โกดัก ประกาศล้มละลาย ปิดฉากตำนานกว่า 130 ปี

[บูรพาไม่แพ้]

โกดัก ประกาศล้มละลาย ปิดฉากตำนานกว่า 130 ปี
ข่าวเศรษฐกิจ RYT9.COM -- พฤหัสบดีที่ 19 มกราคม 2555 16:08:32 น.



บริษัท อีสต์แมน โกดัก จำกัด ผู้ผลิตฟิล์ม และกล้องถ่ายรูปชื่อดังของสหรัฐ ตัดสินใจประกาศยื่นล้มละลายภายหลังเทคโนโลยีถ่ายภาพดิจิตอลเข้ามาตีตลาดคู่แข่งส่งผลให้ โกดัก ขาดทุนยับติดต่อกัน 3 ปีราว 6 พันล้าน

หลังจากยื่นเอกสารขอความคุ้มครองจากศาล ตามมาตรา 11 ภายใต้กฏหมายล้มละลาย ของสหรัฐ โกดักได้รับเงินกู้จำนวน 950 ล้านเหรียญสหรัฐจากซิตี้กรุป

"บอร์ดบริหารเล็งเห็นว่า การยื่นฟ้องล้มละลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบริษัท" บริษัท โกดักแถลง

โกดัก ก่อตั้งขึ้นมาเป็นเวลายาวนานถึง 130 ปี โดยเป็นผู้บุกเบิกกล้องถ่ายรูปชนิดฟิล์ม แต่ว่าในช่วงเวลาหลัง โกดักไม่สามารถแข่งขันกับเทคโนโลยีการถ่ายภาพยุคดิจิตอลได้ จึงทำให้ขาดทุนอย่างหนัก จึงเป็นเหตุให้ต้องยื่นล้มละลายดังที่กล่าวไป

--อินโฟเควสท์ โดย สุดทีวัล สุขใส/ณัฐชญา อัครยรรยง อีเมล์: [email protected]--

[บูรพาไม่แพ้]

โกดักยื่นขอความคุ้มครองจากศาลภายใต้มาตรา 11 กฏหมายล้มละลายสหรัฐ หลังประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง

โกดัก ผู้บุกเบิกฟิล์มถ่ายรูปมานานกว่า 130 ปี และพยายามปรับโครงสร้างด้วยการผันธุรกิจมาเป็นผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภค อาทิเช่น กล้องถ่ายรูป เผยว่า บริษัทได้รับวงเงินสินเชื่อ 950 ล้านดอลลาร์ระยะ 18 เดือนจากซิตี้กรุ๊ป เพื่อให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้

ทั้งนี้ คาดกันว่า การได้รับเงินกู้และมาตรการพิทักษ์ทรัพย์จากภาวะล้มละลาย โดยได้รับการคุ้มครองจากเจ้าหนี้การค้าในสหรัฐ จะทำให้โกดักมีเวลาในการหาผู้ซื้อสิทธิบัตรดิจิตอลของทางบริษัทที่มีอยู่ 1,100 ฉบับ ซึ่งมีความสำคัญต่อมูลค่าสินทรัพย์ที่เหลืออยู่ และเพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจ ขณะที่บริษัทจะยังคงจ่ายเงินเดือนให้แก่พนักงาน 17,000 คนต่อไป

ขณะนี้ โกดักอาจตัดสินใจปรับโครงสร้างหนี้ หรืออาจขายสินทรัพย์ทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งรวมถึงสิทธิบัตร และธุรกิจที่มีอยู่หลากหลาย

"คณะกรรมการและทีมผู้บริหารอาวุโสทั้งคณะมีความเชื่อเป็นเอกฉันท์ว่า นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญ และเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่จะทำเพื่ออนาคตของโกดัก ขณะนี้ เราต้องเปลี่ยนแปลงให้เสร็จสมบูรณ์ ด้วยการปรับโครงสร้างต้นทุน และขายสินทรัพย์ที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งไม่ใช่ธุรกิจหลัก ขณะที่เราเฝ้ารอที่จะทำงานร่วมกับผู้ถือหุ้นของเราเพื่อสร้างบริษัทด้านวิทยาศาสตร์ภาพถ่ายดิจิตอล และวัสดุชั้นนำของโลกที่มีความคล่องตัว" นายอันโตนิโอ เปเรซ ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโกดัก กล่าว

นับจนถึงสิ้นเดือนก.ย. โกดักมีสินทรัพย์รวม 5.1 พันล้านดอลลาร์ และมีหนี้สิน 6.75 พันล้านดอลลาร์

โกดักเปิดเผยว่า บริษัทและบริษัทในเครือในสหรัฐได้ยื่นเรื่องล้มละลายตามมาตรา 11 ต่อศาลล้มละลายสหรัฐสำหรับเขตนิวยอร์คใต้ ส่วนบริษัทในเครือที่ไม่ได้อยู่ในสหรัฐไม่ได้อยู่ภายใต้การยื่นล้มละลายครั้งนี้และบริษัทจะยังคงชำระหนี้ทั้งหมดให้แก่บริษัทซัพพลายเออร์ต่อไป

อย่างไรก็ตาม โกดักเคยเป็นเจ้าตลาดในธุรกิจนี้ แต่ก็ไม่สามารถแข่งขันกับเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากกว่า อาทิ กล้องดิจิตอล ซึ่งเป็นสินค้าที่โกดักเป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นเอง

ภาวะตกต่ำของบริษัทส่งผลกระทบต่อเมืองโรเชสเตอร์ รัฐนิวยอร์คซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของโกดัก โดยการจ้างงานในเมืองนี้ลดลงสู่ระดับ 7,000 คน

http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... รเงิน.html

[chukieat30]

ถ้าโกดักไม่เจ๊ง เราก้คงเห็นไดโนเสาร์เมื่อหลายล้านปีมาเดินละครับ

และคงจะดูทีวี จอแก้วมนๆ ไม่มีจอแบน แอลซีดี แอลอีดีแล้ว

นี่แหล่ะ ที่เค้าเรียก ใหม่กำจัดเก่า เก่าไปใหม่มา

แข่งขันไม่ได้ หรือ แตกไลน์ไม่ได้ หรือ โตไม่ได้ ตันแล้ว ท้ายสุดก้ดับไป

โกดัก ก้เหมือนโปรเจคชั่น สมัย15ปีที่แล้ว ตกยุคและ ไม่ปรับตัวสุดท้าย ก้ต้องตายจากไป


บางทีเราก้จะเห็นหลายๆธุรกิจล้มลงไป เมื่อเวลาผ่านไป เพราะ โลกมันไปเรื่อยๆๆ

ถ้าเราหยุดที่เดิม สักวันเราก้จะเหมือน โกดัก

[chukieat30]

ธุรกิจที่รอตอบโจทย์ลูกค้า แต่ไม่ให้ลูกค้าต้องมารอตอบโจทย์

คิดว่ารอดไหมครับ ไม่คิดจะนำ เอาแต่ตาม

ลูกค้าต้องการสิ่งนึง เด๋วก้มีคนทำออกมาละ แต่สิ่งที่สตีฟ จ๊อฟเหนือกว่าพวกธุรกิจสายเดียว

กันคือ เค้าเสนอให้ลูกค้า เค้าต้องให้ลูกค้ารอตอบโจทย์ เหมือนพ่อครัวที่ปรุงอาหารรสชาด

อร่อย จนมีแต่คนรอ ว่า ต่อไปจะเสริฟอาหารอะไร

เค้ากลับนำลูกค้าไปก้าวนึง ขณะที่คนอื่นต้องรอว่าลูกค้าอยากได้อะไร มันเป็นมนสเน่ห์

อย่างนึง ที่ทุกคนต้องรอเค้า ทุกคนต้องใจจดจ่อว่า เค้าจะคิดอะไรใหม่

ผมเคยเสนอ ผบห บนึงเกี่ยวกับน้ำ ใบเตย ว่าต้นทุนถูก ก้ไม่เห็นมีใครเอาไปดัดแปลง

จนมีอิชิตัน ได้ทำน้ำใบเตยผสมออกมา สุดยอดครับ


รสชาดดีมาก ผมเดินดูที่ 7/11 รสชาดใหม่ที่เป็นเบอรี่และ น้ำใบเตยลูกค้าตอบรับดีมาก

หัวคุณตันก้ดีมาก ใบเตยนี่ถูกมาก

ผมยังแอบสะใจ คนที่มองข้ามเรื่องง่ายๆด้วยซ้ำไป การที่ปล่อยให้ อิชิตัน ทำก่อนได้กำไร

ก่อน แสดงให้เห็นว่า ผบห บริษัทนั้น ไม่มีวิชั่นซะเลย

[pullmeunder]

ธุรกิจที่รอตอบโจทย์ลูกค้า แต่ไม่ให้ลูกค้าต้องมารอตอบโจทย์

คิดว่ารอดไหมครับ ไม่คิดจะนำ เอาแต่ตาม

ลูกค้าต้องการสิ่งนึง เด๋วก้มีคนทำออกมาละ แต่สิ่งที่สตีฟ จ๊อฟเหนือกว่าพวกธุรกิจสายเดียว

กันคือ เค้าเสนอให้ลูกค้า เค้าต้องให้ลูกค้ารอตอบโจทย์ เหมือนพ่อครัวที่ปรุงอาหารรสชาด

อร่อย จนมีแต่คนรอ ว่า ต่อไปจะเสริฟอาหารอะไร

เค้ากลับนำลูกค้าไปก้าวนึง ขณะที่คนอื่นต้องรอว่าลูกค้าอยากได้อะไร มันเป็นมนสเน่ห์

อย่างนึง ที่ทุกคนต้องรอเค้า ทุกคนต้องใจจดจ่อว่า เค้าจะคิดอะไรใหม่

ผมเคยเสนอ ผบห บนึงเกี่ยวกับน้ำ ใบเตย ว่าต้นทุนถูก ก้ไม่เห็นมีใครเอาไปดัดแปลง

จนมีอิชิตัน ได้ทำน้ำใบเตยผสมออกมา สุดยอดครับ


รสชาดดีมาก ผมเดินดูที่ 7/11 รสชาดใหม่ที่เป็นเบอรี่และ น้ำใบเตยลูกค้าตอบรับดีมาก

หัวคุณตันก้ดีมาก ใบเตยนี่ถูกมาก

ผมยังแอบสะใจ คนที่มองข้ามเรื่องง่ายๆด้วยซ้ำไป การที่ปล่อยให้ อิชิตัน ทำก่อนได้กำไร

ก่อน แสดงให้เห็นว่า ผบห บริษัทนั้น ไม่มีวิชั่นซะเลย

คงคล้ายๆหลายๆปรากฎการณ์อย่างเช่น แทบเลต,7-11(สมัยก่อนร้านค้าบ้าอะไรเปิด24ชั่วโมง)

สตีฟจ๊อบส์บอกประมาณ ลูกค้าเขาไม่รู้หรอกว่าเขาต้องการอะไร จนกระทั่งเรานำเสนอ

[chukieat30]

ธุรกิจที่รอตอบโจทย์ลูกค้า แต่ไม่ให้ลูกค้าต้องมารอตอบโจทย์

คิดว่ารอดไหมครับ ไม่คิดจะนำ เอาแต่ตาม

ลูกค้าต้องการสิ่งนึง เด๋วก้มีคนทำออกมาละ แต่สิ่งที่สตีฟ จ๊อฟเหนือกว่าพวกธุรกิจสายเดียว

กันคือ เค้าเสนอให้ลูกค้า เค้าต้องให้ลูกค้ารอตอบโจทย์ เหมือนพ่อครัวที่ปรุงอาหารรสชาด

อร่อย จนมีแต่คนรอ ว่า ต่อไปจะเสริฟอาหารอะไร

เค้ากลับนำลูกค้าไปก้าวนึง ขณะที่คนอื่นต้องรอว่าลูกค้าอยากได้อะไร มันเป็นมนสเน่ห์

อย่างนึง ที่ทุกคนต้องรอเค้า ทุกคนต้องใจจดจ่อว่า เค้าจะคิดอะไรใหม่

ผมเคยเสนอ ผบห บนึงเกี่ยวกับน้ำ ใบเตย ว่าต้นทุนถูก ก้ไม่เห็นมีใครเอาไปดัดแปลง

จนมีอิชิตัน ได้ทำน้ำใบเตยผสมออกมา สุดยอดครับ


รสชาดดีมาก ผมเดินดูที่ 7/11 รสชาดใหม่ที่เป็นเบอรี่และ น้ำใบเตยลูกค้าตอบรับดีมาก

หัวคุณตันก้ดีมาก ใบเตยนี่ถูกมาก

ผมยังแอบสะใจ คนที่มองข้ามเรื่องง่ายๆด้วยซ้ำไป การที่ปล่อยให้ อิชิตัน ทำก่อนได้กำไร

ก่อน แสดงให้เห็นว่า ผบห บริษัทนั้น ไม่มีวิชั่นซะเลย

คงคล้ายๆหลายๆปรากฎการณ์อย่างเช่น แทบเลต,7-11(สมัยก่อนร้านค้าบ้าอะไรเปิด24ชั่วโมง)

สตีฟจ๊อบส์บอกประมาณ ลูกค้าเขาไม่รู้หรอกว่าเขาต้องการอะไร จนกระทั่งเรานำเสนอ

นี่เป็นตัวอย่างว่า ต่อให้คุณเป็น pioneerer ก้ใช่ว่าจะล้มไม่ได้ครับ 130ปีไม่ช่วยอะไร

ช่วยอย่างเดียว ช่วยเตือนใจคนว่า โลก มัน หมุน ไป เรื่อยๆๆ

สิ่งที่ยอดเยี่ยมในวันนี้ อีก 10ปีถ้าเทรนเปลี่ยน โอกาศทางธุรกิจก้เปลี่ยน

ธุรกิจที่เล็ก บางทีในวันหน้ามันก้อาจจะเ็ป็นไม้ใหญ่ได้ โกดักเองก้เริ่มจากเล็ก

ของที่มันหาทางโตไม่ได้ และแข่งขันกับใครไม่ได้ อันนี้ไม่น่าจะเป็นธุรกิจ ที่ทำเงินสดได้

ธุรกิจที่ดี คือ มันต้องมีจุดขายของมัน จุดที่คนอื่นเลียนแบบไม่ได้ครับ

[Tamจัง]

ผมว่าพาดหัวกันผิดนะครับ ไม่ได้ยื่นล้มละลาย น่าจะเป็น ฟื้นฟูกิจการมากกว่า (ภายใต้กฏหมายล้มละลาย)

[กาละมัง]

ผมว่าพาดหัวกันผิดนะครับ ไม่ได้ยื่นล้มละลาย น่าจะเป็น ฟื้นฟูกิจการมากกว่า (ภายใต้กฏหมายล้มละลาย)

เห็นด้วยครับ และ Kodak Thailand ก็ยังดำเนินการตามปกติและเตรียมออกแถลงการณ์
ที่ผ่านมา Kodak ก็ได้มีการปรับตัวมาโดยตลอด ยังมีหลายสายงานทีมีอนาคต ไม่ใช่ยึดกับฟิล์มอย่างเดียว

[ซุนเซ็ก]

Kodak ไม่ค่อยปรับตัวหรอกครับ ล้มละลายก็ไม่แปลก
ถามว่าทุกวันนี้ Kodak ทำอะไร...?
เครื่องปริ๊นท์รูปน้ำยา... จ้าง บ.Noritsu ญี่ปุ่น OEM
กระดาษอัดรูป... จำนวนการใช้ลดลงอย่างมาก และโดนฟูจิแย่ง mkr.share ไปเยอะ
เครื่องปริ๊นท์รูปไดซับ... ไม่ได้เกิด
กล้องดิจิตอลรุ่นเล็ก... จ้าง บ.จีน OEM, และ ไม่ติดตลาด
กล้องดิจิตอลระดับมืออาชีพ... เลิกผลิตไปแล้วเพราะสู้แบรนด์ญี่ปุ่นไม่ได้
แบตตารี่&เมมโมรี่การ์ด... จ้าง OEM
ไม่เหลืองานอะไรที่ทำเอง,ทำเงิน เป็นชิ้นเป็นอันเลยครับ

[chukieat30]

Kodak ไม่ค่อยปรับตัวหรอกครับ ล้มละลายก็ไม่แปลก
ถามว่าทุกวันนี้ Kodak ทำอะไร...?
เครื่องปริ๊นท์รูปน้ำยา... จ้าง บ.Noritsu ญี่ปุ่น OEM
กระดาษอัดรูป... จำนวนการใช้ลดลงอย่างมาก และโดนฟูจิแย่ง mkr.share ไปเยอะ
เครื่องปริ๊นท์รูปไดซับ... ไม่ได้เกิด
กล้องดิจิตอลรุ่นเล็ก... จ้าง บ.จีน OEM, และ ไม่ติดตลาด
กล้องดิจิตอลระดับมืออาชีพ... เลิกผลิตไปแล้วเพราะสู้แบรนด์ญี่ปุ่นไม่ได้
แบตตารี่&เมมโมรี่การ์ด... จ้าง OEM
ไม่เหลืองานอะไรที่ทำเอง,ทำเงิน เป็นชิ้นเป็นอันเลยครับ

เห็นด้วยกับพี่ซุนเซ๊กครับ อะไรที่เป็นจุดขายของโกดักในปัจจุบันครับ

[sakkaphan]

ในโลกธุรกิจมีวลีหนึ่งเคยได้ยินกันมั้ยครับ "Adapt... or die"

[picatos]

เคสของโกดักที่ผมชอบที่สุด คือ ตอนที่ Kodak ไปทำ Exclusive กับ Costco กีดกันไม่ให้ ฟูจิ Access ตลาด US เลยเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามราคา...

ในมุมของนักลงทุนที่มองธุรกิจค้าปลีก คงจะคิดว่าการที่บริษัทฯ ที่เราลงทุนได้ Exclusive กับที่นู้นที่นี่น่าจะเป็นผลดี เป็นคูเมือง เป็น Barrier to Entry แต่ในเคสของโกดักกลับไม่ใช่ นั่นกลับเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะแทน

เคสนี้ทำให้ผมระมัดระวังเวลาวิเคราะห์ DCA ของกิจการมากยิ่งขึ้นอีกเยอะเลยครับ...

[chukieat30]

เคสของโกดักที่ผมชอบที่สุด คือ ตอนที่ Kodak ไปทำ Exclusive กับ Costco กีดกันไม่ให้ ฟูจิ Access ตลาด US เลยเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามราคา...

ในมุมของนักลงทุนที่มองธุรกิจค้าปลีก คงจะคิดว่าการที่บริษัทฯ ที่เราลงทุนได้ Exclusive กับที่นู้นที่นี่น่าจะเป็นผลดี เป็นคูเมือง เป็น Barrier to Entry แต่ในเคสของโกดักกลับไม่ใช่ นั่นกลับเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะแทน

เคสนี้ทำให้ผมระมัดระวังเวลาวิเคราะห์ DCA ของกิจการมากยิ่งขึ้นอีกเยอะเลยครับ...

+1 ครับ อะไรที่สงครามราคาเกิด คนทำแข่งได้ ก้ต้องแข่งกันลดราคา กำไรก้ลดลง

ทางที่ดี กิจการควรเป็น กิจการที่เน้นเฉพาะ กลุ่มจะดีกว่า

ธุรกิจที่รายใหญ่ ไม่เล่น หรือ รายใหญ่เล่นไม่ได้เพราะ เป็นลูกค้าคนละกลุ่ม

ผมว่า รายย่อย หรือกิจการก้จะแ่บ่งเค๊กมาได้ครับ

[กูรูขอบสนาม]

เคยเล่าเรื่องราวของอดีตยักษ์ใหญ๋ Kodak ไว้ในกระทู้หนึ่งนานมากมาแล้ว
แต่คิดว่าน่าจะยังไม่ล้าสมัย
ถ้าเราได้กลับดูสาเหตุของความล้มเหลวครั้งนี้

เมื่อพูดถึง Kodak กับชาวเมืองโรเชสเตอร์ มลรัฐนิวยอร์ด
ใครๆก็เชิดหน้าภูมิใจว่านี่คือ คุณพ่อสุดที่รักของพวกเรา
คุณพ่อที่อุ้มดูปูเสื่อ ให้การศึกษา ให้งานเราทำ ให้เงินเราใช้
คุณพ่อผู้เป็นสัญญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ในเมืองนี้
สมาชิกอย่างน้อย 1 คนในครอบครัวประชากรโรเชสเตอร์ทำงานที่ Kodak

การเป็นพนักงาน Kodak มีความหมายมหาศาล (พอๆกับเลือดน้ำเงินของชาว IBM)
นั่นหมายถึงอนาคตที่หมดห่วง เพราะมีงานทำจนเกษียณ
มีรายได้ตอบแทนเหนือกว่าเกณฑ์เฉลี่ย
ไม่นับโบนัสปลายปีมาพร้อมกับ Santa Kodak
สิทธิพิเศษต่างๆทางด้านสวัสดิการและสมาชิกคันทรี คลับ เลิศหรู
ทุกคนทำงาน สบายๆ 9 -5 นาฬิกา
หากทำงานนอกเวลานั้นก็มี OT ตอบแทนสาสม

ในด้านผลิตภัณฑ์เองเล่าก็เป็นผู้นำทางฟิลม์อันดับหนึ่ง
แม้มียักษ์ฟูจิตามมาติดๆแต่ก็ไม่น่ากังวลหรอก
อย่างไรเสีย ญี่ปุ่นก็แค่ญี่ปุ่น ไม่มีทางมาตีตลาดมะกันได้
หนังโฆษณา Kodak ทุกเรื่องแทบทำให้คนดูน้ำซึมไปกับการเล่าเรื่อง
อดีตและความทรงจำอันสวยงามของผู้คน
ตั้งแต่ลูกถือกำเนิดตีนเท่าฝาหอย จนโตเป็นเด็กสาวปอม ปอม เกิร์ล
ถัดมาอีกสักพักก็เป็นเจ้าสาวแสนสวย แล้วก็ท้องป่องกลายเป็นคุณแม่
มีหลานตีนเท่าฝาหอยเกิดมาอีก วนเวียนซาบซึ้งไปมา
ว่าแล้ว เราก็หรู เริด เชิด หยิ่งไปตามใจเชิบ..เชิบ

มหันตภัยเงียบมาเยือนไม่รู้ตัว เพราะมัวแต่ซาบซึ้งเรื่องเก่าๆโรแมนติค
คู่แข่งรายใหม่ที่ย่ำกรายในปริมณฑลของการถ่ายภาพ
ม้นไม่ใช่ฟิล์มสีอีกแล้ว
หากคือเทคโนโลยีดิจิตอลที่นำไปประยุกต์ในกล้องถ่ายรูปไม่ต้องใช้ฟิล์ม ( Filmless Camera)
ถ่ายภาพปุ๊บ เห็นทันที ล้างลบออกก็ง่าย ไม่ต้องเสียเวลา
ไม่ต้องซื้อฟิล์ม ไม่ต้องรอล้างฟิล์ม
เอาล่ะซิ คุณพ่อ Kodak มัวแต่สั่งให้ลูกๆพัฒนาฟิล์มสีคุณภาพดียิ่งขึ้นๆ
จนลืมมองข้างนอกว่า เทคโนโลยีได้เปลี่ยนไปแล้ว
ฟิล์มสีสวยสด ถ่ายรูปสมจริง กลายเป็นสิ่งตกยุค ตกสมัย
ความจริงคุณพ่อ Kodak ก็เห็น
ใช่ว่าจะมืดบอด แผนก R &D ออกใหญ่โต
แต่คงคิดว่า นั่นเป็นการถ่ายภาพแบบโก้เก๋ ไม่ได้ใช้งานจริง
หรือถ้าพัฒนากล้องดิจิตอลขึ้นมาแล้ว
อุ๊ยโหย๋ย ก็มากินตลาดฟิล์มลูกรักสุดหวงน่ะซิ ทำไปได้อย่างไร
ว่าแล้วก็ใจเย็น วางเฉยไว้ก่อน
มันเป็นแค่แฟชั่นนะ แฟชั่น เดี๋ยวก็ไปแล้ว

แต่กล้องไร้ฟิล์มโก้เก๋ เป็นแฟชั่นระยะยาวเสียแล้ว
จำนวนกล้องที่ขายได้มากขึ้นๆ พอๆจำนวนสั่งซื้อฟิล์มสีที่น้อยลงๆ
นั่นคือจุดเริ่มต้นอวสานคุณพ่อ Kodak

กำไรที่ลดลงจนต้องขายกิจการที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปเพื่อรักษากระแสเงินสด
(บริษัทเวชภัณฑ์ Sterling Drug/ ผลิตภัณฑ์ Consumer Household L&F)
เริ่มบ่งบอกอาการอ่อนแอของคุณพ่อที่เห็นชัดขึ้นทีละน้อยๆ
ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้กระเป๋าเงินคุณพ่อพองขึ้นมาเลย
เมื่อเริ่มต้นพัฒนากล้อง Digital ออกสู่ตลาด ก็วายไปแล้ว

ทุกวันนี้จากหุ้นที่เคยสูงสุดถึง 90 กว่าเหรียญ เหลือเพียงแค่เท่าไหร่ล่ะ...(ฝากดูให้ด้วยครับ)

ในวิกฤตย่อมมีโอกาส
ครานี้จะกล่าวถึงบริษัทลูกนอกคอกของคุณพ่อ Kodak
Eastman Chemical เป็นบริษัทผู้ผลิตสารเคมี
เพื่อใช้ในงานผลิตฟิล์มถ่ายภาพและป้อนบริษัทอื่นๆในเครือ
ตั้งอยู่ที่ Kingsport มลรัฐเทนเนซซี่
ห่างไกลจากคฤหาสน์เมืองผู้ดีของคุณพ่อเป็นโยชน์
ลูกกลุ่มนี้เลยมีเลือดกบฎอยู่บ้าง

โดยอุปนิสัยของคนทำงานชาวใต้ ชาว Kingsport ทุกคนทำงานหนัก
ทุ่มเท ขยันขันแข็ง งานเป็นงาน เล่นก็เป็นงาน งานทั้งชีวิต
ประหยัด อดทน อึด (คุณสมบัติหลังนี้จำเป็นมาก)
ไม่มีหรอก Vacation หรูๆ ปาร์ตี้เรือยอร์ช
หรือใช้ชีวิตสุดสัปดาห์ที่ Country Club แบบชาวโรเชสเตอร์
นั่นคือการใช้ชีวิตแบบบารอนหลงยุค ว่าเข้านั่น

แน่นอนในสายตาของชาว Kodak ที่โรเชสเตอร์
ย่อมมองชาว Eastman Chemical เป็นลูกบ้านนอก
เชย ทึ่ม ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ ดีตรงขยันทำงานเป็นวัวควาย
เพราะฉะนั้นเอาไว้สั่งงานอย่างเดียว

หาไม่รู้ไม่ ลูกบ้านนอกกลุ่มนี้ก็แสนจะอึดอัด
กับวิธีทำงานแบบลูกผู้ดีที่โรเชสเตอร์เหลือเกิน
เสนออะไรไปก็โดนปัด คิดอะไรใหม่ๆให้ก็บอกให้ชะลอไว้ก่อน
ถูกกดมากๆก็ฮึดขึ้นมา ก่ออารยะขัดขืน ขอแยกตัวออกมาจากบริษัทแม่
ในลักษณะของ Employee Buy Out (EBO)
จากพลังรวมใจพนักงานทั้งหมด ในปี 1994
ขณะที่บริษัทคุณพ่อกำลังประสบปัญหาการเงิน
ไม่สามารถเกื้อหนุนลูกๆทั้งหลายได้อีกต่อไป
วันต่อวันได้แต่จัดการขายมรดกเก่าเก็บเลี้ยงชีพ พร้อมแผนโละคนออก

Eastman Chemical ฝ่าด่านอรหันต์ออกมา ทนร้อน ทนหนาว
ดำเนินธุรกิจด้วยพนักงานกันเอง ไร้คุณพ่อคอยกุมบังเหียนและสั่งการ
ทดลองบทเรียนบริหารใหม่ๆผิดพลาด พลั้งไป
แต่ก็แก้ตัวได้และเรียนรู้จนเก่งกล้า ประสบความสำเร็จติดอันดับ Fortune 500
ด้วยยอดขาย $ 7.5 พันล้านเหรียญ ในปี 2006 มีพนักงาน 11,000 คน

นับเป็นความกล้าหาญของผู้บริหารบริษัทบ้านนอกขณะนั้น
หากยังเกาะติดกระเตงกับคุณพ่อ Kodak อยู่ล่ะก้อ
มีหวังถูกยุบหรือไม่ก็ขายทิ้ง
ความสำเร็จของลูกกบฎปรากฏยกย่องในวิกีดังนี้


Quote:
In January 2008, Corporate Responsibility Officer Magazine (CRO) named Eastman one of the five best corporate citizens
among chemical companies in the U.S.[1]
Eastman was also ranked 64th in CRO magazine's list of 100 Best Corporate Citizens for 2008. [2]


ทิ้งอดีตที่เคยรุ่งเรือง มองมุ่งไปข้างหน้า
จึงทำให้ Eastman Chemical มีวันนี้ได้

[picatos]

พูดถึงเคส Kodak เรามาคุยกันเล่นๆ ดีกว่าว่าใคร เสี่ยงที่จะเป็น Kodak รายต่อไป...

Kodak โดนเทคโนโลยีเล่นงาน ดังนั้นผมถ้า Scope เป็นเรื่องเทคโนโลยี ผมว่าธุรกิจที่มีความเสี่ยงในอนาคตก็มี
- หนังสือ โดน e-book เข้ามาแทนที่
- บริษัทกล้อง digital โดนมือถือเข้ามาแทนที่
- บริษัทผลิต PC โดน Mobile Device เข้ามาแทนที่ -> Intel โดน ARM แย่งตลาดจาก PC ที่หดตัว
- TV เจอ You Tube แทนที่ -> งบ Commercial Ads โดนโยกไปที่ Digital Marketing แทน
- โทรศัพท์ การสื่อสารผ่าน voice ธุรกิจ sms ดูดวง ถูก social network เข้ามาแทนที่
- ธนาคาร ธุรกรรมทางการเงิน บัตรเครดิต โดน payment ผ่านมือถือเข้ามามากขึ้น
- มีการซื้อขายผ่านช่องทางมือถือมากขึ้น

[บูรพาไม่แพ้]

น่าสนใจดีนะครับ...ใคร? หรืออุตสาหกรรมใด? จะเป็นแบบโกดักรายต่อไป

[chukieat30]

น่าสนใจดีนะครับ...ใคร? หรืออุตสาหกรรมใด? จะเป็นแบบโกดักรายต่อไป

ผมมองไว้และ อนาคตดาวร่วงอุตสาหกรรม มีประมาณ 4ตัว

แต่ถ้าพูดชื่อเต็ม ไม่เจอเค้าฟ้องร้อง รับรองมาเอาหัวผมได้

จะเขียนว่าทำไรก้ไม่ได้ เวลาเขียนมันชอบเอียงไปหา ชื่อหรืออะไรที่ใก้ลเคียงกัน

ผมใบ้ละกัน

ตัวแรก แข่งไม่ได้เพราะ ล้าสมัย ตัวสองแข่งไม่ได้เพราะเจอแย่งตลาด

ตัวสาม แข่งไม่ได้เพราะ ผบหไม่มีการพัฒนา

ตัวสี่ แข่งไม่ได้เพราะ พื้นฐานเปลี่ยน


4ตัวนี้ ภายใน 5-10ปี ได้ เจ๊งแน่ ถ้ายังเน่าแบบนี้ ใบ้แบบนี้ปลอดภัย

[miracle]

ไม่นานหรอกครับ อีก 3 ปีเท่านั้น
เดี๋ยวก็รู้ว่าประเทศของเรานั้น บริษัทไหนอยู่หรือไป
จากคำว่า AEC นี้แหละ ถ้าปรับตัวกันตอนนี้ก็เกือบสายไปหน่อยแต่ดีกว่าไม่ปรับตัว

[chukieat30]

ไม่นานหรอกครับ อีก 3 ปีเท่านั้น
เดี๋ยวก็รู้ว่าประเทศของเรานั้น บริษัทไหนอยู่หรือไป
จากคำว่า AEC นี้แหละ ถ้าปรับตัวกันตอนนี้ก็เกือบสายไปหน่อยแต่ดีกว่าไม่ปรับตัว

ถ้าจีนเข้ามาแบบเสรี ธุรกิจ 4ตัวที่ผมนึกไว้จอดแหงๆ ทั้งเรื่องราคาผลิตภัณ และโนฮาว

ถ้าไม่ปรับตัว คงเสร็จ

[sakkaphan]

NOKIA มั้งครับ

[บูรพาไม่แพ้]

น่าสนใจดีนะครับ...ใคร? หรืออุตสาหกรรมใด? จะเป็นแบบโกดักรายต่อไป

ผมมองไว้และ อนาคตดาวร่วงอุตสาหกรรม มีประมาณ 4ตัว

แต่ถ้าพูดชื่อเต็ม ไม่เจอเค้าฟ้องร้อง รับรองมาเอาหัวผมได้

จะเขียนว่าทำไรก้ไม่ได้ เวลาเขียนมันชอบเอียงไปหา ชื่อหรืออะไรที่ใก้ลเคียงกัน

ผมใบ้ละกัน

ตัวแรก แข่งไม่ได้เพราะ ล้าสมัย ตัวสองแข่งไม่ได้เพราะเจอแย่งตลาด

ตัวสาม แข่งไม่ได้เพราะ ผบหไม่มีการพัฒนา

ตัวสี่ แข่งไม่ได้เพราะ พื้นฐานเปลี่ยน


4ตัวนี้ ภายใน 5-10ปี ได้ เจ๊งแน่ ถ้ายังเน่าแบบนี้ ใบ้แบบนี้ปลอดภัย

บอกใบ้อีกนิดเถอะครับ..ยังไม่เก็ตครับคือว่าประสาทช้ามากครับ

[ซุนเซ็ก]

ผู้ผลิตกล้องรายเล็กครับ Sanyo, Kyocera, Casio, Pentax etc.
เพราะถ้าจะใช้กล้องเล็ก ผู้บริโภคใช้มือถือถ่ายดีกว่า
ในอนาคตจะเหลือแต่ กล้องมือถือ และ กล้องกึ่งโปรขึ้นไป
แต่ส่วนมากกล้องจะเป็นแค่รายได้ส่วนหนึ่งของบ.เหล่านั้น
ยกเว้น PENTAX ที่ไม่รู้จะยืดชีวิตได้อีกนานแค่ไหน

ต่อมาคือ RIM BB นี่ล่ะครับ
ที่เสียโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ไปอย่างง่ายดาย
ช่วง BB กำลังติดตลาดอยู่นั้น มีโอกาสจะสร้างแพลทฟอร์ม touchscreen
ขึ้นมาแข่งกับ iPhone, Android ได้ง่าย เพราะมีกลุ่มลูกค้าที่พร้อมจ่าย
แต่ RIM ไม่พยายามทำ...และปัจจุบันสินค้าแฟชั่นอย่าง BB ก็ตายไปแล้ว
Playbook ก็เหมือนไม่ได้เกิด

[SurfBoy]

NOKIA มั้งครับ

เห็นด้วยครับ ถ้าโนเกียยังย่ำอยู่กับซิมเบี้ยน&Navi ต่อไปเรื่อยๆคงไม่รอดแน่ๆ

เสนอ NVIDIA อีกบริษัท ที่ตอนนี้ market share โดนทะลวงไปเรื่อยๆ

เนื่องจากสองบริษัทผู้ผลิต cpu รายใหญ่ต่างพัฒนาการ์ดจอของตัวเอง

โดยเฉพาะ AMD ไปควบกิจการของ ATI มา