Case study : เรื่องควรรู้เมื่อ"เฟซบุ๊ก" ออกไอพีโอ
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 531
- ผู้ติดตาม: 0
Case study : เรื่องควรรู้เมื่อ"เฟซบุ๊ก" ออกไอพีโอ
โพสต์ที่ 1
มาลองวิเคราะห์กันดูคับ ถึงเรื่องธุรกิจโมเดลของ fb ที่จะออก ipo ในเมกา
ว่าจะประสบความสำเร็จแค่ไหน?
1.รายได้มาจากไหน?
2.ต้นทุนคืออะไร?
3.ค่าใช้จ่ายมีอะไรบ้าง?
4.กระแสเงินสด กำไร มีแนวโน้มเป็นอย่างไร?
5.แรงจูงใจของเจ้าของคืออะไร?
6.ความได้เปรียบเชิงแข่งขัน?
7.แนวโน้มของธุรกิจในระยะยาว?
8.คู่แข่ง?
ฯลฯ
5 เรื่องควรรู้เมื่อ"เฟซบุ๊ก" ออกไอพีโอ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 31 มกราคม 2555 07:14
โลกจับตาการทำไอพีโอของเฟซบุ๊คที่คาดว่าจะเป็นวันพรุ่งนี้นิตยสารฟอร์บส์จึงแนะ 5 เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับบ.สื่อสังคมออนไลน์ชื่อดังแห่งนี้
ข่าววงในจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ระบุว่า เว็บไซต์เครือข่ายสังคมสุดฮ็อต "เฟซบุ๊ก" มีแผนจะเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ โดยอาจมีมูลค่าอยู่ระหว่าง 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ถึง 1 แสนล้านดอลลาร์
ขณะที่นักลงทุนและนักธุรกิจในสหรัฐฯ ก็กำลังจับตามองความเคลื่อนไหวนี้อย่างใกล้ชิด โดยหลายฝ่ายเชื่อว่า การขายหุ้นไอพีโอของเฟซบุ๊ก จะทำวงการธุรกิจและตลาดหลักทรัพย์กลับมาคึกคักอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม นิตยสารฟอร์บส์ เสนอแนะ 5 เรื่องที่นักลงทุนควรรู้ เมื่อเว็บเครือข่ายสังคมอันดับ 1 ของโลกเดินหน้าขายหุ้นไอพีโอ เพื่อจะได้รู้ข้อมูลที่อาจไม่เคยรู้ และถือเป็นการทำความรู้จักกับบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่ทำรายได้ 3.8 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
เรื่องแรก เฟซบุ๊กทำกำไรจากไหน? คำถามนี้ตอบยาก เพราะเราไม่สามารถฟันธงตัวเลขกำไรของเฟซบุ๊กที่น่าเชื่อถือได้เป๊ะๆ เนื่องจากต้องอาศัยแนวโน้ม ดังนั้น จึงต้องใช้การตัดสินใจเป็นหลัก เพื่อจะประเมินว่า มูลค่าเฟซบุ๊กจะแตะหลัก 1 แสนล้านดอลลาร์อย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์หรือไม่
ในขณะที่วอลล์สตรีท เจอร์นัล ระบุว่า อาจอยู่ที่ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าภาวะตลาดหุ้น ณ ช่วงเวลาที่เฟซบุ๊คเริ่มขายหุ้นด้วยว่าจะเป็นอย่างไร
เรื่องต่อมา ยอดขายส่วนใหญ่ของเฟซบุ๊กมาจากอะไร แน่นอนว่ารายได้หลักๆ มาจากโฆษณา แต่หากเฟซบุ๊กต้องการทำเงินเป็นกอบเป็นกำ ก็ควรหาเงินจากระบบชำระเงิน หรือรายได้จากสินค้าเสมือน ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น มากกว่าาการพึ่งพาโฆษณาเป็นแหล่งรายได้เพียงอย่างเดียว
เรื่องที่ 3 โฆษณาประเภทไหนที่ฉุดดึงรายได้ของเฟซบุ๊ก คำถามนี้ก็ตอบได้ค่อนข้างยากเหมือนกัน เพราะใช่ว่าจะวัดรายได้จากโฆษณาของเฟซบุ๊กตามแบนเนอร์ขนาดมาตรฐานได้ง่ายๆ เนื่องจากโฆษณาบางชิ้น วัดจากผลตอบรับโดยตรงของผู้บริโภค อาทิเช่น การสมัครรับบริการ หรือซื้อสินค้า คล้ายโฆษณาจากการสืบค้น หากรายได้ส่วนใหญ่ของเฟซบุ๊กมาจากโฆษณาเหล่านี้ ก็หมายความว่า เครือข่ายสังคมแห่งนี้ เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ "กูเกิล" รวมถึงเครือข่ายอื่นๆ ซึ่งโฆษณาบางชิ้นมีราคาค่อนข้างถูก
ยิ่งกว่านั้น หาก "ซิงก้า" (Zynga) ผู้ผลิตเกมบนเฟซบุ๊กเปลี่ยนใจ หันมาจับส่วนที่เป็นรายได้สำคัญของเว็บเครือข่ายสังคมอันดับ 1 อาจหมายถึงสัญญาณอันตรายสำหรับนักลงทุน ซึ่งต้องการฐานลูกค้าที่กว้างมากกว่า
ในทางกลับกัน หากสัดส่วนรายได้ของเฟซบุ๊ก มาจากการโฆษณาตามกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ โดยตั้งเงื่อนไขจากข้อมูลของผู้ใช้ (social ads) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเฟซบุ๊ก ก็จะทำให้นักลงทุนเกิดแรงจูงใจและมีกำลังใจที่จะเข้าไปซื้อหุ้นมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อบริษัทเผยว่ามีแบรนด์ใหญ่ๆอะไรบ้างที่เข้ามาซื้อโฆษณาของบริษัท ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น สิ่งนี้อาจเป็นตัวบ่งชี้ว่า เฟซบุ๊ค กำลังดึงดูดรายได้จากงบโฆษณาทางโทรทัศน์ที่มีมูลค่ามหาศาล
เรื่องที่ 4 ต้นทุนเพิ่มขึ้นรวดเร็วแค่ไหน เพราะใครๆ ก็รู้กันดีว่า "มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก" ซีอีโอหนุ่มไฟแรงจ้างพนักงานเป็นเบือ เพื่อรับมือกับการเติบโตอย่างรวดเร็ว จนต้องย้ายออฟฟิศไปอยู่ที่เมนโล ปาร์ค ในแคลิฟอร์เนีย นักลงทุนจึงสนใจว่า เฟซบุ๊กจะทำกำไรเพิ่มได้รวดเร็วกว่าควักจ่ายต้นทุนหรือไม่
เรื่องสุดท้าย คือ เฟซบุ๊กจะทำอะไรกับเงินที่ได้มา บริษัทน่าจะมีเหตุผลอยู่ในใจ อาทิ นำไปขยายธุรกิจ แต่หากได้เงินเป็นกอบเป็นกำ เฟซบุ๊กอาจจะสนใจที่จะควบรวมกิจการเพิ่มเติมหรือพุ่งเป้าดีลขนาดใหญ่ เพราะเมื่อมีเงินในมือเพิ่มขึ้นถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ก็หมายความว่า บริษัทมีทางเลือกที่จะขยายธุรกิจเพิ่มขึ้น
ไม่ว่าผลการขายหุ้นไอพีโอของเฟซบุ๊คจะหวือหวาสมกับที่หลายคนจับตามองหรือไม่ แต่ก่อนเปิดขาย นายรูเพิร์ต เมอร์ดอค เจ้าพ่อวงการสื่อระดับตำนานของอเมริกา ก็เจิมหน้าร้านให้แต่เนิ่นๆ ด้วยการออกมาพูดจาชื่นชมและแสดงความยินดีผ่านทวิตเตอร์ว่า "เฟซบุ๊คประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด ส่วนมูลค่า 75,000-100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้นหากทำได้ ก็จะทำให้บริษัทใหญ่อย่างแอปเปิล ดูมีมูลค่าน้อยไปถนัดตาเลยทีเดียว"
ว่าจะประสบความสำเร็จแค่ไหน?
1.รายได้มาจากไหน?
2.ต้นทุนคืออะไร?
3.ค่าใช้จ่ายมีอะไรบ้าง?
4.กระแสเงินสด กำไร มีแนวโน้มเป็นอย่างไร?
5.แรงจูงใจของเจ้าของคืออะไร?
6.ความได้เปรียบเชิงแข่งขัน?
7.แนวโน้มของธุรกิจในระยะยาว?
8.คู่แข่ง?
ฯลฯ
5 เรื่องควรรู้เมื่อ"เฟซบุ๊ก" ออกไอพีโอ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 31 มกราคม 2555 07:14
โลกจับตาการทำไอพีโอของเฟซบุ๊คที่คาดว่าจะเป็นวันพรุ่งนี้นิตยสารฟอร์บส์จึงแนะ 5 เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับบ.สื่อสังคมออนไลน์ชื่อดังแห่งนี้
ข่าววงในจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ระบุว่า เว็บไซต์เครือข่ายสังคมสุดฮ็อต "เฟซบุ๊ก" มีแผนจะเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ โดยอาจมีมูลค่าอยู่ระหว่าง 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ถึง 1 แสนล้านดอลลาร์
ขณะที่นักลงทุนและนักธุรกิจในสหรัฐฯ ก็กำลังจับตามองความเคลื่อนไหวนี้อย่างใกล้ชิด โดยหลายฝ่ายเชื่อว่า การขายหุ้นไอพีโอของเฟซบุ๊ก จะทำวงการธุรกิจและตลาดหลักทรัพย์กลับมาคึกคักอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม นิตยสารฟอร์บส์ เสนอแนะ 5 เรื่องที่นักลงทุนควรรู้ เมื่อเว็บเครือข่ายสังคมอันดับ 1 ของโลกเดินหน้าขายหุ้นไอพีโอ เพื่อจะได้รู้ข้อมูลที่อาจไม่เคยรู้ และถือเป็นการทำความรู้จักกับบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่ทำรายได้ 3.8 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
เรื่องแรก เฟซบุ๊กทำกำไรจากไหน? คำถามนี้ตอบยาก เพราะเราไม่สามารถฟันธงตัวเลขกำไรของเฟซบุ๊กที่น่าเชื่อถือได้เป๊ะๆ เนื่องจากต้องอาศัยแนวโน้ม ดังนั้น จึงต้องใช้การตัดสินใจเป็นหลัก เพื่อจะประเมินว่า มูลค่าเฟซบุ๊กจะแตะหลัก 1 แสนล้านดอลลาร์อย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์หรือไม่
ในขณะที่วอลล์สตรีท เจอร์นัล ระบุว่า อาจอยู่ที่ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าภาวะตลาดหุ้น ณ ช่วงเวลาที่เฟซบุ๊คเริ่มขายหุ้นด้วยว่าจะเป็นอย่างไร
เรื่องต่อมา ยอดขายส่วนใหญ่ของเฟซบุ๊กมาจากอะไร แน่นอนว่ารายได้หลักๆ มาจากโฆษณา แต่หากเฟซบุ๊กต้องการทำเงินเป็นกอบเป็นกำ ก็ควรหาเงินจากระบบชำระเงิน หรือรายได้จากสินค้าเสมือน ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น มากกว่าาการพึ่งพาโฆษณาเป็นแหล่งรายได้เพียงอย่างเดียว
เรื่องที่ 3 โฆษณาประเภทไหนที่ฉุดดึงรายได้ของเฟซบุ๊ก คำถามนี้ก็ตอบได้ค่อนข้างยากเหมือนกัน เพราะใช่ว่าจะวัดรายได้จากโฆษณาของเฟซบุ๊กตามแบนเนอร์ขนาดมาตรฐานได้ง่ายๆ เนื่องจากโฆษณาบางชิ้น วัดจากผลตอบรับโดยตรงของผู้บริโภค อาทิเช่น การสมัครรับบริการ หรือซื้อสินค้า คล้ายโฆษณาจากการสืบค้น หากรายได้ส่วนใหญ่ของเฟซบุ๊กมาจากโฆษณาเหล่านี้ ก็หมายความว่า เครือข่ายสังคมแห่งนี้ เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ "กูเกิล" รวมถึงเครือข่ายอื่นๆ ซึ่งโฆษณาบางชิ้นมีราคาค่อนข้างถูก
ยิ่งกว่านั้น หาก "ซิงก้า" (Zynga) ผู้ผลิตเกมบนเฟซบุ๊กเปลี่ยนใจ หันมาจับส่วนที่เป็นรายได้สำคัญของเว็บเครือข่ายสังคมอันดับ 1 อาจหมายถึงสัญญาณอันตรายสำหรับนักลงทุน ซึ่งต้องการฐานลูกค้าที่กว้างมากกว่า
ในทางกลับกัน หากสัดส่วนรายได้ของเฟซบุ๊ก มาจากการโฆษณาตามกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ โดยตั้งเงื่อนไขจากข้อมูลของผู้ใช้ (social ads) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเฟซบุ๊ก ก็จะทำให้นักลงทุนเกิดแรงจูงใจและมีกำลังใจที่จะเข้าไปซื้อหุ้นมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อบริษัทเผยว่ามีแบรนด์ใหญ่ๆอะไรบ้างที่เข้ามาซื้อโฆษณาของบริษัท ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น สิ่งนี้อาจเป็นตัวบ่งชี้ว่า เฟซบุ๊ค กำลังดึงดูดรายได้จากงบโฆษณาทางโทรทัศน์ที่มีมูลค่ามหาศาล
เรื่องที่ 4 ต้นทุนเพิ่มขึ้นรวดเร็วแค่ไหน เพราะใครๆ ก็รู้กันดีว่า "มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก" ซีอีโอหนุ่มไฟแรงจ้างพนักงานเป็นเบือ เพื่อรับมือกับการเติบโตอย่างรวดเร็ว จนต้องย้ายออฟฟิศไปอยู่ที่เมนโล ปาร์ค ในแคลิฟอร์เนีย นักลงทุนจึงสนใจว่า เฟซบุ๊กจะทำกำไรเพิ่มได้รวดเร็วกว่าควักจ่ายต้นทุนหรือไม่
เรื่องสุดท้าย คือ เฟซบุ๊กจะทำอะไรกับเงินที่ได้มา บริษัทน่าจะมีเหตุผลอยู่ในใจ อาทิ นำไปขยายธุรกิจ แต่หากได้เงินเป็นกอบเป็นกำ เฟซบุ๊กอาจจะสนใจที่จะควบรวมกิจการเพิ่มเติมหรือพุ่งเป้าดีลขนาดใหญ่ เพราะเมื่อมีเงินในมือเพิ่มขึ้นถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ก็หมายความว่า บริษัทมีทางเลือกที่จะขยายธุรกิจเพิ่มขึ้น
ไม่ว่าผลการขายหุ้นไอพีโอของเฟซบุ๊คจะหวือหวาสมกับที่หลายคนจับตามองหรือไม่ แต่ก่อนเปิดขาย นายรูเพิร์ต เมอร์ดอค เจ้าพ่อวงการสื่อระดับตำนานของอเมริกา ก็เจิมหน้าร้านให้แต่เนิ่นๆ ด้วยการออกมาพูดจาชื่นชมและแสดงความยินดีผ่านทวิตเตอร์ว่า "เฟซบุ๊คประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด ส่วนมูลค่า 75,000-100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้นหากทำได้ ก็จะทำให้บริษัทใหญ่อย่างแอปเปิล ดูมีมูลค่าน้อยไปถนัดตาเลยทีเดียว"
-
- Verified User
- โพสต์: 231
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Case study : เรื่องควรรู้เมื่อ"เฟซบุ๊ก" ออกไอพีโอ
โพสต์ที่ 2
ขอบคุณคุณ Tibular ครับ สำหรับรายละเอียดในการหารายได้ของ facebook ครับ.
กำลังตามเรื่อง facebook เหมือนกันครับ ตอนนี้ข่าว WSJ มาคุยกันว่าว่าหาก Facebook IPO แล้วจะ ใช้ ticker ว่าอะไร NERD, FCBK, LIKE, etc.
กำลังตามเรื่อง facebook เหมือนกันครับ ตอนนี้ข่าว WSJ มาคุยกันว่าว่าหาก Facebook IPO แล้วจะ ใช้ ticker ว่าอะไร NERD, FCBK, LIKE, etc.
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Case study : เรื่องควรรู้เมื่อ"เฟซบุ๊ก" ออกไอพีโอ
โพสต์ที่ 4
ถ้ามองในมุม digital marketing ผมว่าเป็นคนละตลาดกันนะครับhalogen เขียน:มองว่า น่าจะสู้ google ในระยะยาวลำบาก เพราะส่วนมาก คนเข้าไปคุยกับ มากกว่า ที่จะ search ค้นหาสินค้า หรือ ดูรีวิว สินค้า
ความเห็นส่วนตัวนะครับ
อันนึง คนมีความต้องการที่จะหาอะไรสักอย่าง แล้วเข้าไปหา
อีกอันนึง ไม่ได้หาอะไรเป็นพิเศษ แต่มีคนนำเสนอสินค้าที่ตรงกับ life style พอดี เลยใช้บริการซะ
ถ้าจะให้ดี... ซื้อมันทั้งคู่ในราคาที่เรายอมรับได้ดีกว่าครับ... ยังไง digital marketing ก็จะกลายเป็นการตลาดกระแสหลักในอนาคตแน่ๆ ครับ (ผมว่า)
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?