาน่าจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงมากกว่าการกระจายความเสี่ยงนะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4366
ผู้ติดตาม: 1

Re: ความเชื่อที่ไม่จริงในตลาดหุ้น เพื่อนๆเห็นว่าไงบ้าง?

โพสต์ที่ 5

โพสต์

5. ให้ซื้อหุ้นเมื่อประกาศข่าวร้าย ให้ขายหุ้นเมื่อประกาศข่าวดี

*** อันนี้ไม่จริงเสมอไป ขึ้นกับว่าก่อนหน้านั้นตลาดคาดหวังอะไรกับหุ้นนั้นๆอยู่ เช่น ในกรณีที่ตลาดให้ค่าข่าวดีนั้นๆอยู่แล้ว เมื่อประกาศข่าวอย่างเป็นทางการออกมาก็เป็นไปได้สูงที่จะมีการขายทำกำไร แต่หากเป็นกรณีข่าวดีที่ตลาดไม่รับรู้มาก่อน ภายหลังการประกาศ หุ้นก็น่าจะปรับตัวขึ้นสะท้อนกับข่าวนั้นๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4366
ผู้ติดตาม: 1

Re: ความเชื่อที่ไม่จริงในตลาดหุ้น เพื่อนๆเห็นว่าไงบ้าง?

โพสต์ที่ 6

โพสต์

6.คนพอร์ตเล็กหรือรายย่อย เสียเปรียบคนพอร์ตใหญ่หรือรายใหญ่

*** ผมว่าไม่จริงเสมอไป จะรายย่อยหรือรายใหญ่ ที่จริงมีข้อได้เปรียบเสียเปรียบต่างกัน ที่เห็นๆว่ารายย่อยได้เปรียบมากๆอย่างน้อยก็มีอยู่อย่างหนึ่ง คือ ความคล่องตัวในการซื้อขาย ไม่ต้องกลัวว่าคำสั่งของตัวเองจะไปกระทบให้ราคาเปลี่ยนแปลง ลองถามคนรู้จักที่เป็นรายใหญ่ก็ได้ว่า เงินลงทุน 1 แสนกับ 10 ล้าน อันไหนโต 100% ง่ายกว่ากัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
green-orange
Verified User
โพสต์: 896
ผู้ติดตาม: 0

Re: ความเชื่อที่ไม่จริงในตลาดหุ้น เพื่อนๆเห็นว่าไงบ้าง?

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ดำ เขียน:2. การลงทุนในตลาดหุ้น โดยรวมแล้ว ควรมองเป็นการลงทุนระยะยาวๆ ยิ่งยาวยิ่งดี เพราะสถิติบอกว่าในระยะยาวให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าลงทุนชนิดอื่น

*** ผมว่าไม่จริง การลงทุนในหุ้นเป็นเรื่องของการตัดสินใจถูกที่ถูกเวลามากกว่า คล้ายกับการทำธุรกิจ ซึ่งไม่ใช่ว่าใครทำธุรกิจต้องทำนานๆเท่านั้นถึงจะรวยได้ ส่วนที่มักจะนำกราฟผลตอบแทนย้อนหลังหลายๆปีของการลงทุนในหุ้นมาเทียบกับการลงทุนอื่นแล้วบอกว่าให้ผลตอบแทนระยะยาวดีที่สุด ที่จริงเป็นทริกมากกว่า เพราะมักเริ่มวัดจากฐานต่ำเสมอ (ไม่เชื่อไปลองหาดู) ลองวัดจากฐานสูงดูบ้างสิ เช่น เริ่มจากปีก่อนต้มยำกุ้ง ดูว่าผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นไง
ขออนุญาติแชร์ความคิดเห็นครับ

ผมคิดว่าการที่เค้าบอกว่าให้ลงทุนยาวๆ น่าจะเป็นเพราะว่าการคาดการ์ณที่ยาวนาน เช่น 3-5 ปี นั้นช่วยให้อัตราความแม่นยำของการคาดการ์ณเราสูงมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับการคาดการ์ณในระยะเวลาที่สั้นลง เช่น 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี เนื่องจากว่าอาจจะมีปัจจัยภายนอกหลายอย่างที่เข้ามามีผลกระทบกับการคาดการ์ณของเราได้ ซึ่งตรงนี้ทำให้ลดความเสี่ยงของการลงทุนสำหรับ VI
ภาพประจำตัวสมาชิก
green-orange
Verified User
โพสต์: 896
ผู้ติดตาม: 0

Re: ความเชื่อที่ไม่จริงในตลาดหุ้น เพื่อนๆเห็นว่าไงบ้าง?

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ดำ เขียน:4. เวลาลงทุนในหุ้นไม่ควรใส่เงินทั้งหมดในหุ้นไม่กี่ตัว ควรกระจายการลงทุนในหุ้นหลายๆตัว หลายๆอุตสาหกรรม (อย่าใส่ไข่ทั้งหมดในตะกร้าใบเดียว)

*** ผมว่าไม่จริง สิ่งที่ควรกระจายคือความเสี่ยงภายหลังจากที่กำจัดความเสี่ยงส่วนใหญ่ออกไปด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญก่อนแล้ว แน่นอนว่าความเสี่ยง ความไม่แน่นอน เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น แต่เราสามารถศึกษาหาข้อมูลความรู้เพื่อกรองความเสี่ยงออกไปชั้นหนึ่งก่อน แล้วจากนั้นจึงค่อยกระจายการลงทุน การกระจายการลงทุนไปในหุ้นหรืออุตสาหกรรมที่เราไม่รู้ไม่ได้ศึกษาน่าจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงมากกว่าการกระจายความเสี่ยงนะ
อันนี้ผมเห็นด้วยว่า การลดความเสี่ยงคือการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เรามีความรู้ความชำนาญ ยิ่งชำนาญและรู้ลึกมากเท่าใด ความเสียงก็จะลดน้อยลงมากเท่านั้น และก็จะทำให้การคาดการ์ณของเราแม่นยำมากขึ้นอย่างมาก และสุดท้ายก็คงต้องใช้ตัวช่วยสุดท้ายคือ margin of safety เพราะแม้ว่าเราจะคาดการ์ณแม่นยำและรู้ลึกซึ้งกับธุรกิจนั้นๆมากเพียงใด ก็ยังมีปัจจัยอื่นที่ควบคุมไม่ได้เข้ามากระทบอยู่ดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
green-orange
Verified User
โพสต์: 896
ผู้ติดตาม: 0

Re: ความเชื่อที่ไม่จริงในตลาดหุ้น เพื่อนๆเห็นว่าไงบ้าง?

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ดำ เขียน:1. เล่นหุ้น/ลงทุนหุ้น ต้องคอยจับตาภาวะเศรษฐกิจใกล้ชิดตลอดเวลา ใครรู้ข่าวก่อนได้เปรียบ รู้ทีหลังเสียเปรียบ

*** ผมว่าไม่จริง ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นสถานการณ์เป็นยังไงอยู่ก่อน และข่าวนั้นๆเป็นปัจจัยส่งผลกระทบจริงๆกับกิจการมากน้อยแค่ไหน หลายครั้งการเทรดตามข่าวโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบกลับกลายเป็นการเสียโอกาสหรือไม่ก็ทำลายโอกาส
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ภายใน 1-2 ปีที่ผ่านมากับภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ผมเรียนรู้ที่จะศึกษาหาความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์เพิ่มเติม เพื่อวิเคราะห์สิ่งที่กูรูต่างๆได้บอกเล่ามา และวิเคราะห์ด้วยเหตุด้วยผลว่าแนวโน้มนั้นจะเป็นอย่างไร เพื่อดูอัตราความเสียงว่ามากน้อยแค่ไหน มันคุ้มค่าที่จะเข้าไปเสี่ยงหรือไม่ แต่สิ่งที่ยากมากๆก็คือว่าไม่มีใครรู้จริงๆว่ามันจะเกิดเมื่อไหร่
ภาพประจำตัวสมาชิก
green-orange
Verified User
โพสต์: 896
ผู้ติดตาม: 0

Re: ความเชื่อที่ไม่จริงในตลาดหุ้น เพื่อนๆเห็นว่าไงบ้าง?

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ดำ เขียน:3. ในช่วงตลาดขาลง จะได้ยินคำแนะนำว่า ให้เปลี่ยนไปลงทุนในหุ้นที่จ่ายปันผลสูง หุ้นที่กำไรสม่ำเสมอ

*** ผมว่าไม่จริง สำหรับคนที่ชอบลงทุนในหุ้นลักษณะดังกล่าว ลงทุนตอนไหนก็ได้ ไม่ต้องมารอตอนตลาดขาลงแล้วจึงลงทุน อันที่จริงแล้ว ถ้าตลาดเป็นขาลงชัดๆจริงๆ ทางเลือกการลงทุนที่ดีที่สุดตอนนั้น น่าจะเป็นถือเงินสดรอมากกว่า
ข้อนี้ผมเข้าใจว่า ไม่มีใครรู้จริงๆว่าจะเกิดวิกฤตไหม จะเกิดเมื่อไหร่ และจะเกิดหนักขนาดไหน จึงเป็นที่มาของกลยุทธสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นตลอดเวลา โดยการย้ายการลงทุนมาในหุ้นกลุ่มที่มีความสม่ำเสมอทั้งรายได้ กำไร มีความจำเป็นในชีวิตประจำวันหรือปัจจัย 4 และมีผลกับภาวะเศรษฐกิจน้อย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า defensive
ภาพประจำตัวสมาชิก
Juninho
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1054
ผู้ติดตาม: 1

Re: ความเชื่อที่ไม่จริงในตลาดหุ้น เพื่อนๆเห็นว่าไงบ้าง?

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ดำ เขียน:2. การลงทุนในตลาดหุ้น โดยรวมแล้ว ควรมองเป็นการลงทุนระยะยาวๆ ยิ่งยาวยิ่งดี เพราะสถิติบอกว่าในระยะยาวให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าลงทุนชนิดอื่น

*** ผมว่าไม่จริง การลงทุนในหุ้นเป็นเรื่องของการตัดสินใจถูกที่ถูกเวลามากกว่า คล้ายกับการทำธุรกิจ ซึ่งไม่ใช่ว่าใครทำธุรกิจต้องทำนานๆเท่านั้นถึงจะรวยได้ ส่วนที่มักจะนำกราฟผลตอบแทนย้อนหลังหลายๆปีของการลงทุนในหุ้นมาเทียบกับการลงทุนอื่นแล้วบอกว่าให้ผลตอบแทนระยะยาวดีที่สุด ที่จริงเป็นทริกมากกว่า เพราะมักเริ่มวัดจากฐานต่ำเสมอ (ไม่เชื่อไปลองหาดู) ลองวัดจากฐานสูงดูบ้างสิ เช่น เริ่มจากปีก่อนต้มยำกุ้ง ดูว่าผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นไง
ข้อนี้ผมว่าจริงครับ ระยะยาวหุ้นให้ผลตอบแทน มากกว่า การลงทุนประเภทอื่น
ไปดูได้เลยว่า ตลาดหลักทรัพย์ไทยตอนเปิด แค่หนึ่งร้อยจุด ผ่านมาสามสิบกว่าปี หนึ่งพันจุด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อีกสามสิบ สี่สิบปี ข้างหน้าจะอยู่ประมาณหนึ่งหมื่นจุดแน่นอน

หากคุณดำไม่เชื่อ ก็ไปดูตลาดหุ้นทั่วโลกได้ครับ เป็นไปในลักษณะนี้เช่นกัน คือมันจะขึ้นไปเรื่อยๆ ครับ (ดูจากตอนเปิดนะครับ ไม่ต้องตัดมาจากฐานปีไหนที่เลือกกันมาเอง)
หากดูระยะสั้นอาจจะผันผวน แต่ยังไงระยะยาว มันจะขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นพาราโบล่าครับ
(เกิดจากการทบต้นประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ต่อปี)
You Can Get It If You Really Want
But you must try, try and try
Green
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2846
ผู้ติดตาม: 1

Re: ความเชื่อที่ไม่จริงในตลาดหุ้น เพื่อนๆเห็นว่าไงบ้าง?

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ดำ เขียน:2. การลงทุนในตลาดหุ้น โดยรวมแล้ว ควรมองเป็นการลงทุนระยะยาวๆ ยิ่งยาวยิ่งดี เพราะสถิติบอกว่าในระยะยาวให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าลงทุนชนิดอื่น

*** ผมว่าไม่จริง การลงทุนในหุ้นเป็นเรื่องของการตัดสินใจถูกที่ถูกเวลามากกว่า คล้ายกับการทำธุรกิจ ซึ่งไม่ใช่ว่าใครทำธุรกิจต้องทำนานๆเท่านั้นถึงจะรวยได้ ส่วนที่มักจะนำกราฟผลตอบแทนย้อนหลังหลายๆปีของการลงทุนในหุ้นมาเทียบกับการลงทุนอื่นแล้วบอกว่าให้ผลตอบแทนระยะยาวดีที่สุด ที่จริงเป็นทริกมากกว่า เพราะมักเริ่มวัดจากฐานต่ำเสมอ (ไม่เชื่อไปลองหาดู) ลองวัดจากฐานสูงดูบ้างสิ เช่น เริ่มจากปีก่อนต้มยำกุ้ง ดูว่าผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นไง
ถ้าเล่นแบบซื้อดัชนี set. ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นมั้งครับ แต่ถ้าเลือกลุงทุนเป็นตัวๆ ผลลัพธ์ต่างกันสิ้นเชิงครับ. แม้กระทั่งจะเริ่มลงทุนตอน ก่อนต้มยำกุ้งก็ตาม
“Market prices are always wrong in the sense that they present a biased view of the future.”, Soros.

Blog about the investment playbook https://www.blockdit.com/alphainvesting
nanchan
Verified User
โพสต์: 2938
ผู้ติดตาม: 0

Re: ความเชื่อที่ไม่จริงในตลาดหุ้น เพื่อนๆเห็นว่าไงบ้าง?

โพสต์ที่ 13

โพสต์

green-orange เขียน:
ดำ เขียน:4. เวลาลงทุนในหุ้นไม่ควรใส่เงินทั้งหมดในหุ้นไม่กี่ตัว ควรกระจายการลงทุนในหุ้นหลายๆตัว หลายๆอุตสาหกรรม (อย่าใส่ไข่ทั้งหมดในตะกร้าใบเดียว)

*** ผมว่าไม่จริง สิ่งที่ควรกระจายคือความเสี่ยงภายหลังจากที่กำจัดความเสี่ยงส่วนใหญ่ออกไปด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญก่อนแล้ว แน่นอนว่าความเสี่ยง ความไม่แน่นอน เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น แต่เราสามารถศึกษาหาข้อมูลความรู้เพื่อกรองความเสี่ยงออกไปชั้นหนึ่งก่อน แล้วจากนั้นจึงค่อยกระจายการลงทุน การกระจายการลงทุนไปในหุ้นหรืออุตสาหกรรมที่เราไม่รู้ไม่ได้ศึกษาน่าจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงมากกว่าการกระจายความเสี่ยงนะ
อันนี้ผมเห็นด้วยว่า การลดความเสี่ยงคือการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เรามีความรู้ความชำนาญ ยิ่งชำนาญและรู้ลึกมากเท่าใด ความเสียงก็จะลดน้อยลงมากเท่านั้น และก็จะทำให้การคาดการ์ณของเราแม่นยำมากขึ้นอย่างมาก และสุดท้ายก็คงต้องใช้ตัวช่วยสุดท้ายคือ margin of safety เพราะแม้ว่าเราจะคาดการ์ณแม่นยำและรู้ลึกซึ้งกับธุรกิจนั้นๆมากเพียงใด ก็ยังมีปัจจัยอื่นที่ควบคุมไม่ได้เข้ามากระทบอยู่ดี
ที่ผ่านมายังไม่เคยมีความรู้ความชำนาญ ลึกๆเลย แต่สิ่งที่พยายามรู้คือจับจุดสำคัญให้เข้าใจ
และก็ไม่ได้ไปลงทุนในอุตสาหกรรมที่ตัวเองชำนาญที่สุด
และก็เคยใส่ไข่เกือบทั้งหมดในตระกร้าใบเดียวด้วย ถ้าจะให้ทำอีกก็คงยากเหมือนกัน
ความเสี่ยงสำคัญของการลงทุน ผมว่าคือสิ่งที่เรายังไม่รู้ โดยเฉพาะอนาคต
และ สำคัญสุดคือความถูก ถูกพอให้เสี่ยงได้
ส่วนการกระจายลงทุน ผมก็เห็นด้วย ถ้าเราเองรู้ไม่มากพอ เลยต้องพยายามกระจายให้มากสุดแบบโฟกัส
ถ้าจะรอให้รู้มากพอ ผมว่าผมคงไม่ได้ลงทุนซักที และเวลาที่รู้มากพอทีไร ส่วนมากก็จะเห็นหุ้นมันตอบรับไปซะมากแล้ว
จะว่าไปที่คุณดำว่ามา ก็จริงด้วย และที่คุณว่าไม่จริง ผมก็ว่ามีส่วนจริงด้วยอีก
คือมันคงแล้วแต่คนมั้งครับ คงต้องขึ้นกับระดับความรู้ ระดับพอร์ต ความทุ่มเท อีกหลายๆความ
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
nut776
Verified User
โพสต์: 3350
ผู้ติดตาม: 0

Re: ความเชื่อที่ไม่จริงในตลาดหุ้น เพื่อนๆเห็นว่าไงบ้าง?

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ดำ เขียน:1. เล่นหุ้น/ลงทุนหุ้น ต้องคอยจับตาภาวะเศรษฐกิจใกล้ชิดตลอดเวลา ใครรู้ข่าวก่อนได้เปรียบ รู้ทีหลังเสียเปรียบ


*** ผมว่าไม่จริง ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นสถานการณ์เป็นยังไงอยู่ก่อน และข่าวนั้นๆเป็นปัจจัยส่งผลกระทบจริงๆกับกิจการมากน้อยแค่ไหน หลายครั้งการเทรดตามข่าวโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบกลับกลายเป็นการเสียโอกาสหรือไม่ก็ทำลายโอกาส
แล้วแต่อยากจะมองคับ หรือแล้ว ต่อยากจะเชื่อ
ต่างคน ต่างเวลา ต่างความเข้าใจ ต่างความสามารถ
บางต้องการ track fundflow เพื่อเลี่ยง market crash
เปิดใจยอมรับทุกเรื่องก่อนพิจารณาว่าอะไรจริงไม่จริง น่าจะดีกว่าคับ
show me money.
nut776
Verified User
โพสต์: 3350
ผู้ติดตาม: 0

Re: ความเชื่อที่ไม่จริงในตลาดหุ้น เพื่อนๆเห็นว่าไงบ้าง?

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ดำ เขียน:2. การลงทุนในตลาดหุ้น โดยรวมแล้ว ควรมองเป็นการลงทุนระยะยาวๆ ยิ่งยาวยิ่งดี เพราะสถิติบอกว่าในระยะยาวให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าลงทุนชนิดอื่น

*** ผมว่าไม่จริง การลงทุนในหุ้นเป็นเรื่องของการตัดสินใจถูกที่ถูกเวลามากกว่า คล้ายกับการทำธุรกิจ ซึ่งไม่ใช่ว่าใครทำธุรกิจต้องทำนานๆเท่านั้นถึงจะรวยได้ ส่วนที่มักจะนำกราฟผลตอบแทนย้อนหลังหลายๆปีของการลงทุนในหุ้นมาเทียบกับการลงทุนอื่นแล้วบอกว่าให้ผลตอบแทนระยะยาวดีที่สุด ที่จริงเป็นทริกมากกว่า เพราะมักเริ่มวัดจากฐานต่ำเสมอ (ไม่เชื่อไปลองหาดู) ลองวัดจากฐานสูงดูบ้างสิ เช่น เริ่มจากปีก่อนต้มยำกุ้ง ดูว่าผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นไง
ก็ขึ้นอยู่กับ หุ้นที่เลือกด้วยคับ
คุณสุมาอี้เคยทำ stress test ว่าถ้าซื้อก่อนดอย 1700 ตอนกำลังขึ้นดอย แล้วไม่ขายจนวันนี้เป็นไง
หุ้นหลายตัวซื้อดอยถ้าไม่ขาย กลายเป็นหุ้น 4-10เด้ง

ต้องไปดูเองอะคับระหว่าง ถูกเวลา vs ถูกหุ้น
หลายเรื่องเฝ้าดูความเป็นไปดีกว่ามานั่งแยกแยะ อะไรจริงไม่จริง นะ ผมว่า
show me money.
nut776
Verified User
โพสต์: 3350
ผู้ติดตาม: 0

Re: ความเชื่อที่ไม่จริงในตลาดหุ้น เพื่อนๆเห็นว่าไงบ้าง?

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ดำ เขียน:3. ในช่วงตลาดขาลง จะได้ยินคำแนะนำว่า ให้เปลี่ยนไปลงทุนในหุ้นที่จ่ายปันผลสูง หุ้นที่กำไรสม่ำเสมอ

*** ผมว่าไม่จริง สำหรับคนที่ชอบลงทุนในหุ้นลักษณะดังกล่าว ลงทุนตอนไหนก็ได้ ไม่ต้องมารอตอนตลาดขาลงแล้วจึงลงทุน อันที่จริงแล้ว ถ้าตลาดเป็นขาลงชัดๆจริงๆ ทางเลือกการลงทุนที่ดีที่สุดตอนนั้น น่าจะเป็นถือเงินสดรอมากกว่า

แล้วแต่กลยุทธ ของแต่ละคน
anthony bolton แกว่า หุ้นขาลง dividend approach เซฟ สุด
แต่
เด๋วนี้ vi เค้าก้าวหน้ากว่าอดีตไปเยอะแล้วคับ เพื่อ optimize ผลตอบแทนให้ได้มากสุด
การบริหารหน้าตัก money management
asset allocation เด๋วนี้ vi เค้าเทพกว่าเดิมเยอะแล้วคับ
เพื่อ optimize ผลตอบแทนในระยะเวลาสั้นสุด
show me money.
โพสต์โพสต์